Categories
ECONOMY

รัฐบาลเดินหน้าฟื้นฟูประเทศ 3 เดือน ลดรายจ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา เสริมขีดความสามารถให้กับประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าในระหว่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในช่วงไตรมาส 4 โครงการนี้จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มช่องทางการซื้อขาย ซึ่งเป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายที่ประชาชนจับต้องได้ในช่วงเวลานี้ จัดทำ 3 โครงการร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน


     นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ได้จัดทำโครงการฯ ด้วยแนวความคิดตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือแบ่งเบา ผู้ประกอบการรายเล็ก เติมเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน และลดภาระค่าครองชีพครั้งใหญ่ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะขับเคลื่อนโครงการฯ กำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 สิงหาคม – 20 พฤศจิกายน 2567 แบ่งเป็น 3 โครงการ ดังนี้ 


 1. ลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็ก จะร่วมกับภาครัฐทุกกระทรวง ทำการลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด กว่า 30,000 แผง โดยมีตลาดที่อยู่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่สำคัญ รวมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ เจรจากับกระทรวงมหาดไทยใช้ศาลากลางจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์ประสานงาน มีพาณิชย์จังหวัดขับเคลื่อน และใช้สถานที่ท่องเที่ยว ตลาดใหญ่ ต่างๆ ทั่วประเทศ กระทรวงกลาโหมมีพื้นที่ 3,000 กว่าแห่งที่สามารถเข้าไปใช้ได้ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขายสินค้าเป็นกรณีพิเศษกระทรวงสาธารณสุขจะใช้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่ประสานงานท้องที่ และสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีรถธงฟ้า จะส่งเสริมให้ประชาชนขายผ่านรถพุ่มพวง โดยจะส่งสินค้า อาทิ หมู ไก่ น้ำตาล น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน


 2. จัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ กำหนดไว้ 4 รูปแบบ คือ 
1) ตลาดพาณิชย์ ให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 76 จังหวัด จะร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในราคาถูก อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทั้ง 76 จังหวัด ระยะเวลา 3 เดือน 
2) ตลาดนัดพาณิชย์บวกการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายเล็กได้ขายสินค้าและให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก กำหนดจัดในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ศาลากลางจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย ลานหน้าห้างค้าส่ง-ปลีก ลานหน้าห้างท้องถิ่น หมู่บ้านจัดสรร 
3) ตลาดพาณิชย์ บวกธงฟ้า และหอการค้าแฟร์ จะเป็นงานใหญ่ ลดทั้งจังหวัด 
4) ตลาดพาณิชย์เคลื่อนที่ บวกรถโมบายธงฟ้า จะส่งเข้าถึงพื้นที่ชุมชนห่างไกลทั่วประเทศ


    3. ร่วมมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ภายใต้ Campaign “ลดกระหน่ำทั้งประเทศ” และในช่วงเทศกาล โดยมีผู้ประกอบการเอกชนพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการส่วนนี้กับรัฐบาล 
ประเมินลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้ 7,000 ล้านบาท


    หลังจากวันที่ 20 สิงหาคม 2567 จะเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ กระทรวงต่างๆ ภาคเอกชนและสมาคมต่างๆ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้า ยูนิลิเวอร์ ไทยเบฟเวอเรจ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยให้ไม่กระทบกับร้านค้ารายย่อย และจะดึงร้านค้ารายย่อยให้มีส่วนร่วมในโครงการฯ “ประเมินขั้นต้นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท จะเป็นพื้นฐานก่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออก ให้ประชาชนสามารถเพิ่มการลงทุน ค้าขายได้ทั่วประเทศ ถือเป็นมติให้ดำเนินการและกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานทั้งหมด” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME