Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

การบินไทย-ดอยตุงเปิดตัว “Carbon Neutral Coffee” ยกระดับโมเดลธุรกิจยั่งยืน

การบินไทย–ดอยตุง จับมือเปิดตัว “Carbon Neutral Coffee” ที่ Puff & Pie ยกระดับ “From Farm to Cup” สู่โมเดลธุรกิจยั่งยืน เชื่อมเศรษฐกิจชุมชนเชียงรายกับเครือข่ายการบินระดับชาติ

กรุงเทพฯ, 16 กันยายน 2568 — เมื่อ “แก้วกาแฟ” ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องดื่มยามเช้า แต่กลายเป็น “ภารกิจร่วม” ของรัฐวิสาหกิจการบินแห่งชาติและโครงการพัฒนาชุมชนบนดอยในภาคเหนือ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ควบคู่การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างวัดได้และตรวจสอบได้ ความร่วมมือระหว่าง บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กับ โครงการพัฒนาดอยตุง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่เปิดตัว “Carbon Neutral Coffee” สำหรับจำหน่ายในร้าน Puff & Pie จึงเป็นมากกว่าเมนูใหม่—แต่คือการประกาศทิศทาง ESG ในเชิงปฏิบัติการขององค์กรกับชุมชนต้นน้ำ

ภายใต้แนวคิด “From Farm to Cup – ดื่มด่ำกาแฟจากผืนป่าสู่มือคุณ” ความร่วมมือครั้งนี้ต่อยอดจากฐานการทำงานเดิมที่เข้มแข็ง—การบินไทยเป็นผู้สั่งซื้อเมล็ดกาแฟรายหลักของดอยตุงราว 25% ของกำลังผลิตทั้งหมด เพื่อนำไปเสิร์ฟบนเครื่องแก่ผู้โดยสารรวม กว่า 20 ล้านคน ทั้งชั้นประหยัด ธุรกิจ และเฟิร์สคลาส ก่อนขยายผลสู่เครือข่ายหน้าร้าน Puff & Pie ทั่วประเทศ

เล่าเรื่องจากต้นน้ำ กาแฟอาราบิก้าจากเชียงราย สู่มาตรฐาน “เป็นกลางทางคาร์บอน”

จุดขายที่เป็น “สาระ” ของความร่วมมืออยู่ที่คำว่า Carbon Neutral Coffee ซึ่งหมายถึงกาแฟที่ผ่านการคำนวณ คาร์บอนฟุตพรินท์ (CFP) ครบถ้วนทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่ปลูก–เก็บเกี่ยว–แปรรูป–ขนส่ง–ชงเสิร์ฟ และมีการ “ชดเชย” ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนเกินเพื่อให้สุทธิเป็นศูนย์ ด้านหนึ่ง นี่คือมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่จับต้องได้ อีกด้านหนึ่ง ก็คือ “การตลาดเชิงคุณค่า” ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับที่มาและผลกระทบของสินค้า

เมล็ดกาแฟอาราบิก้า 100% จากดอยตุง—ปลูกบนที่สูงของเชียงราย—ถูกคัดสรรและแปรรูปในระบบที่มุ่ง “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” ตั้งแต่ฟาร์มถึงถุงบรรจุ โครงการดอยตุงระบุว่ามีการจัดการของเสียจากการผลิต เพื่อลดให้เหลือศูนย์หรือใกล้ศูนย์ และส่งมอบเมล็ดกาแฟที่ผ่านการรับรองด้าน CFP ให้กับการบินไทย ซึ่งสอดคล้องกับวิถีของดอยตุงที่เน้น การพัฒนาคน–ป่า–เศรษฐกิจท้องถิ่น ให้เติบโตเคียงกัน

คุณชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การบินไทย กล่าวว่า “กาแฟซิกเนเจอร์และเบเกอรี่เมนูพิเศษ ไม่ใช่แค่เมนูใหม่ แต่คือ สัญลักษณ์ความร่วมมือ ที่สร้างทั้งรสชาติและคุณค่าต่อสังคม–สิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน” ขณะที่
คุณวรางคณา ลือโรจน์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่หน่วยธุรกิจการบิน เสริมว่า Puff & Pie จะเดินหน้าลดผลกระทบผ่านบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกและการลดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-use plastic) ตั้งเป้า ใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก 100% ภายในปลายปีหน้า จากปัจจุบันที่ทำได้แล้วกว่า 50%

เชื่อมเศรษฐกิจชุมชนเชียงราย สู่หน้าร้านทั่วประเทศ “ถ้วยกาแฟ” ที่กระจายรายได้

น้ำหนักทางเศรษฐกิจ ของความร่วมมือครั้งนี้มีหลายชั้น

  1. ด้านอุปสงค์ที่แน่นอน (Demand Certainty) — การบินไทยสั่งซื้อเมล็ดจากดอยตุงในสัดส่วน ประมาณ 1 ใน 4 ของกำลังผลิตทั้งหมด ช่วยสร้างความแน่นอนในการวางแผนเพาะปลูกและบริหารสต็อกของเกษตรกรต้นน้ำในเชียงราย ลดความเสี่ยงจากราคาผันผวนของสินค้าเกษตร
  2. การขยายช่องทางจำหน่าย — จากที่เดิมเสิร์ฟบนเครื่องบิน สู่เครือข่าย Puff & Pie กว่า 40 สาขาทั่วประเทศ จับคู่กับฐานสมาชิกลูกค้า กว่า 2,000 ราย (และมีแผนเพิ่มเฉลี่ย ปีละ 1,000 ราย ตามที่ผู้บริหารตั้งเป้า) ทำให้ผลของ “กาแฟหนึ่งแก้ว” แผ่กว้างไปสู่ความต้องการที่ต่อเนื่องและหลากหลายพื้นที่
  3. Local Sourcing Beyond Coffee — แผนงานไม่ได้หยุดที่กาแฟ แต่จะ เพิ่มวัตถุดิบท้องถิ่น อื่นๆ เช่น น้ำผึ้ง–แมคคาเดเมีย จากเครือข่ายดอยตุง เข้าสู่วิถีการผลิตเบเกอรี่ของ Puff & Pie กระจายรายได้ไปยังเกษตรกรและผู้แปรรูปอย่างเป็นรูปธรรม
  4. ภาพลักษณ์–ความเชื่อมั่น (Brand Equity) — สำหรับการบินไทย Puff & Pie กลายเป็น Touchpoint สำคัญที่ถ่ายทอด “ตัวตน ESG” ขององค์กรสู่ผู้บริโภคในชีวิตประจำวัน (ไม่เฉพาะบนเครื่อง) ส่วนดอยตุงได้เสริม คุณค่าตราสินค้าชุมชน ให้เข้าถึงตลาดกระแสหลักในเมืองใหญ่

ภายใต้ภาพรวมดังกล่าว เชียงราย—ฐานปลูกและแหล่งกำเนิดกาแฟ—คือ ศูนย์กลางต้นน้ำ ที่ได้รับ “ดีมานด์ยั่งยืน” จากเครือข่ายการบินระดับชาติ นี่คือกรณีศึกษาที่น่าสนใจของการจับมือกันระหว่าง องค์กรใหญ่–ชุมชน ที่ทำให้ Soft Power เชิงสินค้า (กาแฟ–เบเกอรี่) เชื่อมเข้ากับ Hard Power ของระบบโลจิสติกส์ (ครัวการบิน–เครือข่ายสาขา) ได้อย่างลงตัว

ยั่งยืนให้ “ครบวงจร” จากบรรจุภัณฑ์ สู่เชื้อเพลิงการบิน SAF

แผนงานด้านความยั่งยืนของ Puff & Pie ไม่ได้มีแค่ต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำของกาแฟ แต่ยังครอบคลุม ขั้นตอนหลังการบริโภค ด้วย เช่น

  • บรรจุภัณฑ์ ปัจจุบันใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก มากกว่า 50% และตั้งธง 100% ภายในปลายปีหน้า พร้อมลดการใช้ Single-use plastic อย่างต่อเนื่อง
  • วงจรพลังงาน มีแนวปฏิบัติ รวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้ว จากครัว Puff & Pie ส่งต่อให้ ปตท. และ บางจาก เพื่อนำไปเป็น วัตถุดิบผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ซึ่งถือเป็น “ห่วงโซ่วงจรกลับ (circular loop)” ที่เชื่อม ธุรกิจอาหาร เข้ากับ อุตสาหกรรมการบิน—ทำให้แนวทาง ESG ของการบินไทยขยายผลจากครัว–ร้าน ไปจนถึง สะพานเทียบเครื่องบิน ได้จริง

การบูรณาการดังกล่าวชี้ชัดว่า คาร์บอนนิวทรัล” สำหรับการบินไทย ไม่ใช่เพียง ฉลาก บนสินค้า แต่คือ ระบบปฏิบัติการ (Operating System) ที่พยายามเชื่อมทุกจุดสัมผัสขององค์กรเข้าด้วยกัน—ตั้งแต่ผู้ปลูกกาแฟบนเขาเชียงรายถึงผู้โดยสารในห้องโดยสาร ไปจนถึง “เชื้อเพลิงแห่งอนาคต” ของอุตสาหกรรมการบิน

สร้าง “ประสบการณ์–เรื่องเล่า” บนชั้นวาง 5 เมนูซิกเนเจอร์และคอลเลคชั่นขนมไทยร่วมสมัย

ความร่วมมือยังแปลงร่างเป็น ผลิตภัณฑ์ที่เล่าเรื่อง ได้แก่ Signature Menu 5 เมนู ที่จะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ ตุลาคม 2568 ถึงกุมภาพันธ์ 2569 เปิดหัวด้วย “Coco Coff on Cloud”—เอสเปรสโซเข้มข้นผสานครีมมะพร้าวและฟองนมอัญชันสีฟ้า—และต่อยอดด้วยเครื่องดื่มกาแฟซิกเนเจอร์อื่นๆ ที่เน้นโพรไฟล์ นัตตี้–ช็อกโกแลต ของเมล็ดอาราบิก้าดอยตุง

ด้าน เบเกอรี่ Puff & Pie เปิดตัวคอลเลคชั่น “Siam’s Treasures” นำแรงบันดาลใจจากขนมไทยดั้งเดิมมาสร้างสรรค์ในภาษาขนมตะวันตก เช่น

  • Siam Honey Crown — ทาร์ตแมคคาเดเมียคาราเมลน้ำผึ้ง
  • Midnight Mocha Jewel — เค้กมอคค่าเข้มข้นเคลือบดาร์กช็อกโกแลต
  • Siam’s Molten Heart — คุกกี้บราวนี่ไส้ช็อกโกแลตกรานาช

นี่ไม่ใช่เพียง “ผลิตภัณฑ์” แต่คือ แพลตฟอร์มเล่าเรื่อง ของกาแฟเชียงราย–ของดีดอยตุง–และวัฒนธรรมขนมไทย ที่ถูกสื่อสารผ่านร้านกาแฟเบเกอรี่ในเมืองใหญ่ให้ผู้บริโภคได้ สัมผัส–ลิ้มลอง–จดจำ แล้วพากลับไปเป็น “คำบอกเล่า” ต่อ

ทำไมโมเดล “คาร์บอนนิวทรัล–ชุมชน–เครือข่ายการบิน” จึงน่าจับตา

  1. ตอบโจทย์ความต้องการใหม่ของตลาด — ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล–เจเนอเรชัน Z ให้ค่ากับที่มาและผลกระทบสิ่งแวดล้อมของสินค้า การมี ฉลาก/คำรับรอง CFP–Carbon Neutral ที่ตรวจสอบได้ คือ ตัวเร่งการตัดสินใจ ที่มีน้ำหนักเกินรสชาติ
  2. สร้างความมั่นคงรายได้ให้ต้นน้ำ — คำสั่งซื้อ “ประจำ–ปริมาณสม่ำเสมอ” จากองค์กรขนาดใหญ่ ช่วยให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงวางแผนเพาะปลูก–ลงทุนคุณภาพ–พัฒนากระบวนการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งดีกว่าดีมานด์ฉาบฉวยตามแฟชั่นตลาด
  3. การหนุนเสริมเชิงระบบ — การรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้วไปสู่ SAF เป็นตัวอย่างของการขยายผล ESG ข้ามธุรกิจ (Food → Aviation Fuel) ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มการลดคาร์บอนของอุตสาหกรรมการบินในระยะยาว
  4. การสื่อสารเชิงหลักฐาน (Evidence-based Communication) — การสื่อสารว่า “คาร์บอนนิวทรัล” บนฐานข้อมูล CFP ที่มีการตรวจวัด–ชดเชยชัดเจน คือเครื่องมือสร้าง ความเชื่อมั่น แก่ผู้บริโภคและผู้ลงทุน มากกว่าการอ้างทั่วไป

ท้ายที่สุด โมเดลนี้ชี้ให้เห็นว่าการยกระดับ “หนึ่งแก้วกาแฟ” ให้เป็น นโยบายสาธารณะด้านความยั่งยืน ต้องมี สามขา เดินร่วมกัน—ขาเศรษฐกิจ (โซ่อุปทาน–หน้าร้าน–การเงิน), ขาสิ่งแวดล้อม (CFP–การชดเชย–SAF), และ ขาสังคม (เกษตรกร–วัฒนธรรมอาหาร–การจ้างงาน) เมื่อสามขานี้ยึดโยงกัน กลไก ESG จึง ขับเคลื่อนจริง ไม่ใช่เพียงถ้อยแถลง

มองไปข้างหน้า จากรายงาน One Report สู่การ “วัดผล–ขยายผล”

การบินไทยระบุว่าจะบันทึกผลสำเร็จของความร่วมมือครั้งนี้ไว้ใน รายงาน One Report ขององค์กร—นัยหนึ่ง คือการใส่ ตัวชี้วัด เพื่อให้เกิดการติดตามผลต่อเนื่อง ไม่ว่าจำนวนแก้วที่จำหน่าย, ปริมาณบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง, หรือปริมาณน้ำมันพืชใช้แล้วที่คืนสู่ระบบผลิต SAF—นี่คือ “หลักฐานความคืบหน้า” ที่จะทำให้ ESG ไม่ใช่คำสวยหรู แต่เป็น สมุดคะแนนที่ตรวจได้

ในเชิงนโยบายสาธารณะ หากโมเดลนี้เดินหน้าสม่ำเสมอ เชียงรายจะเป็น กรณีแม่แบบ ของการใช้พลังของแบรนด์ชาติ–เครือข่ายการบิน หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจชุมชนบนที่สูง พร้อมยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของสินค้าเกษตรไทยไปพร้อมกัน

 Key Facts

  • พันธมิตร การบินไทย (ฝ่ายครัวการบิน/THAI Catering) × โครงการพัฒนาดอยตุง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง
  • สินค้า Carbon Neutral Coffee (อาราบิก้า 100% จากดอยตุง) สำหรับร้าน Puff & Pie
  • มาตรฐาน คำนวณ–รับรอง คาร์บอนฟุตพรินท์ (CFP) ครบวงจร และชดเชยให้ เป็นกลางทางคาร์บอน
  • ความต่อเนื่องเดิม การบินไทยเป็นผู้สั่งเมล็ดกาแฟรายหลักจากดอยตุง ~25% ของกำลังผลิต เสิร์ฟบนเครื่องแก่ผู้โดยสาร >20 ล้านคน
  • การยั่งยืนเพิ่มเติม บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก >50% ตั้งเป้า 100% ภายในปลายปีหน้า; ลด Single-use plastic; รวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้ว ส่งต่อ ปตท.–บางจาก เพื่อผลิต SAF
  • เครือข่ายหน้าร้าน Puff & Pie >40 สาขา; ฐานสมาชิก >2,000 ราย ตั้งเป้าเพิ่ม +1,000 ราย/ปี
  • นวัตกรรมเมนู Signature 5 เมนู เริ่มตุลาคม 2568 ถึงกุมภาพันธ์ 2569; คอลเลคชั่นเบเกอรี่ Siam’s Treasures

ความร่วมมือ การบินไทย–ดอยตุง ที่ปล่อยของผ่าน Carbon Neutral Coffee คือ “บทพิสูจน์ ESG เวอร์ชันใช้งานจริง” ซึ่งวัดผลได้ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม (CFP–การชดเชย–SAF), เศรษฐกิจ (ดีมานด์แน่นอน–ขยายช่องทาง–Local Sourcing) และสังคม (รายได้ชุมชนเชียงราย–การเล่าเรื่องวัฒนธรรมอาหาร) เมื่อเชื่อมเครือข่ายครัวการบินและหน้าร้าน Puff & Pie กับเกษตรกรดอยตุงอย่างเป็นระบบ “แก้วกาแฟหนึ่งแก้ว” จึงกลายเป็น เครื่องมือพัฒนา ที่เดินได้จริง—ตั้งแต่ ผืนป่าดอย ถึง ประตูขึ้นเครื่อง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)
  • โครงการพัฒนาดอยตุง, มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

การบินไทย x จิม ทอมป์สัน เปิดตัว Amenity Kit ลายไทยรักษ์โลก

จิม ทอมป์สัน จับมือ การบินไทย เปิดตัว Amenity Kit ดีไซน์ใหม่ 12 ลายพรินต์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ นำเสนอเอกลักษณ์ไทยสู่สายตานักเดินทางทั่วโลก

กรุงเทพฯ, 19 กุมภาพันธ์ 2568] – บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ภายใต้แบรนด์ จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดตัว Amenity Kit ดีไซน์ใหม่ 12 ลวดลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติของประเทศไทย นับเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากคอลเล็กชันแรกในปี 2566 พร้อมยกระดับประสบการณ์การเดินทางเหนือระดับสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจของการบินไทย

Amenity Kit ดีไซน์ใหม่ สะท้อนเอกลักษณ์ไทย ผ่าน 12 ลวดลายสุดพิเศษ

แฟรงก์ แคนเซลโลนี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอกย้ำอัตลักษณ์ของแบรนด์ จิม ทอมป์สัน ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์และเผยแพร่มรดกทางวัฒนธรรมของไทยผ่านลวดลายบนผืนผ้า สู่สายตานักเดินทางทั่วโลก โดยทั้ง 12 ลายพรินต์ถูกออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อสะท้อนความงดงามของศิลปะไทยและธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์”

ลวดลายที่โดดเด่นในคอลเล็กชันนี้ ได้แก่

  • Pink Orchid – ถ่ายทอดความงามของกล้วยไม้สีชมพูอ่อน พรรณไม้ที่พบได้ทั่วประเทศไทย
  • Hawaiian Hibiscus – ลายดอกชบาที่สื่อถึงความรักและความเจริญรุ่งเรือง ให้กลิ่นอายของป่าเขตร้อน
  • Elephant Park – ถ่ายทอดความสง่างามของช้างไทย ผ่านลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากจิตรกรรมฝาผนัง
  • Waves in the River – ลวดลายคลื่นน้ำอันอ่อนช้อย ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะเครื่องเขินโบราณ
  • Orchids Bloom – ลวดลายดอกกล้วยไม้บนพื้นหลังสีน้ำเงิน สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่
  • Antique Turkish Tiles – ผสมผสานลวดลายพรมและกระเบื้องตุรกีเข้ากับธรรมชาติ
  • Bai Sri Su Khwan – ถ่ายทอดความวิจิตรของพิธีบายศรีสู่ขวัญ อันเป็นเอกลักษณ์ของไทย
  • Dusit Garden – จำลองบรรยากาศของสวนสัตว์ดุสิต สวนสัตว์แห่งแรกของไทย
  • Elephant Porcelain – ลายเครื่องลายครามที่ผสมผสานดอกโบตั๋นและช้างไทยได้อย่างลงตัว

การบินไทยตอกย้ำกลยุทธ์ ‘Beyond Silk’ นำวัฒนธรรมไทยสู่เวทีโลก

กรกฎ ชาตะสิงห์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การบินไทยในฐานะสายการบินแห่งชาติ มุ่งมั่นที่จะนำเสนอเอกลักษณ์ความเป็นไทยไปสู่สายตานักเดินทางทั่วโลก Amenity Kit คอลเล็กชันใหม่นี้ไม่เพียงมอบประสบการณ์เหนือระดับให้แก่ผู้โดยสาร แต่ยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทย และสนับสนุนความยั่งยืนผ่านการเลือกใช้วัสดุรักษ์โลก”

วัสดุรักษ์โลก ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว

กระเป๋า Amenity Kit ใหม่นี้ยังผลิตขึ้นภายใต้แนวคิด “Sustainable Travel” โดยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ตัวอย่างของไอเท็มพิเศษภายในกระเป๋า ได้แก่

  • กระเป๋าผ้าพิมพ์ลายจิม ทอมป์สัน – ผลิตจากผ้ารีไซเคิลที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่
  • ผ้าปิดตาและที่อุดหู – ทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้
  • แปรงสีฟันและฝาครอบ – ผลิตจากวัสดุชีวภาพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • โลชั่นทามือและลิปบาล์ม – ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติ
  • ลูกกลิ้งน้ำมันหอมระเหย – เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารรู้สึกผ่อนคลายระหว่างเดินทาง

คอลเล็กชัน Amenity Kit ใหม่นี้จะมอบให้แก่ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของการบินไทย ที่เดินทางในเที่ยวบินที่ใช้เวลามากกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้สอดคล้องกับแท็กไลน์ “Smooth as Silk” ของการบินไทย

Jim Thompson x Thai Airways: ก้าวใหม่แห่งความร่วมมือเพื่อการเดินทางที่ยั่งยืน

จากความสำเร็จของ Amenity Kit คอลเล็กชันแรกในปี 2566 Jim Thompson และ การบินไทย ยังคงเดินหน้าสานต่อความร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อผสานมรดกวัฒนธรรมไทยเข้ากับการเดินทางระดับพรีเมียม

การร่วมมือกันครั้งนี้ตอกย้ำถึงกลยุทธ์ ‘Beyond Silk’ ที่ต้องการพาธุรกิจของเราไปไกลกว่าการเป็นเพียงแบรนด์ผ้าไหม และก้าวเข้าสู่การเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่สามารถนำเสนอศิลปะและวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลก” แฟรงก์ แคนเซลโลนี กล่าว

ในอนาคต Jim Thompson และการบินไทย มีแผนที่จะขยายความร่วมมือไปสู่การออกแบบผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับผู้โดยสารชั้นหนึ่ง รวมถึงการพัฒนา สินค้ารักษ์โลก ที่สามารถใช้ซ้ำได้มากขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

สรุปจุดเด่นของ Amenity Kit คอลเล็กชันใหม่

  • ลวดลายสุดเอ็กซ์คลูซีฟ 12 แบบ ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติของไทย
  • ใช้วัสดุรักษ์โลก ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว
  • มอบให้ผู้โดยสารชั้นธุรกิจของการบินไทย บนเที่ยวบินที่มีระยะเวลาเดินทางมากกว่า 3 ชั่วโมงครึ่ง
  • สะท้อนกลยุทธ์ ‘Beyond Silk’ ของ Jim Thompson และ เสริมภาพลักษณ์การบินไทย ในฐานะสายการบินระดับพรีเมียม

การเปิดตัว Amenity Kit คอลเล็กชันใหม่นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการนำเสนอวัฒนธรรมไทยผ่านการเดินทางระดับโลก พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ของ Jim Thompson และการบินไทย ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เหนือระดับให้แก่นักเดินทางจากทั่วโลก

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) / บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

‘การบินไทย’ เปิดตัว ชั้นธุรกิจ A320 เส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงราย

การบินไทยเปิดตัวชั้นธุรกิจ Royal Silk Class บน A320 เส้นทางในประเทศ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 เพจ Hflight รายงานข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการให้บริการชั้นธุรกิจใหม่ Royal Silk Class บนเที่ยวบินในประเทศของการบินไทย โดยเครื่องบินที่ใช้คือ Airbus A320 ซึ่งจะครอบคลุมเส้นทางภายในประเทศทั้งหมด 8 เส้นทาง โดยเริ่มทยอยให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป และคาดว่าจะครบทุกเส้นทางในเดือนพฤษภาคมนี้

รายละเอียดเส้นทางการบิน

  • กรุงเทพฯ – ภูเก็ต และ เชียงใหม่: เริ่มให้บริการชั้นธุรกิจตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ และจะครบทุกเที่ยวบินในวันที่ 10 เมษายน
  • กรุงเทพฯ – ขอนแก่น, อุดรธานี และ หาดใหญ่: เริ่มให้บริการบางเที่ยวบินวันที่ 10 เมษายน และครบทุกเที่ยวบินในวันที่ 15 พฤษภาคม
  • กรุงเทพฯ – เชียงราย, อุบลราชธานี และ กระบี่: เริ่มให้บริการทุกเที่ยวบินตั้งแต่ 15 พฤษภาคม

การปรับปรุงห้องโดยสาร

การบินไทยมีการปรับปรุงห้องโดยสาร A320 จากเดิมที่มีเฉพาะชั้นประหยัด (Economy Class) และชั้นอีโคโนมีพลัส (Economy Plus) โดยเพิ่มที่นั่งชั้นธุรกิจ Royal Silk Class แบบ 2-2 จำนวน 12 ที่นั่ง และชั้นประหยัดแบบ 3-3 จำนวน 144 ที่นั่ง ซึ่งการปรับปรุงนี้คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนพฤษภาคม 2568

แนวคิด ONE THAI ONE FLY

การบินไทยได้เปิดตัวโครงการ “ONE THAI ONE FLY” เพื่อตอกย้ำความเป็นสายการบินแห่งชาติที่เชื่อมโยงเส้นทางบินอย่างราบรื่นไร้รอยต่อ โดยนำเครื่องบิน A320 ไปปฏิบัติการในเส้นทางต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และขยายเครือข่ายเส้นทางบินที่ครอบคลุมผู้โดยสารทั่วโลก

จุดเด่นของชั้นธุรกิจ A320

  • ที่นั่ง Royal Silk Class: ให้ความสะดวกสบายสูงสุดด้วยฟังก์ชันปรับเอน
  • ระบบ Wireless IFE: รับชมสื่อบันเทิงผ่านอุปกรณ์ส่วนตัว
  • การจัดการที่ยืดหยุ่น: ครอบคลุมทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ

สิทธิพิเศษของผู้โดยสารชั้นธุรกิจ

ผู้โดยสารในชั้นธุรกิจจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย เช่น:

  • น้ำหนักสัมภาระฟรี 40 กิโลกรัม
  • สิทธิ์เข้าใช้ห้องรับรอง Royal Orchid Lounge
  • ไมล์สะสมเพิ่มขึ้น 125-150% กับโปรแกรม Royal Orchid Plus
  • บริการที่นั่งปรับเอนสะดวกสบายและอาหารพิเศษบนเครื่อง

แผนเชื่อมโยงเส้นทางบิน

การบินไทยยังคงเดินหน้าภายใต้นโยบาย “ONE THAI ONE FLY” เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายเส้นทางบินในประเทศและกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) รวมถึงเส้นทางระหว่างประเทศที่สำคัญ เช่น อินเดีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และไต้หวัน

ระบบบันเทิงและความสะดวกสบาย

การบินไทยจะติดตั้งระบบ Wireless IFE ให้ผู้โดยสารสามารถใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อเข้าถึงสื่อบันเทิงและข้อมูลสำคัญได้ตลอดการเดินทาง

เส้นทางการบินในประเทศและต่างประเทศ

การบินไทยให้บริการในประเทศ 8 เส้นทางสำคัญ ได้แก่

  1. กรุงเทพฯ–เชียงใหม่ (5 เที่ยวบิน/วัน)
  2. กรุงเทพฯ–เชียงราย (2 เที่ยวบิน/วัน)
  3. กรุงเทพฯ–ขอนแก่น (4 เที่ยวบิน/วัน)
  4. กรุงเทพฯ–อุดรธานี (3 เที่ยวบิน/วัน)
  5. กรุงเทพฯ–อุบลราชธานี (2 เที่ยวบิน/วัน)
  6. กรุงเทพฯ–ภูเก็ต (8 เที่ยวบิน/วัน)
  7. กรุงเทพฯ–หาดใหญ่ (3 เที่ยวบิน/วัน)
  8. กรุงเทพฯ–กระบี่ (2 เที่ยวบิน/วัน)

ในส่วนของเส้นทางต่างประเทศ การบินไทยยังให้บริการครอบคลุมกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม รวมถึงเส้นทางสำคัญในภูมิภาค เช่น อินเดีย มาเลเซีย ไต้หวัน เนปาล และศรีลังกา

การจองตั๋วและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

ผู้โดยสารสามารถตรวจสอบรายละเอียดเที่ยวบินหรือจองตั๋วได้ที่เว็บไซต์ www.thaiairways.com หรือโทร 02-356-1111 ตลอด 24 ชั่วโมง

ภาพรวมและเป้าหมายในอนาคต

การเปิดตัวชั้นธุรกิจในเส้นทางในประเทศครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของการบินไทยในการยกระดับการบริการให้ผู้โดยสารทุกคนได้รับประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในตลาดการบินทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / www.thaiairways.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ทอท. ยกระดับมาตรฐาน ถอดบทเรียน แผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง

 
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2567 ที่โรงแรมไชยนารายณ์ ริเวอร์ไซด์ อำเภอเมืองเชียงราย นายสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมงานลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาความร่วมมือ การประสานงาน และการให้การสนับสนุนตามแผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง พร้อมทั้งจัดการเสวนาหัวข้อ “แผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง” โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมงาน ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ ทีมเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้องของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานในสังกัด บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

 

ในโอกาสนี้ นางสาวนันทวรรณ กันคำ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ได้ร่วมเสวนาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันความตื่นตระหนกและข่าวลือ โดยเฉพาะ Fake News ที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล

 

กิจกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD108 ลื่นไถลออกนอกรันเวย์ ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศ ทอท. จึงได้จัดโครงการกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อพัฒนาความร่วมมือ การประสานงาน และการให้การสนับสนุน พร้อมจัดเวทีเสวนาถอดบทเรียนกรณีการดำเนินการตามแผนเคลื่อนย้ายอากาศยานที่ขัดข้อง ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เพื่อยกระดับมาตรฐานการดำเนินการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่เป็นการสร้างความเข้าใจ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจากหลากหลายภาคส่วนมาประมวลผลและนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในอนาคต ให้สามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างปกติและให้บริการลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้โดยเร็วที่สุด

 

ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 23.00 น. นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และนางแสงเดือน อ้องแสนคำ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านสนับสนุนธุรกิจ) ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการอำนวยความสะดวกสายการบินตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและด้านการรักษาความปลอดภัยภายในเขตการบิน เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการบิน รวมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของสายการบินนกแอร์ ณ บริเวณลานจอดอากาศยานหมายเลข 7 หลังจากที่อากาศยานนกแอร์ทะเบียน HS-DBR ได้ถูกลากออกมาจากโรงซ่อมอากาศยานชั่วคราว เพื่อรอเตรียมความพร้อมในการทำการบินกลับไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง

 

จนในวันที่ 12 เมษายน 2567 เวลา 07.05 น. สายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD 6601 แบบเครื่อง B738 ทะเบียน HS-DBR ได้ทำการบินออกไปยังท่าอากาศยานดอนเมืองเรียบร้อยแล้ว โดยมีดร.สิทธิปัฐพ์ มงคลอภิบาลกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านปฏิบัติการและบำรุงรักษา) ให้การอำนวยความสะดวกในด้านการปฏิบัติการบินและร่วมแสดงความยินดีกับอากาศยานนกแอร์ทะเบียน HS-DBR ที่ได้กลับมาบินขึ้นสู่ท้องฟ้าและพร้อมให้บริการแก่ผู้โดยสารอีกครั้ง นกหยกนภา Boeing 737-800 หลังจากที่การซ่อมเสร็จสิ้น

 

หลังจากนี้ โรงเก็บอากาศยานชั่วคราวจะถูกรื้อถอน เนื่องจากเป็นการเช่าใช้ชั่วคราว และต้องคืนให้กับผู้ให้เช่าซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Temporary Hangar ระดับโลก เพื่อนำไปใช้ในประเทศอื่นที่กำลังรออยู่

 

การจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ในการพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยและการบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ท่าอากาศยานแห่งนี้เป็นท่าอากาศยานที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการให้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

ปิดฉากสายการบินไทยสมายล์ ย้ายการปฏิบัติการไปยังการบินไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567

 

เมื่อวันนี้ (31 ธ.ค. 66) บมจ. การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมดูแลลูกค้าของสายการบินไทยสมายล์ให้ได้รับความสะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง ภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจฯ ตามแผนฟื้นฟูกิจการ และโอนย้ายการปฏิบัติการบินและบริการต่างๆ ทั้งหมดจากไทยสมายล์ไปยังการบินไทย ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป

โดยเว็บไซต์ thaismileair.com ได้ปิดให้บริการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา และศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Smile Contact Center) จะให้บริการจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับท่านผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารของไทยสมายล์ที่ยังประสงค์เดินทางตามกำหนดเดิม บริษัทฯ จะดำเนินการจัดการด้านบัตรโดยสารและการสำรองที่นั่ง

โดยท่านผู้โดยสารจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด สำหรับท่านที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการเดินทาง หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ในช่องทาง ดังนี้

– เว็บไซต์ thaiairways.com

– สำนักงานขายการบินไทยและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

– THAI Contact Center 0-2356-1111 (ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือที่ contact@thaiairways.com

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : การบินไทย จำกัด (มหาชน)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News