Categories
SOCIETY & POLITICS

ช่วยกลับไทย 500 คน สั่งขยายผลดำเนินคดีขบวนการค้ามนุษย์เล่าก์ก่ายเมียนมาหลัง

 
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 66 ที่ห้องประชุม 1 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย (ศูนย์ราชการ) ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พลตำรวจตรี มานพ เสนากูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย และผู้แทนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ร่วมรับฟังและรับมอบนโยบายจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ผ่านระบบ Video Conference จากส่วนกลาง จากกรณีเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมาได้มีเหตุการณ์สู้รบในหลายพื้นที่เขตชายแดนประเทศเมียนมา ทำให้มีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก โดยมีคนไทยที่เดินทางไปทำงานอยู่ในเมืองเล่าก์ก่าย ติดอยู่ในพื้นที่พิพาทเป็นจำนวนมาก และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยในการให้ความช่วยเหลือนำกลับประเทศตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น 


กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง (ศพดส.ตร.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กองทัพบก กองทัพอากาศ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย เป็นต้น ในการประสานงานกับทางการเมียนมาในการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อนำกลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย ปัจจุบันสามารถช่วยเหลือคนไทยนำกลับมายังประเทศไทยได้แล้ว 5 ครั้ง ประกอบด้วย 1. เมื่อวันที่ 18 พ.ย.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 41 คน 


โดยรับตัวผ่านจุดผ่านแดนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 2. เมื่อวันที่ 19 พ.ย.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 266 คน โดยนำตัวข้ามชายแดนจากเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมา ไปยังเมืองคุนหมิง ประเทศจีน แล้วเดินทางกลับไทยโดยสายการบินพาณิชย์ลงที่สนามบินดอนเมือง 3. เมื่อวันที่ 24 พ.ย.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 24 คน โดยรับตัวผ่านจุดผ่านแดนที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 4. เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 83 คน โดยนำตัวข้ามชายแดนจากเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมา ไปยังเมืองคุนหมิง ประเทศจีน แล้วเดินทางกลับไทยโดยสายการบินพาณิชย์ลงที่สนามบินดอนเมือง 5. เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.66 ช่วยเหลือคนไทยได้ 111 ราย โดบรับตัวผ่านจุดผ่านแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมสามารถช่วยเหลือคนไทยได้แล้ว 525 ราย โดยนำเข้าสู่กระบวนการกลไกส่งต่อระดับชาติ (NRM) ที่มณฑลทหารบกที่ 37, กองร้อยอาสารักษาดินแดน จ.เชียงราย และศูนย์บูรณาการคัดกรองหนองจอก กทม. 


โดยในจำนวนดังกล่าว มีผู้ต้องหาตามหมายจับ (คดีทั่วไปและคดีคอลเซ็นเตอร์) จำนวน 20 ราย จากนั้นนำเข้ากระบวนการคัดกรองพบเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวน 174 ราย ในส่วนของกระบวนการคัดแยกนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการซักถามและคัดกรองตามขั้นตอนกระบวนการคัดแยกเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด โดยเฉพาะการหลอกลวงคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ ในส่วนของคนไทยชุดแรกที่ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 41 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการคัดแยกและพบเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวน 20 คน และดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นขบวนการหลอกคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเมียนมา (เมืองเล่าก์ก่าย) 


ในส่วนของคนไทยชุดล่าสุดที่ได้รับการช่วยเหลือจำนวน 111 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการคัดแยกและพบเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จำนวน 85 คน และดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นขบวนการหลอกคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเมียนมา ( เมืองแผน ) โดยยังมีผู้ต้องหาหลบหนีอีก 2 ราย ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน สมคบกันค้ามนุษย์ด้วยการบังคับใช้แรงงานขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีคนทำหน้าที่ต่างๆ ในองค์กร เช่น หัวหน้าฝ่ายบริหาร ฝ่ายฝึกอบรมในการทำคอลเซ็นเตอร์ ฝ่ายชักชวนคนมาทำงาน ฝ่ายการเงิน ฝ่ายจัดหาล่าม ฝ่ายควบคุมการทำงานและทำโทษ รวมทั้งฝ่ายปฏิบัติการโทรหลอกลวง ซึ่งผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากขบวนการนี้ ถูกชักชวนว่าจะให้ไปทำงานเป็นแอดมินเว็บพนันออนไลน์ในเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมา แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ทำงานคอลเซ็นเตอร์ และชักชวนลงทุน หากไม่ยอมทำงานจะถูกจับเรียกค่าไถ่จำนวนระหว่าง 2-7 แสนบาท หากไม่มีเงินค่าไถ่ก็จะถูกบังคับทำงานและทำร้ายร่างกายและกักขัง ก่อนที่ผู้เสียหายจะหาทางของความช่วยเหลือเพื่อกลับประเทศไทย

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันในส่วนของการประสานงานเพื่อช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่พิพาทเมืองเล่าก์ก่าย เมียนมานั้น ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการประสานงานกับทางการเมียนมาและทางการจีน ในการเร่งพาคนไทยที่ยังติดอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวกลับมาอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด โดยหลังจากที่มีการช่วยเหลือคนไทยเหล่านี้กลับมาแล้ว ก็จะนำตัวเข้ารับการดูแลและคัดแยกเหยื่อที่ทางรัฐจัดหาให้ในการดำเนินการตามกลไก NRM ซึ่งที่ผ่านมาได้คัดกรองผู้เสียหายออกมาได้แล้วจำนวนหนึ่ง รวมทั้งมีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้อีก 20 ราย

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับขบวนการหลอกคนไทยไปบังคับทำงานคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งในกลุ่มแรกสามารถขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 10 ราย จับกุมแล้ว 4 ราย กลุ่มอื่นสามารถขยยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 19 ราย จับกุมและอายัดตัวดำเนินคดีแล้ว 17 ราย ในส่วนของคนไทยที่ได้รับการช่วยเหลือกลับมาทั้งหมด ก็จะมีการขยายผลเช่นนี้ทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการหลอกลวงดังกล่าว
 
ทั้งนี้ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน กรณีการจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ขอให้มีการพิจารณาข้อมูลให้ถี่ถ้วน เน้นความปลอดภัยและถูกต้องตามกฎหมาย หากพบเบาะแสของขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ สามารถแจ้งเบาะแสได้ผ่านช่องทางสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เปิดร้านกาแฟปันรักษ์ สาขา 5 ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย

 

เมื่อ 12 ก.ย. 66 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยภริยา เดินทางไปยังจังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นประธานพิธีเปิดร้านสวัสดิการ ภูธรจังหวัดเชียงราย ชื่อร้าน “ปันรักษ์ เจียงฮาย” สาขาที่ 5 ของ ตร. ตั้งอยู่สี่แยกสถานีสถานีตำรวจ ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมี พระครูขันติพลาธร รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดฝั่งหมิ่น ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย เป็นประธานสงฆ์ และทางนายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นางสุมนา กิตติประภัสร์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมพิธีเปิดโดยพร้อมเพรียงกัน

จากนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พระไพศาล ประชาทร วิ (พระอาจารย์พบโชค ติสสวังโส) ตลอดจนข้าราชการตำรวจ ส่วนราชการ หน่วยงานภาคเอกชน ได้เยี่ยมชมการจำหน่ายสินค้าของร้านสวัสดิการพร้อมให้โอวาสให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแม่บ้านตำรวจได้ช่วยกันบริหารจัดการให้ดี ใส่ใจในคุณภาพเพื่อให้เป็นร้านค้าที่ได้มาตรฐานต่อไป
 
ในการนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ที่ได้เสียชีวิตภายในบ้านพักพร้อมอาวุธปืนพกสั้น หลังจากมีการดำเนินคดีกับนายตำรวจจำนวน 6 นาย ในคดีคนร้ายยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ทล.1 กก.2 ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ.วชิรา เสียชีวิตในงานเลี้ยงในบ้านของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนกที่ ต.ตาก้อง จ.นครปฐม ว่า ทางนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะเข้าใจกันว่าเป็นการฆาตรกรรมหรือฆ่าตัดตอน จึงได้สั่งการให้ ผบช.ภ.1 ไปดูสถานที่เกิดเหตุและรวบรวมข้อมูลหลักฐานอย่างขัดเจน มีการตรวจชันสูตรหลักฐานจากแพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) พนักงานสอบสวนและพนักงานสืบสวน ทั้งจากตำรวจในพื้นที่และระดับ ภ.1 รวมทั้งได้ตรวจช่วงเวลาหรือไทม์ไลน์ของ พ.ต.อ.วชิรา อย่างครบถ้วนจนได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว
 
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า ไทม์ไลน์นั้นทาง พ.ต.อ.วชิรา ได้เริ่มต้นด้วยการรับประทานอาหารกับเพื่อนและจากการสอบถามเพื่อนๆ ทราบว่ามีความเครียดและรับประทานอาหารไม่ลงเนื่องจากกรณี พ.ต.ต.ศิวกร ที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาได้เสียชีวิตและยังมีข่าวสารอื่นๆ อีก ทำให้เพื่อนๆ ชักชวนให้พักที่โรงแรมก่อนแล้วค่อยกลับบ้านแต่เจ้าตัวก็ออกจากโรงแรมตอนประมาณ 04.00 น. โดยนั่งรถแท็กซี่ส่วนบุคคลไปถึงบ้านพักที่เกิดเหตุในเวลา 04.51 น. จากนั้นคาดว่าลืมกุญแจไว้ในรถแท็กซี่จึงได้ปีนรั้วเข้าไปในบ้านพักก่อนที่ในอีก 4 นาที จะมีเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 1 นัด และช่วงบ่ายทางผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนๆ ติดต่อไม่ได้จึงไปดูที่บ้านพักก็พบว่าเสียชีวิตแล้วดังกล่าว
 
ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุจากหน่วยงานต่างๆ ดักล่าวไม่มีร่องรอยใดๆ ไม่มีคนเข้าไปยุ่งเกี่ยวก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบด้านเขม่าดินปืนด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยจาก พฐ. พบคราบเขม่าดินปืนในมือของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ข้าง จึงได้จำลองเหตุการณ์ว่าได้ว่ามีการใช้มือขวาถือปืนของตัวเองยิงโดยใช้มือซ้ายประคอง ดังนั้นด้วยหลักฐานทั้งหมดดังกล่วาจึงสรุปได้ว่าน่าเชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
 
พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับความคืบหน้าในคดีได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการแต่ในขั้นนี้ยังไม่มีการขออนุมัติหมายจับใครเพิ่มเติมและกรณีเครื่องเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิดในบ้านหรือเซิฟเวอร์นั้นยืนยันว่าเปิดได้แล้ว และมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนเพื่อตรวจสอบแต่จะเปิดภาพให้ดูได้หรือไม่จะต้องดูในรายละเอียดก่อน ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 2 รายนั้นตนรู้สึกเสียใจและไม่อยากให้เกิดกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีก ส่วนกรณีที่มีการโพสต์ข่มขู่เจ้าหน้าที่นั้นได้สั่งการให้ ภ.7 ตรวจสอบพบว่าเป็นพวกอวตาร แต่ก็จะได้ตรวจสอบต่อไปหากพบตัวก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News