
เผยปฏิบัติการไซเบอร์รุกคืบ หน่วยงานความมั่นคงไทยจับตา “แฮกเกอร์เกาหลีเหนือ” ร่วมกัมพูชา โจมตีระบบไทย – ผบ.ไซเบอร์ทหารชี้งบ 97 ล้านเน้นรับมือภัยคุกคามยุคดิจิทัล
เชียงราย, 1 กรกฎาคม 2568 – ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ล่าสุดประเด็นการโจมตีทางไซเบอร์กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง เมื่อหน่วยงานความมั่นคงของไทยเปิดเผยต่อสาธารณชนถึงการตรวจพบการเคลื่อนไหวของแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือที่ร่วมมือกับกลุ่มในกัมพูชา เพื่อโจมตีเป้าหมายในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ปัญหาความมั่นคงในภูมิภาคยังคงอยู่ในภาวะอ่อนไหว
เผยความร่วมมือ “แฮกเกอร์เกาหลีเหนือ-กัมพูชา” เจาะระบบไทย
ข้อมูลที่เปิดเผยโดยวาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารชื่อดัง PPTV ระบุว่า พลโท ชาติชาย ชัยเกษม ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ว่ามีหลักฐานชี้ชัดถึงการใช้แฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือที่ทำงานร่วมกับกลุ่มในกัมพูชา โจมตีระบบของไทย โดยรูปแบบและความเชื่อมโยงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการจ้างงานส่วนตัวหรือเป็นความร่วมมือในระดับรัฐระหว่างสองประเทศ
พลโท ชาติชาย กล่าวย้ำว่า “หน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหาร” ก่อตั้งเมื่อ 1 ตุลาคม 2567 ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อบูรณาการความร่วมมือด้านไซเบอร์ในกองทัพและระหว่างหน่วยงานความมั่นคงในประเทศ รวมถึงตำรวจไซเบอร์ โดยมีภารกิจสำคัญคือ การปกป้องระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ทั้งที่เชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ตและไม่เชื่อมโยงอินเทอร์เน็ต เพื่อรับมือกับรูปแบบสงครามยุคใหม่
งบ 97 ล้านบาท สร้างเกราะป้องกันไซเบอร์ระดับชาติ
ในการนำเสนองบประมาณปี 2569 ต่อสภาผู้แทนราษฎร หน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหารได้ขอใช้งบประมาณ 97 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ เน้นการป้องกัน-แก้ไขปัญหาเว็บไซต์และระบบต่างๆ ของหน่วยงานภาครัฐที่ถูกโจมตี รวมถึงการค้นหาตัวผู้โจมตีและจัดส่งข้อมูลให้ตำรวจไซเบอร์ดำเนินการออกหมายจับ ดำเนินคดี และตอบโต้ตามความเหมาะสม
พลโท ชาติชาย เปิดเผยอีกว่า การโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกวัน โดยเป้าหมายหลักมักเป็นหน่วยงานพลเรือน รัฐบาล และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งทีมงานไซเบอร์ทหารประกอบด้วยวิศวกรโปรแกรมเมอร์ OT Security Expert ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการคุ้มครองความมั่นคงทางดิจิทัล
“เราไม่ได้นำงบไปทำ IO (Information Operation) เพราะไซเบอร์ทหารเป็นนักเทคนิคมืออาชีพ ไม่เกี่ยวกับ IO ที่เน้นสร้างคอนเทนต์หรือแนวคิด ซึ่งส่วนนี้เยาวชนหรือบุคคลทั่วไปก็สามารถทำได้ แต่การป้องกันโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจำเป็นต้องใช้ทักษะขั้นสูง” พลโท ชาติชายกล่าว
วิกฤตไซเบอร์กับยุทธศาสตร์มั่นคงไทย
ความร่วมมือระหว่างแฮกเกอร์เกาหลีเหนือและกลุ่มในกัมพูชา สะท้อนแนวโน้มของ “สงครามยุคใหม่” ที่รัฐไม่จำเป็นต้องเคลื่อนทัพหรือใช้อาวุธร้ายแรง แต่สามารถสร้างความเสียหายหรือความวุ่นวายผ่านไซเบอร์สเปซ ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีเว็บไซต์ ขโมยข้อมูล หรือทำลายความน่าเชื่อถือของหน่วยงานรัฐ
รายงานจากหน่วยงานความมั่นคงของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงและเคยโจมตีเป้าหมายทั่วโลก เช่น กลุ่ม Lazarus ที่มีประวัติโจมตีระบบการเงิน, สถาบันการเงิน, หน่วยงานรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานในหลายประเทศ รวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะที่ไทยกำลังพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ผลักดันโครงการเมืองอัจฉริยะ การสร้างเกราะป้องกันไซเบอร์ระดับชาติและการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อป้องกันปัญหาการโจมตีที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ
บทสรุปและข้อวิเคราะห์
การเปิดเผยของหน่วยบัญชาการไซเบอร์ทหารต่อสาธารณะในครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณเตือนสำหรับภาครัฐและภาคเอกชนให้ตระหนักถึงภัยไซเบอร์และร่วมกันเสริมสร้างมาตรการป้องกัน ความร่วมมือระหว่างแฮกเกอร์ระดับนานาชาติและกลุ่มในภูมิภาคถือเป็นภัยคุกคามใหม่ที่อาจนำไปสู่ผลกระทบต่อความมั่นคงแบบไร้ขีดจำกัด
ในขณะเดียวกัน การลงทุนในบุคลากรและเทคโนโลยีด้านไซเบอร์ ตลอดจนการยกระดับศักยภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเป็นหัวใจสำคัญของยุทธศาสตร์ความมั่นคงยุคใหม่ที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- PPTV, รายงานข่าวโดยวาสนา นาน่วม
- คณะกรรมาธิการงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร
- กองบัญชาการไซเบอร์ทหาร กองทัพไทย