Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ไฟป่าเชียงรายวิกฤต 199 จุด เร่งดับ-สร้างป่าชุมชน

ทสจ.เชียงราย ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ไฟป่าและแนวโน้มการเกิดไฟป่ารุนแรง

เชียงราย, 31 มีนาคม 2568 – นายบุญเกิด ร่องแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย (ทสจ.เชียงราย) เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และวางแนวทางแก้ไขปัญหาที่มีแนวโน้มรุนแรง โดยการประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย

สถานการณ์ไฟป่าล่าสุด

นายบุญเกิดเปิดเผยว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 25-31 มีนาคม 2568 พบจุดความร้อน (Hotspot) ในจังหวัดเชียงรายมากกว่า 199 จุด โดยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568 เพียงวันเดียว ตรวจพบจุดความร้อน 67 จุด ซึ่งแบ่งเป็น

  • พื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 44 จุด
  • พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 23 จุด

การเพิ่มขึ้นของจุดความร้อนดังกล่าวเกิดจากสภาพอากาศที่แห้งแล้งและลมแรง รวมถึงพฤติกรรมการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทางการเกษตรที่ยังคงมีอยู่ในบางพื้นที่ ทำให้เกิดไฟป่าลุกลามอย่างรวดเร็ว

การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในการประชุมครั้งนี้ มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ได้แก่

  • สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย)
  • สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย)
  • หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย
  • เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
  • องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลในพื้นที่

หน่วยงานเหล่านี้ได้นำเสนอรายงานสถานการณ์ไฟป่าล่าสุด รวมถึงแนวทางการป้องกันและการดับไฟป่า โดยมีการจัดทีมลาดตระเวน และใช้เทคโนโลยีการตรวจจับจุดความร้อนจากดาวเทียม เพื่อเฝ้าระวังและตอบสนองต่อสถานการณ์อย่างทันท่วงที

มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า

นายบุญเกิด ร่องแก้ว ได้เน้นย้ำถึงมาตรการสำคัญที่ต้องดำเนินการ ดังนี้

  1. การลาดตระเวนและเฝ้าระวัง – จัดตั้งทีมลาดตระเวนร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยาน และชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดไฟป่า
  2. การจัดการเชื้อเพลิง – ดำเนินการสร้างแนวกันไฟ รวมถึงการเก็บกวาดเชื้อเพลิงในป่า และใช้วิธีการควบคุมการเผาในพื้นที่ที่จำเป็นอย่างเคร่งครัด
  3. การบังคับใช้กฎหมาย – ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่ลักลอบเผาป่า รวมถึงการเผาเพื่อการเกษตรที่ไม่ได้รับอนุญาต
  4. การประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ – รณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากไฟป่า และให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันไฟป่าในชุมชน

โครงการจัดการป่าชุมชนเพื่อลด PM 2.5

ทสจ.เชียงราย ยังได้เสนอแผน โครงการจัดการป่าชุมชนเพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5″ ซึ่งเป็นแนวทางการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลป่า โดยมีการฝึกอบรมชาวบ้านให้มีความรู้ในการจัดการเชื้อเพลิงในป่า และใช้ประโยชน์จากเศษวัสดุเหลือใช้ในเชิงเศรษฐกิจ แทนการเผาทำลาย

นายบุญเกิดกล่าวว่า การมีส่วนร่วมของชุมชนเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไฟป่าอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และลดมลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน”

สถิติและข้อมูลอ้างอิง

  • ข้อมูลจาก GISTDA (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ) ระบุว่าภาพถ่ายจากดาวเทียมสามารถตรวจจับจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้อย่างแม่นยำ และมีการรายงานผ่านแอปพลิเคชัน FireD
  • จากสถิติของ กรมควบคุมมลพิษ พบว่าค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในภาคเหนือเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนของทุกปี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เกิดไฟป่าบ่อยครั้ง
  • ข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ระบุว่า ในปี 2567 จังหวัดเชียงรายเกิดไฟป่ามากกว่า 300 ครั้ง ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย (ทสจ.เชียงราย)
  • GISTDA (สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ)
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

ไฟป่า 2 จังหวัด แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ สร้างเสียหายแล้วกว่า 450,000 ไร่

 
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 รายงานข่าวจาก GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) ระบุว่า จากสถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นอีก 2 พื้นที่ ไฟป่า แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เสียหายแล้วกว่า 450,000 ไร่
 
 
จากสถานการณ์ไฟป่าที่มีความรุนแรงในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงใหม่ ถือเป็นอีก 2 พื้นที่ที่พบว่ามีจุดความร้อนติดอันดับต้นๆ ของประเทศในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ล่าสุดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เผยข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-8 ของวันที่ 31 มีนาคม 2567 เวลา 10.48 น. แสดงพื้นที่เผาไหม้ที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ของอำเภอ แม่ลาน้อย แม่สะเรียง สบเมย ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพบพื้นที่ความเสียหายทั้งสิ้น 251,037 ไร่ และ ในพื้นที่ของอำเภอ แม่แจ่ม จอมทอง ฮอด อมก๋อย ดอยเต่า ของจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความเสียหายทั้งสิ้น 203,573 ไร่ โดยรวมพื้นที่ความเสียหายทั้งหมด 454,610 ไร่ สำหรับสาเหตุการเกิดไฟป่ายังคงมาจากการจุดไฟเผาเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ รวมถึงการเผาพื้นที่เกษตรก่อนเตรียมการเพาะปลูก และการเผาหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต เป็นต้น
 
 
ข้อมูลดังกล่าวจะใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าตรวจสอบในพื้นที่จริงร่วมกับจังหวัด เพื่อนำไปสู่การวางแผนฟื้นฟู ป้องกัน และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ในการสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน อันจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้ยั่งยืน
 
 
ดาวเทียม Landsat 8 เป็นดาวเทียมสำรวจทรัพยากรธรรมชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมือ ระหว่างองค์การ NASA และ USGS (U.S. Geological Survey) มีการโคจรซ้ำตำแหน่งเดิมทุก ๆ 16 วัน ความกว้างของแนวถ่ายภาพ 185 กิโลเมตร ประกอบด้วยระบบบันทึกภาพ 2 ชนิด คือ Operation land Image (OIL) และ The Thermal Infrared Sensor (TIRS) จำนวน 11 ช่วงคลื่น ให้รายละเอียดจุดภาพช่วงคลื่น visible, NIR, SWIR  30 เมตร ช่วงคลื่น thermal 100 เมตร และ panchromatic 15 เมตร

ประโยชน์ของภาพที่จะนำไปใช้ : 

  • การจัดทำแผนที่ scale ใหญ่
  • การจำแนกการใช้ประโยชน์ที่ดิน
  • การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพื้นที่
  • การวิเคราะห์ดินและพืชพรรณ – Soil/vegetative analysis
  • การศึกษาด้านธรณีวิทยา อาทิ น้ำมัน ก๊าซ เหมืองแร่ เป็นต้น
  • การติดตามพื้นที่ด้านสิ่งแวดล้อม
  • การวัดปริมาณน้ำ การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ชายฝั่ง
  • การวิเคราะห์มลภาวะ และหมอกควัน 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : GISTDA สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News