Categories
AROUND CHIANG RAI LIFESTYLE

กาแฟ ‘เชียงราย’ โกอินเตอร์ ผลักดันไมซ์ สร้างเศรษฐกิจชุมชน

จุดเริ่มต้นสู่เวทีระดับประเทศ เชียงรายร่วมขับเคลื่อนไมซ์ไทย

สุราษฎร์ธานี, 9 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงราย โดยการนำของ นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และ กลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย (Chiang Rai Coffee Lovers – CCL) ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานระดับประเทศ MICE City Summit 2025 และ Samui MICE Bazaar 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6–8 พฤษภาคม 2568 ณ โรงแรมโนราบุรี รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดสุราษฎร์ธานี

การเข้าร่วมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันสินค้าท้องถิ่นของเชียงราย โดยเฉพาะ “กาแฟเชียงราย” สู่ตลาดไมซ์ (MICE) ระดับประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐมุ่งสนับสนุนให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19

กาแฟเชียงรายจากชุมชนสู่แบรนด์ระดับประเทศ

“กลุ่มคนรักกาแฟเชียงราย” หรือ CCL ก่อตั้งขึ้นโดย นายพงศกร อารีศิริไพศาล มีจุดประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมกาแฟในท้องถิ่นและยกระดับมาตรฐานกาแฟให้สามารถแข่งขันในตลาดระดับชาติและสากล ปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิกประกอบด้วยเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ ร้านกาแฟ และผู้บริโภคจำนวนมาก กระจายอยู่ทั่วจังหวัดเชียงราย

กาแฟที่นำเสนอในงานเป็น กาแฟคุณภาพระดับ Specialty และ Commercial Grade ที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถันจากไร่ในเขตแม่สรวย แม่จัน และเวียงป่าเป้า ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ที่มีสภาพภูมิอากาศเหมาะสมต่อการปลูกกาแฟชั้นดี

ภายในงาน Samui MICE Bazaar 2025 กลุ่ม CCL ได้รับโอกาสในการจัดบูธแสดงสินค้า เจรจาธุรกิจ และเข้าร่วมกิจกรรมแข่งขัน “The MICE Masterpiece Challenge” โดยใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น เช่น เมล็ดกาแฟแปรรูป น้ำผึ้งป่า และสมุนไพรพื้นบ้าน รังสรรค์เป็นเมนูอาหารว่างร่วมสมัย สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของเชียงราย

ขยายโอกาสไมซ์ เชียงรายกับศักยภาพรองรับงานระดับชาติ

เชียงรายในปัจจุบันเริ่มปรับตัวสู่เมืองรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ โดยภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับกิจกรรมไมซ์ เช่น ศูนย์ประชุมและนิทรรศการขนาดกลาง โรงแรมระดับมาตรฐาน รวมถึงเครือข่ายธุรกิจในพื้นที่ที่สามารถรองรับกลุ่มผู้เดินทางเพื่อจัดประชุม สัมมนา และแสดงสินค้า

ข้อมูลจากกลุ่ม CCL ระบุว่า พื้นที่ของกลุ่มสามารถรองรับกลุ่มไมซ์ได้ระหว่าง 40–50 คนต่อรอบกิจกรรม โดยเน้นประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมกาแฟ ผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อป ชิมกาแฟ และการเรียนรู้เรื่องราวของต้นกาแฟในระดับชุมชน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

งานใหญ่ระดับประเทศ Samui MICE Bazaar × MICE City Summit 2025

งาน MICE Bazaar 2025 และ MICE City Summit 2025 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีในครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กับภาคีเครือข่ายทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศ

MICE Bazaar 2025 เน้นการสร้างเครือข่ายธุรกิจในรูปแบบ B2B เจรจาธุรกิจระหว่างผู้ซื้อจาก 4 ภาค กับผู้ประกอบการในพื้นที่มากกว่า 35 ราย ส่วน MICE City Summit 2025 เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ด้านกลยุทธ์การพัฒนาไมซ์ในยุคดิจิทัล ผ่านการบรรยายในหัวข้อ “MICE Marketing Leadership: Strategies for the Digital Age”

นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนา การแข่งขันด้านอาหาร และกิจกรรมส่งเสริมชุมชนท้องถิ่น เพื่อขับเคลื่อนให้พื้นที่ไมซ์เมืองรองอย่างเกาะสมุย กลายเป็นจุดหมายของนักเดินทางธุรกิจ และนักลงทุนไมซ์จากทั่วโลก

เชียงรายกับยุทธศาสตร์ไมซ์ที่ยั่งยืน

การปรากฏตัวของเชียงรายในเวทีระดับประเทศครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการโปรโมตกาแฟท้องถิ่น แต่ยังสะท้อนภาพของ “เมืองไมซ์ทางวัฒนธรรม” ที่กำลังก้าวสู่ระดับชาติอย่างมั่นคง จุดแข็งของเชียงรายอยู่ที่ทรัพยากรธรรมชาติ ประเพณีท้องถิ่น และผลิตภัณฑ์ที่มีภูมิปัญญาชุมชนรองรับ เช่น กาแฟ ชา สมุนไพร ผ้า และของแปรรูป

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เชียงรายยังต้องเร่งพัฒนาคือโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบขนส่ง การสื่อสาร รวมถึงบุคลากรด้านการบริการไมซ์ที่ต้องผ่านการอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของนักเดินทางกลุ่มใหม่ที่ต้องการประสบการณ์เฉพาะตัว (personalized experience)

สถิติที่เกี่ยวข้อง ณ พฤษภาคม 2568

  • มูลค่าตลาดกาแฟในจังหวัดเชียงราย: 465 ล้านบาท/ปี (ที่มา: สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงราย)
  • จำนวนกลุ่มธุรกิจกาแฟในจังหวัดเชียงราย: 183 กลุ่ม/กิจการ (ที่มา: กลุ่ม CCL และสสว.)
  • จำนวนนักเดินทางไมซ์ในเชียงรายปี 2567: 78,430 คน (ที่มา: TCEB – สำนักงานภาคเหนือ)
  • ศักยภาพพื้นที่รองรับไมซ์ในเชียงราย: 10 สถานที่หลักที่รองรับได้ 30–500 คน/กิจกรรม
  • การเติบโตของธุรกิจไมซ์ไทย (รวม): ขยายตัวเฉลี่ย 7.2% ต่อปี (ข้อมูลจาก TCEB)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

“แม่จันใต้เฟส” กาแฟอาข่าผสาน ปีใหม่ไข่แดง โอกาสท่องเที่ยวชุมชนยั่งยืน

เทศกาลกาแฟแม่จันใต้ 2568 เมื่อวัฒนธรรมอาข่าผสานกาแฟสู่โอกาสท่องเที่ยวเชิงชุมชนที่ยั่งยืน

เชียงราย, 8 พฤษภาคม 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านฤดูกาลของชาวอาข่าบนดอยแม่จันใต้ ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ชุมชนเล็กๆ แห่งนี้กำลังเตรียมพร้อมสำหรับงาน Mae Jantai Coffee Fest 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-25 เมษายน 2568 งานนี้ไม่เพียงเป็นการเฉลิมฉลองประเพณีปีใหม่ไข่แดงอันเก่าแก่ของชาวอาข่า แต่ยังเป็นเวทีที่นำเสนอกาแฟคุณภาพสูงจากดอยแม่จันใต้ สะท้อนถึงการหลอมรวมวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้ากับการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน การจัดงานในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชุมชนในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวผ่านกาแฟและวิถีชีวิตของชาวอาข่า

จากวงกาแฟเล็กๆ สู่เทศกาลระดับชุมชน

ย้อนกลับไปเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว ชาวบ้านแม่จันใต้เริ่มหันมาปลูกกาแฟอย่างจริงจังในปี 2545 โดยใช้ประโยชน์จากสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบาย ดินที่อุดมสมบูรณ์ และระดับความสูงกว่า 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการปลูกกาแฟอาราบิก้า ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านได้พัฒนากาแฟที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ โดยเน้นการปลูกแบบยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การรวมตัวกันใน “วงกาแฟ” ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการปลูกและแปรรูปกาแฟ ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในชุมชน

จากวงกาแฟเล็กๆ ในวันนั้น สู่การจัดงาน Mae Jantai Coffee Fest ในวันนี้ ชุมชนแม่จันใต้ได้ก้าวข้ามความท้าทายมากมาย ทั้งการปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติ การพัฒนาเทคนิคการแปรรูปกาแฟ และการรักษาวัฒนธรรมอาข่าไว้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางสังคม การจัดงานเทศกาลกาแฟครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั้งคนในชุมชนและผู้มาเยือน ทำให้ในปี 2568 นี้ ชาวบ้านตั้งใจยกระดับงานให้ยิ่งใหญ่ขึ้น โดยผสานประเพณีปีใหม่ไข่แดงเข้ากับการชิมกาแฟและการประกวดเมล็ดกาแฟที่มีมาตรฐานสากล

ประเพณีปีใหม่ไข่แดง หรือ “ขึ่มสึ ขึ่มมี้ อาเผ่ว” ในภาษาอาข่า เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและรำลึกถึงบรรพบุรุษ รวมถึงการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลเพาะปลูกใหม่ การที่ชุมชนแม่จันใต้นำประเพณีนี้มารวมกับการชิมกาแฟแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ในการเชื่อมโยงวัฒนธรรมเก่ากับโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจ งานนี้ไม่เพียงเป็นการส่งเสริมกาแฟคุณภาพสูง แต่ยังเป็นการเปิดประตูให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวอาข่า

เทศกาลกาแฟแม่จันใต้และการประกวดเมล็ดกาแฟ

งาน Mae Jantai Coffee Fest 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24-25 เมษายน 2568 ณ หมู่บ้านแม่จันใต้ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับกาแฟของชุมชนให้เป็นที่รู้จักในระดับที่กว้างขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงชุมชนที่ยั่งยืน หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือการประกวดเมล็ดกาแฟ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่ชุมชนท้องถิ่นจัดการแข่งขันด้วยมาตรฐานสากล โดยมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรต่างๆ เช่น SCATH, CCL และทีมดอยตุง เข้ามาช่วยประเมินคุณภาพกาแฟ

ในปีที่ผ่านมา การประกวดเมล็ดกาแฟได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีกาแฟทั้งหมด 32 ตัวอย่างจากทั้งในหมู่บ้านแม่จันใต้และหมู่บ้านใกล้เคียง แบ่งเป็นกระบวนการแปรรูปแบบ Wash (10 ตัวอย่าง), Honey (9 ตัวอย่าง) และ Dry/Natural (13 ตัวอย่าง) การคัดเลือกกาแฟเริ่มต้นจากการรวบรวมสารกาแฟโดยทีมงานในชุมชน ซึ่งกำหนดให้แต่ละครัวเรือนส่งกาแฟตัวอย่าง 1 กิโลกรัม จากนั้นกาแฟจะถูกส่งไปคั่วโดยผู้เชี่ยวชาญจาก “เจ้าไม้-มือคั่วแห่งอาข่าอ่ามา” ซึ่งต้องคั่วทั้งหมด 48 รอบเพื่อให้ได้กาแฟที่พร้อมสำหรับการชิม

วันที่ 24 เมษายน 2568 จะเป็นวันชิมกาแฟ (Cupping Day) โดยคณะกรรมการ 9 คน ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญอย่างอาจารย์นิวัตรจาก SIXSENSE, คุณสาโรจน์จาก The Roastery By Roj CCL, และตัวแทนจากดอยตุง จะชิมกาแฟทั้งหมดใน 5 รอบ ได้แก่ รอบ Calibrate, Wash, Honey, Dry และรอบพิเศษ การชิมดำเนินการตั้งแต่ 9.00 น. ถึง 18.00 น. โดยใช้แนวทางการประเมินของ SCATH ซึ่งเน้นความเข้มข้นและความแม่นยำ กรรมการต้องบันทึกรสชาติและให้คะแนนอย่างละเอียด เพื่อให้ผลการตัดสินมีความน่าเชื่อถือและสามารถนำไปพัฒนาคุณภาพกาแฟในอนาคต

ผลการแข่งขันในปีที่ผ่านมาเผยให้เห็นถึงความหลากหลายและศักยภาพของกาแฟแม่จันใต้ โดย 5 อันดับแรกประกอบด้วย:

  1. เกชา เนเชอรัล โดยคุณอาทู เบเชกู่ (88.79 คะแนน) – กาแฟจากสายพันธุ์เกชาที่เพาะจากเมล็ดจากปานามา มีรสชาติซับซ้อนและเป็นที่จับตามอง
  2. ซุนด้า เนเชอรัล โดยคุณกฤตเมธ โยเบี๊ยะ (87.93 คะแนน) – สายพันธุ์ใหม่จากเกาะชวา โดดเด่นด้วยกลิ่นดอกไม้และความหวาน
  3. ส้มผานกกก (ออเร้นจ์เบอร์บอน) ฮันนี่ โดยคุณสินธพ จือปา (86.75 คะแนน) – สายพันธุ์เก่าแก่ที่ถูกค้นพบใหม่และได้รับความนิยม
  4. ลูกเหลืองรวม เนเชอรัล โดยคุณสิงหา จือปา (86.68 คะแนน) – การผสมผสานของสายพันธุ์คาติมอร์, คาทุย, คาทูร่า และเบอร์บอน
  5. บาเที่ยน โดยคุณสุรพล มณีเอกพันธุ์ (86.63 คะแนน) – สายพันธุ์ใหม่จากเคนยาที่มีศักยภาพสูง

ผลการแข่งขันนี้ไม่เพียงแสดงถึงคุณภาพของกาแฟแม่จันใต้ แต่ยังสะท้อนถึงความทุ่มเทของเกษตรกรในการพัฒนาการปลูกและแปรรูปกาแฟ คำแนะนำจากคณะกรรมการจะถูกส่งกลับไปยังเกษตรกรเพื่อใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตต่อไป

วันที่ 25 เมษายน 2568 จะเป็นวันประกาศผลรางวัล ซึ่งจัดขึ้นพร้อมกับการเฉลิมฉลองประเพณีปีใหม่ไข่แดง ผู้มาเยือนจะได้สัมผัสวัฒนธรรมอาข่าผ่านการแต่งกายพื้นเมือง การสาธิตการตำข้าวปุก (ข้าวเหนียวตำผสมงา) และการแสดงดนตรีและการเต้นรำพื้นเมือง การผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมและกาแฟทำให้งานนี้เป็นมากกว่าการชิมกาแฟ แต่เป็นประสบการณ์ที่เชื่อมโยงผู้คนกับชุมชน 

โอกาสและความท้าทายของแม่จันใต้

งาน Mae Jantai Coffee Fest 2025 เป็นมากกว่าเทศกาลกาแฟ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ชุมชนแม่จันใต้ก้าวสู่เวทีที่กว้างขึ้นในอุตสาหกรรมกาแฟและการท่องเที่ยว การที่ชุมชนสามารถจัดการแข่งขันเมล็ดกาแฟด้วยมาตรฐานสากลแสดงถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพในการยกระดับกาแฟของตนเองให้เทียบชั้นกับแหล่งปลูกกาแฟชั้นนำอื่นๆ ในประเทศไทย เช่น ดอยช้างหรือน่าน อย่างไรก็ตาม ชุมชนยังเผชิญกับความท้าทายหลายประการที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้งานนี้เติบโตอย่างยั่งยืน

หนึ่งในความท้าทายหลักคือข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การขาดแคลนไฟฟ้าในหมู่บ้าน ซึ่งทำให้ต้องคั่วกาแฟล่วงหน้า 2 วัน แทนที่จะเป็น 1 วันตามมาตรฐานสากล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การติดตั้งระบบไฟฟ้า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดงานและดึงดูดผู้มาเยือนได้มากขึ้น นอกจากนี้ การขาดแคลนทรัพยากรด้านการประชาสัมพันธ์ทำให้งานนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง การสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่นหรือองค์กรด้านการท่องเที่ยวจะช่วยขยายการรับรู้เกี่ยวกับงานนี้ไปสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

อีกหนึ่งความท้าทายคือการรักษาวัฒนธรรมอาข่าในยุคที่ชุมชนบางแห่งเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ชุมชนแม่จันใต้ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรักษาประเพณีปีใหม่ไข่แดงไว้ได้อย่างดี แต่การผสมผสานวัฒนธรรมเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้สูญเสียอัตลักษณ์ของชุมชน การอบรมทักษะด้านการท่องเที่ยวให้กับเยาวชนในชุมชนจะช่วยให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการสืบสานวัฒนธรรมและพัฒนาเศรษฐกิจไปพร้อมกัน

โอกาสที่สำคัญของงานนี้คือการสร้างรายได้ให้กับชุมชนผ่านการท่องเที่ยวและการจำหน่ายกาแฟ การที่กาแฟแม่จันใต้ได้รับรางวัลในระดับชุมชนและเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการกาแฟ จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของเกษตรกร การพัฒนาแบรนด์กาแฟแม่จันใต้และการสร้างเครือข่ายกับร้านกาแฟหรือผู้จัดจำหน่ายจะช่วยให้กาแฟของชุมชนเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ การท่องเที่ยวเชิงชุมชนที่เน้นการเรียนรู้วิถีชีวิตและการปลูกกาแฟจะดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจประสบการณ์ที่แท้จริงและยั่งยืน 

ศักยภาพของกาแฟและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

งาน Mae Jantai Coffee Fest 2025 แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของชุมชนแม่จันใต้ในการใช้กาแฟและวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม การที่ชุมชนสามารถจัดการแข่งขันเมล็ดกาแฟด้วยมาตรฐานสากลเป็นตัวบ่งชี้ถึงความพร้อมในการแข่งขันในอุตสาหกรรมกาแฟที่มีการแข่งขันสูง สายพันธุ์กาแฟที่หลากหลาย เช่น เกชา, ซุนด้า, และบาเที่ยน รวมถึงเทคนิคการแปรรูปที่พัฒนาขึ้น เช่น Natural และ Anaerobic Process แสดงถึงความก้าวหน้าทางเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ของเกษตรกร

ในแง่ของการท่องเที่ยว งานนี้มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่สนใจทั้งกาแฟและวัฒนธรรมท้องถิ่น จังหวัดเชียงรายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว โดยมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างวัดร่องขุ่นและดอยตุง การเพิ่มแม่จันใต้เข้าไปในแผนที่การท่องเที่ยวของจังหวัดจะช่วยกระจายรายได้สู่ชุมชนห่างไกล การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงไร่กาแฟ ไร่ชา และชุมชนชาวเขาจะสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและน่าจดจำสำหรับนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงชุมชนต้องคำนึงถึงความยั่งยืน การจัดการจำนวนนักท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับขนาดของชุมชนจะช่วยป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวบ้าน การฝึกอบรมมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ที่พักและร้านอาหาร จะช่วยเพิ่มความพร้อมของชุมชนในการต้อนรับนักท่องเที่ยว การร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น เทศบาลนครเชียงราย หรือองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) จะช่วยให้ชุมชนได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณและความรู้

ในแง่ของเศรษฐกิจ การที่กาแฟแม่จันใต้เริ่มได้รับการยอมรับในระดับชุมชนและมีศักยภาพในระดับชาติ จะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร การสร้างแบรนด์กาแฟแม่จันใต้และการพัฒนาช่องทางการจำหน่าย เช่น การขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ออนไลน์หรือการร่วมมือกับร้านกาแฟในเมืองใหญ่ จะช่วยให้กาแฟของชุมชนเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น การสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนในการพัฒนาการตลาดและบรรจุภัณฑ์จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับกาแฟแม่จันใต้

สถิติที่เกี่ยวข้อง

เพื่อให้เห็นภาพรวมของบริบทงาน Mae Jantai Coffee Fest 2025 และศักยภาพของกาแฟแม่จันใต้ ต่อไปนี้คือสถิติที่เกี่ยวข้อง:

  • จำนวนตัวอย่างกาแฟในการประกวด: 32 ตัวอย่าง (Wash 10, Honey 9, Dry/Natural 13)
    ที่มา: รายงานการแข่งขันเมล็ดกาแฟ Mae Jantai Coffee Fest 2024, ทีมงานชุมชนแม่จันใต้
  • ระดับความสูงของดอยแม่จันใต้: 1,312-1,521 เมตรจากระดับน้ำทะเล
    ที่มา: เอกสารข้อมูลภูมิศาสตร์, องค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ, 2567
  • พื้นที่ปลูกกาแฟในจังหวัดเชียงราย: ประมาณ 180,000 ไร่ (กาแฟอาราบิก้าประมาณ 80%)
    ที่มา: สำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงราย, 2567
  • จำนวนนักท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย (2566): 2.5 ล้านคน (ในประเทศ 2.2 ล้านคน, ต่างประเทศ 0.3 ล้านคน)
    ที่มา: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สำนักงานเชียงราย, 2567
  • รายได้จากกาแฟในภาคเหนือของประเทศไทย: ประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี
    ที่มา: กรมส่งเสริมการเกษตร, 2567
  • จำนวนครัวเรือนในหมู่บ้านแม่จันใต้: ประมาณ 200 ครัวเรือน (ส่วนใหญ่เป็นชาวอาข่า)
    ที่มา: สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง, 2567
  • เปอร์เซ็นต์พื้นที่ปลูกกาแฟใต้ร่มไม้ในแม่จันใต้: เกือบ 100%
    ที่มา: รายงานการวิจัยโดย ผศ.วิสูตร อาสนวิจิตร, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา, 2567

สถิติเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกาแฟและการท่องเที่ยวในฐานะเครื่องมือในการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนแม่จันใต้และจังหวัดเชียงราย การที่ชุมชนสามารถรักษาพื้นที่ป่าสมบูรณ์และปลูกกาแฟใต้ร่มไม้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน การสนับสนุนจากหน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรด้านกาแฟจะช่วยให้งาน Mae Jantai Coffee Fest กลายเป็นงานประจำปีที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและยกระดับชื่อเสียงของกาแฟแม่จันใต้ในระดับชาติและนานาชาต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กันณพงศ์ ก.บัวเกษร ผู้ก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • มนรัตน์ ก.บัวเกษร  ผู้ร่วมก่อตั้งนครเชียงรายนิวส์
  • Galleryกาแฟดริป เชียงใหม่
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์วิสูตร อาสนวิจิตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และนักวิจัยภายใต้โครงการวิจัยย่อยที่ 1
  • Sinthop Sumio Coffee
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI FOOD

เที่ยวฐานทหาร ‘เชียงราย’ ดื่มด่ำกาแฟ ชมวิวทะเลหมอก ‘เชียงราย’

“วิวสวย กาแฟเลิศรส” กองกำลังผาเมือง เชิญเที่ยวฐานทหารชมทะเลหมอก เชียงราย

เชียงราย – ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาชุมชนท้องถิ่น กองทัพภาคที่ 3 โดยกองกำลังผาเมือง ได้เปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ในเขตชายแดนไทย-เมียนมา ณ ฐานปฏิบัติการในจังหวัดเชียงราย ที่มีทั้งจุดชมวิวทะเลหมอก ร้านกาแฟ และลานกางเต็นท์ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในฤดูหนาวนี้

จุดท่องเที่ยวใหม่ที่น่าสนใจ

กองกำลังผาเมืองได้พัฒนา 2 สถานที่สำคัญ ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีทั้งความงดงามตามธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ชุมชนดังนี้:

  1. จุดชมวิวดอยช้างมูบ
    ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 60 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง 20 นาที ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบแห่งนี้เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมี Phamuang Coffee @DoichangMub ร้านกาแฟคุณภาพที่ใช้เมล็ดกาแฟจากชุมชนท้องถิ่น และพื้นที่ลานกางเต็นท์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
  2. จุดชมวิวด่านป่าสัก
    ตั้งอยู่ที่ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาของทั้งฝั่งไทยและเมียนมา ร้าน Phamuang Coffee Danpasak นำกาแฟคุณภาพสูง เช่น Phamuang Coffee และกาแฟม้าดอย มาบริการให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟแท้ในบรรยากาศยามเช้าที่สดชื่น

สนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน

การเปิดตัวสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนชุมชนท้องถิ่นให้มีรายได้เพิ่มขึ้นผ่านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาแฟและสินค้าชุมชน

เชิญชวนสัมผัสธรรมชาติในฤดูหนาว

แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว ข้าราชการในสังกัดกองทัพ และประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด มาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ชมวิวทะเลหมอกที่งดงาม และลิ้มรสกาแฟคุณภาพในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความปลอดภัย

อย่าพลาดโอกาสที่จะสัมผัสธรรมชาติอันงดงามของเชียงรายในฤดูหนาวนี้ พร้อมสนับสนุนชุมชนในพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น

ข้อมูลเพิ่มเติม:

  • เวลาเปิดให้บริการ: ทุกวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
  • การเดินทาง: ใช้ถนนหมายเลข 1 และ 1149 เพื่อเข้าถึงสถานที่ทั้งสองแห่ง
  • หมายเหตุ: นักท่องเที่ยวควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทาง

สอบถามเพิ่มเติม: Phamuang Coffee Doichangmub

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Phamuang Coffee Doichangmub

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิด FAM Trip ชา-กาแฟ ดึงนักท่องเที่ยวสัมผัสเสน่ห์ท้องถิ่น

กิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟจากสวนสู่แก้ว ครั้งที่ 2

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟ จากสวนสู่แก้ว ครั้งที่ 2 ในโครงการ Coffee or Tea ฮับชาหรือกาแฟดีจ้าว ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟในจังหวัดเชียงราย อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชน ผู้ประกอบการร้านกาแฟ และร้านอาหารต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายภาคส่วน อาทิ สื่อมวลชน เอเจนทัวร์ ผู้แทนจากส่วนราชการ และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง

จุดประสงค์การจัดงาน

กิจกรรม FAM Trip เส้นทางชา กาแฟครั้งนี้ มีเป้าหมายหลักในการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและสถานประกอบการของผู้ประกอบการชาและกาแฟในเชียงราย เพื่อสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพของชาและกาแฟในจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับชาและกาแฟ รวมถึงเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในเส้นทางดอยแม่สลองสู่ตัวเมืองเชียงราย

เส้นทางกิจกรรม FAM Trip

กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 ธันวาคม 2567 โดยเส้นทางการเดินทางมีไฮไลต์ที่น่าสนใจดังนี้:

  1. ไร่ชาฉุยฟง อ.แม่ฟ้าหลวง
    คณะได้เยี่ยมชมไร่ชาที่มีชื่อเสียงของเชียงราย พร้อมชิมผลิตภัณฑ์จากชาอันเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้กระบวนการปลูก การดูแล และการแปรรูปชา เพื่อสร้างความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของชุมชน

  2. ไร่กาแฟดอยผาหมี อ.แม่สาย
    คณะได้เยี่ยมชมไร่กาแฟบนดอยผาหมี ที่มีการผลิตกาแฟโดยใช้ภูมิปัญญาชุมชน เรียนรู้กระบวนการผลิตกาแฟตั้งแต่การปลูก เก็บเกี่ยว จนถึงการคั่ว และได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่

  3. ร้านชาและกาแฟในอำเภอเมืองเชียงราย
    การเยี่ยมชมร้านค้าและชิมผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการในตัวเมืองเชียงราย เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภค รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่

เชิญร่วมงาน Coffee or Tea ฮับชาหรือกาแฟดีจ้าว

ในโอกาสนี้ จังหวัดเชียงรายได้ประชาสัมพันธ์กิจกรรมใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 4-5 มกราคม 2568สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ภายในงานจะมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น:

  • ชิมและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟจากหลากหลายแหล่ง
  • ชมภาพวาดศิลปะที่รังสรรค์โดยศิลปินในและนอกพื้นที่ เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย
  • กิจกรรมเวิร์กชอปเกี่ยวกับการชงชาและกาแฟ รวมถึงเทคนิคการสร้างสรรค์เครื่องดื่มพิเศษ

การส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

กิจกรรม FAM Trip และงาน Coffee or Tea เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการท้องถิ่น พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ตลอดจนพัฒนาภาพลักษณ์ของเชียงรายในฐานะแหล่งผลิตชาและกาแฟคุณภาพระดับประเทศ

งานดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในด้านการเป็นศูนย์กลางของชาและกาแฟที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE