Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กรมประมงเฝ้าระวังน้ำกก-สาย สรุปขอเลี่ยงหรือกินปลาได้

กรมประมงเข้มตั้งทีมเฉพาะกิจเฝ้าระวังสัตว์น้ำแม่น้ำกก-สาย ชี้ผลตรวจยังไม่เกินมาตรฐาน แต่ขอประชาชนเลี่ยงบริโภคชั่วคราว

เชียงราย, 2 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางความกังวลของประชาชนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ต่อสถานการณ์สารปนเปื้อนในแหล่งน้ำธรรมชาติ กรมประมงเดินหน้ายกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ตั้ง “ทีมเฉพาะกิจ” ตรวจสอบคุณภาพสัตว์น้ำข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่อง พร้อมแนะประชาชนเลี่ยงบริโภคสัตว์น้ำจากแม่น้ำสองสายนี้ชั่วคราว แม้ผลตรวจเบื้องต้นยังไม่เกินค่ามาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน

จุดเริ่มต้นของปัญหาและมาตรการรับมือ

สถานการณ์การปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแม่น้ำสายและแม่น้ำกกเริ่มกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขสำคัญ หลังมีรายงานปลาบางชนิดมีตุ่มแดงผิดปกติ รวมถึงมีประชาชนในเขตอำเภอแม่สายเกิดอาการผื่นแดงหลังใช้น้ำจากบ่อในครัวเรือน สร้างความวิตกกังวลในวงกว้าง ทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงและชาวบ้านที่อาศัยแหล่งน้ำเป็นหลัก

กรมประมงโดยนางฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดี ได้เปิดเผยถึง “แผนเฉพาะกิจตรวจติดตามและเฝ้าระวังสารปนเปื้อนสัตว์น้ำ” ในแม่น้ำสายและแม่น้ำกก ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง 4 จุดหลักทั้งในเชียงรายและเชียงใหม่ ได้แก่ บ้านโป่งนาคำ, สะพานแม่ฟ้าหลวง, หลังวัดสันธาตุถึงสบกก (เชียงราย) และชายแดนไทย-เมียนมา หมู่บ้านแก่งตุ๋ม อำเภอแม่อาย (เชียงใหม่) โดยเน้นการเก็บตัวอย่างปลาสำคัญ เช่น ปลาสร้อย ปลาซ่า ปลาค้าว และปลากด ทุก 2 สัปดาห์ ตั้งแต่พฤษภาคมถึงกันยายน 2568

ข้อมูลผลการตรวจสอบล่าสุด

จากการเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่า สารพิษสำคัญ ได้แก่ สารหนู (As), ปรอท (Hg), ตะกั่ว (Pb) และแคดเมียม (Cd) รวมถึงการตรวจเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และพยาธิวิทยาในปลายังคงอยู่ในระดับที่ “ไม่เกินค่ามาตรฐาน” ตามเกณฑ์สากล โดยเฉพาะในปลากินพืชมีการตกค้างของโลหะหนักในระดับต่ำ ส่วนปลากินเนื้อ พบค่าสารปรอทสูงกว่าปลากินพืชแต่ยังไม่เกินมาตรฐาน

กรณีปลามีตุ่มแดง จากการวินิจฉัยพบว่าเกิดจากปรสิตและเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง ไม่พบในอวัยวะภายใน และยังไม่พบการติดเชื้อไวรัส ขณะที่ผลตรวจสารปนเปื้อนในปลาทั้ง 3 รอบที่เก็บมา ยังคงต่ำกว่าค่ามาตรฐาน อันเป็นข้อมูลสำคัญยืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่ส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในวงกว้าง

คำแนะนำและการสื่อสารกับสาธารณชน

ถึงแม้ผลการตรวจสอบจะยังไม่พบอันตราย กรมประมงได้แนะนำประชาชน “หลีกเลี่ยงบริโภคสัตว์น้ำที่จับได้จากแม่น้ำสายและแม่น้ำกกในระยะนี้” เพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยเฉพาะในช่วงฤดูปลามีไข่ที่ควรให้ธรรมชาติฟื้นฟู และป้องกันการสะสมของโลหะหนักในห่วงโซ่อาหาร

พร้อมกันนี้กรมประมงยังย้ำว่าสัตว์น้ำที่จำหน่ายตามท้องตลาดส่วนใหญ่เป็นสัตว์น้ำที่มาจากการเพาะเลี้ยงในระบบปิด ไม่ใช้น้ำจากแม่น้ำทั้งสองสาย ดังนั้นประชาชนยังสามารถมั่นใจในความปลอดภัยของอาหารทะเลและสัตว์น้ำที่ซื้อบริโภคได้ตามปกติ

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและเสียงสะท้อนของชุมชน

ประมงอำเภอเชียงแสนร่วมเวทีเสวนา “ทวงคืนสายน้ำกกขอคนปลายน้ำ” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 ซึ่งจัดโดยเครือข่ายประชาชนเชียงแสน-แม่สาย และศูนย์เฝ้าระวังและตอบโต้ภัยพิบัติมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีการพูดคุยถึงมาตรการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมทั้งน้ำ พืช ดิน และสัตว์ เป็นระยะ รวมถึงแผนรับมือภัยพิบัติและการร่วมมือของรัฐ เอกชน และประชาชนในพื้นที่

เสียงสะท้อนจากคนในชุมชนระบุว่า ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อรายได้และจิตใจของผู้ประกอบอาชีพประมง ราคาปลาตกต่ำและขายยากเนื่องจากผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น แม้หน่วยงานรัฐจะเร่งชี้แจงข้อมูลและลงพื้นที่เก็บตัวอย่างเป็นระยะ แต่ความวิตกกังวลยังคงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการสะสมของสารพิษในปลากินเนื้อและความเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร

มาตรการเพิ่มเติมด้านสาธารณสุขและการติดตามผู้ได้รับผลกระทบ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจสอบกรณีประชาชนในบ้านแม่สาย ตำบลเวียงพางคำ ที่มีอาการผื่นแดงหลังใช้น้ำจากบ่อ โดยทีมแพทย์เฉพาะทางลงพื้นที่ตรวจร่างกาย เบื้องต้นพบว่าเป็นผื่นแพ้เหงื่อและยังไม่พบความผิดปกติรุนแรง พร้อมกับเก็บตัวอย่างน้ำในบ่อ 6 จุดเพื่อนำส่งตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียดเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ได้เน้นย้ำประชาชนในพื้นที่เสี่ยงหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแหล่งธรรมชาติที่ยังไม่ได้ผ่านการปรับปรุงคุณภาพ หากพบอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน แสบผิวหนัง หรืออ่อนเพลีย ให้รีบพบแพทย์ทันที

แนวทางแก้ไขและผลกระทบในระยะยาว

แม้ข้อมูลทางวิชาการในขณะนี้จะระบุว่าสารปนเปื้อนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ผู้เชี่ยวชาญเสนอว่า ควรดำเนินการเฝ้าระวังระยะยาว พร้อมเสริมความเข้มแข็งในการฟื้นฟูระบบนิเวศแหล่งน้ำ พัฒนาแผนรับมือร่วมกับภาคประชาชน และสนับสนุนงานวิจัยเพื่อประเมินผลกระทบสะสมของสารโลหะหนักในห่วงโซ่อาหาร

นอกจากนี้ ยังควรส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนทั้งด้านความรู้ การสื่อสารความเสี่ยง และสร้างทางเลือกในอาชีพให้แก่กลุ่มผู้ประกอบอาชีพประมงที่ได้รับผลกระทบ

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • กรมประมงเก็บตัวอย่างปลาทุก 2 สัปดาห์ใน 4 จุดเสี่ยงหลักตั้งแต่ พ.ค.–ก.ย. 2568
  • ผลตรวจปลากินพืช-กินเนื้อ 3 รอบ ไม่พบโลหะหนักเกินมาตรฐาน (กรมประมง)
  • กลุ่มชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพประมงในลุ่มน้ำกก-สายได้รับผลกระทบรายได้ตกต่ำ (ข้อมูลจากเครือข่ายประชาชนเชียงแสน-แม่สาย)
  • ประชาชนบ้านแม่สาย 1 หมู่ 1 พบอาการผื่นแดงหลังใช้น้ำบ่อในครัวเรือน ตรวจสอบโดย สสจ.เชียงราย รพ.แม่สาย และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมประมง
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • โรงพยาบาลแม่สาย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 เชียงราย
  • เครือข่ายประชาชนเชียงแสน-แม่สาย
  • ศูนย์เฝ้าระวังและตอบโต้ภัยพิบัติมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายโล่ง! ปลาน้ำกกปลอดภัย สารหนูในตัวปลาต้องใช้นาน 10 ปี

ประมงฯ เชียงรายยืนยัน “ปลาน้ำกกยังปลอดภัยบริโภคได้” แม้พบสารหนูในระดับต่ำ – เตรียมเฝ้าระวังระยะยาว

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – ภายหลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการพบสัตว์น้ำตายและข่าวสารการปนเปื้อนของโลหะหนักในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย ล่าสุด สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย ยืนยันว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสภาพน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ และปลายังคงสามารถบริโภคได้โดยไม่มีอันตรายในระยะสั้น พร้อมย้ำถึงแผนเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในระยะยาวเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำกก จากภาพข่าวสู่การลงพื้นที่

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 นายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ได้ลงพื้นที่บริเวณแม่น้ำกก ด้านหน้าสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำและตรวจสอบสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ หลังมีข่าวเผยแพร่ภาพเต่าตายและความกังวลของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภคปลาจากแม่น้ำสายนี้

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า

  • ลูกปลาวัยอ่อนว่ายน้ำได้ตามปกติ
  • ไม่มีปลาที่แสดงอาการอ่อนแอ สีซีด หรือผิดปกติ
  • ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (DO) อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
  • แม้ระดับความขุ่นของน้ำจะเพิ่มขึ้นในช่วงน้ำหลาก แต่ยังไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสัตว์น้ำ

ชี้แจงภาพ “เต่านาตาย” ไม่ใช่ผลจากสารพิษ

ประเด็นภาพข่าวเต่าตายที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น นายณัฐรัฐชี้แจงว่า เต่าที่พบเป็น “เต่านา” ซึ่งไม่ควรนำมาปล่อยลงแม่น้ำ เนื่องจากไม่ใช่ถิ่นอาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ เต่าจึงมีโอกาสจมน้ำตายได้หากไม่มีพื้นที่ขึ้นหายใจที่เพียงพอ โดยสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความตั้งใจของประชาชนที่ปล่อยสัตว์น้ำเพื่อทำบุญ แต่ไม่ได้ประเมินความเหมาะสมของแหล่งน้ำ

ผลการตรวจวิเคราะห์น้ำ พบ “สารหนู” ในระดับต่ำ

จากการเก็บตัวอย่างน้ำในบริเวณสวนสาธารณะใกล้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พบว่า

  • ตรวจพบสารหนู (Arsenic) ที่ระดับ 0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แม้จะเกินค่ามาตรฐานของน้ำดื่ม (0.01 มก./ลิตร) เล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าระดับอันตรายสำหรับสัตว์น้ำ
  • ยังไม่พบผลกระทบในลักษณะที่รุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ
  • อย่างไรก็ตาม หากมีการสะสมในตัวปลานานหลายปี อาจส่งผลต่อสุขภาพผู้บริโภค

ยังไม่พบสารพิษในตัวปลาโดยตรง แต่เตรียมตรวจเชิงลึก

ในประเด็นสารพิษสะสมในตัวปลา นายณัฐรัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเก็บตัวอย่างปลาจากแม่น้ำกกไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเพื่อหาสารหนูโดยตรง แต่มีแผนจะดำเนินการในระยะถัดไปเพื่อยืนยันความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม และจะเร่งประสานกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือศูนย์วิจัยประมงในภูมิภาค

ทั้งนี้ แนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ สามารถบริโภคปลาจากแม่น้ำกกได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคซ้ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน และควรปรุงสุกก่อนบริโภคเสมอ เพื่อความปลอดภัย

ข้อมูลสัตว์น้ำในพื้นที่ แม่น้ำกกไม่ใช่แหล่งเลี้ยงปลาในกระชัง

ประมงจังหวัดเชียงรายระบุว่า ปัจจุบันแม่น้ำกกไม่ได้เป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชัง โดยปลาที่จับได้ส่วนใหญ่เป็นปลาธรรมชาติ และมีปริมาณไม่มาก คิดเป็นไม่ถึง 10% ของปลาทั้งหมดที่บริโภคในจังหวัดเชียงราย ส่วนปลาที่บริโภคทั่วไปมาจากแหล่งเพาะเลี้ยงในบ่อดิน อ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำสาธารณะของชุมชน

เตรียมแผนเฝ้าระวังระยะยาว ติดตามต่อเนื่องตลอดฤดูน้ำหลาก

เนื่องจากแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดเชียงราย และมีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่อาจเกิดน้ำหลากและน้ำขุ่นมาก ประมงจังหวัดเชียงรายได้เตรียมแผนเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในระยะยาว ร่วมกับหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม และกรมควบคุมมลพิษ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการหารือกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดพะเยา และหน่วยงานชายแดน เพื่อสำรวจต้นน้ำจากฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำกก และอาจมีส่วนต่อการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก

บทวิเคราะห์ แม่น้ำกกในมิติเชิงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

แม่น้ำกกมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและการดำรงชีวิตของชุมชนในจังหวัดเชียงรายอย่างมาก ทั้งในด้านการประมง การใช้น้ำอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การพบสารหนูในระดับต่ำเป็นสัญญาณที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ปลาจะยังบริโภคได้ในขณะนี้ แต่การบริหารจัดการความเสี่ยง และการสื่อสารสาธารณะที่ชัดเจน โปร่งใส เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกเกินเหตุ และในขณะเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจว่ารัฐติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • ค่าเฉลี่ยสารหนูในน้ำที่ปลอดภัยต่อการบริโภค: ไม่เกิน 0.01 มก./ลิตร (กรมอนามัย, 2567)
  • ระดับที่พบในแม่น้ำกก: 0.013 มก./ลิตร (ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา, เม.ย. 2568)
  • สัตว์น้ำในแม่น้ำกก: ยังไม่พบอาการผิดปกติจากผลกระทบสารพิษ (สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย, 9 เม.ย. 2568)
  • ปลาที่จับจากแม่น้ำกก: คิดเป็นไม่ถึง 10% ของปลาที่บริโภคในจังหวัดเชียงราย (สถิติประมงภาคเหนือ, 2566)
  • แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำหลักของจังหวัดเชียงราย ที่ใช้ในระบบประปาในบางพื้นที่ และการประมงพื้นบ้าน
  • เชียงรายมีแหล่งเพาะเลี้ยงปลาในบ่อดินและอ่างเก็บน้ำ มากกว่า 3,000 แห่ง ทั่วจังหวัด (กรมประมง, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา
  • กรมประมง
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  • สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงราย
  • รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมภาคเหนือ ปี 2566 – 2567
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE