Categories
NEWS UPDATE

AOT สะเทือน “กีรติ” ลาออก เอฟเฟกต์การเมือง หรือดูแลครอบครัว

กีรติ ลาออกจาก AOT อย่างเป็นทางการ “สุริยะ” ยันไม่มีแรงกดดันทางการเมือง พร้อมย้ำความต่อเนื่องขององค์กรการบินแห่งชาติ

เริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านในองค์กรสนามบินแห่งชาติ

ประเทศไทย, 23 เมษายน 2568 – วงการคมนาคมและอุตสาหกรรมการบินของไทยเกิดความเคลื่อนไหวสำคัญ เมื่อ ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน 2568 เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลเรื่องความจำเป็นในการดูแลบิดามารดาซึ่งมีอายุมากและสุขภาพไม่ดี

แม้เป็นการตัดสินใจที่สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่าย แต่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ออกมายืนยันในทันทีว่า การลาออกของนายกีรติไม่มีความเกี่ยวข้องกับแรงกดดันทางการเมืองแต่อย่างใด

การแถลงยืนยันจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

นายสุริยะ กล่าวต่อสื่อมวลชนว่า ตนเองได้รับหนังสือลาออกจากนายกีรติแล้ว และยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าตัว ไม่ได้มีแรงกดดันจากฝ่ายการเมือง หรือปัจจัยภายนอกเกี่ยวกับพรรคการเมืองใดเข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมกันนี้ยังปฏิเสธข่าวลือที่ระบุว่านายวิม รุ่งวัฒนจินดา หนึ่งในกรรมการ AOT และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จะเข้ารับหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่แทนว่า “ไม่เป็นความจริง”

เขาย้ำด้วยว่า หากมีแรงกดดันทางการเมืองจริง นายกีรติคงไม่สามารถดำรงตำแหน่งมาได้นานถึง 2 ปี และหากตนจะใช้อำนาจแทรกแซงจริงก็มีโอกาสที่จะให้ลาออกได้ตั้งแต่เริ่มเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีแล้ว

ภาพรวมผลงาน AOT ภายใต้การนำของกีรติ

ก่อนการลาออกเพียงไม่กี่วัน AOT ได้รายงานผลการดำเนินงานในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารจัดการระบบสนามบินทั้ง 6 แห่งทั่วประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีผู้โดยสารรวมกว่า 2.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4.3% และเที่ยวบินรวมกว่า 16,000 เที่ยว เพิ่มขึ้น 7.6%

ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการบินหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งนับเป็นผลงานสำคัญภายใต้การนำของดร.กีรติ

นวัตกรรมที่ช่วยยกระดับบริการผู้โดยสาร

หนึ่งในผลงานเด่นของ AOT ภายใต้การบริหารของดร.กีรติ คือ การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับการบริการ อาทิ

  • เครื่องเช็กอินอัตโนมัติ (CUSS)
    ลดเวลาเช็กอินจาก 20 นาที เหลือเพียง 1 นาที
  • ระบบ Biometric
    ลดเวลาในการยืนยันตัวตนจาก 3 นาที เหลือ 1 นาที
  • Automated Border Control (ABC)
    ลดเวลาการตรวจหนังสือเดินทางจาก 15 นาที เหลือไม่ถึง 2 นาที

สิ่งเหล่านี้ช่วยทำให้ระยะเวลาโดยรวมของการเดินทางผ่านสนามบินลดลงอย่างชัดเจน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ และทำให้ AOT สามารถรักษามาตรฐานการให้บริการที่ดีขึ้นกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้

เป้าหมายระยะยาว มุ่งสู่สนามบินระดับโลก

ในรายงานฉบับล่าสุด AOT ระบุว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ขยับอันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลกขึ้นจากอันดับที่ 58 เป็นอันดับที่ 39 ในปี 2568 โดยมีเป้าหมายที่จะขยับเข้าสู่ “Top 20 สนามบินที่ดีที่สุดในโลก” ภายใน 5 ปีข้างหน้า

AOT ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาพื้นที่ให้บริการที่เชื่อมโยงกับประสบการณ์ผู้โดยสาร เช่น การจัดพื้นที่พักผ่อน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย และกิจกรรมสันทนาการภายในสนามบิน เพื่อสร้างความประทับใจตลอดการเดินทาง

ข่าวลือในช่วงสงกรานต์ และแรงกดดันภายใน

รายงานจากแหล่งข่าววงในระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่า ดร.กีรติ อาจลาออกก่อนครบวาระในปี 2570 โดยมีการเชื่อมโยงไปถึงแรงกดดันจากภายในองค์กร รวมถึงปัญหาทางการเงินที่เกิดจากการเจรจาขอเลื่อนชำระค่าตอบแทนขั้นต่ำจากผู้ประกอบการรายสำคัญ ซึ่งส่งผลต่อฐานะการเงินของ AOT และการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์

โดย AOT ต้องเผชิญกับการปรับลดราคาหุ้นกว่า 20% ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี หลังการประกาศผลประกอบการล่าสุด

ประวัติและบทบาทในองค์กรของดร.กีรติ

ดร.กีรติ เป็นผู้บริหารที่เติบโตจากสายงานภายในของ AOT ผ่านประสบการณ์ด้านการพัฒนาธุรกิจและบริหารจัดการสนามบิน ก่อนจะเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่เมื่อกลางปี 2566 ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหลังโควิด-19

ภายใต้การนำของเขา AOT ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างรายได้ และวางกลยุทธ์ใหม่ โดยมุ่งเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบิน (Non-Aviation) ให้มากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก และสร้างเสถียรภาพในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ผู้โดยสารช่วงสงกรานต์ 2568
    รวม 2.6 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 4.3%)
  • ผู้โดยสารระหว่างประเทศ
    1.6 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 3.1%)
  • ผู้โดยสารภายในประเทศ
    1 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 6.2%)
  • เที่ยวบินทั้งหมด
    16,064 เที่ยวบิน (เพิ่มขึ้น 7.6%)
  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.)
    1.3 ล้านผู้โดยสาร, 7,345 เที่ยวบิน
  • อันดับสนามบินในโลก (Skytrax)
    อันดับ 39 ในปี 2568 (เพิ่มขึ้นจากอันดับ 58)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)
  • กระทรวงคมนาคม
  • รายงานการประเมินสนามบินจาก Skytrax
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
  • ข่าวจากสื่อมวลชนสายคมนาคม – กรุงเทพธุรกิจ, มติชน, ฐานเศรษฐกิจ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ทอท.เปิดเชียงราย Fam Trip ดึงสายการบินต่างชาติ

เชียงรายเปิดเส้นทางบินใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น

AOT ผนึกกำลัง ททท. เปิดตัวโครงการ FAM Trip เชียงราย

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมเปิดตัวโครงการสร้างการรับรู้และพัฒนาเส้นทางการบิน (Familiarization Trip : FAM Trip) ภายใต้ชื่อ “Discover Amazing Thailand Through The Skies FAM Trip” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงราย ณ โรงแรม เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568

โครงการนี้มีเป้าหมายหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดเชียงรายโดยใช้ศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) เป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงเส้นทางบินระหว่างประเทศ โดยมีผู้แทนสายการบินและตัวแทนการท่องเที่ยวชั้นนำจากประเทศอินเดีย จีน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์เข้าร่วมงาน เพื่อพัฒนาเส้นทางบินและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมายังเชียงรายมากขึ้น

เชียงรายพร้อมเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาค

ในพิธีเปิดโครงการ FAM Trip ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเชียงรายในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและธรรมชาติที่โดดเด่น อีกทั้งยังมีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบิน

AOT ได้จัดทำโครงการสนับสนุนการตลาด (Marketing Fund) เพื่อจูงใจให้สายการบินต่างชาติเพิ่มเที่ยวบินมายังท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย โดยเฉพาะการเชื่อมโยงเส้นทางบินใหม่กับเมืองสำคัญทั่วโลก เพื่อยกระดับให้ ทชร. เป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งทางอากาศของภูมิภาค (Regional Hub)

โครงการ FAM Trip เปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักลงทุนและสายการบิน

ในช่วงงานเลี้ยงต้อนรับ (Welcome Reception) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน พร้อมนำเสนอศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ให้แก่ผู้แทนสายการบินและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย และหอการค้าจังหวัดเชียงราย

ในโอกาสนี้ นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ได้บรรยายสรุปข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพของ ทชร. รวมถึงแผนพัฒนาสนามบินเพื่อรองรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยผู้เข้าร่วมโครงการยังได้เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเชียงราย อาทิ วัดร่องขุ่น ไร่ชาฉุยฟง และดอยตุง เพื่อสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่จริง

เป้าหมายเชียงราย: สู่ Aviation Hub ของภูมิภาค

รัฐบาลไทยมีเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค ซึ่งนอกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เป็นองค์ประกอบหลักแล้ว การพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาคอย่าง ทชร. ก็เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์สำคัญในการขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศ

AOT วางแผนพัฒนา ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO – Maintenance, Repair, and Overhaul) ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินและเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการสายการบินทั่วโลก ตัวอย่างของประเทศที่ประสบความสำเร็จในแนวทางนี้คือสิงคโปร์ ซึ่งมีศูนย์ซ่อมอากาศยานชั้นนำระดับโลกและสถาบันฝึกอบรมด้านการบินอย่าง Singapore Aviation Academy (SAA)

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสถิติที่เกี่ยวข้อง

การพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศมายังเชียงรายคาดว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ในปี 2567 เชียงรายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนกว่า 1.2 ล้านคน และคาดว่าจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 20% ภายในปี 2569 หากมีการขยายเส้นทางบินใหม่เพิ่มเติม

นอกจากนี้ สถิติจาก AOT ชี้ให้เห็นว่าปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในปีที่ผ่านมาเติบโตขึ้นกว่า 15% จากปี 2566 โดยมีจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเชียงรายในการเป็นศูนย์กลางการบินแห่งใหม่ของภูมิภาค

สรุป

โครงการ FAM Trip เชียงราย ถือเป็นก้าวสำคัญในการดึงดูดสายการบินและนักลงทุนให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงราย ทั้งในด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาเส้นทางบินระหว่างประเทศ ด้วยการสนับสนุนจาก AOT และ ททท. เชียงรายกำลังกลายเป็นศูนย์กลางการบินระดับภูมิภาคที่สามารถแข่งขันกับเมืองท่องเที่ยวชั้นนำในเอเชียได้อย่างเต็มตัว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) / บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
FEATURED NEWS

AOT เปิดลงทุนรอบสนามบิน โอกาสทองอสังหาฯ 29 เม.ย. 68

AOT Property Showcase 2025: เปิดประตูสู่โอกาสทองด้านการลงทุนรอบสนามบิน

โอกาสครั้งสำคัญของนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์

AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เตรียมเปิดม่านงาน “AOT Property Showcase: The Six Pillars of Opportunity” งานแสดงโอกาสการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี เปิดโอกาสให้นักลงทุนและภาคเอกชนเข้ามาพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพื้นที่ศักยภาพสูงรอบท่าอากาศยานทั่วประเทศ งานนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 29 เมษายน 2568 เวลา 09:30 – 12:00 น.Harmony Grand Ballroom, BDMS Connect Center, Movenpick BDMS Wellness Resort Bangkok

ขยายวิสัยทัศน์สู่ Aviation Hub แห่งภูมิภาค

การจัดงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ของ AOT ในการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าการใช้ประโยชน์จากที่ดินโดยรอบท่าอากาศยานหลัก 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, ภูเก็ต, เชียงใหม่, หาดใหญ่ และแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ซึ่งล้วนเป็น ทำเลทอง สำหรับการพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์ ศูนย์กระจายสินค้า ธุรกิจโลจิสติกส์ และธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

จุดเด่นของงาน: The Six Pillars of Opportunity

AOT ได้นำเสนอแนวคิด “The Six Pillars of Opportunity” หรือ 6 เสาหลักแห่งโอกาส ที่จะช่วยผลักดันให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาพื้นที่ โดยประกอบไปด้วย:

  1. ทำเลยุทธศาสตร์ระดับพรีเมียม – การเข้าถึงพื้นที่สำคัญรอบท่าอากาศยานที่เป็นศูนย์กลางของการเดินทางและขนส่ง
  2. สาธารณูปโภคครบครัน – รองรับการพัฒนาพื้นที่ในหลากหลายรูปแบบ
  3. โลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับระบบขนส่งระหว่างประเทศ
  4. โอกาสการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน
  5. การสนับสนุนจากภาครัฐและนโยบายที่ส่งเสริมการลงทุน
  6. การเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่อยู่รอบสนามบิน

การเสวนาพิเศษ: เจาะลึกศักยภาพอสังหาริมทรัพย์รอบสนามบิน

ภายในงานจะมีการเสวนาหัวข้อ โอกาสทองอสังหาริมทรัพย์ของ AOT ก้าวสู่การเป็น AVIATION HUB” โดยมีผู้เชี่ยวชาญในวงการมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ได้แก่:

  • คุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ – กรรมการอิสระและประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง AOT
  • ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ – กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT
  • ดร.กิริฎา เภาพิจิตร – ผู้อำนวยการโครงการ TDRI Economic Intelligence Service

นักลงทุนได้รับอะไรจากงานนี้?

นักลงทุนที่เข้าร่วมงานจะได้รับ:  การเข้าถึง ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับที่ดินโดยรอบท่าอากาศยาน โอกาสในการลงชื่อเพื่อ เยี่ยมชมพื้นที่จริง และสิทธิพิเศษและข้อเสนอเฉพาะสำหรับนักลงทุนในงาน รวมไปถึง Networking กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้า

สถิติและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

  • ปัจจุบัน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีจำนวนผู้โดยสารมากกว่า 60 ล้านคนต่อปี (ที่มา: AOT Annual Report 2024)
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง รองรับเที่ยวบินภายในประเทศมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี (ที่มา: กรมท่าอากาศยาน)
  • การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รอบสนามบินในประเทศญี่ปุ่น เช่น นาริตะ และฮาเนดะ มีมูลค่าการเติบโตสูงกว่า 15% ต่อปี (ที่มา: Japan Civil Aviation Bureau)

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้

นักลงทุนและผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งเข้าร่วมงาน AOT Property Showcase 2025 ได้แล้ววันนี้ที่:

Line Official Account: https://lin.ee/rWBrKhe  Email: aotproperty@thegoodsun.net

หรือติดต่อ: น.ส.ปัทมา สินประเสริฐพร (08 1912 8358) และ น.ส.นภสร มากช่วย (09 7294 4245)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : AOT Property Showcase 2025

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
ECONOMY

เคาะสร้าง 7 ปี “สนามบินล้านนา” สนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 ทุ่ม 7 หมื่นล้าน

 

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2567 นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ทอท.มีแผนเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานภูมิภาค ให้สามารถรองรับเที่ยวบินและผู้โดยสารได้มากขึ้น

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินโครงการพัฒนาท่าอากาศยานล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ (ทชม.) ระยะที่ 1 วงเงินงบประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างระหว่างประเทศหลังใหม่ มีพื้นที่กว่า 95,000 ตารางเมตร

 

รวมทั้งจะมีการปรับปรุงอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ทำให้มีพื้นที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 66,600 ตารางเมตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ทชม. ในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 20 ล้านคนต่อปี โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2569

 

สำหรับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานล้านนา (ทชม.แห่งที่ 2) บนพื้นที่ 8,050 ไร่ งบประมาณลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพื่อรองรับผู้โดยสาร 24 ล้านคนต่อปี ทางวิ่ง 2 เส้น สามารถรองรับเที่ยวบินได้ 41 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และหลุมจอดอากาศยาน 38 หลุมจอด รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ 41 เที่ยวบินต่อชั่วโมง และหลุมจอดอากาศยาน 38 หลุมจอด รองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศได้ 32,000 ตัน

 

โดยคาดว่าจะตั้งอยู่ในอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ซึ่งห่างจาก ทชม. 22 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์ประมาณ 32 นาที โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน ตลอดจนกระบวนการจัดตั้งท่าอากาศยาน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 ปี

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News