
เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบกลงพื้นที่แม่สาย ติดตามแผนฟื้นฟูแหล่งน้ำชายแดนแม่สาย ปี 2568
เร่งฟื้นฟูแหล่งน้ำ-เสริมแนวป้องกันตลิ่งแม่น้ำสาย เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนไทย–เมียนมา
เชียงราย, 17 เมษายน 2568 – ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เวลา 08.00 น. พลโท จินตมัย ชีกว้าง เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญด้านความมั่นคงและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในเขตชายแดน โดยมีพลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ให้การต้อนรับและร่วมติดตามภารกิจอย่างใกล้ชิด
ตรวจเยี่ยมจุดผ่านแดนถาวรแม่น้ำสายแห่งที่ 1 แม่สาย–ท่าขี้เหล็ก จุดยุทธศาสตร์สำคัญของชาติ
หลังเดินทางถึงจังหวัดเชียงราย คณะได้ลงพื้นที่บริเวณสะพานข้ามจุดผ่านแดนถาวรแห่งที่ 1 ข้ามแม่น้ำสาย ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมพื้นที่ก่อสร้างโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ซึ่งมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นจุดเชื่อมโยงชายแดนไทย–เมียนมา ที่มีการสัญจรของประชาชนและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจำนวนมาก
คณะได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ได้แก่ ปลัดอำเภอแม่สาย, หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก, กองกำลังผาเมือง และเจ้าหน้าที่จากกรมการทหารช่าง โดยได้จัดเวทีสรุปสถานการณ์และรายงานความคืบหน้าโครงการให้แก่ผู้แทนส่วนกลาง
กรมการทหารช่างเผยแนวทางฟื้นฟูแบบบูรณาการ เสริมความแข็งแรงแนวป้องกันชายแดน
พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง ได้ชี้แจงถึงรายละเอียดโครงการปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สาย ประจำปีงบประมาณ 2568 ว่า เป็นการดำเนินงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความสามารถในการป้องกันภัยจากน้ำหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่เสี่ยงของอำเภอแม่สาย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่ระดับน้ำในแม่น้ำสายมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
การดำเนินการในเฟสปัจจุบันประกอบด้วย 3 แนวทางหลัก ได้แก่
- การก่อสร้างแนวป้องกันน้ำใหม่ ซึ่งใช้เทคโนโลยีเสริมโครงสร้างด้วยวัสดุธรรมชาติและโครงเหล็ก
- การเสริมแนวป้องกันเดิมให้มั่นคงยิ่งขึ้น โดยเน้นจุดที่เคยเกิดการพังทลายหรือทรุดตัวในปีที่ผ่านมา
- การออกแบบร่วมกับชุมชน โดยปรับให้แนวป้องกันสอดรับกับอาคาร บ้านเรือน และสิ่งปลูกสร้างดั้งเดิม เพื่อไม่รบกวนวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่
ทั้งนี้ การดำเนินงานได้รับการประสานจากหลายหน่วยงานภาครัฐและชุมชน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การฟื้นฟูแหล่งน้ำ = เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงชายแดน
พลโท จินตมัย ชีกว้าง กล่าวในระหว่างการเยี่ยมพื้นที่ว่า การฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สายเป็นภารกิจสำคัญที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงของประเทศโดยตรง เนื่องจากอำเภอแม่สายเป็นพื้นที่การค้าชายแดนที่มีมูลค่าการค้ากับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมากว่าหลายพันล้านบาทต่อปี หากปล่อยให้แหล่งน้ำเสื่อมโทรม หรือเกิดภัยธรรมชาติกะทันหัน อาจส่งผลต่อระบบโลจิสติกส์และความปลอดภัยของประชาชนได้โดยตรง
“การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำในพื้นที่ชายแดน ไม่ใช่เพียงเรื่องของการป้องกันน้ำหลาก แต่ยังเป็นการวางรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม” พลโทจินตมัยกล่าว
ฟื้นฟูแหล่งน้ำชายแดน ความมั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์
เมื่อพิจารณาจากสภาพพื้นที่ชายแดนภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะบริเวณแม่สาย–ท่าขี้เหล็ก ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์เชื่อมโยงจีน–ลาว–เมียนมา ภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น น้ำหลากหรือดินโคลนถล่ม จึงไม่ใช่เพียงปัญหาท้องถิ่น แต่คือความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่สายจึงถือเป็นหนึ่งในกลไกเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพไทย ที่ใช้ทรัพยากรทางวิศวกรรมทหารควบคู่กับความร่วมมือของประชาชน เพื่อเปลี่ยนจาก “จุดอ่อนทางธรรมชาติ” ให้กลายเป็น “ปราการความมั่นคง” ที่ยั่งยืน
ข้อมูลสถิติและแหล่งอ้างอิง
- จากข้อมูลของ กรมอุตุนิยมวิทยา ช่วงฤดูฝนปี 2567 จังหวัดเชียงรายมีฝนตกเฉลี่ยมากกว่า 1,800 มม./ปี เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ยเดิม 12%
- รายงานของ กรมโยธาธิการและผังเมือง ปี 2566 ระบุว่า พื้นที่อำเภอแม่สาย มีแนวตลิ่งพังจากน้ำกัดเซาะกว่า 2.1 กม. ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- สำนักงาน ด่านศุลกากรแม่สาย รายงานว่าปี 2567 มูลค่าการค้าชายแดนไทย–เมียนมาผ่านแม่สายสูงถึง 17,500 ล้านบาท
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
- กรมอุตุนิยมวิทยา (www.tmd.go.th)
- กรมโยธาธิการและผังเมือง (www.dpt.go.th)
- กรมศุลกากร (www.customs.go.th)