Categories
FEATURED NEWS

เชียงราย-น่าน เทคโนโลยี ววน. หนุนชุมชนรับมือน้ำ

กองทุน ววน.” หนุนงานวิจัย-นวัตกรรม บูรณาการรับมือภัยน้ำ เชียงราย-น่าน ชูเทคโนโลยีสร้างความมั่นใจชุมชน

เชียงราย, 5 กรกฎาคม 2568 – รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายและน่าน กำลังได้รับความสนใจและการขับเคลื่อนเชิงรุกอย่างเป็นระบบ จากทั้งภาครัฐ นักวิชาการ และเครือข่ายวิจัยทั่วประเทศ ภายใต้การสนับสนุนจาก “กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.)” ซึ่งเดินหน้าหนุนงานวิจัยมุ่งเป้าโครงการ “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ครอบคลุมงานด้านการเตือนภัย ระบบบริหารจัดการน้ำ และการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำ

กองทุน ววน. ขับเคลื่อนทีมวิจัยปฏิบัติการ เฝ้าระวังน้ำในภาคเหนือ

สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 4,405 ครัวเรือน และพื้นที่เกษตรเสียหาย 500 ไร่ จากอิทธิพลของมรสุมและฝนสะสมติดต่อกันหลายวัน กองทุน ววน. ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและระดมนักวิจัยเชิงปฏิบัติการจากหลากหลายสถาบัน เข้าร่วมเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในพื้นที่เป้าหมาย อาทิ เชียงรายและน่าน เพื่อเสริมมาตรการรับมือภัยพิบัติของประเทศ

ผศ. ดร.อังกูร ว่องตระกูล จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยระบบเตือนภัยและแนวทางป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองเชียงราย เปิดเผยถึงการดำเนินงานว่า ทีมวิจัยของแผนงาน “น้ำมั่นคง ไม่ท่วม ไม่แล้ง” ได้ร่วมมือกับหน่วยงานรัฐและชุมชน 7 แห่งต้นน้ำกก เพื่อจัดตั้งจุดติดตามสถานการณ์น้ำสำคัญในแต่ละชุมชน สนับสนุนข้อมูลระดับน้ำในแต่ละวัน รายงานต่อศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าและเพจ “ระบบการเตือนภัยและแนวทางการป้องกันน้ำท่วม” เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์

เทคโนโลยี-นวัตกรรมยกระดับระบบเตือนภัยและการวิเคราะห์

การพัฒนาระบบแผนที่ความเสี่ยงคาดการณ์ฝนสะสมและพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษ โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) ถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของงานวิจัยเชิงยุทธศาสตร์ ภายใต้การสนับสนุนของกองทุน ววน. โดยระบบนี้สามารถเผยแพร่แผนที่เสี่ยงน้ำท่วมจากฝนสะสมรายตำบลล่วงหน้า 48 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์ Thaiwater.net และแอปพลิเคชัน Thaiwater ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังได้รับข้อมูลเตือนภัยอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ล่าสุดในจังหวัดน่าน “ระบบ Sing Command” ได้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ภายใต้การบริหารจัดการของชลประทานจังหวัดน่าน ทำงานประสานกับทีมวิจัยเพื่อวางระบบวิเคราะห์-พยากรณ์สถานการณ์น้ำและแจ้งเตือนล่วงหน้า โดยดึงข้อมูลพยากรณ์ฝนจากกรมอุตุนิยมวิทยาและข้อมูลดาวเทียมมาพัฒนาโมเดลคาดการณ์ฝนล่วงหน้า 3 วัน ก่อนถอดความเป็นภาษาง่าย ๆ ให้ประชาชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับทราบสถานการณ์ทันเวลา

การบูรณาการภาคีเครือข่ายมหาวิทยาลัย-ชุมชน ร่วมพัฒนา “แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม” เชิงลึก

รศ. ดร.สุจริต คูณธนกุลวงศ์ ผู้อำนวยการแผนงาน “น้ำมั่นคงฯ” เน้นว่า โมเดลสำเร็จในการลดผลกระทบภัยพิบัติจากน้ำท่วม คือการผลักดันให้เกิด “แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมระดับพื้นที่” ที่พัฒนาโดยทีมวิจัยร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยในเชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น และชัยภูมิ เชื่อมโยงกับการจัดทำพิมพ์เขียว (Blueprint) การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมืองผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมชุมชน และการใช้เทคโนโลยีทันสมัย เช่น เซนเซอร์ IoT ระบบอัตโนมัติ การจำลองน้ำท่วมแบบดิจิทัล เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำท่วมได้อย่างแม่นยำในแต่ละพื้นที่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “เชียงราย” ที่ปัจจุบันมีระบบติดตามระดับน้ำแม่น้ำกก ณ สะพานแม่นาวางและสะพานพ่อขุนเป็นรายชั่วโมง ร่วมมือกับศูนย์อุทกวิทยาชลประทาน ภาคเหนือตอนบน ทำให้สามารถคาดการณ์ระดับน้ำและแจ้งเตือนอย่างทันท่วงที ช่วยสร้างความมั่นใจให้ประชาชนในพื้นที่และลดความสูญเสียจากน้ำท่วมซ้ำซาก

ถอดบทเรียนการจัดการน้ำ จากวิกฤตสู่โอกาสเปลี่ยนผ่าน

กรณีศึกษาจังหวัดเชียงรายแสดงให้เห็นว่าการบริหารจัดการน้ำต้องอาศัยความร่วมมือหลายภาคส่วน ทั้งจากรัฐบาลกลาง (ผ่านนโยบายและงบประมาณ) หน่วยงานในพื้นที่ (ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ ชลประทาน อปท.) ภาควิชาการและเครือข่ายประชาชนในท้องถิ่น ที่สำคัญคือบทบาท “กองทุน ววน.” ในการหนุนนำความรู้และนวัตกรรมมาสร้างต้นแบบระบบเตือนภัยและแผนรับมือที่ตอบโจทย์พื้นที่

ในเชิงยุทธศาสตร์ แม้เทคโนโลยีและการพยากรณ์จะช่วยลดความเสี่ยงภัยจากน้ำท่วม แต่ความท้าทายคือการถ่ายทอดและปรับใช้โมเดลเหล่านี้ให้เกิดผลลัพธ์จริงในระดับชุมชน พร้อมทั้งการจัดการข้อมูลเชิงลึก เช่น แบบจำลอง Digital Elevation Model (DEM) ที่ยังเป็นจุดอ่อนสำคัญสำหรับการพยากรณ์น้ำท่วมในบางพื้นที่ ทีมวิจัยกำลังผลักดันให้ สสน. สนับสนุนข้อมูลและเชื่อมต่อเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยน้ำในภูมิภาค

นอกจากนี้ ระบบเตือนภัยในจังหวัดน่านก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยผนวกเอาข้อมูลพยากรณ์ฝนจากหลายแหล่งมาสื่อสารกับประชาชนผ่านภาษาเข้าใจง่าย เพื่อให้การเตรียมพร้อมรับมือเป็นไปอย่างทั่วถึง มีประสิทธิภาพและทันต่อเหตุการณ์

วิเคราะห์ผลลัพธ์และทิศทางในอนาคต

จากการระดมเครือข่ายวิจัย มหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐ-ท้องถิ่น ทำให้ระบบบริหารจัดการน้ำในพื้นที่เสี่ยงภาคเหนือโดยเฉพาะเชียงรายและน่าน มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เทคโนโลยีและข้อมูลแบบเปิดช่วยลดช่องว่างการสื่อสารและเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างภูมิคุ้มกันในระยะยาวของชุมชน ลดความสูญเสียซ้ำซากจากภัยน้ำ และสร้างต้นแบบให้จังหวัดอื่นๆ

อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญคือความต่อเนื่องและความยั่งยืนของการบูรณาการทั้งในเชิงนโยบาย งบประมาณ และเครือข่ายวิชาการในพื้นที่ หากสามารถขยายผลนวัตกรรมและระบบเตือนภัยจาก “จุดนำร่อง” สู่พื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของประเทศไทยในการบริหารความเสี่ยงจากน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.)
  • สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
  • สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) Thaiwater.net
  • ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน
  • เครือข่ายงานวิจัยและทีมมหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคเหนือ
  • รายงานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำโดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News