
เวียดนามตั้งเป้าใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง 100% ภายในปี 2035
กระทรวงศึกษาธิการเวียดนามเดินหน้าพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียน
ฮานอย, เวียดนาม 15 มีนาคม 2568 – กระทรวงศึกษาธิการและการฝึกอบรมของเวียดนาม (MoET) ประกาศเป้าหมายให้ ‘วิชาศึกษาทั่วไป’ (GenEd) ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง 100% ภายในปี 2035 พร้อมวางแนวทางพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอนตั้งแต่ปี 2025-2035 โดยมีแผนยุทธศาสตร์ขยายวิสัยทัศน์ถึงปี 2045
แผนการดังกล่าวมีเป้าหมายให้ภาษาอังกฤษถูกนำมาใช้ในโรงเรียนทุกแห่งที่ใช้ภาษาเวียดนามเป็นภาษาหลัก โดยภาษาจะถูกใช้สื่อสารอย่างแพร่หลายทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน และการวิจัย พร้อมกำหนดระดับการเรียนภาษาอังกฤษเป็น 6 ระดับ เพื่อให้มั่นใจว่านักเรียนทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนภาษาอังกฤษในระดับที่เหมาะสม
เป้าหมายหลักของโครงการ
ระดับก่อนวัยเรียน
- ภายในปี 2035 โรงเรียนอนุบาลทุกแห่งจะต้องจัดสอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองให้กับเด็กอายุ 3-5 ปี ให้ครอบคลุม 100%
- ภายในปี 2045 ภาษาอังกฤษจะเป็นภาษาที่สองในทุกระดับการศึกษา รวมถึงสถานศึกษาระดับอนุบาลและเนอสเซอรี่
ระดับการศึกษาภาคบังคับ (ประถมศึกษา – มัธยมศึกษา)
- ภายในปี 2035 นักเรียนทุกคนจะเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตรระดับ 1, 2 และ 3
- ภายในปี 2045 โรงเรียนทุกแห่งจะสอนภาษาอังกฤษระดับ 4, 5 และ 6 เพื่อเสริมสร้างทักษะที่สูงขึ้น
ระดับมหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษา
- ทุกมหาวิทยาลัยจะต้องเปิดสอนภาษาอังกฤษระดับ 4, 5 และ 6 ในฐานะภาษาที่สอง
- สถาบันอาชีวศึกษาอย่างน้อย 50% จะต้องเปิดสอนวิชาอื่นๆ หรือบางส่วนของหลักสูตรเป็นภาษาอังกฤษ
แนวทางพัฒนาการศึกษาและระบบสนับสนุนครู
กระทรวงศึกษาธิการเวียดนามยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากร โดยมีแผน:
- ปรับปรุงกรอบการเรียนการสอนและพัฒนาหลักสูตรภาษาอังกฤษ
- ฝึกอบรมและพัฒนาครูภาษาอังกฤษให้เพียงพอต่อความต้องการ
- จัดหา ตำราเรียน สื่อการเรียนรู้ และเทคโนโลยีสนับสนุน เพื่อช่วยพัฒนาการเรียนการสอน
- ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้
มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษา
ฝั่มหง็อกตวง รองรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “โครงการนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของระบบการศึกษาเวียดนาม โดยภาษาอังกฤษจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ประเทศสามารถบูรณาการสู่เศรษฐกิจโลกได้ง่ายขึ้น”
รองศาสตราจารย์ เหงียนวันเตรา รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาแห่งชาติฮานอย เสริมว่า “โครงการนี้ต้องกำหนดบทบาทและแนวทางของระบบอุดมศึกษาให้ชัดเจน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาศาสตร์ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาครูและระบบการเรียนรู้”
ด้าน ดร.เหงียนทันห์บิ่ญ จากมหาวิทยาลัยการศึกษานครโฮจิมินห์ ได้เน้นย้ำว่า “โครงการนี้ควรให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมในการเข้าถึงของนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล และลดความเหลื่อมล้ำในคุณสมบัติของครูทั่วประเทศ”
แผนปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
กระทรวงศึกษาธิการเวียดนามได้ดำเนินการทดสอบโครงการนำร่องในมหาวิทยาลัยและโรงเรียนบางแห่งแล้ว พร้อมจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและภาคส่วนต่างๆ ในการพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง
ในระยะยาว รัฐบาลวางแผน ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างการฝึกอบรมครูและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการจัดตั้งพันธมิตรด้านการศึกษาและวิจัยกับสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลก
ข้อท้าทายที่ต้องเผชิญ
แม้ว่าแผนยุทธศาสตร์นี้จะได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย แต่ยังมีประเด็นที่ต้องแก้ไข ได้แก่:
- การขาดแคลนครูที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท
- ความแตกต่างของโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาในแต่ละภูมิภาค ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ
- ความต้องการงบประมาณสูง สำหรับการพัฒนาเนื้อหาหลักสูตร การฝึกอบรมครู และการจัดหาทรัพยากรทางการศึกษา
สถิติที่เกี่ยวข้องกับโครงการ
- จำนวนโรงเรียนที่วางแผนให้สอนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองภายในปี 2035: 100% ของโรงเรียนภาคบังคับ
- เป้าหมายครอบคลุมเด็กอายุ 3-5 ปีที่เรียนภาษาอังกฤษในระดับอนุบาล: 100% ภายในปี 2035
- เป้าหมายครูที่ต้องได้รับการฝึกอบรมเพิ่มเติมเพื่อสอนภาษาอังกฤษ: มากกว่า 500,000 คน
- สัดส่วนสถาบันอาชีวศึกษาที่ต้องเปิดสอนหลักสูตรเป็นภาษาอังกฤษ: อย่างน้อย 50% ภายในปี 2045
- งบประมาณที่คาดการณ์สำหรับแผนพัฒนาภาษาอังกฤษในระบบการศึกษา: มากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงศึกษาธิการและการฝึกอบรมเวียดนาม (MoET)/ มหาวิทยาลัยการศึกษาแห่งชาติฮานอย/ มหาวิทยาลัยการศึกษานครโฮจิมินห์