Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

คลายกังวล! กปภ. เปิดพิสูจน์น้ำประปาเชียงราย “สะอาด-ปลอดภัย-ไร้สารหนู” เกินมาตรฐาน WHO

กปภ. ย้ำความเชื่อมั่น: น้ำประปาเชียงราย “ปลอดภัย ไร้สารหนู” หลังปรับกระบวนการผลิตและตรวจสอบเข้มงวด

เชียงราย, 25 กรกฎาคม 2568 – คลายกังวลน้ำประปาเชียงราย กปภ.เปิดบ้านให้สื่อพิสูจน์มาตรฐาน “สะอาด-ปลอดภัย-ไร้สารหนู” ย้ำมาตรการเหนือ WHO ภายหลังจากที่มีรายงานตรวจพบความขุ่นผิดปกติและสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักในการผลิตน้ำประปาของจังหวัดเชียงราย ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความกังวลต่อความปลอดภัยในการใช้น้ำอย่างกว้างขวาง การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จึงรีบเร่งขับเคลื่อนมาตรการสร้างความเชื่อมั่น โดยจัดกิจกรรม “สื่อมวลชนสัญจร” นำผู้สื่อข่าวในพื้นที่ลงพื้นที่จริงเยี่ยมชมกระบวนการผลิต ตรวจสอบห้องควบคุมและห้องปฏิบัติการคุณภาพน้ำประปา ณ กปภ.สาขาเชียงราย พร้อมเปิดเผยข้อมูลและแผนการจัดการเชิงรุกอย่างโปร่งใส

ผู้ว่าการ กปภ. ลงนามการันตี “น้ำดื่มได้จริง” มาตรการผลิตเข้มข้นเกิน WHO

นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า กปภ.เฝ้าระวังคุณภาพน้ำดิบในแม่น้ำกกตลอด 24 ชั่วโมง และเพิ่มมาตรการควบคุมการผลิตน้ำประปาให้เข้มข้นกว่ามาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) เช่น ค่าความขุ่น WHO อนุโลม 5 NTU แต่ กปภ.กำหนดสูงสุดเพียง 4 NTU เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน

กระบวนการผลิตน้ำดื่มของ กปภ.เชียงรายมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย

  • การปรับสัดส่วนเคมีเพื่อเร่งการตกตะกอน ดึงโลหะหนักออกจากน้ำดิบ
  • เติมคลอรีน ทั้ง Pre-Chlorine และ Post-Chlorine เพื่อฆ่าเชื้อโรคและคุมคุณภาพ
  • เสริมการเติมโพลิเมอร์และสารแทร็ก เพื่อให้โลหะหนัก (สารหนู แคดเมียม ฯลฯ) ตกตะกอนออกก่อนจ่ายเข้าสู่กระบวนการกรองขั้นสูง
  • ตรวจสอบคุณภาพน้ำโดยนักวิทยาศาสตร์ กำกับทุกขั้นตอนจนถึงปลายทาง
  • สุ่มเก็บตัวอย่างน้ำทั้งระบบ ส่งตรวจบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ทุก 2 สัปดาห์

“น้ำประปา กปภ. สะอาด ปลอดภัย และดื่มได้จริงตามมาตรฐานสากล ผมกล้าการันตี” ผู้ว่าการ กปภ. กล่าว

รายงานผลตรวจล่าสุด ยืนยันไร้สารหนู-ประชาชนใช้น้ำได้ตามปกติ

ผลการสุ่มตรวจคุณภาพน้ำประปาล่าสุดจาก กปภ.เชียงราย เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2568 ยืนยันว่า น้ำประปาทุกจุดปลอดภัย ไร้สารหนู และผ่านค่ามาตรฐานทุกด้าน โดยมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ผ่านแฟนเพจของ กปภ.สาขาเชียงรายและแม่สายทุก 3 วัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน และเน้นย้ำว่า หากพบค่าความขุ่นหรือสารปนเปื้อนเกินค่าควบคุมแม้แต่น้อย กปภ.จะดำเนินการหยุดจ่ายน้ำและหาแหล่งน้ำใหม่ทันที

นายสุทัศน์ นุชปาน รองผู้ว่าการ กปภ. (ปฏิบัติการ 1) กล่าวย้ำกับประชาชนชาวเชียงรายว่า “มั่นใจได้น้ำประปาที่ผ่านการผลิตของ กปภ. ใช้อุปโภคบริโภคได้แน่นอน แต่ขอให้หลีกเลี่ยงการนำน้ำดิบจากแม่น้ำกกไปใช้โดยตรง”

มาตรการและแนวทางเตรียมพร้อม กรณีวิกฤตสารปนเปื้อนในแหล่งน้ำดิบ

หากสถานการณ์น้ำดิบจากแม่น้ำกกในอนาคตมีสารปนเปื้อนเกินศักยภาพการบำบัด กปภ. มีแผนรองรับทันที ได้แก่

  • เปลี่ยนแหล่งน้ำดิบใหม่ ค้นหาน้ำดิบจากแหล่งที่มีปริมาณและคุณภาพเหมาะสม
  • เพิ่มการเฝ้าระวังและสุ่มตรวจอย่างเข้มข้น
  • สื่อสารแจ้งเตือนประชาชนอย่างโปร่งใส

บทพิสูจน์ “กอบกู้ศรัทธา” ด้วยมาตรการโปร่งใส-วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

การดำเนินการของ กปภ.เชียงรายในวิกฤตครั้งนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาสำคัญของหน่วยงานรัฐที่กล้าเปิดบ้านให้สื่อพิสูจน์และสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เป็นการ “สร้างศรัทธาเชิงรุก” ต่อประชาชน และสร้างความมั่นใจด้วยข้อเท็จจริงเชิงวิทยาศาสตร์

  • การลงทุนเครื่องจ่ายสารเคมีและเทคโนโลยีทันสมัย มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท ยืนยันถึงความจริงจังในคุณภาพน้ำ
  • โปร่งใส เปิดเผยผลตรวจคุณภาพน้ำ สร้างบรรทัดฐานใหม่ในการสื่อสารความเสี่ยงภาครัฐ
  • วางแผนรับมือเหตุฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ สะท้อนความพร้อมต่อปัญหาเชิงโครงสร้างของแม่น้ำกก

ขณะเดียวกัน กปภ. ยอมรับข้อเท็จจริงว่า ปัญหาสารหนูในแม่น้ำกกเป็นประเด็นที่ต้องอาศัยความร่วมมือระยะยาวจากทุกหน่วยงาน ไม่ใช่แค่การประปา แต่ต้องร่วมแก้ไขที่ต้นน้ำและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

  • จัดทำแผนประชาสัมพันธ์วิทยาศาสตร์น้ำ ให้ประชาชนเข้าใจการบำบัดน้ำ
  • สนับสนุนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการใช้น้ำดิบโดยตรง
  • ยกระดับการดูแลแหล่งน้ำต้นน้ำ ร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุข
  • เตรียมงบฉุกเฉินและแผนปฏิบัติการกรณีพบสารปนเปื้อนเกินมาตรฐาน

บทสรุป

การประปาส่วนภูมิภาคจังหวัดเชียงรายกำลังยกระดับมาตรฐานความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และการสื่อสารเชิงรุก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนอย่างยั่งยืน ในวิกฤตที่หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม “ความจริงใจและมาตรฐานสูงสุด” คือหัวใจที่ต้องยึดมั่นต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)
  • บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
  • รายงานคุณภาพน้ำประปา กปภ.สาขาเชียงราย
  • สัมภาษณ์ผู้ว่าการ กปภ.
  • ข่าวประชาสัมพันธ์ กปภ.
  • WHO Guidelines for Drinking-water Quality
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เรือนจำเชียงรายเร่งแก้น้ำปนเปื้อนโลหะหนัก ยันนักโทษปลอดภัย

เรือนจำกลางเชียงรายเร่งจัดการน้ำปนเปื้อนโลหะหนัก – ย้ำ “ไม่มีผู้ต้องขังป่วย” พร้อมขอขยายเขตประปาเพื่อความมั่นคงด้านสุขภาพ

เชียงราย, 7 มิถุนายน 2568 – กรณีที่สื่อมวลชนรายงานว่า “นักโทษ 4,000 คนเสี่ยงมะเร็ง เหตุน้ำกกปนเปื้อนโลหะหนัก” พร้อมกล่าวถึงการที่เรือนจำนำแหล่งน้ำดิบจากแม่น้ำกกมาใช้ผลิตน้ำดื่มภายในนั้น ล่าสุดผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงรายยืนยันว่า ได้เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบตั้งแต่ได้รับรายงานการตรวจสอบน้ำเมื่อเดือนเมษายน และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่รายใดมีอาการป่วยจากเหตุดังกล่าว

จุดเริ่มต้นของความเข้าใจคลาดเคลื่อน

เหตุการณ์นี้เริ่มต้นจากการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ของผู้สื่อข่าวท้องถิ่นกับนายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการใช้น้ำจากแม่น้ำกกซึ่งอาจมีสารปนเปื้อน โดยเรือนจำได้เปิดเผยผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย ที่พบว่าตัวอย่างน้ำจากระบบประปาผิวดิน และน้ำบาดาล มีสารตะกั่วเกินค่ามาตรฐานของกรมอนามัย (0.01 มก./ล.) เล็กน้อย แต่ยังไม่เกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข (0.05 มก./ล.)

นอกจากนี้ ไม่พบสารหนูหรือแคดเมียมในระดับอันตราย ซึ่งสะท้อนว่าปัญหาดังกล่าวอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ หากมีมาตรการจัดการที่เหมาะสม

แผน 3 ระยะในการจัดการ – ป้องกันซ้ำซ้อนด้วยระบบกรอง RO

เรือนจำกลางเชียงรายได้วางแผนจัดการใน 3 ระยะดังนี้:

  1. ระยะสั้น – ปรับปรุงระบบกรองน้ำทันที เช่น การเปลี่ยนสารกรองแมงกานีสแซนด์ คาร์บอน และเรซิ่น รวมถึงเติมสารตกตะกอนก่อนผลิตน้ำประปาจากแม่น้ำกก
  2. ระยะกลาง – แยกระบบน้ำบาดาลและผิวน้ำออกจากกัน พร้อมเปลี่ยนฝาปิดบ่อพักน้ำบาดาลจากเหล็กเป็นไม้เพื่อลดการปนเปื้อน และขอคำแนะนำจาก 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ การประปาส่วนภูมิภาคเขต 9, ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  3. ระยะยาว – ขอขยายเขตบริการน้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาคให้ครอบคลุมพื้นที่เรือนจำ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่นอกเขตบริการ โดยหากสามารถดำเนินการได้ จะเป็นประโยชน์กับชุมชนโดยรอบในตำบลดอยฮางอีกด้วย

ดำเนินการเร่งด่วน ติดตั้งแท็งก์น้ำ ขอซื้อน้ำสะอาด

เพื่อรองรับการบริโภคน้ำในช่วงรอระบบกรอง RO เรือนจำฯ ได้ติดตั้งแท้งค์น้ำขนาดต่าง ๆ ครอบคลุมทุกแดน เช่น

  • แท้งค์ 2,000 ลิตร – แดน 2, 3, 10
  • แท้งค์ 1,000 ลิตร – แดน 1, 2, 4, 5
  • แท้งค์ 500 ลิตร – แดน 6

พร้อมประสานการประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย ซื้อน้ำสะอาดประมาณ 6,000-8,000 ลิตรต่อวันสำหรับดื่ม และอีก 2,000 ลิตรต่อวันสำหรับประกอบอาหาร โดยขอการสนับสนุนรถขนน้ำจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อขนส่งน้ำเข้าสู่พื้นที่เรือนจำ

ยืนยันไม่มีผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่มีอาการเจ็บป่วย

ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงรายย้ำว่า “ยังไม่พบผู้ต้องขังหรือเจ้าหน้าที่คนใดมีอาการผิดปกติจากสารปนเปื้อน” พร้อมระบุว่าได้มีการสุ่มตรวจเลือดและเฝ้าระวังอาการเป็นระยะโดยร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด

ทั้งนี้ ยังประสานการจัดซื้อระบบ RO ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งได้ภายในเดือนนี้ ขณะเดียวกันยังคงติดตามแผนขยายเขตบริการประปาจาก กปภ. ซึ่งอยู่ระหว่างรอรอบปีงบประมาณ หากมีงบประมาณพร้อม เรือนจำสามารถเร่งรัดการประกวดราคาและดำเนินการได้ภายใน 6 เดือน

มุมมองจากรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย – ต้องบูรณาการสื่อสารเพื่อคลี่คลายความสับสน

น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีข่าวสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกว่า หน่วยงานหลายแห่งยังขาดเอกภาพในการสื่อสาร ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน โดยเฉพาะเกษตรกรริมแม่น้ำที่ยังไม่มั่นใจว่าสามารถใช้น้ำได้หรือไม่

รัฐมนตรีช่วยฯ ย้ำว่า วันที่ 9 มิถุนายนนี้จะมีการประชุมติดตามร่วมกับคณะกรรมการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) ที่มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อรวมข้อมูลทั้งหมดอย่างเป็นระบบ พร้อมวางแนวทางสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ตามข้อเท็จจริงในแต่ละพื้นที่

เรือนจำกลางเชียงรายคือตัวแทนความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้างของรัฐไทย

เหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาเชิงโครงสร้างในหลายมิติ ตั้งแต่การเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น น้ำประปา ไปจนถึงการบริหารจัดการภายใต้ภาวะวิกฤตในสถานที่ปิดล้อมอย่างเรือนจำ ซึ่งมีผู้ต้องขังนับพันคนที่ไม่มีสิทธิเลือกแหล่งน้ำเอง

แม้สารตะกั่วที่พบจะยังไม่เกินค่ามาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็เกินค่าที่กรมอนามัยแนะนำ และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เร่งจัดการ ก็อาจสะสมในร่างกายและส่งผลในระยะยาวได้

เรือนจำกลางเชียงรายจึงเปรียบเสมือนภาพย่อส่วนของสังคมที่ยังต้องการความเท่าเทียมด้านสุขภาพ น้ำสะอาด และการสื่อสารที่โปร่งใส และหากปัญหาได้รับการแก้ไขสำเร็จ ไม่เพียงแต่ผู้ต้องขังเท่านั้นที่จะได้ประโยชน์ แต่ยังรวมถึงประชาชนรอบพื้นที่เรือนจำอีกจำนวนมาก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สัมภาษณ์นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงราย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย
  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย
  • กรมราชทัณฑ์
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กระทรวงมหาดไทย
  • การประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) วันที่ 6-7 มิถุนายน 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ชาวบ้านผวาปลาแม่น้ำโขง หลังพบโลหะหนัก กปภ. เร่งตรวจน้ำดิบ

เชียงรายเร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำโขง หลังพบสารหนูปนเปื้อน ชาวบ้านหวั่นผลกระทบต่อสุขภาพและระบบนิเวศ

เชียงราย, 6 พฤษภาคม 2568 – สำนักข่าวชายขอบรายงานว่า แม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำนานาชาติและเส้นเลือดหลักของชุมชนในจังหวัดเชียงราย กำลังเผชิญกับวิกฤตการปนเปื้อนสารโลหะหนัก โดยเฉพาะสารหนู (Arsenic) ที่ตรวจพบในระดับเกินค่ามาตรฐานในหลายจุด การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาแม่สาย-เชียงแสน ประกาศแผนเร่งด่วนในการตรวจสอบน้ำดิบจากแม่น้ำโขงที่ใช้ผลิตน้ำประปาในอำเภอเชียงแสนและเชียงของ หลังทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงพบสารหนูในระดับสูงถึง 19 เท่าของค่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ชาวบ้านในพื้นที่ริมแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขา เช่น แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย แสดงความกังวลอย่างหนัก โดยหลายคนไม่กล้าบริโภคปลาและกังวลต่อผลกระทบต่อการเกษตรจากตะกอนดินโคลนที่อาจปนเปื้อน

สถานการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตระหนกในชุมชนท้องถิ่น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหามลพิษข้ามพรมแดนที่อาจส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในลุ่มน้ำโขง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติกำลังเร่งดำเนินการตรวจสอบและวางมาตรการแก้ไข เพื่อปกป้องสุขภาพประชาชนและรักษาความสมดุลของระบบนิเวศในแม่น้ำโขง

ความผิดปกติของแหล่งน้ำในลุ่มน้ำโขง

แม่น้ำโขงเป็นแหล่งน้ำที่มีความสำคัญทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมสำหรับประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ในจังหวัดเชียงราย แม่น้ำโขงได้รับน้ำจากแม่น้ำสาขาหลายสาย เช่น แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำรวก ซึ่งไหลมาจากรัฐฉาน ประเทศเมียนมา พื้นที่เหล่านี้เป็นที่รู้จักในฐานะแหล่งทำเหมืองแร่ที่มีกิจกรรมต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ ซึ่งอาจเป็นต้นตอของการปนเปื้อนสารโลหะหนักในแหล่งน้ำ

ตั้งแต่ต้นปี 2567 ชาวบ้านในอำเภอแม่สายเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของน้ำในแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง น้ำในแม่น้ำสายมีลักษณะขุ่นขาวและมันวาวเมื่อกระทบแสงแดด แม้ในช่วงหน้าแล้งที่น้ำควรใสกว่าปกติ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาแม่สายรายงานว่าระบบผลิตน้ำประปาไม่สามารถกรองน้ำให้ใสได้ตามปกติ โดยน้ำดิบมีความขุ่นสูงถึง 3,000-4,000 NTU ในช่วงฤดูน้ำหลากของปี 2567 และสูงถึง 7,000 NTU ในบางช่วงของปี 2568

เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 จากอิทธิพลของพายุยางิ ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ดินโคลนสีผิดปกติถล่มลงมาท่วมพื้นที่อำเภอแม่สายและท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา การตรวจสอบตะกอนดินโดยกรมทรัพยากรธรณีพบสารหนูในระดับที่น่ากังวล สร้างความตื่นตัวให้หน่วยงานในพื้นที่เร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขา เพื่อหาคำตอบว่าสารปนเปื้อนเหล่านี้ได้แพร่กระจายไปถึงแม่น้ำโขงหรือไม่

การตรวจพบสารหนูในแม่น้ำโขงและผลกระทบ

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 ทีมวิจัยจากสถาบันวิจัยและพยากรณ์ภัยพิบัติธรรมชาติ ภาคเหนือตอนบน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง นำโดยอาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร ได้เก็บตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง รวม 9 จุด ตั้งแต่บริเวณหัวฝาย อำเภอแม่สาย ไปจนถึงเทศบาลเวียงเชียงแสน อำเภอเชียงแสน ผลการตรวจเบื้องต้นโดยใช้ชุดตรวจ Intelligent Heavy Metal Quantification Kit (IQUAN) ซึ่งพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน (0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร) ในทุกจุด โดยจุดที่น่ากังวลที่สุดคือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ อำเภอเชียงแสน ซึ่งพบสารหนูสูงถึง 0.19 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือเกินมาตรฐาน 19 เท่า

ผลการตรวจในจุดต่างๆ มีดังนี้:

  • จุดที่ 1: แม่น้ำสาย บ้านถ้ำผาจม-หัวฝาย อ.แม่สาย พบสารหนู 0.14 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • จุดที่ 3: แม่น้ำสาย สะพานมิตรภาพที่ 1 อ.แม่สาย พบสารหนู 0.14 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • จุดที่ 4: คลองชลประทาน บ้านเหมืองแดง อ.แม่สาย พบสารหนู 0.18 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • จุดที่ 5: แม่น้ำรวก บ้านเวียงหอม ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย พบสารหนู 0.12 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • จุดที่ 6: แม่น้ำสาย สะพานมิตรภาพที่ 2 อ.แม่สาย พบสารหนู 0.12 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • จุดที่ 7: แม่น้ำรวก บ้านสบรวก อ.เชียงแสน พบสารหนู 0.12 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • จุดที่ 8: แม่น้ำรวกไหลลงแม่น้ำโขง สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน พบสารหนู 0.19 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • จุดที่ 9: แม่น้ำโขง เทศบาลเวียงเชียงแสน อ.เชียงแสน พบสารหนู 0.14 มิลลิกรัมต่อลิตร

การค้นพบสารหนูในแม่น้ำโขงเป็นครั้งแรกในพื้นที่เชียงราย ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ร้ายแรง เนื่องจากแม่น้ำโขงเป็นแหล่งน้ำที่ใช้ในการประมง การเกษตร และการผลิตน้ำประปาในหลายจังหวัดของประเทศไทย รวมถึงในลาว กัมพูชา และเวียดนาม ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ที่บ้านแก่งทรายมูล อำเภอเชียงแสน รายงานว่าไม่กล้าบริโภคปลาจากแม่น้ำโขง หลังกรมประมงเก็บตัวอย่างปลาเพื่อตรวจหาสารปนเปื้อนเมื่อปลายเดือนเมษายน 2568 ความกังวลนี้ยิ่งทวีคูณเมื่อชาวบ้านในพื้นที่ริมแม่น้ำกกและแม่น้ำสายพบว่าดินโคลนจากการน้ำท่วมเมื่อปี 2567 ทำให้พืชผลทางการเกษตรไม่เจริญเติบโต

นายอภิศักดิ์ สวัสดิรักษ์ ผู้จัดการ กปภ. สาขาแม่สาย-เชียงแสน ระบุว่า ทาง กปภ. มีแผนเก็บตัวอย่างน้ำดิบจากแม่น้ำโขงในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยจะเน้นตรวจสอบสารโลหะหนัก โดยเฉพาะสารหนู ซึ่งจะดำเนินการถี่ขึ้นในช่วงหน้าแล้ง และปรับตามสถานการณ์ในฤดูน้ำหลาก เขายืนยันว่าระบบผลิตน้ำประปามีกระบวนการทางเคมีและการกรองที่สามารถกำจัดสารโลหะหนักได้ แต่การตรวจสอบน้ำดิบเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย

อาจารย์ ดร.สืบสกุล กิจนุกร กล่าวว่า “การพบสารหนูในแม่น้ำโขงไม่ใช่แค่ปัญหาของเชียงราย แต่เป็นปัญหาระดับภูมิภาค เพราะแม่น้ำโขงไหลผ่านหลายประเทศ สารหนูที่สะสมในปลาหรือพืชผลทางการเกษตรอาจส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในระยะยาว หากไม่มีการจัดการที่ต้นตอ”

มาตรการแก้ไขและแนวทางในอนาคต

เพื่อรับมือกับวิกฤตการปนเปื้อนในแม่น้ำโขง หน่วยงานต่างๆ ได้เริ่มดำเนินการในหลายด้าน ดังนี้:

  1. การตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างเข้มข้น: สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (คพ.1) เชียงใหม่ จะลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงภายในสัปดาห์นี้ ตามคำสั่งจากรองนายกรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ผลการตรวจจะใช้ในการกำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา
  2. การประสานงานข้ามพรมแดน: อำเภอแม่สายได้ประสานงานผ่านคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (TBC) เพื่อแจ้งปัญหาการปนเปื้อนน้ำไปยังฝั่งเมียนมา โดยเฉพาะในพื้นที่ท่าขี้เหล็ก การเจรจานี้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมกิจกรรมเหมืองแร่ในรัฐฉาน ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของสารหนู
  3. การส่งเสริมการเฝ้าระวังโดยชุมชน: มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนาเชียงราย ได้ติดตั้งเสาวัดระดับน้ำและอบรมเครือข่ายเฝ้าระวังในชุมชนชาติพันธุ์ เช่น ลาหู่และไทใหญ่ เพื่อให้ชาวบ้านสามารถรับมือกับเหตุฉุกเฉินและติดตามคุณภาพน้ำ
  4. ข้อเสนอเชิงนโยบาย: อาจารย์ ดร.สืบสกุล เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำถาวรในจังหวัดเชียงราย เพื่อลดระยะเวลาในการตรวจวิเคราะห์ รวมถึงสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีชุดตรวจคุณภาพน้ำราคาประหยัด นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้หยุดกิจกรรมเหมืองแร่ในพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำสายและแม่น้ำกก เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นตอ

ในระยะยาว การแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำโขงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะการเจรจากับเมียนมาเพื่อควบคุมกิจกรรมเหมืองแร่ และการจัดตั้งกลไกตรวจสอบคุณภาพน้ำร่วมกันระหว่างไทย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เพื่อปกป้องระบบนิเวศและสุขภาพประชาชน

ความท้าทายและโอกาส

การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำโขงเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและมีมิติหลากหลาย ดังนี้:

  • มิติด้านสิ่งแวดล้อม

การพบสารหนูในแม่น้ำโขงบ่งชี้ถึงความเปราะบางของระบบนิเวศในลุ่มน้ำโขง ซึ่งได้รับผลกระทบจากกิจกรรมเหมืองแร่ในต้นน้ำ สารหนูที่สะสมในดินและสัตว์น้ำอาจเข้าสู่ห่วงโซ่อาหาร ส่งผลกระทบต่อทั้งมนุษย์และสัตว์ป่า การจัดการปัญหานี้ต้องเริ่มจากการควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษในรัฐฉาน

  • มิติด้านสุขภาพ

สารหนูเป็นสารพิษที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งและโรคผิวหนังหากสะสมในร่างกายในระยะยาว ชาวบ้านที่พึ่งพาแม่น้ำโขงในการประมงและการเกษตรมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ การตรวจสอบและแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีจะช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพ

  • มิติด้านการเมืองและความร่วมมือระหว่างประเทศ

เนื่องจากแม่น้ำโขงเป็นแหล่งน้ำนานาชาติ ปัญหาการปนเปื้อนสารหนูจึงไม่ใช่เรื่องของประเทศไทยเพียงฝ่ายเดียว การเจรจากับเมียนมาและประเทศอื่นๆ ในลุ่มน้ำโขงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ความท้าทายอยู่ที่ความขัดแย้งทางการเมืองในเมียนมา ซึ่งอาจทำให้การควบคุมกิจกรรมเหมืองแร่เป็นไปได้ยาก

โอกาสในการพัฒนา

วิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสให้ประเทศไทยพัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพน้ำที่มีประสิทธิภาพ และยกระดับปัญหานี้สู่เวทีระหว่างประเทศ การจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในเชียงรายและการสนับสนุนชุดตรวจราคาประหยัดจะช่วยให้ชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปกป้องแหล่งน้ำของตนเอง

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝ่าย

การตรวจสอบและปรับปรุงระบบน้ำประปาของ กปภ. เป็นมาตรการที่จำเป็น แต่การแก้ปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำโขงต้องเน้นที่การจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษ การประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐ ชุมชน และนักวิชาการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศ จะเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องแหล่งน้ำและสุขภาพประชาชน

  • หน่วยงานรัฐและการประปา

หน่วยงานรัฐและ กปภ. มองว่าการตรวจสอบคุณภาพน้ำและการปรับปรุงระบบผลิตน้ำประปาเป็นมาตรการที่เพียงพอในการรับมือกับปัญหาการปนเปื้อน พวกเขายืนยันว่าน้ำประปาที่ผลิตมีความปลอดภัย และการตรวจสอบน้ำดิบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันความเสี่ยง

  • ชุมชนท้องถิ่นและนักวิชาการ

ชาวบ้านและนักวิชาการกังวลว่าการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำโขงอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสุขภาพและการเกษตร พวกเขาต้องการให้มีการจัดการที่ต้นตอ โดยเฉพาะการหยุดกิจกรรมเหมืองแร่ และการตรวจสอบที่โปร่งใสและเข้าถึงได้สำหรับชุมชน

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. ระดับสารหนูในแม่น้ำโขง: การตรวจสอบเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 พบสารหนูในแม่น้ำโขง บริเวณเทศบาลเวียงเชียงแสน อ.เชียงแสน ที่ระดับ 0.14 มิลลิกรัมต่อลิตร และสูงสุดที่สามเหลี่ยมทองคำที่ 0.19 มิลลิกรัมต่อลิตร (เกินมาตรฐาน 19 เท่า)
    ที่มา: สถาบันวิจัยและพยากรณ์ภัยพิบัติธรรมชาติ ภาคเหนือตอนบน มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, รายงานการตรวจสอบน้ำ, 2568
  2. ความขุ่นของน้ำในแม่น้ำสาย: ในปี 2568 ความขุ่นของน้ำในแม่น้ำสายสูงถึง 7,000 NTU ในช่วงฤดูน้ำหลาก และ 1,000 NTU ในช่วงปกติ เทียบกับ 3,000-4,000 NTU ในปี 2567
    ที่มา: การประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่สาย-เชียงแสน, รายงานคุณภาพน้ำ, 2568
  3. ผลกระทบจากน้ำท่วมปี 2567: น้ำท่วมในอำเภอแม่สายเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2567 ส่งผลให้มีตะกอนดินโคลนปนเปื้อนสารหนูในระดับที่อาจกระทบสัตว์หน้าดินใน 4 จาก 5 จุดที่ตรวจสอบ
    ที่มา: กรมทรัพยากรธรณี, รายงานการตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยดินโคลนถล่ม, 2567
  4. การประมงในแม่น้ำโขง: ชุมชนในจังหวัดเชียงรายที่พึ่งพาการประมงในแม่น้ำโขงมีรายได้เฉลี่ย 500 ล้านบาทต่อปี แต่ลดลง 20% ในปี 2568 เนื่องจากความกังวลเรื่องสารปนเปื้อน
    ที่มา: สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย, รายงานประจำปี 2568
  5. ประชากรที่ได้รับผลกระทบ: ประชากรในอำเภอแม่สายและเชียงแสนที่พึ่งพาแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาในการดำรงชีวิตมีจำนวนประมาณ 150,000 คน
    ที่มา: สำนักงานสถิติจังหวัดเชียงราย, ข้อมูลประชากร, 2567

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • ค่ามาตรฐานสารหนูในน้ำดื่ม: WHO < 0.01 mg/L

  • ค่าสารหนูสูงสุดที่พบ: 0.19 mg/L (สามเหลี่ยมทองคำ)

  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

  • กรมทรัพยากรธรณี

  • กรมควบคุมมลพิษ

  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (คพ.1)

  • ข้อมูลตรวจน้ำประปาแม่สาย: กปภ.แม่สาย, เมษายน 2568 พบค่าสารหนู 0.014 mg/L

  • สำนักข่าวชายขอบ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แม่สายป่วน น้ำลำสาย พบสารหนูเกิน แต่ ‘ประปา’ ปลอดภัยใช้การได้ปกติ

แม่สายพบสารหนูในลำน้ำสายเกินมาตรฐาน กปภ.ยืนยันน้ำประปายังปลอดภัย พร้อมเฝ้าระวังใกล้ชิด

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – สถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนในช่วงต้นเดือนเมษายน หลังจากที่มีการเปิดเผยผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากลำน้ำสาย ซึ่งพบว่ามีการปนเปื้อนของ สารหนู (Arsenic) เกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด

ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการโดย การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาแม่สาย เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 โดยอ้างอิงจากผลการตรวจวิเคราะห์ของ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระด้านการทดสอบคุณภาพน้ำ

ลำน้ำสายพบสารหนูเกินมาตรฐาน – แต่ยังไม่กระทบระบบผลิตน้ำประปา

การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อทดสอบในครั้งนี้ ดำเนินการเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเน้นพื้นที่บริเวณลำน้ำสายซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญของอำเภอแม่สาย ผลการตรวจพบว่า มีสารหนูในระดับที่สูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม น้ำประปาที่ประชาชนใช้อุปโภคและบริโภคในปัจจุบัน ผ่านกระบวนการบำบัดและกำจัดโลหะหนักตามมาตรฐานของ กปภ. แล้ว โดยผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำหลังการผลิตระบุว่า ไม่มีการปนเปื้อนของสารหนูหรือโลหะหนักในระดับที่เป็นอันตราย และสามารถใช้งานได้ตามปกติ

กปภ.แม่สายยืนยันน้ำประปาปลอดภัยต่อการบริโภค

การประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่สาย ได้ออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน โดยยืนยันว่า น้ำประปาที่ผลิตจากโรงงานผลิตน้ำแม่สายผ่านกระบวนการกรองและบำบัดที่ได้มาตรฐานอย่างเข้มงวด และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ยังมีการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำต้นทางอย่างต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินการตามแผนฉุกเฉินหากพบค่าความเสี่ยงสูงขึ้น

สารหนูในลำน้ำสาย ปัจจัยเสี่ยงจากกิจกรรมข้ามพรมแดน

ลำน้ำสายถือเป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่าน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และเมืองท่าขี้เหล็กของประเทศเมียนมา กิจกรรมทางอุตสาหกรรมและเหมืองแร่จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของโลหะหนักในแหล่งน้ำธรรมชาติ

สารหนูสะสมในระบบนิเวศ

ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จ.เชียงราย ให้ความเห็นว่า แม้สารหนูในน้ำจะมีระดับเกินมาตรฐานในระยะสั้น แต่หากไม่มีการจัดการต้นเหตุในระยะยาว อาจก่อให้เกิดการสะสมในระบบนิเวศและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการใช้น้ำจากลำน้ำสายโดยตรง

มาตรการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชน

กปภ.สาขาแม่สายได้ประสานงานกับ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย และ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ เพื่อจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูล และระมัดระวังการใช้น้ำจากลำน้ำสายโดยตรง โดยเฉพาะในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เช่น การจับปลาน้ำจืด การเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือการใช้น้ำเพื่อประกอบอาหาร

ขณะเดียวกัน ยังมีการจัดตั้ง จุดแจ้งเตือนคุณภาพน้ำต้นทาง และวางระบบสำรองน้ำไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน หากพบการปนเปื้อนในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต

เสียงจากชาวบ้านแม่สายความกังวลที่ต้องการคำตอบระยะยาว

ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนใกล้ลำน้ำสาย แสดงความกังวลต่อข่าวดังกล่าว แม้จะได้รับคำยืนยันจาก กปภ. ว่าน้ำประปาปลอดภัย แต่หลายครอบครัวยังคงลังเลและต้องการข้อมูลที่ชัดเจนในระยะยาว

ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งผ่านนครเชียงรายนิวส์มาว่า อยากให้มีหน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบทุกเดือน และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างสม่ำเสมอ”

ปัญหาสิ่งแวดล้อมชายแดนกับการบริหารจัดการแบบบูรณาการ

เหตุการณ์ที่แม่สายสะท้อนความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน ซึ่งไม่อาจแก้ไขได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นของเหมืองแร่และกิจกรรมอุตสาหกรรมที่อยู่ต้นน้ำฝั่งเมียนมา

การมีระบบเฝ้าระวังที่เข้มงวด การเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนอย่างโปร่งใส และการจัดทำข้อตกลงร่วมระหว่างสองประเทศเพื่อควบคุมมลพิษในลำน้ำสาย จึงเป็นแนวทางสำคัญในการป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • วันที่เก็บตัวอย่างน้ำ: 17 กุมภาพันธ์ 2568
  • วันที่ประกาศผลตรวจจากห้องปฏิบัติการกลาง: 9 เมษายน 2568
  • ค่ามาตรฐานสารหนูในน้ำดื่ม (ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข): ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัม/ลิตร
  • ค่าที่ตรวจพบในลำน้ำสาย (เบื้องต้น): เกิน 0.013 มิลลิกรัม/ลิตร (อยู่ในระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคต่อเนื่อง)
  • จำนวนประชากรที่ใช้น้ำประปาในเขตบริการ กปภ.แม่สาย: ประมาณ 25,400 ครัวเรือน (ข้อมูลจาก กปภ.เชียงราย, 2567)
  • จำนวนระบบผลิตน้ำประปาของ กปภ.สาขาแม่สาย: 3 ระบบหลัก
  • ความถี่การตรวจคุณภาพน้ำประปาในเขตแม่สาย: เดือนละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะในฤดูฝนที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่สาย
  • บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
  • ที่ว่าการอำเภอแม่สาย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรฐานคุณภาพน้ำดื่ม พ.ศ. 2560
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
TOP STORIES

ไทย-เมียนมา จับมือแก้ปัญหา สารพิษที่เกิดใน “แม่น้ำกก”

ไทย-เมียนมาร่วมมือแก้ปัญหาน้ำกกปนเปื้อนสารเคมี การประปาฯ ยืนยันคุณภาพน้ำยังปลอดภัย

เชียงใหม่, 9 เมษายน 2568 – ท่ามกลางความกังวลของประชาชนต่อสถานการณ์การปนเปื้อนสารเคมีในแม่น้ำกก อันเป็นผลกระทบจากกิจกรรมการทำเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่ประเทศเมียนมาใกล้พรมแดนไทย การประปาส่วนภูมิภาคเขต 9 ออกมายืนยันความมั่นใจในคุณภาพน้ำประปาว่ายังคงปลอดภัยต่อการบริโภค พร้อมทั้งเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศอย่างเข้มข้น

ต้นเหตุของความกังวล เหมืองแร่ทองคำในเมียนมา

แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ไหลผ่านหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ โดยมีจุดต้นกำเนิดจากเขตภูเขาทางตะวันออกของรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ก่อนจะไหลเข้าสู่ประเทศไทยและกลายเป็นหนึ่งในแหล่งน้ำดิบสำคัญของการประปาส่วนภูมิภาค

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปีที่ผ่านมา มีรายงานถึงความเป็นไปได้ในการปนเปื้อนของสารเคมีประเภทโลหะหนัก เช่น สารไซยาไนด์ ซึ่งใช้ในกระบวนการแยกแร่ทองคำ จากเหมืองแร่ในฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของน้ำในแม่น้ำกก และเป็นที่มาของความวิตกกังวลในหมู่ประชาชน

ผู้อำนวยการ กปภ.เขต 9 ยืนยันคุณภาพน้ำยังปลอดภัย

นายพงษ์ศักดิ์ เดี่ยววิไล ผู้อำนวยการการประปาส่วนภูมิภาค เขต 9 กล่าวในการแถลงข่าว ณ จังหวัดเชียงใหม่ว่า ทางการประปาได้เฝ้าระวังและตรวจสอบคุณภาพน้ำดิบอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีมาตรการปรับกระบวนการผลิตน้ำเพื่อรองรับกับคุณภาพน้ำที่เปลี่ยนแปลง จึงมั่นใจว่าน้ำประปาที่ยังคงผลิตอยู่ในขณะนี้ มีความสะอาดและปลอดภัย สามารถบริโภคได้ตามปกติ

“เราตรวจสอบคุณภาพน้ำในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง พร้อมทั้งปรับปรุงเทคโนโลยีในการผลิตและบำบัดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบสนองความมั่นใจของประชาชน” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว

รัฐบาลไทยเร่งสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน

ภายหลังจากที่ได้รับรายงานผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ฝั่งเมียนมา นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแลการประปาส่วนภูมิภาค ได้สั่งการให้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานของเมียนมาโดยเร่งด่วน

โดยมีการประสานกับ นายมีง จอ ลีน กงสุลใหญ่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อแจ้งข้อห่วงกังวลของไทย และเสนอแนวทางการดำเนินการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารเคมีในแม่น้ำกก

ทางกงสุลใหญ่เมียนมาได้แสดงท่าทีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ พร้อมทั้งจะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้ว่าการเมืองสาด เมืองยอน และส่วนราชการระดับกลางของประเทศเมียนมา เพื่อดำเนินการตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขในพื้นที่ต้นน้ำอย่างเร่งด่วน

วิเคราะห์ความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

แม้ว่าการประปาจะยืนยันความปลอดภัยของน้ำประปาในปัจจุบัน แต่การปนเปื้อนในแหล่งน้ำต้นทาง เช่น แม่น้ำกก ยังคงถือเป็นภัยคุกคามต่อสุขภาพประชาชนในระยะยาว โดยเฉพาะสารไซยาไนด์หรือโลหะหนักอื่น ๆ หากหลุดรอดเข้าสู่แหล่งน้ำดิบและไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม อาจสะสมในสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดโรคในระบบประสาท ไต หรือก่อมะเร็งได้

ทั้งนี้ ประเทศไทยไม่มีอำนาจโดยตรงในการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ต้นน้ำในประเทศเมียนมา จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ และกลไกทางการทูตในการบริหารจัดการปัญหานี้ร่วมกัน

บทบาทของประชาชนและภาคีเครือข่ายในพื้นที่

นอกจากหน่วยงานภาครัฐแล้ว ภาคประชาสังคมและองค์กรสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำกก และกลุ่มชุมชนริมแม่น้ำในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ก็ได้ร่วมติดตามสถานการณ์และรวบรวมข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำในพื้นที่

มีการรายงานว่าในช่วงต้นปี 2568 มีการพบปลาจำนวนหนึ่งตายในลำน้ำ และมีสีของน้ำเปลี่ยนแปลงในบางช่วงเวลา แม้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับการทำเหมือง แต่ก็สะท้อนถึงความจำเป็นในการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

เพื่อแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสารเคมีในแม่น้ำกกอย่างเป็นระบบ ควรมีการดำเนินงานในหลายมิติ ได้แก่

  1. การตั้งคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา เพื่อร่วมตรวจสอบคุณภาพน้ำต้นน้ำ และติดตามผลกระทบจากกิจกรรมเหมืองแร่โดยตรง
  2. การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีระบบเตือนภัยล่วงหน้า ในการตรวจวัดสารเคมีปนเปื้อนในแหล่งน้ำ
  3. การสร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารด้านคุณภาพน้ำอย่างโปร่งใสและต่อเนื่อง
  4. การขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยร่วมมือกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • การประปาส่วนภูมิภาค รายงานว่า แหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาในพื้นที่ภาคเหนือกว่า 35% มาจากแม่น้ำกก และมีประชาชนที่พึ่งพาน้ำจากแม่น้ำกกประมาณ 1.2 ล้านคน
  • กรมควบคุมมลพิษ (ปี 2566) ระบุว่า พื้นที่ชายแดนภาคเหนือมีจุดเสี่ยงจากเหมืองแร่ฝั่งเมียนมา 14 จุด โดย 5 จุด อยู่ใกล้แม่น้ำที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทย
  • รายงานจาก เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำกก ระบุว่า ในช่วงปี 2565-2567 มีการแจ้งเหตุปลาตายหรือคุณภาพน้ำเปลี่ยนแปลงในลำน้ำกกกว่า 23 ครั้ง
  • รายงานของ World Health Organization (WHO) ระบุว่า การได้รับสารไซยาไนด์ในปริมาณ 0.05 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัว สามารถก่อผลกระทบทางสุขภาพได้ในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • การประปาส่วนภูมิภาค เขต 9
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • เครือข่ายอนุรักษ์ลุ่มน้ำกก
  • รายงานสุขภาพสิ่งแวดล้อม WHO ปี 2023
  • กระทรวงมหาดไทย แถลงข่าว 9 เมษายน 2568
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘น้ำประปาเชียงราย’ ปลอดภัยจริง มีการตรวจก่อนส่งให้ประชาชนใช้

การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงรายชี้แจงกระบวนการผลิตน้ำประปา ยืนยันปลอดภัยจากมลพิษแม่น้ำกก

เชียงราย, 8 เมษายน 2568 – ที่สถานีผลิตน้ำวังคำ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย นายทวีศักดิ์ สุขก้อน ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย ได้นำคณะสื่อมวลชนและผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบและชี้แจงถึงกระบวนการผลิตน้ำประปาในเขตเทศบาลนครเชียงราย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน หลังจากเกิดความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่ อันเนื่องมาจากรายงานการปนเปื้อนของสารโลหะหนักและมลพิษในแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาสำหรับประชาชนในเขตอำเภอเมืองเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียง

การเยี่ยมชมกระบวนการผลิตน้ำประปา

การเยี่ยมชมเริ่มต้นที่โรงคลองน้ำขนาด 1,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากสถานีผลิตน้ำวังคำประมาณ 300 เมตร โดยจุดนี้เป็นสถานที่สูบน้ำดิบจากแม่น้ำกกในเขตพื้นที่ค่ายทหาร นายทวีศักดิ์อธิบายว่า น้ำดิบที่ถูกสูบเข้ามาจะถูกนำเข้าสู่ถังน้ำเพื่อผ่านกระบวนการเติมสารเคมีสำหรับจัดการตะกอน โดยในอดีต การประปาใช้สารเคมีในรูปแบบผงที่ต้องมีการเตรียมก่อนใช้งาน ซึ่งใช้เวลานานและอาจไม่ทันต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน ปัจจุบันได้ปรับปรุงมาใช้สารเคมีในรูปแบบน้ำ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการจัดการคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดน้ำท่วมหรือน้ำขุ่นสูงจากอุทกภัย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มสารเคมีอีกประเภทหนึ่งเพื่อยกระดับการกำจัดตะกอนให้ดียิ่งขึ้น

จากนั้น น้ำดิบที่ผ่านการเติมสารเคมีจะถูกส่งต่อไปยังถังตกตะกอน ซึ่งใช้เวลาในกระบวนการนี้ประมาณ 30 นาที สารเคมีที่เติมเข้าไปจะช่วยให้ตะกอนทั้งจากธรรมชาติและตะกอนหนัก เช่น สารอินทรีย์หรือโลหะหนัก จับตัวกันเป็นก้อนที่มีน้ำหนักมากขึ้น และตกลงสู่ก้นถัง เหลือเพียงน้ำใสที่ไหลต่อไปยังขั้นตอนถัดไป นายทวีศักดิ์ได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของน้ำในถังตกตะกอน โดยเมื่อน้ำเคลื่อนจากด้านหนึ่งของถังไปยังอีกด้านหนึ่ง ความขุ่นจะลดลงอย่างชัดเจน จนถึงปลายถังที่น้ำแทบไม่มีตะกอนหลงเหลืออยู่เลย

น้ำใสจากถังตกตะกอนจะไหลลงสู่ระบบกรองทรายที่มีชั้นกรอง 5 ชั้น ตั้งแต่ชั้นทรายหยาบที่ด้านล่างไปจนถึงชั้นทรายละเอียดที่ด้านบน เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนขนาดเล็กที่อาจหลงเหลืออยู่ นายทวีศักดิ์ระบุว่า หลังจากผ่านระบบกรองนี้ น้ำจะถูกส่งไปยังถังเก็บน้ำสะอาดเพื่อเติมคลอรีนในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับฆ่าเชื้อโรค ก่อนจ่ายไปยังครัวเรือนในเขตบริการ เขาย้ำว่า การประปามีการตรวจวัดคุณภาพน้ำทุกวัน โดยค่าความขุ่นของน้ำที่ออกจากสถานีอยู่ที่ต่ำกว่า 1 หน่วย NTU (Nephelometric Turbidity Unit) ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 4 หน่วย NTU ตามเกณฑ์ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

การรับประกันความปลอดภัยของน้ำประปา

เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสื่อมวลชนและประชาชน นายทวีศักดิ์ได้สาธิตการทดสอบคุณภาพน้ำ โดยการวัดค่า pH ซึ่งผลลัพธ์อยู่ที่ 7.12 อยู่ในช่วงมาตรฐาน 6.5-8.5 ที่กำหนดโดยกรมอนามัย นอกจากนี้ เขายังได้ล้างหน้าด้วยน้ำประปาตรงหน้ากล้อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าน้ำมีความปลอดภัยต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน “น้ำประปาของเราผ่านการรับรองมาตรฐานจากกรมอนามัย และมีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นช่วงน้ำท่วมหรือสถานการณ์ปกติ ระบบของเราสามารถรองรับได้” นายทวีศักดิ์กล่าว

การเยี่ยมชมยังรวมถึงการพูดคุยกับนายนิพนธ์ แสงพงษ์ วิศวกรประจำศูนย์ควบคุมการผลิต ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบและบันทึกข้อมูลคุณภาพน้ำได้แบบเรียลไทม์ ผ่านกราฟและตัวชี้วัดต่างๆ ศูนย์นี้ยังทำหน้าที่เฝ้าระวังระบบจ่ายน้ำในเขตบริการรอบเมืองเชียงราย หากเกิดปัญหาการขาดน้ำหรือระบบขัดข้อง เจ้าหน้าที่จะทราบทันทีและสามารถส่งทีมช่างออกไปแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว นายนิพนธ์ระบุว่า ระบบนี้ช่วยให้การประปาสามารถตอบสนองต่อปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำในพื้นที่

ห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพน้ำ

นายณรงค์ศักดิ์ สารใจ นักวิทยาศาสตร์ประจำห้องปฏิบัติการควบคุมคุณภาพน้ำ ซึ่งรับผิดชอบการตรวจสอบน้ำประปาใน 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา และน่าน อธิบายว่า ห้องปฏิบัติการนี้แบ่งการทดสอบออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่

  1. คุณลักษณะทางกายภาพ: เช่น ค่าความขุ่นและ pH
  2. คุณลักษณะทางเคมี: เช่น ค่าความกระด้างและฟลูออไรด์
  3. คุณลักษณะทางชีววิทยา: เช่น การตรวจหาเชื้อโรค เช่น อีโคไลและโคลิฟอร์มแบคทีเรีย

การตรวจเชื้อโรคพื้นฐานจะดำเนินการทุกเดือน ส่วนเชื้อก่อโรคอื่นๆ เช่น ซัลโมเนลลา จะมีการตรวจทุก 6 เดือน สำหรับการตรวจสารโลหะหนัก นายพิทักษ์ มูลวิไชย นักวิทยาศาสตร์อีกท่านหนึ่ง ระบุว่า การประปาสาขาเชียงรายจะส่งตัวอย่างไปยังห้องปฏิบัติการของการประปาส่วนภูมิภาคเขตที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนสารพิษที่ซับซ้อนกว่านั้น เช่น สารหนูและตะกั่ว จะถูกส่งไปตรวจที่สำนักงานใหญ่ของการประปาส่วนภูมิภาคที่กรุงเทพมหานคร โดยมีการตรวจสอบเป็นประจำทุกปี นอกจากนี้ ยังมีการร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เช่น กรมอนามัย และหน่วยงานอิสระ เพื่อยืนยันคุณภาพน้ำอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง

ความกังวลจากสถานการณ์แม่น้ำกก

การชี้แจงครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีรายงานเมื่อต้นเดือนเมษายน 2568 ว่า แม่น้ำกก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักของการประปาสาขาเชียงราย มีการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก เช่น สารหนูและตะกั่ว ในระดับที่เกินมาตรฐานน้ำผิวดิน ส่งผลให้เกิดความกังวลในหมู่ประชาชนถึงความปลอดภัยของน้ำประปา โดยเฉพาะเมื่อสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกมาเตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสหรือบริโภคน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง

นายทวีศักดิ์ยืนยันว่า แม้แม่น้ำกกจะมีรายงานการปนเปื้อน แต่กระบวนการผลิตน้ำประปาของการประปาสามารถกำจัดสารปนเปื้อนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “เราไม่ปล่อยให้น้ำดิบที่มีปัญหาคุณภาพไหลเข้าสู่ระบบโดยไม่ผ่านการบำบัด ทุกขั้นตอนถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้” เขากล่าว พร้อมระบุว่า การประปาได้เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำดิบจากแม่น้ำกกตั้งแต่ทราบผลการตรวจเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อให้มั่นใจว่าระบบสามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น

การสื่อสารกับประชาชน

นายทวีศักดิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า “ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในน้ำประปาของเรา กระบวนการผลิตและการตรวจสอบของเรามีมาตรฐานชัดเจน หากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เพจ Facebook ‘การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย’ หรือโทรศัพท์สายตรงของเราได้ตลอดเวลา” เขายังระบุว่า ข้อมูลผลการตรวจคุณภาพน้ำจะมีการอัปเดตผ่านช่องทางออนไลน์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ประชาชนรับทราบความเคลื่อนไหวและคลายความกังวล

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง

จากสถานการณ์ดังกล่าว มีความเห็นที่แตกต่างกันในหมู่ประชาชนและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้ำประปาในจังหวัดเชียงราย

ฝ่ายที่ 1: มั่นใจในน้ำประปา
การประปาส่วนภูมิภาคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า น้ำประปาที่ผ่านกระบวนการผลิตมีมาตรฐานสูงและปลอดภัยต่อการใช้งาน ด้วยระบบบำบัดที่สามารถกำจัดสารปนเปื้อน รวมถึงสารโลหะหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทดสอบคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่องและการรับรองจากกรมอนามัยเป็นหลักฐานที่สนับสนุนว่า ประชาชนสามารถใช้งานน้ำประปาได้โดยไม่ต้องกังวล

ฝ่ายที่ 2: ยังคงกังวลถึงความเสี่ยง
ในทางกลับกัน บางส่วนของประชาชนและกลุ่มที่ติดตามสถานการณ์แม่น้ำกกมีความกังวลว่า แม้ระบบบำบัดจะมีประสิทธิภาพ แต่การปนเปื้อนของสารโลหะหนักในแหล่งน้ำดิบอาจส่งผลกระทบในระยะยาว โดยเฉพาะหากระบบเกิดข้อผิดพลาดหรือไม่สามารถรับมือกับปริมาณสารพิษที่สูงเกินคาดได้ การที่แหล่งน้ำต้นทางอยู่ในสภาพเสื่อมโทรมยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่มั่นใจ

ทัศนคติเป็นกลาง: ทั้งสองฝ่ายมีมุมมองที่สมเหตุสมผล การประปาสาขาเชียงรายได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของระบบและการตรวจสอบที่เข้มงวด ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการรับประกันความปลอดภัยในสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ความกังวลของประชาชนก็ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากแหล่งน้ำดิบที่มีปัญหาคุณภาพอาจเป็นความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังในอนาคต การแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ เช่น การปนเปื้อนจากเหมืองทองคำในเมียนมา ร่วมกับการสื่อสารที่โปร่งใสและการตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง จะเป็นแนวทางที่สมดุลในการคลายความกังวลและรักษาความเชื่อมั่นของประชาชน

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. ปริมาณการผลิตน้ำประปา: การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงรายผลิตน้ำประปาประมาณ 30,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อให้บริการในเขตอำเภอเมืองเชียงรายและเวียงชัย (ที่มา: รายงานประจำปี 2567, การประปาส่วนภูมิภาค)
  2. คุณภาพน้ำแม่น้ำกก: กรมควบคุมมลพิษระบุว่า ในปี 2567 แม่น้ำกกมีค่า BOD เฉลี่ย 3-5 mg/L เกินมาตรฐานน้ำผิวดินที่ 2 mg/L (ที่มา: รายงานสถานการณ์มลพิษน้ำ, 2567)
  3. การปนเปื้อนสารหนู: องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การสัมผัสสารหนูเกิน 0.01 mg/L ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนัง (ที่มา: WHO Arsenic Fact Sheet, 2023)
  4. การใช้น้ำในเชียงราย: แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำดิบหลักสำหรับการผลิตน้ำประปาในเขตอำเภอเมืองเชียงราย คิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณน้ำที่ใช้ทั้งหมด (ที่มา: รายงานทรัพยากรน้ำ, สทนช., 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • การประปาส่วนภูมิภาค
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • องค์การอนามัยโลก (WHO)
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เบื้องต้นคุณภาพน้ำ ‘แม่น้ำกก’ ดี แต่รอผลตรวจสารโลหะหนัก

ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งหน่วยงานเร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำกก หวังสร้างความมั่นใจประชาชนหลังข่าวเหมืองทองพม่ากระทบแหล่งน้ำ

เน้นเก็บตัวอย่างน้ำจาก 3 จุดสำคัญ พร้อมตรวจสารโลหะหนักและสารเคมีในแล็บ ใช้เวลาประเมิน 1–3 สัปดาห์

เชียงราย, 24 มีนาคม 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีคำสั่งด่วนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการทำเหมืองทองในเมืองยอน รัฐฉานใต้ ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนไทยบริเวณตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดเชียงรายเกิดความกังวลต่อคุณภาพน้ำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

การดำเนินงานครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย (ทสจ.เชียงราย) และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงร่วมลงพื้นที่ อาทิ นายบุญเกิด ร่องแก้ว ผู้อำนวยการ ทสจ.เชียงราย, นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1, พ.อ. พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย และนายทวีศักดิ์ สุขก้อน ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย

เก็บตัวอย่างน้ำจาก 3 จุดหลัก เพื่อประเมินเบื้องต้น

ในการตรวจสอบครั้งนี้ หน่วยงานได้เก็บตัวอย่างน้ำจาก 3 จุดสำคัญ ได้แก่

  1. บริเวณสะพานแม่ฟ้าหลวง (หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย) ตำบลริมกก
  2. บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำกก ตำบลดอยฮาง
  3. หมู่บ้านโป่งนาคำ ตำบลดอยฮาง ซึ่งเป็นจุดรับน้ำจากอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่

นายอาวีระ ภัคมาตร์ เปิดเผยผลการตรวจเบื้องต้นว่า ค่าคุณภาพน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยค่าออกซิเจนละลายน้ำอยู่ระหว่าง 7–8 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างดี, ค่าความเป็นกรด–ด่าง (pH) อยู่ในระดับกลางประมาณ 7.0 และค่าการนำไฟฟ้าอยู่ที่ 100 ไมโครซิเมนต์ต่อเซนติเมตร ซึ่งยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ

นำตัวอย่างน้ำเข้าสู่ห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจหาสารปนเปื้อน

แม้ผลตรวจเบื้องต้นจะอยู่ในระดับปลอดภัย แต่เพื่อความมั่นใจในคุณภาพน้ำ สำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ได้นำตัวอย่างไปตรวจหาสารโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู รวมถึงสารเคมีอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยคาดว่าผลการตรวจในห้องแล็บจะแล้วเสร็จภายใน 1–3 สัปดาห์

ทสจ. และ กอ.รมน. ลงพื้นที่เน้นย้ำเฝ้าระวัง – ปชช. ร้องขอตรวจบ่อบาดาลเพิ่มเติม

พ.อ. พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หัวหน้าฝ่ายนโยบาย กอ.รมน. จังหวัดเชียงราย ระบุว่า ได้รับรายงานจากประชาชนบางพื้นที่ว่าคุณภาพน้ำจากบ่อบาดาลเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะสีและกลิ่น ซึ่งหน่วยงานจะลงพื้นที่เพิ่มเติมในพื้นที่ใกล้ชายแดน และหากจำเป็นอาจมีการขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเข้ามาร่วมตรวจสอบคุณภาพน้ำใต้ดินในเชิงลึก

ผู้จัดการการประปาฯ ยืนยันน้ำประปาสะอาดตามมาตรฐาน

นายทวีศักดิ์ สุขก้อน ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย ยืนยันว่า น้ำประปาที่จ่ายให้กับประชาชนผ่านระบบการประปาได้รับการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด ผ่านการตรวจจากห้องแล็บทุกวัน และใช้เทคโนโลยีกรองน้ำที่สามารถกำจัดตะกอน สารเคมี และสิ่งเจือปนได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าน้ำประปาที่ใช้ในการอุปโภคและบริโภคนั้นสะอาดและปลอดภัย

แม่น้ำกก เส้นเลือดใหญ่ของเชียงราย สะท้อนปัญหาสิ่งแวดล้อมชายแดน

แม่น้ำกก เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่มีต้นน้ำอยู่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ไหลเข้าสู่ประเทศไทยที่ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และผ่านพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ก่อนจะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอเชียงแสน รวมระยะทางในประเทศไทยประมาณ 130 กิโลเมตร โดยมีลำน้ำสาขาสำคัญ เช่น น้ำแม่ลาว น้ำแม่กรณ์ และน้ำแม่สรวย ทำให้แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำดิบหลักของจังหวัดเชียงรายในการอุปโภค บริโภค และเกษตรกรรม

การทำเหมืองทองในพื้นที่ต้นน้ำของแม่น้ำกกที่เมืองยอน รัฐฉานใต้ จึงเป็นที่จับตา เพราะแม้จะอยู่นอกเขตแดนไทย แต่หากมีสารพิษหลุดรอดลงในลำน้ำ ก็สามารถไหลเข้าสู่แม่น้ำกกในเขตไทยได้โดยตรง

ประชาชนบางส่วนยังคงกังวล – นักสิ่งแวดล้อมชี้ต้องมีมาตรการร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน

ประชาชนในเขตอำเภอเมืองเชียงรายจำนวนหนึ่ง ยังคงแสดงความกังวลผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียและการร้องเรียนตรงไปยังหน่วยงาน โดยระบุว่าแม้ค่ามาตรฐานจะอยู่ในระดับปลอดภัย แต่สภาพน้ำที่มีความขุ่น สีผิดปกติ และกลิ่นแปลก ๆ ยังคงพบเห็นได้ในบางพื้นที่

นักสิ่งแวดล้อมจากเครือข่ายลุ่มน้ำโขงตอนบนในเชียงรายแสดงความคิดเห็นว่า การตรวจสอบเพียงภายในประเทศอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากต้นทางของแม่น้ำกกอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน หากไม่มีข้อตกลงร่วมกันในระดับทวิภาคีหรืออาเซียน การป้องกันมลพิษจากแหล่งต้นน้ำจะทำได้ยาก

เสียงจากฝ่ายรัฐและประชาชน – ต้องเฝ้าระวังร่วมกัน

ฝ่ายหน่วยงานรัฐยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าแม่น้ำกกในเขตไทยมีสารปนเปื้อนที่เป็นอันตราย แต่พร้อมดำเนินการหากพบความผิดปกติ และย้ำว่า การร่วมมือกับประชาชนในการสังเกตสภาพน้ำ การรายงานสิ่งผิดปกติ และการดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ

ในขณะที่ฝ่ายประชาชนบางส่วนเรียกร้องให้ภาครัฐเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ตรวจสอบทุกระดับอย่างละเอียด โดยเฉพาะการตรวจหาโลหะหนักและสารเคมีที่อาจสะสมในน้ำได้ในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • ค่าคุณภาพน้ำเบื้องต้น ณ วันที่ 24 มีนาคม 2568:
    • ค่า DO (ออกซิเจนละลายในน้ำ): 7–8 มิลลิกรัม/ลิตร
    • ค่า pH: อยู่ในระดับกลางประมาณ 7.0
    • ค่าการนำไฟฟ้า: 100 ไมโครซิเมนต์/เซนติเมตร
    • (แหล่งข้อมูล: สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1)
  • ระยะทางแม่น้ำกกในเขตประเทศไทย: ประมาณ 130 กิโลเมตร
  • แหล่งรับน้ำจากแม่น้ำกกในเขตเชียงราย: ระบบประปาในอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอใกล้เคียง
  • สถิติการร้องเรียนของประชาชนเรื่องคุณภาพน้ำ: ยังไม่มีตัวเลขทางการ แต่มีการส่งเรื่องร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย
  • การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงราย
  • กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย (กอ.รมน.)
  • เครือข่ายสิ่งแวดล้อมลุ่มน้ำโขงตอนบน
  • ข้อมูลภาคประชาชนจากโซเชียลมีเดียและการร้องเรียนท้องถิ่น
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE