Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงรายชูจุดขาย “คูลเคชั่น” พลิกวิกฤตโลกร้อนสู่ปีทองการท่องเที่ยว

อพยพหนีร้อนสู่ “คูลเคชั่น” เชียงรายชูจุดขายอากาศเย็น–ธรรมชาติสงบ พลิกวิกฤตโลกร้อนเป็น “ปีทองท่องเที่ยวใหม่”

เชียงราย, 6 กันยายน 2568 – เมื่อยุโรปเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรงจนหลายเมืองแตะ 40°C พร้อมไฟป่าถี่กว่าที่เคย จุดหมายฤดูร้อนคลาสสิกอย่างสเปน โปรตุเกส และกรีซเริ่มถูกนักเดินทาง “หลบเลี่ยง” มากกว่า “ไหลเข้า” ปรากฏการณ์นี้ผลักดันคำใหม่ในพจนานุกรมท่องเที่ยวโลก—คูลเคชั่น (Coolcation)” หรือการท่องเที่ยวเพื่อแสวงหาอากาศที่เย็นกว่า เงียบกว่า และไม่แออัด—จากคำฮิตสู่ กติกาใหม่ของการวางแผนทริปหน้าร้อนปี 2025

คำถามจึงดังขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะ เชียงราย เมืองเหนือที่โอบล้อมด้วยเทือกดอยและลำน้ำว่า นี่คือโอกาสพลิกวิกฤตสภาพอากาศ ให้กลายเป็นปีทองของเชียงรายได้หรือไม่?”

คลื่นร้อนเปลี่ยนยุโรป สัญญาณเตือนที่กลายเป็นสัญญาณตลาด

ตลอดสองฤดูร้อนที่ผ่านมา สื่อเศรษฐกิจระดับโลกและหน่วยงานด้านท่องเที่ยวของยุโรป รายงานคลื่นความร้อน/ไฟป่าที่ส่งผลกระทบต่อจุดหมายเมดิเตอร์เรเนียนอย่างเป็นระบบ ทั้งการอพยพปิดชายหาดชั่วคราว ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน และความเสี่ยงต่อสุขภาพของนักเดินทาง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านเทรนด์ท่องเที่ยวสากลอย่าง เจนนี เซาธาน (Jenny Southan) ซีอีโอ Globetrender ประเมินว่า เดือนกรกฎาคม–สิงหาคม กำลังกลายเป็น “เขตเสี่ยงภูมิอากาศ” สำหรับการท่องเที่ยวมวลชนในแถบเมดิเตอร์เรเนียน—ภาษาธุรกิจคือ “ดีมานด์ย้ายฤดูกาลและย้ายพิกัด”

ข้อมูลเสริมจากเครือข่ายที่ปรึกษาท่องเที่ยว Virtuoso สะท้อนตรงกันว่า 79% ของที่ปรึกษายอมรับ “เหตุอากาศสุดขั้วมีผลต่อการวางแผนเดินทาง” และ 55% ของลูกค้าหันไปเลือก นอกฤดูกาล (shoulder season) มากขึ้น ขณะเดียวกัน European Travel Commission (ETC) ชี้แนวโน้ม “เลี่ยงที่แออัด/เปลี่ยนเส้นทาง” เริ่มปรากฏอย่างมีนัยสำคัญ และสายการบินในยุโรปเหนืออย่าง SAS รายงานยอดจองจากยุโรปใต้สู่ นอร์เวย์ สำหรับฤดูร้อนปี 2025 เติบโตเด่น (บางเส้นทางขยายตัวระดับสองหลัก) ยืนยันว่า “คูลเคชั่น” ไม่ใช่แฟชั่น แต่เป็น พฤติกรรมใหม่ที่วัดได้

สำหรับประเทศเศรษฐกิจพึ่งพาการท่องเที่ยวสูงอย่างกรีซ สเปน และโปรตุเกส ซึ่งสัดส่วนรายได้จากท่องเที่ยวต่อ GDP อยู่ที่ราว 18%, 12.3% และ 11.9% ตามลำดับ ความปั่นป่วนของฤดูกาลหมายถึงความเสี่ยงต่อรายได้ท้องถิ่นโดยตรง ยิ่งทำให้จุดหมาย “เย็นกว่า–โลว์คีย์กว่า” ทั่วโลกถูกมองหามากขึ้น

คูลเคชั่นคืออะไร และทำไมเชียงราย “เข้าแกน” เทรนด์นี้

คูลเคชั่น (Coolcation) คือการเดินทางที่มี อุณหภูมิ เป็นตัวตั้ง—ผู้เดินทางหลีกเลี่ยงความร้อนจัดและฝูงชน หันไปหาสถานที่ที่ เย็นกว่า สงบกว่า และมีประสบการณ์กลางแจ้งที่เข้ากับอากาศ กิจกรรมยอดนิยมจึงเปลี่ยนจากนอนอาบแดดสู่ เดินป่า ชมทะเลหมอก พายเรือในลำน้ำเย็น น้ำตก/ล่องแก่ง หรือ เที่ยวเมืองเล็กที่มีวัฒนธรรมเข้ม

เมื่อจับเลนส์นี้ไปส่องแผนที่ไทย เชียงราย สอดรับกับคำจำกัดความแทบทุกมิติ

  1. ภูมิประเทศสูง/ลมเย็นโดยธรรมชาติ – เทือกดอยตั้งแต่ ดอยตุง–ดอยช้าง–ดอยแม่สลอง (สันติคีรี) ไปจนถึงแนวสันเขา ภูชี้ฟ้า–ภูชี้ดาว–ผาตั้ง ทำให้อุณหภูมิบนที่สูง ต่ำกว่าพื้นราบหลายองศา โดยเฉพาะเช้าตรู่ที่มักแตะระดับเย็นสบายแม้ในฤดูฝนปลายฝนต้นหนาว
  2. สายน้ำคลายร้อน – เมืองถูกผ่าโดย แม่น้ำกก และรายล้อมด้วยน้ำตกชื่อดังอย่าง ขุนกรณ์–ห้วยแม่ซ้าย รวมถึงแหล่งน้ำธรรมชาติสำหรับ ล่องแพ/พายคายัค/เล่นน้ำ ที่มอบ “ความเย็นในกิจกรรม” แม้อากาศภายนอกจะอบอ้าว
  3. ความสงบและความเป็นท้องถิ่น – เทียบกับเมืองท่องเที่ยวเมกะฮิต เชียงรายเสนอ “จังหวะช้า” แบบ Slow Tourism ที่นักท่องเที่ยวยุคคูลเคชั่นมองหา ทั้งตลาดกลางคืนท้องถิ่น งานคราฟต์ชนเผ่า ร้านกาแฟ–ไร่ชา (ชาผู่อูหลง/ชาเขียวคุณภาพ) และพิพิธภัณฑ์/อาร์ตสเปซที่เดินชมแบบไม่ต้องเบียดคน
  4. การเข้าถึงหลากหลายเส้นทาง – สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชื่อมกรุงเทพฯ/หัวเมืองหลัก และเครือข่ายถนนขึ้นดอยถูกปรับปรุงต่อเนื่อง ทำให้ “เที่ยวดอย–ลงเมือง–ลงน้ำ” ทำได้ภายในทริปเดียว

กล่าวให้ชัด เชียงราย มีทั้ง “เย็นโดยธรรมชาติ” และ “เย็นด้วยกิจกรรม” ซึ่งตรงสูตรคูลเคชั่นอย่างเป็นรูปธรรม

เช้าวันหมอกที่ภูชี้ฟ้า และยามเย็นริมน้ำกก

ลองจินตนาการเช้าวันหนึ่งปลายสิงหาคม หมอกขาวคลุมสันเขา ผู้คนจำนวนไม่มากค่อยๆ เดินขึ้นสู่จุดชมวิว ภูชี้ฟ้า เมื่อดวงอาทิตย์แตะขอบฟ้าลาว–ไทย คลื่นเมฆยวบลงใต้เท้า อุณหภูมิที่ผิวแก้มคือ “เย็นจริง ไม่ต้องพึ่งแอร์” กลางวันคุณลงเมือง จิบชาในไร่ชาที่ ดอยแม่สลอง หลบร่มใต้ต้นชาอายุหลายสิบปี แล้วเฉลียงยามเย็นปรับโหมดเป็น เรือหางยาวล่องแม่น้ำกก ลมเย็นปะทะใบหน้า เมืองทั้งเมืองเดินช้าลงโดยไม่ต้องบอก—นี่คือ ประสบการณ์คูลเคชั่นฉบับเชียงราย ที่พูดกับร่างกายมากกว่าคำโฆษณา

บทเรียนจากโลก เทรนด์ที่ “ย้ายฤดูกาล” และ “ย้ายแผนที่”

การเคลื่อนย้ายดีมานด์มีสองชั้นสำคัญ

  • ย้ายฤดูกาล – จากคิว Jul–Aug ไปสู่ May–Jun / Sep–Oct ซึ่งเย็นกว่าและปลอดภัยกว่า
  • ย้ายแผนที่ – จากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสู่ ละติจูดสูง/พื้นที่ภูเขา/เส้นทางน้ำ

ถ้าเชียงรายอ่านเกมนี้ได้เร็ว เมืองสามารถ อัพเกรดหน้าฝน” ให้เป็น “High Season ใหม่ของคูลเคชั่น” เพราะปลายฝน–ต้นหนาว คือหน้าที่ ภูมิทัศน์เขียวชุ่ม น้ำตกแรง หมอกหนา อุณหภูมิเย็นพอดี และ—ที่สำคัญ—ไม่ชนฤดูกาลหมอกควัน (ก.พ.–เม.ย.) ที่ภาคเหนือจำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงร่วมกับชุมชน

กลยุทธ์ “เชียงรายคูลเคชั่น” ทำอย่างไรให้โอกาสกลายเป็นปีทอง

เพื่อให้คอนเซ็ปต์จากข่าวโลกลงจอดสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ทีมข่าวสรุป 9 ข้อเสนอเชิงปฏิบัติ สำหรับภาครัฐ–เอกชนเชียงราย ดังนี้

  1. รีแบรนด์ปลายฝน–ต้นหนาวเป็นฤดู “Cool & Green”
    ตั้งแคมเปญ “Coolcation Chiang Rai: Green Season, Blue Sky” สื่อสารจุดขาย “เย็น–เขียว–ไม่แออัด” พร้อมแพ็กเกจ 3 วัน 2 คืน ที่รวม “ดอย–น้ำ–เมือง” ในราคาพอจับต้อง
  2. สร้างเส้นทาง “เย็นโดยธรรมชาติ” + “เย็นด้วยกิจกรรม”
    จับคู่ ภูชี้ฟ้า/ดอยแม่สลอง (หมอก–ไร่ชา) กับ ล่องแม่น้ำกก/น้ำตกขุนกรณ์ (กิจกรรมคลายร้อน) ปิดท้ายด้วย Night Market/คาเฟ่ริมน้ำ ให้ครบมิติของคูลเคชั่น
  3. Night Economy = เครื่องปรับอากาศตามธรรมชาติ
    ผลักดัน เมืองเก่า–วัดสำคัญ–พิพิธภัณฑ์ภาพเก่า เปิดรอบค่ำ พร้อมไฟสวย–ทัวร์เดินเท้า–คอนเสิร์ตแจ๊สเบาๆ กลางลมแม่น้ำ ลดภาระเดินช่วงแดดจัด และกระจายรายได้หลังพระอาทิตย์ตก
  4. Green Mobility
    รถเวียนไฟฟ้าเส้น สนามบิน–ตัวเมือง–ท่าเรือแม่น้ำกก–สถานีขนส่ง–ขึ้นดอย พร้อม บัตรวันเดียว (Day Pass) ช่วยลดคาร์บอนและทำให้การเดินทางไร้รอยต่อ
  5. มาตรฐาน “ที่พักคูล”
    เชิญโรงแรม/โฮมสเตย์เข้าร่วมมาตรฐาน CF-Hotels (Carbon–Forest) เช่น ตั้งเป้าลดพลังงาน/เพิ่มร่มเงา/ใช้น้ำฝน/ขยายพื้นที่สีเขียว และเล่าเรื่องผ่าน Dashboard ง่ายๆ ให้แขกเห็น “คุณเย็นอย่างยั่งยืนอย่างไร”
  6. ปฏิทินเทศกาล “เย็นแล้วค่อยฉลอง”
    จัด งานชา–กาแฟ–อาร์ตบนดอย ใน Sep–Oct ที่อากาศพอดี เชิญช่างฝีมือชนเผ่า/ศิลปินร่วมสมัยร่วม Curate ประสบการณ์ Slow & Local
  7. บริหารความเสี่ยงหมอกควัน
    สื่อสารชัดว่า “หน้าร้อน (ก.พ.–เม.ย.) ไม่ใช่ หน้าคูลเคชั่น” พร้อมแผน Early Burning Control/ท่องเที่ยวอาสา ฟื้นฟูป่า และแจ้ง คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ผ่านช่องทางทางการ
  8. ทำการตลาดข้อมูล (Data-led Marketing)
    เก็บสถิติ อุณหภูมิ–ดัชนีความร้อน (HI)–จำนวนนักท่องเที่ยว–ระยะเวลาพำนัก–ค่าใช้จ่าย/ทริป รายเดือน แล้วเล่าเป็นอินโฟกราฟิกให้เอเจนซียุโรป/เอเชียเห็นว่า “เชียงราย = หนีร้อนแล้วสนุกกว่า
  9. เข้าระบบรางวัลคุณภาพ–ยั่งยืนของประเทศ
    กระตุ้นผู้ประกอบการสมัคร Thailand Tourism Awards หมวด Sustainability เพื่อใช้ “ตรากินรี” เป็นตรารับรองคุณภาพ–ยั่งยืน เพิ่มอำนาจต่อรองในตลาดต่างประเทศ

เสียงจากผู้เชี่ยวชาญ

  • ผู้ว่าการ ททท. เคยย้ำทิศทาง “ยกระดับคุณภาพ–ยึดความยั่งยืน” และผลักดันรางวัล/มาตรฐานที่สอดคล้อง GSTC เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยพร้อมแข่งขันในตลาดที่ให้ค่าด้านสังคม–สิ่งแวดล้อม
  • ผู้เชี่ยวชาญเทรนด์ท่องเที่ยวสากล ชี้ “คูลเคชั่น” จะแข็งแรงขึ้นใน 2–3 ปี และ ฤดูพีกเมดิเตอร์เรเนียนจะเลื่อนไป May–Jun / Sep–Oct
  • เอเยนต์–แพลตฟอร์ม ในยุโรปสะท้อนดีมานด์ “เย็นกว่า–เงียบกว่า” เพิ่มขึ้นจริง จากผลสำรวจ Virtuoso และความเคลื่อนไหวการจองที่ Scandinavia/Nordic

คำกล่าวเหล่านี้ แม้ต่างพื้นที่ แต่ส่งสัญญาณเดียวกัน: ตลาดโลกกำลังมองหาความเย็นและความสงบแบบมีคุณภาพ ใครตอบได้ก่อน ย่อมได้ส่วนแบ่งก่อน

เศรษฐกิจท้องถิ่นจะได้อะไร 4 เม็ดเงินที่มากับคูลเคชั่น

  1. ยืดฤดูกาล–ถ่างรายได้: จาก high season ช่วง พ.ย.–ก.พ. ไปถึง May–Jun / Sep–Oct ลดความผันผวนทางรายได้ของผู้ประกอบการ
  2. ค่าใช้จ่ายต่อหัวสูงขึ้น: นักท่องเที่ยวคูลเคชั่นมักซื้อประสบการณ์เชิงคุณภาพ (ไร่ชา–เวิร์กช็อปคราฟต์–ไกด์เฉพาะทาง) ซึ่ง มาร์จิ้นสูงกว่าทัวร์ปริมาณ
  3. กระจายรายได้สู่ชุมชน: เส้นทาง “ดอย–น้ำ–เมือง” เปิดโอกาส โฮมสเตย์–ช่างฝีมือ–ไกด์ท้องถิ่น–ชุมชนชนเผ่า เข้าห่วงโซ่
  4. ลดต้นทุนสังคม/สิ่งแวดล้อม: แทนการแบกรับภาระนักท่องเที่ยวหนาแน่นแบบพีกซัมเมอร์ เมืองจะ “หายใจได้” ทั้งทรัพยากรและคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย

ความท้าทายที่ต้องเผชิญตรงๆ

  • หมอกควัน/คุณภาพอากาศช่วงปลายฤดูหนาว–ต้นร้อน: จำเป็นต้อง “ล็อกอิน” ปฏิทินคูลเคชั่นไว้ช่วง ปลายฝน–ต้นหนาว และสื่อสารโปร่งใส
  • โครงสร้างพื้นฐานบางดอยยังจำกัด: ต้องปรับปรุง จุดจอด/ทางเดิน/ห้องน้ำ/ระบบขนส่งไฟฟ้า เพื่อรองรับแบบ “เพิ่มคุณภาพไม่เพิ่มปริมาณ”
  • การสื่อสารตลาดยังกระจัดกระจาย: ควรมี แพลตฟอร์มกลาง ของจังหวัดที่รวมเส้นทาง คิวกิจกรรม ค่า HI/อากาศ และจองบริการได้ในที่เดียว
  • การทำงานร่วมกัน: โอกาสนี้ต้องอาศัย พันธมิตรข้ามภาคส่วน—ท่าอากาศยาน/เอกชนท่องเที่ยว/ชุมชน/องค์กรสิ่งแวดล้อม—เพื่อให้ “เย็นและยั่งยืน” จริง

ตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPIs) ที่จับต้องได้

  • อัตราพักเฉลี่ย (AOR) ช่วง May–Jun / Sep–Oct เพิ่มขึ้น
  • ระยะเวลาพำนักเฉลี่ย (ALOS) ยาวขึ้นจากการทำเส้นทาง “ดอย–น้ำ–เมือง”
  • ค่าใช้จ่ายต่อทริป เพิ่ม จากสัดส่วนกิจกรรมคุณภาพ (ชา–คราฟต์–ไกด์เฉพาะทาง)
  • สัดส่วนขนส่งไฟฟ้า/ปลอดคาร์บอน ในเมืองหลัก/เข้าแหล่งท่องเที่ยว
  • คะแนนความพึงพอใจ/รีวิว ที่กล่าวถึง “เย็น/เงียบ/คุณภาพ–ยั่งยืน” เพิ่ม

เชียงรายพร้อมแค่ไหน ทุนเดิมที่มีและสิ่งที่ควรเร่ง

ทุนเดิม ของเชียงรายคือ ภูมิประเทศสูง–ลำน้ำ–วัฒนธรรมชนเผ่า–ไร่ชา/กาแฟ–ศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นชุดสินค้าที่ “เข้าใจง่าย” สำหรับตลาดคูลเคชั่น เพิ่มด้วยสินทรัพย์ใหม่อย่าง พิพิธภัณฑ์/อาร์ตสเปซ และ ตลาดกลางคืนเชิงคราฟต์ ที่คัดสรรคุณภาพ

สิ่งที่ควรเร่ง คือ แพ็กเกจบูรณาการ ที่ทำให้นักเดินทาง “เห็นภาพใน 10 วินาที” เช่น

  • Coolcation Classic: ภูชี้ฟ้า–ไร่ชาแม่สลอง–ล่องกก–Night Market
  • Cool & Culture: ดอยตุง–หมู่บ้านชนเผ่า–พิพิธภัณฑ์ภาพเก่า–อาร์ตคาเฟ่
  • Cool Adventure: เดินป่าลุ่มน้ำ–พายคายัค–น้ำตก–แคมป์เบาๆ ใต้ดาว

และทั้งหมดนี้ควรแนบ ข้อมูลอุณหภูมิ/ดัชนีความร้อน (HI)/คุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ เพื่อปิดความกังวลของนักเดินทางยุคข้อมูล

ปีทองจะเกิดขึ้นได้ เมื่อเรา “ทำให้ความเย็นมีระบบ”

โลกกำลังเข้าสู่ยุคที่ สภาพอากาศ เปลี่ยนการตัดสินใจของผู้คนมากพอๆ กับ ราคาและเวลา “คูลเคชั่น” จึงไม่ใช่เพียงคำสวย แต่คือ ตรรกะใหม่ของการตลาดท่องเที่ยว ที่มองหาอากาศเย็น ประสบการณ์แท้จริง และความไม่แออัด เชียงรายมีองค์ประกอบครบ—ดอยสูง ลำน้ำ วัฒนธรรม และความสงบ—เหลือเพียง การจัดระเบียบข้อเสนอ ให้ชัด สื่อสารให้เร็ว และดำเนินการแบบยั่งยืน

ถ้า “ความเย็น” คือสินค้า เชียงรายต้องทำให้มันเป็น ระบบบริการครบวงจร ตั้งแต่ไฟลต์บิน รถไฟฟ้า เส้นทางเที่ยว แพ็กเกจที่พัก–กิจกรรม ไปจนถึงการเล่าเรื่องผลลัพธ์เชิงสิ่งแวดล้อม/ชุมชนอย่างโปร่งใส เมื่อถึงวันนั้น คูลเคชั่น จะไม่ใช่แค่การหนีร้อนชั่วคราว แต่คือ ข้อได้เปรียบที่ยั่งยืน ที่พาเชียงรายก้าวสู่ “ปีทอง” ได้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • CNBC International – บทวิเคราะห์เทรนด์ “Coolcation” และผลกระทบจากคลื่นความร้อนยุโรปต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยว (รายงานปี 2024–2025)
  • European Travel Commission (ETC) – รายงานแนวโน้มการเดินทางของชาวยุโรปฤดูร้อนล่าสุด: ความกังวลด้านความแออัดและการเลือกเส้นทางนอกกระแส
  • Virtuoso – ผลสำรวจที่ปรึกษาการเดินทางระดับโลกเกี่ยวกับอิทธิพลของเหตุอากาศสุดขั้วต่อการวางแผนทริป (สัดส่วน 79% และ 55%)
  • Scandinavian Airlines (SAS) – ข่าวประชาสัมพันธ์/ข้อมูลสรุปผลการจองเส้นทางสู่สแกนดิเนเวียฤดูร้อน 2025 (อัตราเติบโตจากยุโรปใต้และฝรั่งเศส)
  • หน่วยงานสถิติ/การท่องเที่ยวประเทศกรีซ สเปน โปรตุเกส – สัดส่วนรายได้การท่องเที่ยวต่อ GDP (กรีซ ~18%, สเปน ~12.3%, โปรตุเกส ~11.9%)
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) – นโยบาย/เอกสารสื่อสารด้านการยกระดับคุณภาพ–ความยั่งยืน, แนวทางเชื่อมโยงมาตรฐาน GSTC, แคมเปญส่งเสริมฤดูกาลทางเลือกและการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ
  • กรมอุตุนิยมวิทยา – ข้อมูลภูมิอากาศพื้นฐานภาคเหนือ/เชียงราย และดัชนีความร้อน (ใช้ประกอบการสื่อสารความเหมาะสมของปลายฝน–ต้นหนาว)
  • อุทยานแห่งชาติ/กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช – ข้อมูลพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสำคัญของเชียงราย: ภูชี้ฟ้า–ภูชี้ดาว–ผาตั้ง–น้ำตกขุนกรณ์ และแนวทางการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย/เทศบาลนครเชียงราย – โครงการโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว และปฏิทินกิจกรรมท้องถิ่น
  • งานวิชาการ/บทความเทรนด์ท่องเที่ยว จากสำนักข่าวเศรษฐกิจและวารสารด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เกี่ยวกับ Slow Tourism, Authenticity Tourism และผลกระทบโลกร้อนต่อฤดูกาลท่องเที่ยว
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

เทรนด์ใหม่จีน! ‘เพื่อนเที่ยว’ บูม ดันเศรษฐกิจกว่า 5 หมื่นล้านหยวน

เพื่อนเที่ยว” เทรนด์ท่องเที่ยวใหม่จีนมาแรง หนุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยุคดิจิทัล คาดปี 2025 มูลค่าตลาดแตะ 5 หมื่นล้านหยวน

สาธารณรัฐประชาชนจีน, 13 มิถุนายน 2568 –ในยุคที่เศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมผู้บริโภครุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจีนอย่างก้าวกระโดด “เพื่อนเที่ยว” หรือ “Companion Guide” ได้กลายเป็นอาชีพใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในหมู่นักเดินทางอายุน้อย โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานและนักศึกษาที่กำลังแสวงหาประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว

จุดเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่ – เมื่อความเหงาและการแบ่งปันประสบการณ์คือคีย์เวิร์ด

รายงานพิเศษโดยแชนแนลนิวส์เอเชีย สะท้อนภาพความนิยมของอาชีพ “เพื่อนเที่ยว” ในเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจว และเมืองรีสอร์ตระดับโลก ซึ่งบริการหลักของ “เพื่อนเที่ยว” คือการพาลูกค้าเดินทางท่องเที่ยว ถ่ายรูป พูดคุย รับประทานอาหาร หรือแม้แต่เป็นไกด์ส่วนตัวในสวนสนุกระดับโลกอย่างดิสนีย์แลนด์ เซี่ยงไฮ้ ที่มีขนาดกว่า 4 ตารางกิโลเมตร
เฉิน จื่อผิง นักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 21 ปี เปิดเผยว่าตนเองเริ่มรับงานเป็น “เพื่อนเที่ยว” ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย ก่อนจะกลายเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้จริงจัง ด้วยค่าบริการเริ่มต้น 1,000 หยวนต่อวัน (ประมาณ 4,900 บาท) โดยมีลูกค้าเป็นทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวเดี่ยวและครอบครัวที่ต้องการความสะดวกและบรรยากาศของการท่องเที่ยวที่เหมือนกับมีเพื่อนสนิทไปด้วย
“คนส่วนใหญ่มักมาเที่ยวสวนสนุกเป็นกลุ่มหรือคู่รัก แต่สำหรับนักเดินทางคนเดียว บริการนี้ช่วยให้เขาไม่เหงา แถมได้เก็บภาพประทับใจและสนุกกับเครื่องเล่นอย่างเต็มที่” เฉินกล่าว

ไลฟ์สไตล์รุ่นใหม่ – “ใช้เงินเพื่อประสบการณ์”

ผลสำรวจโดย Fudan Development Institute พบว่าวัยรุ่นและกลุ่มคนรุ่นใหม่ในจีนยุคหลังโควิด-19 มีแนวโน้มใช้จ่ายกับ “ประสบการณ์ที่จับต้องได้” เช่น การท่องเที่ยวและรับประทานอาหาร มากกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น บ้านหรือรถยนต์ ทั้งนี้มีปัจจัยสนับสนุนจากโครงสร้างวันลาพักร้อนที่มีจำกัด โดยพนักงานรุ่นใหม่ในจีนมักได้วันหยุดปีละเพียง 5 วัน
ด้วยเหตุนี้ ผู้บริโภคจึงเลือกใช้เงินแลกกับการเที่ยวแบบ “ครบ จบ คุ้ม” แม้สวนสนุกดิสนีย์แลนด์จะมีบริการ VIP Tour โดยตรง แต่ด้วยราคาขั้นต่ำถึง 4,400 หยวนต่อคน (ประมาณ 19,800 บาท) จึงผลักดันให้ “เพื่อนเที่ยว” แบบอิสระได้รับความนิยมแทนเพราะตอบโจทย์ความยืดหยุ่นและราคาที่เอื้อมถึงมากกว่า

เปิดโอกาสใหม่ สร้างรายได้เสริม-แก้ปัญหาว่างงาน

ในกลุ่มผู้ให้บริการ พบว่านักศึกษาหรือคนวัยทำงานอายุน้อยสามารถสร้างรายได้ 500–1,000 หยวนต่อวัน ซึ่งสูงกว่ารายได้งานประจำในบางสาขา เช่น หาว เยว่ สาววัย 23 ปีในเซี่ยงไฮ้ ที่เลือกลาออกจากงานประจำในบริษัทสื่อเพื่อรับจ้างเป็นเพื่อนเที่ยวอย่างเต็มตัว โดยสามารถคิดค่าบริการวันละ 500 หยวน หรือเฉลี่ย 80 หยวนต่อชั่วโมง ซึ่งมีความยืดหยุ่นและให้ความสุขกับผู้ให้บริการไม่น้อย
ขณะที่ผลการศึกษาของ Sinolink Securities ระบุว่า เศรษฐกิจ “เพื่อนเที่ยว” ในจีนอาจมีมูลค่าตลาดสูงถึง 5 หมื่นล้านหยวน (ราว 260,000 ล้านบาท) ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งอาจช่วยดึงกลุ่มวัยรุ่นอายุ 16-24 ปีที่ปัจจุบันมีอัตราว่างงานกว่า 15.8% ให้เข้าสู่ตลาดแรงงานใหม่ๆ ที่สอดรับกับวิถีชีวิตสมัยใหม่

เสียงสะท้อนจากลูกค้า – “เหมือนได้เพื่อนใหม่จริงๆ”

หนึ่งในลูกค้าผู้ใช้บริการนี้ คือ คุณสือ หยุนหลิน ครูสาววัย 23 ปีจากเสิ่นหยาง ที่เดินทางกว่า 2,000 กิโลเมตรมาเซี่ยงไฮ้เพื่อเข้าดิสนีย์แลนด์ แต่เพื่อนร่วมทริปติดภารกิจจึงตัดสินใจจ้าง “เพื่อนเที่ยว” ผ่านโซเชียลมีเดีย “มันดีมากที่มีคนคอยพูดคุยและเที่ยวด้วยกัน เหมือนมาเที่ยวกับเพื่อนสนิทจริงๆ ไม่เหงาและได้เก็บประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างเต็มที่”

วิเคราะห์และทิศทางอนาคต – เทรนด์นี้จะไปได้ไกลแค่ไหน?

การเติบโตของอาชีพ “เพื่อนเที่ยว” สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการท่องเที่ยวในโลกยุคดิจิทัล ที่ผู้คนแสวงหาประสบการณ์ตรงมากกว่าทรัพย์สินถาวร ความสะดวก รวดเร็ว และความรู้สึกปลอดภัยจากการมีเพื่อนท้องถิ่นคอยดูแล ตอบโจทย์กลุ่มนักเดินทางเดี่ยวและนักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ แหล่งงานใหม่เหล่านี้ยังเป็นทางออกหนึ่งของปัญหาว่างงานในวัยรุ่น ขณะที่ภาครัฐและผู้ประกอบการควรสนับสนุนการออกแบบมาตรฐานความปลอดภัย กฎเกณฑ์การให้บริการ และช่องทางสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ทั้งในตลาดจีนและประเทศอื่นๆ ที่มีศักยภาพในอนาคต

สรุป

“เพื่อนเที่ยว” ไม่ใช่เพียงทางเลือกใหม่ของการท่องเที่ยวจีน แต่เป็นภาพสะท้อนของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ยุคดิจิทัลที่สร้างโอกาสให้ทั้งผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้ ตลาดจะเติบโตต่อเนื่องและกลายเป็นโมเดลอาชีพใหม่ที่พลิกโฉมการท่องเที่ยวในเอเชียอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
FEATURED NEWS

แกร็บเผยเทรนด์ท่องเที่ยว 2024 ไทยจุดหมายยอดนิยมในอาเซียน

แกร็บเผยอินไซต์นักท่องเที่ยวอาเซียน ปี 2024: ไทยครองแชมป์จุดหมายยอดนิยม

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยรายงาน Travel Insights 2024 สะท้อนพฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวใน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และไทย จากกลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถาม 11,074 คน พบว่า 81% วางแผนเดินทางไปต่างประเทศ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ 72% โดย 52% ต้องการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองลงมาคือจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ไทยยังครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางยอดนิยม ตามด้วยสิงคโปร์และมาเลเซีย ด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ วัฒนธรรม และเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์และลอยกระทง

นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวอาเซียนสูงถึง 10.6 ล้านคน คิดเป็น 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด” ทั้งนี้ แกร็บเผย 5 อินไซต์สำคัญที่สะท้อนแนวโน้มการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล ได้แก่:

    1. ใช้เทคโนโลยีเพิ่มความสะดวกสบาย: 86% ของนักท่องเที่ยวระบุว่าใช้เทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น Augmented Reality (AR) Virtual Reality (VR) หรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางท่องเที่ยว ตั้งแต่การหาข้อมูล การพรีวิวที่พักหรือแหล่งท่องเที่ยว การเปรียบเทียบราคา ไปจนถึงการวางแผนตารางการเดินทางอย่างละเอียด
    2. ชอบวางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง:  นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ (81%) เลือกวางแผนการเดินทางด้วยตัวเอง โดยเกือบสองในสามของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะจองตั๋วออนไลน์ทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เครื่องบิน ที่พัก รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว ขณะที่ 18% ยอมซื้อแพคเกจทัวร์เพื่อประหยัดเวลาในการวางแผน
    3. มีการบริหารงบประมาณอย่างรอบคอบ: 82% ของนักท่องเที่ยวมีการวางแผนงบประมาณและกำหนดค่าใช้จ่ายต่อทริปล่วงหน้า แม้ว่ากว่าครึ่งของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มักใช้จ่ายเกินกว่างบที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ ยังพบว่า 56% เพิ่มงบประมาณในการใช้จ่ายต่อทริปสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้า ขณะที่ 53% มีความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ
    4. ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย: โดยพบว่า 68% จะเลือกซื้อประกันที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น ประกันการเดินทางที่ครอบคลุมด้านความเสียหายหรือสูญหายของกระเป๋าเดินทาง ประกันการล่าช้าหรือการยกเลิกของเที่ยวบิน รวมถึงประกันสุขภาพ
    5. ใส่ใจสิ่งแวดล้อม: นักท่องเที่ยวในปัจจุบันให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดย 45% เลือกสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น การใช้ยานยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณการใช้พลาสติก รวมถึงการสนับสนุนผู้ประกอบการหรือชุมชนในท้องถิ่น  ขณะที่ 78% ระบุว่ายินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่มีแนวคิดดังกล่าว

นอกจากนี้ 78% ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยข้อมูลทั้งหมดสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมและความต้องการของนักท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : grab

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE