Categories
TOP STORIES

กองบัญชาการตำรวจสั่งย้ายข้าราชการเอี่ยวบ่อนชายแดนเมียนมา

ผบ.ตร. สั่งช่วยราชการนายพลตำรวจ 2 นาย เซ่นปมเชื่อมโยงธุรกิจผิดกฎหมายชายแดน

กรุงเทพฯ, วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ปมร้อน! นายพลตำรวจพัวพันธุรกิจสีเทา-ค้ามนุษย์ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 63/2568 และ 64/2568 ให้ข้าราชการตำรวจระดับนายพล 2 นาย ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

พล.ต.ต. เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ

คำสั่งที่ 63/2568 ระบุถึงกรณีที่ปรากฏข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ว่า พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 5 มีความเชื่อมโยงกับธุรกิจเมวดีคอมเพล็กซ์ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงและบ่อนคาสิโน รวมถึงเป็นแหล่งฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมายขนาดใหญ่ บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีดังกล่าว และเพื่อความโปร่งใสจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์และหลักฐานในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดวินัยหรือประการใด เนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและสังคมในวงกว้างซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าข้าราชการตำรวจได้ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่าการกระทำความผิดทางวินัยหรืออาญา หากให้ปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพและมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ 2565 ประกอบระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ 2566 จึงให้ พล.ต.ต.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย

พล.ต.ต. สัมฤทธิ์ เอมกมล

คำสั่งที่ 64/2568 ระบุถึงกรณีที่ปรากฏข่าวสารในสื่อมวลชนเกี่ยวกับการหายตัวไปของนักท่องเที่ยวบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวสารในสื่อมวลชนต่างๆ เผยแพร่ข่าวนักท่องเที่ยวถูกมิจฉาชีพหลอกลวงมาที่ประเทศไทยแล้วหายตัวไปบริเวณชายแดนประเทศเมียนมาร์ อีกทั้งมีการลักลอบข้ามชายแดนช่องทางธรรมชาติในเขตพื้นที่อำเภอแม่สอด อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก กรณีดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ โดยบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในพื้นที่ของสถานีตำรวจภูธรแม่สอด สถานีตำรวจภูธรแม่ระมาดและสถานีตำรวจภูธรพบพระ จังหวัดตาก ที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล

เพื่อให้ได้รายละเอียดข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอสำหรับการพิจารณาพฤติการณ์และหลักฐานในเบื้องต้นว่ากรณีมีมูลที่ควรกล่าวหาว่าข้าราชการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดวินัยหรือไม่ประการใด เนื่องจากเป็นกรณีที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกทั้งมีกรณีที่เป็นสงสัยว่าข้าราชการตำรวจได้ประพฤติบกพร่องต่อหน้าที่หรือมีกรณีเป็นที่สงสัยว่ากระทำความผิดวินัยหรืออาญา หากปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานเดิมอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้

ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพและมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 63 และมาตรา 105 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ 2565 ประกอบกับระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปช่วยราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ 2566 จึงให้ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติมอบหมายเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย

การรักษาราชการแทน

ในส่วนของ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ เอมกมล ได้มีคำสั่งให้ พล.ต.ต.วีรพรรษ อมรมุนีพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตากอีกหนึ่งหน้าที่

คำสั่งมีผลบังคับใช้ทันที

คำสั่งทั้งสองฉบับมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ความโปร่งใสและการตรวจสอบ

การดำเนินการในครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการรักษาความโปร่งใสและตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง จะต้องได้รับโทษตามกฎหมาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
NEWS TOP STORIES

พบทั่วโลกติดสินบน 2 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 5% ของจีดีพีโลก

 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2567 ที่โรงแรมสวิสโซเทล สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต ร่วมกับหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย พร้อมจัดเสวนาหัวข้อ “การต่อต้านการทุจริตในภาคเอกชนและบทบาทของภาคเอกชนไทย” 

นายนิติพันธุ์ ประจวบเหมาะ รองเลขาธิการ ป.ป ช. กล่าวตอนหนึ่งว่า การคอร์รัปชัน ติดสินบนพนักงานของรัฐเป็นสิ่งที่เลวร้ายสำหรับการทำธุรกิจ ธนาคารโลกประมาณการว่าในแต่ละปีมีค่าใช้จ่ายสำหรับติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วน world economic forum ประมาณการตัวเลขความเสียหายที่เกิดจากการทุจริตอยู่ที่ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 5% ของจีดีพีโลก

 

สำหรับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ป.ป.ช. ได้ประสานการทำงานร่วมกับบริษัทต่างชาติ และทำงานร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ขณะเดียวกัน เมื่อเข้ามาแล้วต้องปฏิบัติตามมาตรฐานอนุสัญญาต่อต้านการทุจริต กำหนดให้รัฐภาคีจะต้องออกมาตรการส่งเสริมและป้องกันการทุจริต ส่งเสริมคุณธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมองค์กรไม่ยอมรับการทุจริต ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงความรับผิดทางอาญากรณีการทุจริตทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐและเจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงนิติบุคคลที่มีส่วนร่วมในการทุจริต และให้สัญญาเป็นโมฆะ ทั้งนี้ ป.ป.ช. พยายามแก้ไขกฎหมายให้สามารถเอาผิดซ้ำใน 2 ประเทศอีกด้วย ขณะนี้ไทยมุ่งหวังจะเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาต่อต้านการติดสินบน ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 44 ประเทศ

 

ด้าน นางวีเบกเกอ เลอเซนด์ เลอแวก (Mrs.Vibeke Lyssand Leivag ) ประธานหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทย กล่าวว่า หอการค้าต่างประเทศฯ ทำงานในประเทศไทยมา 48 ปีแล้ว มีสมาชิก 36 บริษัท มีเครือข่าย 8,000 – 9,000 บริษัท เพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย มีเศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคบริการที่เติบโตและยังมีโอกาสในการลงทุนมากมาย ประเทศไทยยังอยู่ในพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ที่สามารถนำไปสู่ตลาดอาเซียนได้ มีมาตรการจูงใจการลงทุนจำนวนมาก แต่โอกาสมาพร้อมกับความท้าทาย ทั้งการแข่งขันในภาคธุรกิจ และระบบราชการไทยที่ซับซ้อน เรื่องเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาจะมีการประท้วง มีการรัฐประหาร ที่จริงรัฐบาลปัจจุบันให้การส่งเสริมการลงทุนจำนวนไม่น้อย แต่สิ่งที่ต้องทำเพิ่มคือการปรับปรุงระบบการศึกษา เพิ่มทักษะการทำงานเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่ๆ นวัตกรรมใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน โลจิสติกส์และสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการทำธุรกิจ

 

เหตุผลที่กล่าวมาเหล่านี้ มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนและประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมถึงการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งมีความเสี่ยงต่อชื่อเสียงไม่น้อย จะเห็นว่าดัชนีการทุจริตไม่ได้มีการพัฒนาขึ้น จากปี 2018 ตกลงจากอันดับที่ 99 มาอยู่ที่ลำดับ 108 จะเห็นว่าการทุจริตคอร์รัปชันทำให้เกิดปัญหาในการประกอบธุรกิจ เกิดความไม่ยุติธรรมหากไม่มีการจ่ายค่าน้ำชา เราอยากมีส่วนร่วมในการก่อให้เกิดความยุติธรรม เป็นธรรมในการประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐ เอกชน และภาควิชาการจะต้องทำงานร่วมกัน

 

นางกุลภัทรา สิโรดม ประธานกรรมการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า ถ้าบริษัทมีกรรมการที่ดี เราสามารถลดการติดสินบนและการทุจริตลงได้ทั้งในบริษัทและนอกบริษัท รวมถึงทั้งในประเทศและนอกประเทศด้วย ซึ่งสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2010 เพื่อป้องกันการคอร์รัปชันโดยสมัครใจ มีการจัดทำหลักสูตรการศึกษาเพื่อต่อต้านการทุจริต อิงตามมาตรฐานนานาชาติ ทำการอบรมการวิเคราะห์และควบคุมลดปัญหาการทุจริตภายในองค์กรของตัวเอง และยังมีโปรแกรมผู้นำจริยธรรมที่พยายามจะช่วยผู้บริหารให้ตัดสินใจเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ได้

 

ขณะที่นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ กรรมการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เห็นว่า การสร้างคุณธรรมและค่านิยมต่อเยาวชนไทยในการต่อต้านการทุจริตถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะลดโอกาสการทุจริตในประเทศไทยลงได้ รวมถึงร่วมกับภาครัฐในการส่งเสริมการเปิดเผยการทุจริตทุกประเภท โดยเฉพาะการจัดจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐ การสนับสนุนการผลักดันการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ กฎหมายเกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ จะทำให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น.

  

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

 NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAMกองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News

MOST POPULAR
FOLLOW ME


Facebook


Times


Instagram


Youtube


Line

NEWS UPDATE
BREAKING NEWS


ข่าวเด่นน่าติดตามวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2566


ข่าวเด่นน่าติดตามวันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม 2566



ข่าวเด่นน่าติดตามวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2566


ข่าวเด่นน่าติดตามวันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม 2566



ข่าวเด่นน่าติดตามวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566


ข่าวเด่นน่าติดตามวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2566

xemeaino