Categories
ECONOMY

ลำไยเชียงใหม่ราคาไม่ตกเหลือ 1 บาท! รมช.พาณิชย์ยันแค่เกรด C พร้อมเดินหน้าอุ้มเกษตรกร

ราคาลำไยเชียงใหม่ไม่ตกเหลือ 1 บาท! รมช.พาณิชย์ยันแค่เกรด C พร้อมเดินหน้าอุ้มเกษตรกร

เชียงใหม่, 12 กรกฎาคม 2568 – ภาพของเกษตรกรชาวสวนลำไยในจังหวัดเชียงใหม่ที่ยืนมองผลผลิตในมือด้วยความกังวล กลายเป็นภาพที่สะท้อนใจผู้คนทั่วไป เมื่อกระแสข่าวในโลกออนไลน์ระบุว่าราคาลำไยในปีนี้ตกต่ำถึงขีดสุด เหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท ข่าวนี้สร้างความตื่นตระหนกและคำถามมากมายในหมู่เกษตรกรและประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้นกับ “ราชินีผลไม้” ของภาคเหนือ แต่ในวันนี้ (12 ก.ค. 68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ทำให้ภาพของสถานการณ์เริ่มชัดเจนขึ้น พร้อมย้ำว่าราคาดังกล่าวเป็นเพียงลำไยเกรดต่ำสุด และกระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งดำเนินมาตรการคู่ขนานเพื่อปกป้องเกษตรกร

ความจริงเบื้องหลังราคาลำไย 1 บาท

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน โพสต์บนโซเชียลมีเดียที่ระบุว่าราคาลำไยในเชียงใหม่ตกต่ำถึงกิโลกรัมละ 1 บาท ได้ถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับเกษตรกรในพื้นที่และผู้บริโภคทั่วประเทศ แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่พบว่า ราคาดังกล่าวเป็นเพียงราคาของลำไยเกรด C ซึ่งเป็นลำไยรูดร่วงที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 20 มิลลิเมตร และไม่ได้สะท้อนภาพรวมของราคาลำไยในตลาดทั้งหมด

นายสุชาติ ชมกลิ่น เปิดเผยว่า “ลำไยเกรดดี เช่น เกรด AA ยังคงมีราคารับซื้ออยู่ที่ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าน่าพอใจสำหรับเกษตรกร ส่วนลำไยเกรด C ที่มีราคา 1 บาทนั้น เป็นระดับราคาที่สอดคล้องกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และไม่ได้บ่งชี้ว่าราคาลำไยโดยรวมตกต่ำอย่างที่เป็นข่าว” การชี้แจงนี้ช่วยคลายความกังวลของเกษตรกรได้ในระดับหนึ่ง แต่คำถามที่ตามมาคือ แล้วเกษตรกรจะรับมือกับสถานการณ์ผลผลิตเกรดต่ำนี้ได้อย่างไร?

มาตรการคู่ขนานส่งออก แปรรูป กระจายในประเทศ

เพื่อแก้ไขปัญหาและรักษาเสถียรภาพราคาลำไย กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาตรการคู่ขนานที่มุ่งทั้งการส่งออก การแปรรูป และการกระจายผลผลิตภายในประเทศ โดยนายสุชาติได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังนี้:

  1. ผลักดันการส่งออกและแปรรูป
    • ส่งออก 15,000 ตัน ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดหนาแน่น โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงพีคของฤดูกาล
    • แปรรูปลำไยอบแห้ง 50,000 ตัน เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกินและเพิ่มมูลค่าให้กับลำไยเกรดต่ำ
    • การแปรรูปนี้ไม่เพียงช่วยลดความกดดันในตลาด แต่ยังสร้างโอกาสให้เกษตรกรมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น
  2. กระจายผลผลิตในประเทศ
    • เชื่อมโยงการจำหน่ายผ่านช่องทางที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบพรีออร์เดอร์ ห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดกลาง ตลาดสด ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
    • สนับสนุนการขายออนไลน์ด้วยการให้กล่องไปรษณีย์ส่งฟรี เพื่อกระจายผลผลิตจากภาคเหนือสู่ผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
  3. เจาะตลาดต่างประเทศ
    • กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) ได้เร่งประสานงานกับผู้นำเข้าจากจีน ฮ่องกง มาเลเซีย อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อเพิ่มคำสั่งซื้อลำไยสดและแปรรูป
    • จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างวันที่ 7-16 กรกฎาคม 2568 ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 200 ล้านบาท

สถานการณ์ล่าสุด ผลผลิตและราคา

ข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ระบุว่าราคาลำไยในท้องตลาดมีดังนี้:

  • ลำไยสดรูดร่วง
    • เกรด AA: 19-20 บาท/กก.
    • เกรด A: 10-11 บาท/กก.
    • เกรด B: 5-6 บาท/กก.
    • เกรด C: 1 บาท/กก.
  • ลำไยสดช่อ (ตะกร้าขาว อินโดนีเซีย)
    • เกรดทอง: 25 บาท/กก.
    • เกรดแดง: 22 บาท/กก.
    • เกรดน้ำเงิน: 17 บาท/กก.
    • เกรดเขียว: 8 บาท/กก.
  • ลำไยสดมัดปุ๊ก
    • เกรด AA + A: 18-20 บาท/กก.
    • เกรด A + B: 12-15 บาท/กก.

นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลผลิตลำไยในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 22,409 ตัน หรือร้อยละ 8 ของผลผลิตทั้งหมด โดยกระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอจอมทอง ดอยหล่อ แม่วาง สันป่าตอง ฮอด และดอยเต่า ซึ่งเกษตรกรยังคงส่งผลผลิตให้ล้งรับซื้อตามปกติ

ปมปัญหาเวียดนามชะลอคำสั่งซื้อ

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาลำไยเกรด C ตกต่ำคือการชะลอคำสั่งซื้อจากเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของลำไยเกรดต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายวิทยากรระบุว่า “ในปีนี้ เวียดนามมีผลผลิตลำไยภายในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการลำไยจากไทยลดลง” ภาวะนี้ทำให้ลำไยเกรด C ซึ่งมีขนาดเล็กและมักถูกใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูป ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านราคา

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานงานกับผู้ประกอบการแปรรูปเพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกิน โดยเน้นการผลิตลำไยอบแห้งและผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ เพื่อป้องกันภาวะล้นตลาดและรักษาเสถียรภาพราคา

วิเคราะห์ผลลัพธ์ทางออกที่ยั่งยืน

จากสถานการณ์ดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าราคาลำไยเกรด C ที่ตกต่ำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวม และไม่ได้สะท้อนความล้มเหลวของตลาดลำไยโดยรวม มาตรการคู่ขนานที่กระทรวงพาณิชย์นำเสนอแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การส่งออกและแปรรูปจะช่วยลดแรงกดดันจากผลผลิตส่วนเกิน ขณะที่การกระจายผลผลิตในประเทศผ่านช่องทางที่หลากหลายจะช่วยให้ลำไยเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในอนาคตคือการพึ่งพาตลาดส่งออกเพียงไม่กี่ประเทศ เช่น เวียดนามและจีน ซึ่งอาจมีความผันผวนตามสถานการณ์ภายในของแต่ละประเทศ การขยายตลาดใหม่ เช่น อินเดียและ UAE รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีมูลค่าสูง จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมลำไยของไทย

ความหวังของเกษตรกร

จากกระแสข่าวที่สร้างความตื่นตระหนก สู่การชี้แจงข้อเท็จจริงและการดำเนินมาตรการที่รวดเร็วของกระทรวงพาณิชย์ เกษตรกรชาวสวนลำไยในเชียงใหม่เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ด้วยราคาลำไยเกรดดีที่ยังคงแข็งแกร่งและมาตรการที่ครอบคลุมทั้งการส่งออก แปรรูป และกระจายในประเทศ อนาคตของลำไยเชียงใหม่ยังคงมีความหวัง โดยกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เป็นธรรมและยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่
  • กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
  • กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)
  • ข้อมูลสัมภาษณ์นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน วันที่ 12 กรกฎาคม 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

กรมชลประทาน ยืนยันแผ่นดินไหว เชียงใหม่ล่าสุด ไม่กระทบเขื่อนเชียงใหม่-เชียงราย

 
เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 รายงานข่าวจากกรมชลประทาน ระบุว่า ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว บริเวณตำบลเวียง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเวลา 05.31 น. ของวันนี้ (1 เมษายน 2567) มีขนาด 3.0 ที่ความลึก 6 กิโลเมตร นั้น
 
 
กรมชลประทาน โดยส่วนวิศวกรรมธรณี และส่วนความปลอดภัยเขื่อน ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบค่าความเร่งสูงสุดจากสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวของสำนักสำรวจด้านวิศวกรรมและธรณีวิทยา ในพื้นที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ พบว่าความเร่งสูงสุดที่ตรวจวัดได้มีค่าเท่ากับ 0.0000532g ซึ่งต่ำกว่าค่าความเร่งของพื้นดินจากแผ่นดินไหวที่ใช้ในการออกแบบอย่างมาก (ค่าที่ใช้ในการออกแบบจะไม่น้อยกว่า 0.2g) ดังนั้นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ จึงไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลางที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงแต่อย่างใด
 
 
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ออกแบบเขื่อนทุกแห่ง ให้สามารถรองรับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหว นอกจากนี้ ได้ดำเนินการตรวจสอบ และติดตามข้อมูลทางสถิติของค่าความเร่งสูงสุดที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวตลอดเวลา เพื่อนำมาประเมินสถานการณ์ รวมทั้งแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเขื่อน เพื่อให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อน มีความมั่นใจ และเชื่อมั่นในความปลอดภัยแข็งแรงของเขื่อน
 
 
ซึ่งเขื่อนแม่กวงอุดมธารา เป็นเขื่อนดินเก็บกักน้ำ ปิดกั้นลำน้ำแม่กวง ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เขื่อนหลัก เขื่อนฝั่งขวา และเขื่อนฝั่งซ้าย ระดับสันเขื่อนสูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 390 เมตร มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำที่ระดับกักเก็บ 15 ตารางกิโลเมตร ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 204 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ส่งน้ำให้พื้นที่การเกษตร 148,400 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด อำเภอสันทราย อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอบ้านธิ และอำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
 
 
สร้างขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 โดยกรมชลประทาน เริ่มสำรวจออกแบบ และก่อสร้าง ในปี พ.ศ. 2520 พร้อมทั้งขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลญี่ปุ่นในการศึกษาความเหมาะสมของโครงการเพื่อขอใช้เงินกู้จากต่างประเทศ โดยขอกู้เงินจากญี่ปุ่น ในระหวาง พ.ศ. 2525 ถึงปี พ.ศ. 2530 รวมเป็นเงิน 7,000.5 ล้านเยน 
 
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเขื่อนว่า เขื่อนแม่กวงอุดมธารา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538 ในปี พ.ศ. 2558 กรมชลประทาน ได้เริ่มต้นดำเนินโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนแม่กวงอุดมธารา โดยการก่อสร้างอุโมงค์ผันน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 เมตร ด้วยงบประมาณกว่า 15,000 ล้านบาท เพื่อผันน้ำจากลำน้ำแม่แตง และเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล มายังเขื่อนแม่กวงอุดมธารา
 
ส่วนแผ่นดินไหวที่เชียงรายใหม่ทีมข่าวได้มีการตรวจสอบย้อนหลังไปตั้งแต่ช่วงเช้ามือดพบว่ามีแผ่นดินไหวที่เชียงใหม่ ติดเนื่องในวันที่ 1 เม.ย. 2567
 
เวลา 03:25 น.แผ่นดินไหว ต.ป่าไผ่ อ.สันทรา จ.เชียงใหม่(18.92°N,99.07°E) ขนาด 2.8 ลึก 4 กม. 
 
เวลา 05:31 น. แผ่นดินไหว ต.เวียง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่(19.37°N,99.23°E) ขนาด 3.0 ลึก 6 กม. 

เวลา 05:40 น.แผ่นดินไหว ต.เวียง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่(19.38°N,99.19°E) ขนาด 1.7 ลึก 5 กม. 
 
เวลา 06:01 น. แผ่นดินไหว ต. ป่าตุ้ม อ.พร้าว จ.เชียงใหม่(19.36°N,99.29°E) ขนาด 1.5 ลึก 3 กม. วันที่ 1 เม.ย. 2567  

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข้าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอินเดีย ประดิษฐาน จ.เชียงใหม่

 

เมื่อวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2567 (อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจาก สาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราว ณ จังหวัดเชียงใหม่ ประเทศไทย)   

 

 

จังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดียมาประดิษฐาน โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีฯ พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ภัณฑารักษ์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอินเดีย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ อธิบดีกรมการศาสนา หัวหน้าส่วนราชทุกภาคส่วน ข้าราชการ ประชาชน เข้าร่วมกิจกรรม ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอง 28 กรกฎาคม 2567

 

 

ในการนี้จังหวัดเชียงราย โดยนายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้นางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายพิสันต์  จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย และข้าราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

พิพัฒน์ สุ่มมาตย์, ยุทธนา สุทธสม : รายงาน

พร้อมพงษ์ ทาสิทธิ์ : ภาพ

อภิชาต กันธิยะเขียว : บรรณาธิการข่าว 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

จีนยินดีจะสนับสนุน หมีแพนด้าให้สวนสัตว์จังหวัดเชียงใหม่อีกครั้ง!

 

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 เวลา 11.15 น. ณ บริเวณทางเชื่อมตึกไทยคู่ฟ้าและตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการหารือกับ หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า มีการเซ็นสัญญาเรื่องการค้าทางด้านเกษตรกรรมระหว่างร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับทูตจีน อีกทั้ง ประเทศจีนให้ความสนใจเรื่อง Landbridge แต่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม และไม่ใช่เพียงแค่ทางรัฐบาลจีนอย่างเดียว ทางเอกชนของจีนก็ให้ความสนใจที่จะมีส่วนร่วม เพราะว่าเขาทราบดีอยู่ว่าหนึ่งในเหตุผลหลักที่ประเทศไทยควรจะมีโครงการ Landbridge เนื่องจากการลงทุนที่มาจากประเทศจีนในช่วงปีหลัง ๆ บริษัทใหญ่ ๆ ของประเทศจีนมาลงทุนสร้างโรงงานผลิต โรงงานอุตสาหกรรมที่ใหญ่มากในเมืองไทย และไม่ใช่แค่มาตอบสนองความต้องการของคนในประเทศไทยอย่างเดียว แต่จะใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออก 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยจะต้องมีท่าเรือน้ำลึก ต้องมี Mega Project ใหญ่ ๆ อย่างโครงการ Landbridge เพื่อที่จะซัพพอร์ตในจุดนี้ โดยทางด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมก็จะเดินทางไปประเทศจีนในเร็ว ๆ นี้ เพื่อจะจัดทำ Road Show ให้เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ประเทศไทยมีความสัมพันธ์อันดีกับประเทศจีน ซึ่งในปีหน้าก็จะครบ 50 ปี ตนเองได้ถือโอกาสเรียนเชิญประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ให้ท่านมาเยือนที่ประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้แจ้งข่าวดีว่า ได้ขอรับการสนับสนุนหมีแพนด้าจากทูตจีน ซึ่งทูตจีนยินดีจะสนับสนุน  ทำให้ประเทศไทยกลับมามีหมีแพนด้าในสวนสัตว์จังหวัดเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทำเนียบรัฐบาล

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News