Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เขื่อนแม่สรวยเข้ม เจ้าหน้าที่ตั้งด่าน รวบนักดื่ม 6 ราย เมาไม่ขับจับจริง

แม่สรวยตรวจเข้ม! เมาแล้วขับไม่รอด วันที่ 2 สงกรานต์ 2568 พบผู้กระทำผิด 6 ราย

อำเภอแม่สรวยเดินหน้าเชิงรุก บูรณาการทุกภาคส่วนตั้งด่านตรวจรอบเขื่อน คุมเข้มความปลอดภัยทางถนนในช่วงสงกรานต์

เชียงราย, 12 เมษายน 2568 – เวลา 16.00 น. นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย และผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอแม่สรวย ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง นำโดยปลัดอำเภอ พร้อมด้วยสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) บูรณาการร่วมกับสถานีตำรวจภูธรแม่สรวย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สรวย และกำนันตำบลแม่สรวย จัดตั้งจุดตรวจบริเวณเขื่อนแม่สรวย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ เพื่อควบคุมการใช้รถใช้ถนนของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา

ผลการดำเนินการเข้ม พบผู้กระทำผิดเมาแล้วขับจำนวน 6 ราย

จากการดำเนินการตรวจเข้มในวันที่สองของช่วงควบคุมเข้มสงกรานต์ 2568 เจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดตรวจหลักบริเวณทางเข้าออกเขื่อนแม่สรวย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่นในช่วงวันหยุด โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาเล่นน้ำที่ “แพเปียก” และกิจกรรมสงกรานต์ริมน้ำ ส่งผลให้การตั้งจุดตรวจต้องมีความเข้มข้นและต่อเนื่องตลอดทั้งวัน

ผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับขี่ พบผู้กระทำผิดรวมทั้งสิ้น 6 ราย มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที โดยนำตัวผู้กระทำผิดส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่สรวย เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ต่อไป

ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องปรามพฤติกรรมเสี่ยง

การดำเนินการตรวจจับเมาแล้วขับครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในมาตรการเชิงรุกของอำเภอแม่สรวย ที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีประชาชนเดินทางเข้าออกจำนวนมาก ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ใช้รถใช้ถนนตระหนักถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย

นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ เปิดเผยว่า การตรวจเข้มในพื้นที่รอบเขื่อนแม่สรวยไม่เพียงแต่เพื่อบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการแสดงออกถึงความจริงจังของภาครัฐในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงเทศกาลสำคัญ พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องทุกวันตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์

ศูนย์ปฏิบัติการฯ เผยแนวโน้มผู้ฝ่าฝืนยังคงพบต่อเนื่อง จำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมเข้ม

จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอแม่สรวย ระบุว่า ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาของเทศกาลสงกรานต์ มีผู้กระทำผิดในข้อหาเมาแล้วขับเฉพาะในพื้นที่เขื่อนแม่สรวยรวม 9 ราย เฉลี่ยวันละ 4.5 ราย ซึ่งยังถือเป็นตัวเลขที่สูง และบ่งชี้ถึงความจำเป็นที่ต้องดำเนินมาตรการควบคุมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลาหลัง 15.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนมักเริ่มดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ยังพบว่าผู้กระทำผิดส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุระหว่าง 25–40 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยทำงานที่มีอัตราการเดินทางท่องเที่ยวสูงในช่วงเทศกาล โดยมากใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลัก

ผสานความร่วมมือภาครัฐ-ท้องถิ่น-ชุมชน สร้างวินัยจราจรอย่างยั่งยืน

มาตรการที่อำเภอแม่สรวยดำเนินการในครั้งนี้ ไม่ได้หยุดอยู่เพียงการตรวจจับผู้กระทำผิดเท่านั้น แต่ยังเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และอาสาสมัครในพื้นที่ ซึ่งร่วมมือกันในการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และแจ้งเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

โดยเฉพาะการให้ความรู้ในระดับชุมชนเกี่ยวกับอันตรายของการขับขี่ยานพาหนะขณะมึนเมา การแจกใบปลิวให้ความรู้แก่ผู้มาเที่ยว รวมถึงการใช้เสียงตามสายประกาศเตือนในเขตหมู่บ้านล้อมรอบเขื่อน เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในระดับรากหญ้า

เมาแล้วขับยังเป็นปัญหาเรื้อรัง ต้องบูรณาการหลายมิติ

จากการติดตามข้อมูลและรายงานจากหลายหน่วยงาน พบว่าปัญหาเมาแล้วขับยังคงเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนเดินทางและเฉลิมฉลองกันอย่างครึกครื้น แม้ว่าจะมีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่พฤติกรรมเสี่ยงของบางกลุ่มยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง

การดำเนินการของอำเภอแม่สรวยจึงนับเป็นต้นแบบของการดำเนินงานเชิงรุกในระดับอำเภอ ที่สามารถใช้ศักยภาพของภาครัฐและชุมชนท้องถิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสร้างวินัยจราจร และลดสถิติอุบัติเหตุในระยะยาว

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง และแหล่งอ้างอิง

  • รายงานจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนทั่วประเทศ 264 ราย โดยกว่า 38% ของอุบัติเหตุเกิดจากการดื่มแล้วขับ
  • จากสถิติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2567 พบว่า อัตราการจับกุมผู้ขับขี่ที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่ากฎหมายกำหนดในช่วงสงกรานต์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12
  • สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รายงานว่า กลุ่มวัยทำงานอายุ 25–45 ปี เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการดื่มแล้วขับสูงที่สุดในช่วงเทศกาล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (www.ddc.moph.go.th)
  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (www.royalthaipolice.go.th)
  • คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (www.alcoholwatch.in.th)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

มติที่ประชุมปิดล่องแพ 30 เมษาฯ แม่สรวยน้ำน้อย แต่นั่งซุ้มต่อได้

ประกาศปิดล่องแพแม่สรวย 30 เม.ย. 68 – เพื่อสำรองน้ำเกษตร ชี้จำเป็นตามมติคณะกรรมการฯ ร่วมมือบริหารจัดการน้ำแบบมีส่วนร่วม

เชียงราย, 3 เมษายน 2568 — ตามที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ได้ประกาศ ยุติการล่องแพเปียกในอ่างเก็บน้ำแม่สรวยภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนลดลงอย่างต่อเนื่อง และจำเป็นต้องเก็บกักน้ำไว้เพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง ภายใต้นโยบายการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทาน โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคประชาชน และองค์กรผู้ใช้น้ำ

การตัดสินใจดังกล่าวมีขึ้นตามมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568 ภายใต้กรอบ ข้อตกลงความร่วมมือบริหารจัดการชลประทานแบบมีส่วนร่วม (MOU for JMC) ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้องประชุมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่ลาว ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบกิจการแพเปียก และตัวแทนเกษตรกรผู้ใช้น้ำเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

จำเป็นต้องสำรองน้ำ – ล่องแพได้ถึง 30 เม.ย. ก่อนลดปริมาณการปล่อยน้ำเหลือเพียง 1Q

นายวรวิทย์ สุวรรณจักร หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันได้มีการปล่อยน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่สรวยอยู่ที่ 5–6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (Q) เพื่อให้สามารถล่องแพได้อย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะสิ้นสุดกิจกรรมล่องแพในวันที่ 30 เมษายน 2568 หลังจากนั้นจะลดการปล่อยน้ำเหลือเพียง 1Q เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง

ถึงแม้จะมีคำถามจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ว่า หากมีฝนตกหรือพายุฤดูร้อนในเดือนเมษายนจะสามารถขยายเวลาได้หรือไม่ ทางชลประทานยังไม่ได้รับรายงานพยากรณ์อากาศที่ชัดเจนจากกรมอุตุนิยมวิทยา จึงยังคงยึดตามมติที่ประชุมไว้ก่อน

ยังเปิดให้นั่งซุ้มริมเขื่อน ชิมอาหารท้องถิ่นได้ถึง 15 พ.ค.

แม้ว่าจะไม่สามารถล่องแพได้หลังวันที่ 30 เมษายน แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อนุญาตให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ยังคงเปิดบริการ “ซุ้มริมน้ำ” สำหรับรับประทานอาหารและพักผ่อนริมอ่างเก็บน้ำต่อได้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมในช่วงปลายฤดูร้อน

ข้อตกลง MOU for JMC – โมเดลบริหารน้ำโดยชุมชนมีส่วนร่วม

การดำเนินการครั้งนี้สอดคล้องกับนโยบายของกรมชลประทาน ที่ส่งเสริมรูปแบบการบริหารจัดการน้ำ Participatory Irrigation Management (PIM) โดยให้เกษตรกร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานปกครอง และผู้ใช้น้ำ มีส่วนร่วมในการกำหนดแผนบริหารและจัดสรรน้ำผ่าน คณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC)

พื้นที่ในลุ่มน้ำแม่ลาวตอนที่ 2 ประกอบด้วย

  • อ่างเก็บน้ำแม่สรวย
  • ฝายเจ้าวรการบัญชา
  • ฝายถ้ำวอก
  • ฝายสมบัติ

โดยแต่ละแห่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับเกษตรกรในอำเภอแม่สรวยและพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งต้องอาศัยการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในช่วงฤดูแล้งของปี 2567/68 นี้

เสียงสะท้อนจากภาคเกษตรและการท่องเที่ยว

ฝ่ายเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ระบุว่า เห็นด้วยกับมาตรการเก็บกักน้ำ เนื่องจากพื้นที่การเกษตรหลายแห่งในลุ่มน้ำแม่ลาว กำลังเข้าสู่ฤดูแล้ง และปริมาณน้ำในเขื่อนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่ผ่านมา หากไม่มีการบริหารน้ำอย่างเป็นระบบ จะส่งผลกระทบต่อพืชผลทางเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพด ข้าวนา และพืชผักสวนครัว ซึ่งเป็นรายได้หลักของชุมชน

ในขณะที่ผู้ประกอบการล่องแพและร้านอาหารริมเขื่อน ได้แสดงความกังวลว่า การปิดให้บริการล่องแพก่อนฤดูท่องเที่ยวจะสิ้นสุด ส่งผลกระทบต่อรายได้และแรงงานในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของแม่สรวย

ข้อมูลสถานการณ์น้ำล่าสุดในภาคเหนือ

จากรายงานของ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทาน ประจำวันที่ 3 เมษายน 2568 พบว่า

  • อ่างเก็บน้ำแม่สรวยมี ปริมาณน้ำในอ่าง : 47.704 (65.350%) ของความจุ  73.000 ล้าน ลบ.ม.
  • คาดการณ์ว่าในช่วงเดือนเมษายนจะไม่มีฝนตกชุก
  • ปริมาณน้ำในลุ่มน้ำแม่ลาวรวมลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 15%
  • ความต้องการใช้น้ำเพื่อการเกษตรเพิ่มขึ้นกว่า 10% เนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น
  • พื้นที่การเกษตรในอำเภอแม่สรวยและแม่ลาวกว่า 6,200 ไร่ ต้องพึ่งพาน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่สรวยเป็นหลัก

(ที่มา: สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, กรมชลประทาน, รายงานสถานการณ์น้ำประเทศไทย ประจำเดือนเมษายน 2568)

แนวทางและข้อเสนอแนะต่อการจัดการน้ำแบบสมดุล

ฝ่ายสนับสนุนมาตรการปิดล่องแพ เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่จำเป็นและสมเหตุสมผล ภายใต้ข้อจำกัดของทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของแนวทาง PIM ซึ่งเป็นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการบริหารทรัพยากรสาธารณะอย่างยั่งยืน

อีกมุมหนึ่ง ของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเสนอว่า รัฐควรมีมาตรการเยียวยา หรือจัดกิจกรรมท่องเที่ยวทางเลือกในพื้นที่แทน เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไป พร้อมทั้งเสนอให้ปรับเปลี่ยนกำหนดการเปิด–ปิดล่องแพตามสถานการณ์น้ำจริงรายสัปดาห์ โดยใช้เทคโนโลยีพยากรณ์น้ำมาเป็นตัวกำหนด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พอ.สว.เชียงราย แพทย์เคลื่อนที่ เยี่ยมผู้ป่วยติดเตียง

เชียงรายออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ดูแลประชาชนพื้นที่ห่างไกล พร้อมเยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียง

ให้บริการทางการแพทย์ทั่วถึงแก่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

เชียงราย, 14 มีนาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายดำเนินโครงการ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 11 ประจำปี 2568 เพื่อนำบริการทางการแพทย์ไปสู่ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและครอบครัวที่มีฐานะยากจน ณ โรงเรียนบ้านห้วยน้ำเย็น หมู่ที่ 11 ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม โดยมี นางสินีนาฎ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายณรงค์ ลือชา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และ นายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลด้านสุขภาพอย่างใกล้ชิด

มอบถุงยังชีพและสนับสนุนสวัสดิการแก่ครอบครัวรายได้น้อย

ภายในงานมีการมอบ ถุงยังชีพจากสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และ แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย ให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยประกอบด้วย ข้าวสารจากวัดห้วยปลากั้ง ผ้าห่มกันหนาวจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย และพันธุ์ปลาจากสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย นอกจากนี้ ยังมีการมอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้มีรายได้น้อยจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะ ยังได้ร่วมประชุมเสวนากับ นายอำเภอแม่สรวย หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำท้องที่ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืน โดยมีการวางแผนสนับสนุนการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ

ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดกิจกรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงรายและคณะทำงาน ได้เดินทางไป เยี่ยมบ้านผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุจำนวน 5 ราย ในพื้นที่บ้านห้วยน้ำเย็น ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย เพื่อรับฟังปัญหาและให้การสนับสนุนสวัสดิการที่จำเป็น เช่น การจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์ การดูแลด้านโภชนาการ และการส่งเสริมสุขภาพ

บ้านห้วยน้ำเย็น หมู่ที่ 11 ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายประมาณ 75 กิโลเมตร และห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้าประมาณ 30 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและรับจ้างทั่วไป ซึ่งทำให้การเข้าถึงบริการทางสาธารณสุขเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประชาชนในพื้นที่

ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณสุขและป้องกันโรค

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการ ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่ทุรกันดาร และเป็นการปฏิบัติตามพระปณิธานของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนสามารถได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง

นอกจากนี้ ทางจังหวัดเชียงรายยังได้เน้นย้ำถึง มาตรการควบคุมการเผาในที่โล่ง ซึ่งมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 รวม 92 วัน เพื่อควบคุมระดับฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนประชาชนที่ได้รับบริการจากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. ครั้งที่ 11: มากกว่า 500 คน
  • จำนวนผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุที่ได้รับการเยี่ยมบ้าน: 5 ราย
  • ระยะทางจากตัวเมืองเชียงรายถึงบ้านห้วยน้ำเย็น: 75 กิโลเมตร
  • อัตราผู้สูงอายุในตำบลวาวีที่ต้องการการดูแลสุขภาพระยะยาว: ประมาณ 20% ของประชากรในพื้นที่
  • ระยะเวลาห้ามเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเพื่อป้องกันมลพิษทางอากาศ: 92 วัน (1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย / สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย / องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

หนุ่มจมแพเปียก ‘แม่สรวย’ ทีมแพทย์ช่วยชีวิตรอดปาฏิหาริย์

ปกครองอำเภอแม่สรวย ตรวจสอบกรณีคนจมน้ำแพเปียก

วันที่ 8 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 15.30 น. ได้มีรายงานข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์ กรณี “เหตุมีชายจมน้ำในสถานที่ท่องเที่ยวล่องแพเปียกแม่สรวย” โดยมีเจ้าหน้าที่งานฉุกเฉินโรงพยาบาลเวียงป่าเป้า ที่อยู่ในพื้นที่ขณะเกิดเหตุสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยจมน้ำจนมีชีพจร และได้ประสานโรงพยาบาลแม่สรวยเข้ามารับตัวเพื่อไปรักษาต่อ

จากการตรวจสอบข้อมูลกับโรงพยาบาลแม่สรวย สำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่สรวย และกำนันตำบลแม่สรวย พบว่าผู้ประสบเหตุเป็นชายอายุประมาณ 45 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โดยมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่บ้านสันกลาง หมู่ 2 ตำบลแม่สรวย ซึ่งเป็นบริเวณแหล่งท่องเที่ยวล่องแพเปียกเขื่อนแม่สรวย ขณะเกิดเหตุคาดว่าผู้ประสบเหตุได้ลงเล่นน้ำแล้วเกิดหมดสติจมน้ำ

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายชื่นชมเจ้าหน้าที่ รพ.เวียงป่าเป้า

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ออกแถลงการณ์ชื่นชมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเวียงป่าเป้า ที่ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยจมน้ำจนสามารถกลับมามีสัญญาณชีพ โดยเจ้าหน้าที่ที่ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ ได้แก่

  1. นายแพทย์สามารถ จันทร์ฤทธิ์ นายแพทย์ชำนาญการ ทำหน้าที่ Leader
  2. นางพีระดา ชัยวรรณะ พยาบาลวิชาชีพชำนาญการพิเศษ ทำหน้าที่ Commander
  3. นายธนาวุฒิ แก้วปัญญา พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ทำหน้าที่ CPR
  4. นายภัทรกร ต๊ะต้องใจ เจ้าพนักงานสาธารณสุขชำนาญงาน ทำหน้าที่ CPR
  5. นายอนุพงศ์ ชัยชุม ผู้ช่วยเหลือคนไข้ ทำหน้าที่ CPR
  6. นายทัศนะ สมต๊ะมา ผู้ช่วยเหลือคนไข้ ทำหน้าที่ CPR
  7. นายรัชพล ทุเรียน พนักงานขับรถ ทำหน้าที่ CPR
  8. นายเจษฎา อารุณ นักศึกษาพยาบาลปีที่ 4 มหาวิทยาลัยพะเยา ทำหน้าที่ CPR

นายแพทย์วัชรพงษ์ คำหล้า นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่สามารถช่วยชีวิตประชาชนได้อย่างทันท่วงที แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทและความสามารถของบุคลากรทางการแพทย์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉิน นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายยังขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้ ซึ่งเป็นตัวอย่างของความเสียสละและความเป็นมืออาชีพของบุคลากรสาธารณสุขที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนอย่างเต็มกำลัง

มาตรการป้องกันและดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ล่องแพเปียก

หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายอำเภอแม่สรวย ได้สั่งการให้ นายกเทศมนตรีตำบลเวียงสรวย ดูแลมาตรการรักษาความปลอดภัยทางน้ำในบริเวณที่มีการจัดกิจกรรมล่องแพเปียก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก โดยเน้นมาตรการสำคัญ ได้แก่

  • การกำหนดพื้นที่เล่นน้ำที่ปลอดภัยและการติดตั้งป้ายเตือน
  • การจัดเตรียมเจ้าหน้าที่กู้ภัยและอุปกรณ์ช่วยชีวิตประจำจุดเสี่ยง
  • การให้ผู้ประกอบการแพเปียกมีมาตรการเฝ้าระวัง และควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวต่อรอบให้เหมาะสม

สถานการณ์ความปลอดภัยทางน้ำในเชียงราย

จากข้อมูลของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย พบว่าในปี 2567 มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์จมน้ำในจังหวัดเชียงรายรวม 28 ราย และมีผู้บาดเจ็บจากการจมน้ำกว่า 50 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยมีสาเหตุหลักจากการเล่นน้ำในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม

ความคิดเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้นำไปสู่การแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างออกเป็นสองด้าน ด้านหนึ่งประชาชนและนักท่องเที่ยวเห็นว่าควรมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การบังคับให้สวมเสื้อชูชีพตลอดเวลา การมีเจ้าหน้าที่ประจำจุด และการเพิ่มการตรวจสอบมาตรฐานของผู้ประกอบการล่องแพเปียก

ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าการเพิ่มมาตรการที่เข้มงวดเกินไป อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในท้องถิ่น และอาจทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่สะดวกในการมาเยือน ดังนั้นแนวทางที่เหมาะสมควรเป็นการหาจุดสมดุลระหว่างการดูแลความปลอดภัยและการรักษาบรรยากาศของการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ

ทั้งนี้ คาดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตรการที่เหมาะสม เพื่อให้สามารถรองรับการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

แม่สรวยเปิดแหล่งน้ำพุร้อน ทองทิพย์ หนุนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

เปิดตัวโครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” แม่สรวย สร้างเมืองสุขภาพสู่ Chiangrai Wellness City

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร โดย ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ อดีตปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และประธานมูลนิธิอโรคยาด้วยสมุนไพร ได้เปิดตัว โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์หมู่บ้านทองทิพย์ ตำบลศรีถ้อย อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โครงการนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ขานรับนโยบายของจังหวัดเชียงรายในการพัฒนาเป็น Chiangrai Wellness City

ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สร้างความร่วมมือหลายภาคส่วน

การเปิดตัวโครงการในครั้งนี้มีการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ โดยมี นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย และผู้แทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและภาคประชาชนเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

โครงการแอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์ กับศักยภาพในการพัฒนาสุขภาพ

โครงการนี้มุ่งหวังให้ น้ำพุร้อนทองทิพย์ ซึ่งมีอุณหภูมิประมาณ 54 องศาเซลเซียส เป็นสถานที่สำหรับการบำบัดสุขภาพ โดยสามารถใช้แช่ตัว แช่เท้า และมีผลบรรเทาอาการปวดข้อเข่าเสื่อม ซึ่งจากการตรวจวิเคราะห์โดยกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกพบว่าน้ำแร่ที่นี่มี ค่า pH 8.2 และสามารถดื่มได้ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่จึงถือว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชน

กิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยวและสุขภาพ

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” จะเปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าเยี่ยมชม พร้อมทั้งมีกิจกรรมเพื่อสุขภาพหลากหลาย เช่น การนวดแผนไทย การอบสมุนไพร และบริการจากกลุ่มแพทย์ทางเลือก นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพัฒนาโครงการเพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับนานาชาติ เช่น เมือง คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary) ในสาธารณรัฐเช็ก และเมือง เบปปุ (Beppu) ในประเทศญี่ปุ่น

ขยายโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

ดร.ยงยุทธ สาระสมบัติ เปิดเผยว่าในอนาคตโครงการนี้จะขยายเพื่อสร้าง Golden Immortal Wellness and Healthy Living บนพื้นที่กว่า 425 ไร่ โดยเชิญชวนนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมพัฒนาโครงการ เพื่อสนับสนุนนโยบาย Chiangrai Wellness City ของจังหวัด และผลักดันให้เชียงรายกลายเป็น เมืองแห่งสุขภาพและการท่องเที่ยวระดับสากล

ประวัติศาสตร์และความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับน้ำพุร้อนทองทิพย์

หมู่บ้านทองทิพย์มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี โดยเล่ากันว่าพระเจ้าไชยเชษฐาเคยพักแรมที่บริเวณนี้ก่อนจะครองเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งได้อัญเชิญ พระเจ้าทองทิพย์ มาประดิษฐานไว้ ณ บริเวณนี้ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาตั้งแต่อดีตถูกใช้โดยหมอแผนโบราณสำหรับการรักษาโรคและการบำบัดสุขภาพ โดยปัจจุบันได้พัฒนาให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง

บทสรุปและเป้าหมายในอนาคต

โครงการ “แอ่วน้ำพุร้อน ทองทิพย์” เป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของเชียงรายและประเทศไทย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาของ องค์การบริหารการพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ (อพท.) โครงการนี้ไม่เพียงแต่สร้างโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์ แต่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศได้สัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างเต็มที่

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ธนพิริยะขยายร้านค้าปลีกสู่สาขาที่ 48 ในแม่สรวย มุ่งมั่นตอบโจทย์ลูกค้าในเชียงราย

 

บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงราย เดินหน้าขยายการเติบโตสู่สาขาที่ 48 สาขาแม่สรวย จ.เชียงราย การเปิดสาขาใหม่ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงสินค้าอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ชุมชนให้มากขึ้น ด้วยราคาย่อมเยา ตามปณิธาน “ราคาถูกจริง ช้อปปิ้งถูกใจ อยู่ใกล้บ้านคุณ” ซึ่งสาขาแม่สรวยนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าด้วยสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันธนพิริยะมีสาขารวมทั้งสิ้น 48 สาขา กระจายครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 36 สาขา จังหวัดเชียงใหม่ 5 สาขา และจังหวัดพะเยา 6 สาขา การขยายสาขาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในพื้นที่ แต่ยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในท้องถิ่นอีกด้วย นอกจากนี้ TNP ยังมีแผนเปิดเพิ่มเติมอีก 4 สาขาในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะทำให้ TNP มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 51 สาขาในสิ้นปี 2567 การขยายตัวเชิงกลยุทธ์นี้เน้นสร้างการเติบโตทั้งฐานรายได้และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน

เศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งอย่างธนพิริยะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ให้มีความเจริญเติบโตมากยิ่งขึ้น ความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคในจังหวัดเชียงรายยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ TNP มุ่งมั่นที่จะขยายฐานลูกค้าและตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์ทางการตลาดของธนพิริยะเน้นการเข้าถึงลูกค้าในชุมชนอย่างใกล้ชิด โดยการเปิดสาขาในพื้นที่ที่มีความต้องการสูง และให้ความสำคัญกับการจัดจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่ย่อมเยา ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจให้กับลูกค้า อีกทั้งการให้บริการที่เป็นมิตรและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าตลอดมา

ธนพิริยะยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายสาขาในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้ครอบคลุมและเข้าถึงลูกค้าในทุกมุมเมือง สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในท้องถิ่น และนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย หนุนงบสร้างสะพาน เพิ่มความสะดวกให้ชาวท่าก๊อ อ.แม่สรวย

 

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านแม่ต๋ำ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายสมัคร กันจีนะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่สรวย เขต 2 ในนามตัวแทนของประชาชนตำบลท่าก๊อ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การก่อสร้างสะพานในครั้งนี้ พร้อมด้วยนายรัสชณพงษ์ รัตนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานครั้งนี้อย่างอบอุ่น

 

โครงการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านแม่ต๋ำ หมู่ที่ 4 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการก่อสร้างสะพานขนาดสองช่องจราจร มีความกว้างทางรถ 6 เมตร และยาว 30 เมตร โดยสะพานชนิดนี้ไม่มีทางเดินเท้า ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้ถนน สะพานข้ามลำน้ำแม่ต๋ำแห่งนี้ เดิมเป็นสะพานไม้ ซึ่งเชื่อมเขตติดต่อระหว่างตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย กับตำบลสันสลี อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยสะพานไม้ดังกล่าวถูกก่อสร้างโดยใช้แรงงานของประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้ในการสัญจรและขนส่งผลผลิตทางการเกษตร

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ. 2554 ได้เกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง น้ำป่าไหลหลากได้พัดพาสะพานไม้ดังกล่าวไปกับสายน้ำจนหมดสิ้น ทำให้การสัญจรของประชาชนค่อนข้างลำบาก ด้วยเหตุนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายจึงได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและมีความปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้าน อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่เจ้าหน้าที่และจิตอาสาจะเข้าไปทำแนวกันไฟและลาดตระเวนดับไฟป่าในช่วงหน้าแล้งอีกด้วย

 

นายสมัคร กันจีนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การสัญจรของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย แต่ยังเป็นการสร้างเส้นทางที่มีความสำคัญต่อการลำเลียงผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นรายได้หลักของชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งนี้ การสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายยังเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอีกด้วย”

 

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานครั้งนี้ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดเชียงราย

 

พิธีเปิดสะพานในครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทุกคนต่างมีความยินดีที่สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านแม่ต๋ำ ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนสะพานไม้ที่เคยถูกน้ำป่าพัดพาไป การสร้างสะพานนี้ไม่เพียงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับชาวบ้านในการสัญจรและการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

คนแห่บริจาค “วิหารลายคำ” วัดแสงแก้วโพธิญาณ หลังถูกไฟไหม้

 

เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2567 ที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ หมู่บ้านใหม่แสงแก้ว หมู่ 11 ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พระภาวนารัตนญาณ วิ.หรือพระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต เจ้าอาวาสวัดวัดแสงแก้วโพธิญาณ ได้เดินทางจากการปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปถึงวัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย หลังจากได้เกิดเหตุไฟไหม้วิหารหลวงลายคำ ของวัดระหว่างคืนวันที่ 21-22 มิ.ย.2567 จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก มูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ทั้งนี้นอกจากจะมีลูกศิษย์ลูกหาไปรอนมัสการกราบครูบาอริยชาติแล้ว ยังมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ได้เดินทางไปนมัสการด้วย ขณะเดียวกันชาวบ้านจำนวนมาก ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 37 ฝ่ายปกครอง อ.แม่สรวย หน่วยกู้ภัย ฯลฯ ต่างพากันไปเก็บข้าวของต่างๆ ออกจากวิหารมาไว้ตรงเต็นท์ ด้านข้าง เพื่อให้ช่างเช้าไปเตรียมการบูรณะภายในวิหารต่อไป
 
 
ขณะที่มีผู้บริจาคเงินเพื่อร่วมสร้างหรือซ่อมแซมวิหาร บางคนบริจาคนับ 1 ล้านบาทผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อครูบาอริยชาติได้เข้าไปถึงภายในวิหารที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะส่วนหลังคาเสียหายทั้งหมด ส่วนเสา ผนังและส่วนโครงสร้างพบว่าปูนภายนอกกระเทาะออกมา พระพุทธรูปภายในเสียหายทั้งหมดรวมทั้งพระแสงแก้วโพธิญาณ ซึ่งเป็นประธานแต่ยังคงโครงสร้างประดิษฐานอยู่ได้แต่ส่วนพระเกศเอียงลงเล็กน้อย ซึ่งครูบาอริยชาติได้เข้าตรวจสอบพบยังคงมีหัวใจทองคำและวัตถุมงคลต่างๆ ที่อยู่ภายในองค์เหมือนเดิม
 
 
ทั้งนี้ครูบาอริยชาติ ได้ประกอบพิธี สักการะ และได้พบเหรียญมงคลตกอยู่บนพื้นวิหารจึงได้มอบให้ พล.อ.ต.ต่อศักดิ์ ซึ่งอยู่ใกล้ครูบาอยู่ตลอดเวลาเอาไว้ด้วยจากนั้นช่วงบ่ายครูบาอริยชาติ ได้นำประกอบพิธีเปิดฟ้าอัญเชิญเทพเทวดาและพิธีสูตรถอนตามความเชื่อของชาวล้านนาตามลำดับ
 
 
ครูบาอริยชาติ กล่าวว่า สิ่งทั้งปวงเป็นของไม่เที่ยงย่อมมีเสื่อมสลายลงเป็นธรรมดาซึ่งเป็นไปตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้จนเสียหายไปแล้ว เบื้องต้นคือจะนำเอาสิ่งมีค่าต่างๆ เช่น พระเกศา ทองคำ ฯลฯ ภายในวิหารและพระแสงแก้วโพธิญาณออกมาเก็บไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ชาวบ้านต้องมานอนเฝ้า จากนั้นก็ค่อยพิจารณาว่าจะสร้างใหม่หรือบูรณะต่อไป
 
 
ทั้งนี้ได้มีญาติโยมที่ประเทศสหรัฐอเมริกาถามตนว่าเมื่อรู้ว่าจะเกิดไฟไหม้ทำไมไม่แก้ไข ซึ่งอาตมาตอบว่าเมื่อรู้จะทำอะไรได้เช่นเดียวกับพายุที่พัดกระหน่ำก็ต้องรอผลที่จะออกมาเท่านั้น ทำให้ญาติโยมคนนั้นบอกว่าตนโชคดีที่ไม่ได้ร่วมสร้างวิหารแต่ก็จะได้ร่วมซ่อมแซมในที่สุดครูบาอริยชาติ กล่าวด้วยว่า วัดแสงแก้วโพธิญาณ สร้างมาตั้งแต่ปี 2549 หรือเป็นเวลา 18 ปี เท่ากับวิหารแห่งนี้ ดังนั้นหลังจากนำของมีค่าต่างๆ ออกมาหมดแล้ว ก็มีกำหนดจะซ่อมแซมตั้งแต่วันอาสาฬหบูชา ปี 2567 นี้เป็นต้นไป สำหรับผู้ที่จะร่วมซ่อมแซมหรือสร้างใหม่ก็ถือเป็นบุญกุศลอย่างมาก เพราะแม้จะไม่ได้สร้างมาตั้งแต่ต้นแต่ก็โชคดีที่ได้มาร่วมซ่อมแซมดังกล่าว
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กลุ่มข่าวเพื่อสังคมเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อุทยานแห่งชาติลำน้ำกกฯ แจ้งความผู้จัดกิจกรรมวิ่งดอยช้างเทรล 2024

 
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ประจำจุดสกัดชาพันปี บ้านใหม่พัฒนา ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวยจังหวัดเชียงราย พบว่ามีกลุ่มบุคคลเข้ามาเตรียมสถานที่โดยการกางเต็นท์และจัดโต๊ะบริเวณลานกางเต็นท์ หน้าสำนักงานจุดสกัดชาพันปี เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปสอบถามกลุ่มบุคคลดังกล่าวทราบว่าเข้ามาดำเนินการจัดสถานที่ เพื่อเป็นจุดเช็คระยะและจุดพักนักกีฬาในกิจกรรมวิ่งเทรล ดอยช้างเทรล 2024 ซึ่งจะมีการวิ่งผ่านเข้าเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก บริเวณต้นชาพันปีและสันดอยกิ้งก่า จึงได้รายงานให้นายพิทยา สะศรีสังข์ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษหัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกก ทราบ
 
 
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกจึงได้สั่งการให้นายนรินทร์ แสงวงศ์ พนักงานพิทักษ์ป่าหัวหน้าจุดสกัดชา พันปี ดำเนินการแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดเช็คระยะและจุดพักนักวิ่งว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวไม่ได้ขออนุญาตตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่าด้วยการเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2563 และหากยังมีการดำเนินกิจกรรมดังกล่าวจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
 
 
ต่อมาเวลาประมาณ 00.55 ของวันที่ 23 มิถุนายน 2567 พบว่ายังมีการจัดกิจกรรม และมีนักวิ่งทำการวิ่งเข้าไปในเส้นทางที่ไม่ได้รับอนุญาต คณะเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้เป็นหลักฐาน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงไม่ให้เกิดการปล่อยประละเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกจึงมอบ หมายให้นายกมล แฝงบุปผา นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำกก เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่สรวย
ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2567
 
 
อนึ่ง ในปีพ.ศ. 2565 คณะผู้จัดเดียวกันนี้ ได้เคยขออนุญาตจัดกิจกรรมดังกล่าวกับทางอุทยานแห่งชาติลำน้ำกกแล้วมาครั้งหนึ่ง และได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรมได้ แต่ในครั้งนี้ไม่มีการประสานล่วงหน้าแต่อย่างใด
ซึ่งการจัดกิจกรรมดังกล่าวจะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย ตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่าด้วยการเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติพ.ศ. 2563
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เชียงรายทอล์ค

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ผู้ว่าฯ เชียงราย ลงพื้นที่ไฟไหม้วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย

 
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 67 จากกรณีที่เกิดไฟไหม้วิหารหลวงลายคำ ภายในวัดแสงแก้วโพธิญาณ ม.11 ต.บ้านใหม่แสงแก้ว ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย กลางดึกคืนที่ผ่านมา โดยในวันนี้ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พนักงานสอบสวน สภ.แม่สรวย ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐานตรวจพิสูจน์สาเหตุของเพลิงไหม้ โดยในพื้นที่วิหารมีเศษกระเบื้องหลังคาร่วงมากองเต็มเกลื่อนไปหมด ไฟไหม้พระพุทธรูปสำคัญ หุ่นขี้ผึ้งภาพจิตรกรรม โดนเผาวอดทั้งหมด เซิร์ฟเวอร์ บันทึกภาพกล้องวงจรปิดภายในวิหารที่อยู่บริเวณด้านหลังพระประธาน ทำให้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุและประเมินเบื้องต้นความเสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท  โดยที่วิหารหลวงลายคำ วัดแสงแก้วโพธิญาณ ได้มีการนำเอาเชือกกั้นแนวมากั้นพื้นที่ ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในวิหาร โดยมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมารอดูการทำงานของเจ้าหน้าที่กันอย่างไม่ขาดสาย
 

        นายยา ศรีทา อายุ 73 ปี อดีต ผญบ.บ้านใหม่แสงแก้ว เปิดเผยว่า วิหารที่ถูกไฟไหม้แห่งนี้ตนมีส่วนร่วมในการบุกเบิกตั้งแต่ต้น โดยได้เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2549 ปัจจุบันมีอายุกว่า 16 ปี มีของมีค่าอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพระแสงแก้วโพธิญาณ ซึ่งเป็นพระประธานในวิหาร หุ่นขี้ผึ้งบูรพาจารย์ และของมีค่าอย่างอื่น รวมมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท แต่ความรู้สึกสูญเสียของชาวบ้านประเมินค่าไม่ได้
 

       ด้านพระทศพร กิตติธโร รักษาการณ์แทนเจ้าอาวาสวัดแสงแก้วฯ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดจึงออกมาดู ก็พบว่ามีไฟลุกไหม้วิหาร ก็เลยโทรแจ้ง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยดับ โดยทางพระเณรมาช่วยดับไฟ ด้วยแต่ไฟได้ลุกลามไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ เบื้องต้นสาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เพราะวิหารก่อสร้างมา 10 กว่าปี และตอนเกิดเหตุก็เป็นช่วงเวลากลางดึก ตอนนี้ได้แจ้งครูบาอริยชาติซึ่งติดกิจนิมนต์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาให้รับทราบแล้ว ซึ่งท่านก็ได้รับทราบและได้กำชับใช้ลูกศิษย์ตั้งสติ ทำใจกับสิ่งที่เกิดไปแล้ว และตั้งมั่นกับสิ่งที่จะทำในอนาคต โดยเหตุการณ์เกี่ยวกับไฟไหม้ครั้งนี้ พระครูบาอริยชาติได้พูดเตือนพระลูกวัดและลูกศิษย์ตั้งแต่ช่วงวันพระใหญ่ที่ผ่านมา ท่านบอกกลัวไฟจะไหม้วิหาร แต่ตอนนั้นคนที่ได้ยินก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นจริง
 

        นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตนได้รับแจ้งรายงานเหตุจากนายอำเภอประมาณตีหนึ่ง โดยในเบื้องต้นทราบว่าไฟลุกไหม้ตั้งแต่ประมาณเที่ยงคืน ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้และมูลค่าเสียหายทั้งหมด ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ พฐ. ได้ทำงานเพื่อหาบทสรุปก่อน และตนก็ได้สั่งการให้โยธาธิการและผังเมือง และสำนักพุทธฯ มาตรวจสอบความเสียหายในวันจันทร์ เพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว สำหรับใครที่ต้องการจะมาเที่ยวที่วัดแสงแก้วในช่วงนี้ก็ยังมีจุดอื่นที่สวยงามน่าสนใจอีกมากมาย สามารถมาเที่ยวกันได้ตามปกติ 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News