Categories
HEALTH

โล่งใจ! สัตวแพทย์ยืนยัน กินหมูสุก ปลอดภัย แอนแทรกซ์

กินสุกเพื่อสุขภาพ: ปลอดภัยจากเชื้อโรค อร่อยไม่เปลี่ยน

ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเนื้อหมู

ในช่วงหน้าร้อนปี 2568 ความกังวลเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ เช่น โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) และโรคไข้หูดับ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกบริโภคเนื้อสัตว์มากขึ้น นายสัตวแพทย์วรวุฒิ ศิริปุณย์ รองเลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ชี้แจงว่า โรคแอนแทรกซ์ ซึ่งเกิดจากแบคทีเรีย Bacillus anthracis ไม่พบในหมู แต่พบในสัตว์กินพืช เช่น วัว ควาย แพะ และแกะ เนื้อหมูจึงปลอดภัยสำหรับการบริโภคหากปรุงสุกอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตาม การบริโภคเนื้อหมูดิบหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ เช่น ลาบดิบหรือก้อย อาจนำไปสู่ความเสี่ยงจากเชื้อ Streptococcus suis ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไข้หูดับ อันอาจทำให้เกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง เยื่อหุ้มสมองอักเสบ สูญเสียการได้ยิน หรือถึงขั้นเสียชีวิต การเลือกบริโภคเนื้อหมูที่ปรุงสุกจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและจำเป็น

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภคเนื้อหมู

เนื้อหมูเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณค่าทางโภชนาการและเป็นที่นิยมในเมนูอาหารไทย เช่น ลาบ ก้อย และหมูกระทะ แต่การบริโภคแบบดิบหรือปรุงไม่สุกอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus suis ซึ่งพบในหมูที่ป่วยและสามารถแพร่สู่มนุษย์ผ่านการบริโภคหรือการสัมผัสเนื้อดิบ นายสัตวแพทย์วรวุฒิ ระบุว่า การปรุงเนื้อหมูให้สุกที่อุณหภูมิอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมปศุสัตว์ หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในความสะอาดและคุณภาพของเนื้อหมู

แนวทางการป้องกันเพื่อความปลอดภัย

เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคและรักษาสุขภาพที่ดี สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติแนะนำแนวทางการปฏิบัติ ดังนี้:

  1. ปรุงเนื้อหมูให้สุกทั่วถึง ใช้ความร้อนอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส เพื่อทำลายเชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococcus suis และป้องกันโรคไข้หูดับ
  2. เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ซื้อเนื้อหมูจากร้านค้าหรือตลาดที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านสุขอนามัย หลีกเลี่ยงเนื้อที่มีกลิ่นหรือสีผิดปกติ
  3. ป้องกันการปนเปื้อน สวมถุงมือเมื่อสัมผัสเนื้อดิบ ล้างมือและอุปกรณ์ให้สะอาด และแยกเขียงสำหรับเนื้อดิบและสุก
  4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่วย ในพื้นที่ที่มีประวัติการระบาดของโรค ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสซากสัตว์หรือสัตว์ที่สงสัยว่าติดเชื้อ
  5. รีบพบแพทย์เมื่อมีอาการ หากมีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือสูญเสียการได้ยินหลังบริโภคหรือสัมผัสเนื้อดิบ ควรรีบไปโรงพยาบาลและแจ้งประวัติความเสี่ยง

ความอร่อยที่ปลอดภัยด้วยการกินสุก

การเปลี่ยนเมนูดิบมาเป็นเมนูสุกไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรค แต่ยังคงรักษาความอร่อยและเอกลักษณ์ของรสชาติไว้ได้อย่างครบถ้วน เมนูอย่างลาบคั่ว ก้อยย่าง หรือหมูย่าง สามารถนำเสนอรสชาติที่เข้มข้นและหอมกรุ่นโดยไม่ต้องพึ่งความดิบ แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” จึงเชิญชวนทุกคนลองปรับเปลี่ยนวิธีการปรุงอาหาร โดยไม่ห้ามการบริโภคเมนูดิบ แต่เน้นย้ำให้ลดการบริโภคแบบดิบและหันมาสร้างสรรค์เมนูสุกที่ทั้งปลอดภัยและน่ารับประทาน การปรุงสุกไม่เพียงปกป้องสุขภาพ แต่ยังเป็นการรักษาความสุขในการรับประทานอาหารร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูง

กินสุกไม่ใช่เรื่องยาก รสชาติยังคงน่าจดจำ

การเลือกบริโภคอาหารที่ปรุงสุกไม่ใช่เรื่องซับซ้อนและไม่ทำให้สูญเสียรสชาติที่คุ้นเคย แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ส่งเสริมให้ทุกคนหันมาปรุงเมนูโปรดให้สุก เช่น ลาบคั่วที่หอมด้วยเครื่องเทศ ก้อยย่างที่สุกกำลังดี หรือหมูกระทะที่ย่างจนฉ่ำ การกินสุกไม่ได้หมายถึงการห้ามบริโภคเมนูดิบอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นการเชิญชวนให้ลดความเสี่ยงด้วยการปรุงอาหารให้สุกเพื่อสุขภาพที่ดี ในช่วงหน้าร้อนนี้ มาร่วมกันเปลี่ยนความอร่อยให้เป็นความสุขที่ปลอดภัยด้วยการเลือกกินสุก เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและความมั่นใจในทุกมื้ออาหาร

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการจัดการนวัตกรรมการสื่อสาร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) รุ่นที่ 6

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI

บทความ “กินสุก เป็นสุข” วัฒนธรรม “อาหาร” ของคนไทย โดย “พิสันต์ จันทร์ศิลป์” วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

กินสุก เป็นสุข (กิ๋นสุก เป๋นสุข) บทความโดย พิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

          วัฒนธรรมการรับประทานอาหารของคนไทย โดยเฉพาะคนไทยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือชาวอีสาน นิยมรับประทานอาหารปรุงดิบ เช่น ลาบ หลู้ ส้า ซกเล็ก ซอยจุ๊ เป็นต้น ซึ่งหากวัตถุดิบโดยเฉพาะเนื้อวัว เนื้อควาย ปนเปื้อนจากเชื้อพยาธิ หรือเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงนี้เกิดโรคระบาดคือ โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) หรือมีอีกชื่อว่า โรคกาลี คือโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดขึ้นในสัตว์กินหญ้าเป็นอาหารแทบทุกชนิด โดยสัตว์พาหะหลักคือ โค กระบือ แพะ แกะ โดยสามารถถูกแพร่กระจายไปยังสัตว์ชนิดอื่น ๆ และคนได้ ผ่าน 3 ทางคือ การสัมผัส การรับประทาน และการสูดหายใจเอาสปอร์เข้าไป อย่างไรก็ตาม เชื้อไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ โรคดังกล่าวเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Bacillus anthracis

ซึ่งสามารถพบได้ในดิน น้ำ และพืช โดยเชื้อโรคมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมทั้งความร้อนสูง และความเย็นจัด อาการที่เกิดขึ้นจากโรคแอนแทรกซ์ สามารถบ่งบอกเส้นทางการได้รับเชื้อโรคได้ เช่น การมีแผลคล้ายรอยบุหรี่จี้บริเวณผิวหนัง คือลักษณะการติดเชื้อผ่านทางผิวหนัง หรือหากติดเชื้อผ่านทางการรับประทาน อาจเกิดการท้องเสีย หรือถ่ายเหลวปนเลือด และหากเป็นการติดเชื้อจากการหายใจ อาการก็จะเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจเช่น การไอ หรือหายใจติดขัด โดยเว็บไซต์ของกรมอนามัยระบุว่า หากมีอาการรุนแรง โอกาสเสียชีวิตมีสูงถึง 80%

          เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่อ.ดอนตาล จ.มุกดาหาร ประกาศพื้นที่ควบคุมโรคระวังแอนแทรกซ์ หลังมีผู้เสียชีวิต 1 ราย จากโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โดยปัจจุบันมีผู้ป่วยยืนยันอีก 2 ราย และมีกลุ่มเสี่ยงอีกกว่า 638 ราย ทั้งนี้กรมควบคุมโรค ระบุว่า ผู้เสียชีวิตติดเชื้อจากการชำแหละโค และมีการนำเนื้อโคที่ชำแหละไปแจกจ่ายเพื่อรับประทานกันในหมู่ชาวบ้าน

          โรคแอนแทรกซ์ จึงถือเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สามารถแพร่เชื้อจากสัตว์สู่คนได้โดยตรง และมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต ดังนั้น เราจึงต้องระมัดระวังไม่รับประทานอาหารดิบๆ แม้กระทั่งการรับประทานอาหารประเภท สเต็ก ก็ควรปรุงให้สุก ไม่ใช่ย่างแค่ระดับ แรร์(Rare) มีเดียม แรร์ (Medium Rare) ที่สุกแค่ผิวด้านนอกด้านในเนื้อยังไม่สุก เชื้อโรคอาจจะยังตกค้างอยู่ก็ได้ และที่ต้องระมัดระวังอย่างยิ่งคือขณะปรุงอาหาร เราไม่ควรใช้มือสัมผัสกับเนื้อดิบโดยตรง ควรสวมถุงมือป้องกันด้วย หรือการทานอารหารประเภทปิ้งย่างหรือหม้อไฟในร้านบุฟเฟ่

เรามักจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อไปปิ้งย่างในกระทะ หรือในหม้อชาบู แล้วใช้ตะเกียบนั้นคีบอาหารเข้าปาก ก็อาจเสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายเช่นกัน ดังนั้น เราควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก ชีวิตเราก็จะพบกับความสุข มีสุขภาพแข็งแรง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

บทความโดย พิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

เตือน “โรคแอนแทรกซ์” พบ 3 ผู้ป่วย ในลาว เหตุกินเนื้อวัว-ควายดิบ

 

เมื่อวันที่ 9 มี.ค.67 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์  รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี   กล่าวว่า ในขณะนี้กรมปศุสัตว์ได้แจ้งเตือนการพบโรคแอนแทรกซ์ ซึ่งเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนในประเทศลาว โดยมีสาเหตุจากการบริโภคเนื้อโค-กระบือดิบ   โดยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 มีรายงานข่าวต่างประเทศว่าพบผู้ป่วยโรคแอนแทรกซ์ 3 ราย ที่เมืองสุขุมา แขวงจำปาสัก ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยโรคนี้มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacillus anthracis) สัตว์ที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการหายใจเอาสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในดินหรือหญ้าเข้าสู่ร่างกาย หรือจากการกินน้ำและอาหารที่มีเชื้อปะปนเข้าไป เมื่อเชื้อเข้าตัวสัตว์จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น พร้อมสร้างสารพิษทำให้สัตว์ป่วยและตายในที่สุด

 

ทั้งนี้ ระหว่างสัตว์ป่วย เชื้อถูกขับออกมากับอุจจาระ ปัสสาวะหรือน้ำนม เมื่อเปิดผ่าซาก เชื้อสัมผัสกับอากาศ จะสร้างสปอร์ทำให้คงทนในสภาพแวดล้อมได้นาน โค กระบือ แพะ และแกะที่ป่วยจะมีอาการแบบเฉียบพลัน คือจะตายอย่างรวดเร็ว มีเลือดสีดำคล้ำไหลออกตามทวารต่างๆ ซากไม่แข็งตัว สำหรับคนที่ผ่าซากหรือบริโภคเนื้อสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้แบบสุกๆ ดิบๆ จะพบแผลหลุมตามนิ้วมือ แขน หรือช่องปาก และมีอาการเจ็บปวดในช่องท้อง โรคนี้ทำให้คนตายได้หากตรวจพบโรคช้า

 

น.ส.เกณิกากล่าวต่อว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยกรมปศุสัตว์ ได้ยกระดับมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรค โดยสั่งการให้ด่านกักกันสัตว์ตามแนวชายแดนไทย-ลาวเข้มงวดตรวจสอบการลักลอบนำเข้าโค กระบือ แพะ และแกะที่มีชีวิต รวมถึงผลิตภัณฑ์ด้วย เตรียมความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโรค และขอความร่วมมือเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ แพะ และแกะ ให้ดูแลสัตว์ของตนเองให้มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง และหมั่นสังเกตอาการสัตว์เลี้ยงของตนเองอยู่เสมอ ขอย้ำให้บริโภคเนื้อสัตว์ที่ผ่านการปรุงสุกและเป็นเนื้อสัตว์ที่ทราบแหล่งที่มาเท่านั้น

 

               “หากเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไป พบโค กระบือ แพะ แกะ แสดงอาการป่วยหรือตายผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุแบบเฉียบพลัน ห้ามเปิดผ่าซาก ห้ามเคลื่อนย้ายซากหรือชำแหละเพื่อการบริโภค ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อาสาปศุสัตว์  กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ หรือ ผ่านทาง Application DLD 4.0 หรือโทรศัพท์สายด่วน 06-3225-6888 เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที”  รองโฆษกรัฐบาลกล่าว

 

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่า โรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น เช่น เสือ สุนัข แมว สุกร โรคมักจะเกิดในท้องที่ซึ่งมีประวัติว่าเคยมีโรคนี้ระบาดมาก่อน แต่ปัจจุบันเนื่องจากการคมนาคมสะดวกและรวดเร็ว พ่อค้าสัตว์มักจะนำสัตว์ป่วย หรือสัตว์ที่อยู่ในระยะฟักตัวของโรคไปขายในท้องถิ่นอื่น ทำให้เกิดการกระจายของโรคไปไกลๆ ได้ เชื้อนี้ก่อให้เกิดโรคในคน 3 แบบ คือที่ผิวหนัง ที่ปอดจากการสูดดม ที่ทางเดินอาหาร และ oro-pharynx จากการกินเชื้อนี้เข้าไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมปศุสัตว์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News