Categories
WORLD PULSE

วิกฤตแรงงานฝีมือสหรัฐฯ สร้างโอกาสใหม่ Gen Z และกลุ่มแรงงานฝีมือ

สหรัฐฯ เผชิญวิกฤตแรงงานฝีมือ ขาดแคลนหนัก กลุ่มอาชีพรายได้สูงเริ่มเป็นที่สนใจ

รายงานเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567
ผลการวิจัยล่าสุดจาก McKinsey & Co. เผยว่าสหรัฐฯ กำลังประสบกับวิกฤตการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมืออย่างหนัก โดยเฉพาะในกลุ่มที่ไม่ได้เน้นการศึกษาระดับปริญญาตรี เนื่องจากแรงงานรุ่นเก่าเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ และกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงมีแนวโน้มเลือกอาชีพสายแรงงานลดลง เช่น งานก่อสร้าง การประปา และการขนส่ง วิกฤตนี้รุนแรงขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจและอัตราค่าจ้างแรงงานที่มีทักษะสูง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 20%

ความต้องการแรงงานเพิ่มสูง

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2024 ถึง 2032 จะมีตำแหน่งงานใหม่ในตลาดแรงงานกว่า 1.5 ล้านตำแหน่ง โดย 35% ของงานที่เติบโตเร็วที่สุดอยู่ในสายแรงงานที่เน้นทักษะ ไม่เน้นวุฒิปริญญาตรี Nathan Soto ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพจาก Resume Genius ระบุว่า “คนรุ่นใหม่มองหางานที่รายได้ดีโดยไม่ต้องมีปริญญา” ส่งผลให้สายงานด้านการผลิต การบิน และพลังงาน กลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยม

5 อาชีพรายได้สูงที่ตลาดต้องการ

มีการเปิดเผย 5 สาขาอาชีพที่ตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ต้องการสูง โดยบางอาชีพไม่จำเป็นต้องใช้วุฒิปริญญาตรี แต่สามารถมีรายได้สูงถึง 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ได้แก่:

  1. ช่างเทคนิคลิฟต์และบันไดเลื่อน

    • ดูแลและซ่อมแซมอุปกรณ์ลิฟต์และบันไดเลื่อน
    • วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายและใบอนุญาต
    • รายได้เฉลี่ย 102,420 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อปี)
  2. พนักงานโรงไฟฟ้า

    • ควบคุมหม้อไอน้ำและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า
    • วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายและใบอนุญาต
    • รายได้เฉลี่ย 100,890 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.4 ล้านบาทต่อปี)
  3. พนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศ

    • ควบคุมการจราจรเครื่องบินทั้งบนอากาศและพื้นดิน
    • ต้องมีวุฒิปริญญาตรีหรือใบรับรอง AT-CTI และผ่านการฝึกอบรม FAA
    • รายได้เฉลี่ย 137,380 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.7 ล้านบาทต่อปี)
  4. ช่างเทคนิคนิวเคลียร์

    • ทำงานร่วมกับนักฟิสิกส์และวิศวกรเพื่อผลิตพลังงานนิวเคลียร์
    • วุฒิการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์และฝึกงาน
    • รายได้เฉลี่ย 101,740 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อปี)
  5. ผู้บังคับบัญชาแนวหน้าตำรวจและนักสืบ

    • จัดการงานและประสานงานสืบสวน
    • ต้องมีประสบการณ์ด้านตำรวจหรือการสืบสวน
    • รายได้เฉลี่ย 101,750 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 3.5 ล้านบาทต่อปี)

แรงงาน Gen Z ปรับตัว

กลุ่มคนรุ่นใหม่เริ่มหันมามองอาชีพที่ให้รายได้สูงโดยไม่เน้นปริญญาตรีมากขึ้น สายงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิต พลังงาน และการบิน ถูกมองว่าให้ผลตอบแทนคุ้มค่าเทียบเท่ากับงานออฟฟิศ โดย Nathan Soto เสริมว่า “การพัฒนาทักษะและการปรับตัวของแรงงานในสายอาชีพเหล่านี้ ถือเป็นอนาคตของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ต้องการแรงงานคุณภาพสูง”

วิกฤตแรงงานฝีมือในสหรัฐฯ ไม่เพียงสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน แต่ยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่กลุ่ม Gen Z จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคตอีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : McKinsey & Co.

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
NEWS UPDATE

อินไซต์นักช้อปครึ่งปีแรก ‘ร้านค้าหรู’ โต 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด จับตาตลาดบิวตี้

 

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2567 The 1 Insight เผยผลวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายกลุ่มสินค้า Luxury ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 แม้ในสภาพเศรษฐกิจผันผวน ภาพรวมกำลังซื้อตลาด Luxury Retail ยังเติบโตสูง 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด โดยสินค้าบิวตี้เติบโตแรงกว่าสินค้าแฟชั่น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่

ผลการวิเคราะห์ภาพรวมการใช้จ่ายกลุ่มสินค้า Luxury จาก The 1 Insight ในช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน 2567 พบว่า การใช้จ่ายสินค้าบิวตี้มีการเติบโตสูงกว่าสินค้าแฟชั่น 10%  ซึ่งตรงกับทฤษฎี “Lipstick Effect” ที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงที่กำลังซื้อภาพรวมลดลง

ทว่ายอดการใช้จ่ายสินค้าบิวตี้กลับเติบโตสวนทาง เนื่องจากเป็นสินค้าที่ชุบชูจิตใจได้ไม่แพ้สินค้าแฟชั่นแบรนด์หรู แต่มาในงบประมาณที่เข้าถึงได้สำหรับคนส่วนใหญ่นั่นเอง โดยสินค้าที่ยอดขายเติบโตสูงสุดในหมวดบิวตี้ ได้แก่ ลิปสติก พาเลตต์แต่งหน้า น้ำหอม ส่วนในหมวดแฟชั่น สินค้าที่มียอดขายเติบโตสูงสุด ได้แก่ กระเป๋าถือ แอ็กเซสเซอรี่ รองเท้า

การใช้จ่ายกับสินค้าแต่ละประเภทในสัดส่วนที่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

  • กลุ่ม Gen Z” ใช้จ่ายกับเครื่องสำอาง น้ำหอม และสกินแคร์
  • กลุ่ม Gen Y” ใช้จ่ายกับสินค้าแฟชั่น สกินแคร์ และน้ำหอม
  • กลุ่ม Gen X” ใช้จ่ายกับสกินแคร์และสินค้าแฟชั่น เมกอัพ และน้ำหอม
  • กลุ่ม Baby Boomers” ใช้จ่ายกับสกินแคร์ สินค้าแฟชั่น และเมกอัพ

สอดคล้องกับพฤติกรรมและความสนใจของคนแต่ละช่วงวัยอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งที่น่าจับตาคือ “กลุ่ม Gen Z” มีการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้า Luxury เติบโตสูงสุดจากทุกช่วงวัย เป็นผลให้แบรนด์ระดับโลกที่เล็งเห็นโอกาสเริ่มดำเนินกลยุทธ์ในการดึงดูดกลุ่ม Gen Z มากขึ้น ชัดเจนในช่วง 2-3 ปีให้หลังนี้ อาทิเช่น การใช้ดาราและอินฟลูเอนเซอร์ที่กลุ่ม Gen Z ติดตาม รวมถึง Storytelling ของแบรนด์ต่างๆ ที่เน้นการแสดงตัวตนที่ authentic และมุมมองต่อ sustainability ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่กลุ่มช่วงวัยดังกล่าวให้ความสำคัญ

อย่างไรก็ดี กลุ่มลูกค้าอื่นๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากกำลังซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ Gen Y, Gen X และ Baby Boomer ตามลำดับ

โดยทั้ง 3 ช่วงวัยนั้นยังถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญของแบรนด์ นอกจากจะมีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y พบว่าคนกลุ่มนี้มีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) สูงกว่ากลุ่ม Gen Z ที่เปิดกว้างมากกว่าและพร้อมเปลี่ยนแบรนด์ที่ชื่นชอบตลอดเวลา

“ช่องทางออนไลน์” ที่เติบโตขึ้นไม่ว่าจะเป็น E-Commerce หรือ Social Commerce ช่องทางหน้าร้านก็ยังคงมีความสำคัญอย่างมาก ไม่เพียงในกลุ่ม Gen X และ Baby Boomer ที่นิยมการใช้จ่ายที่หน้าร้านมากกว่าเท่านั้น

ผลสำรวจจาก CRC VoiceShare ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2567 พบว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซื้อสินค้าในหมวดแฟชั่นและบิวตี้อย่างน้อย 1 รายการในช่วงเวลา 1 เดือน และนักช้อปสายลักชัวรี่ส่วนใหญ่ยังคงนิยมใช้จ่ายที่หน้าร้าน เนื่องจากสามารถมอบ Customer Experience ที่สะดวกสบายและมอบความรู้สึกพิเศษให้ได้มากกว่า

ซึ่งแบรนด์และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทราบในจุดนี้ดี ล่าสุด เห็นได้ชัดจากการเปิดตัว Luxe Galerie พื้นที่แฟชั่นแห่งใหม่ใจกลางกรุง ณ ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ที่นำเสนอแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในรูปแบบบูทีค พร้อมไฮไลท์สำคัญอย่าง ‘Shoes Avenue’ ครั้งแรกในประเทศไทยด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The 1 Insight

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News