“เชียงรายกับสมการความเร็ว” อบจ.เชียงรายปักหมุด MOTOR SPORT FESTIVAL 2025 ผลักดันเมืองสู่ “ศูนย์กลางมอเตอร์สปอร์ต” ระดับเอเชีย
เชียงราย, 17 ตุลาคม 2568 — ยามเช้าในลุ่มน้ำโขงที่ค่อย ๆ เผยสีทองของแสงอาทิตย์เหนือทุ่งชาและสายน้ำ ทุกสายตาของคนในพื้นที่กำลังหันมองไปทางเดียวกัน—เชียงแสน เมืองท่าประวัติศาสตร์กำลังจะแปรสภาพเป็น “สนามแข่งขันกลางแจ้ง” ที่ผสานความเร็ว เทคโนโลยี และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน เมื่อ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ประกาศเดินหน้าจัด MOTOR SPORT FESTIVAL 2025 วันที่ 13–14 ธันวาคม 2568 ณ ลานกิจกรรมสวนสาธารณะหนองบัว เทศบาลตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน พร้อมตั้งเป้าสู่เวทีนานาชาติอย่างจริงจัง
เบื้องหลังข่าวดีครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการจัดงานแข่งรถอีกหนึ่งรายการ หากคือ “เนื้อหาเชิงยุทธศาสตร์” ที่สอดรับกับนโยบายเมืองกีฬา–เมืองท่องเที่ยว ผ่านกรอบ “Chiang Rai Motorsport Hub” ซึ่งเป็นคณะทำงานที่ อบจ.เชียงราย ร่วมมือกับภาคีระดับจังหวัด สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และสมาคมกีฬา วางแผนผลักดันเชียงรายให้เป็น Sport Tourism Destination ที่เดินเครื่องได้ตลอดทั้งปี
จาก “เมืองชายแดน” สู่ “Motorsport Destination”
เชียงรายมีจุดแข็งทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรม หนึ่งเท้าเหยียบ “สามเหลี่ยมทองคำ” อีกเท้าก้าวสู่ ล้านนาร่วมสมัย จุดเด่นนี้เองทำให้กิจกรรมกีฬาที่มีภาพลักษณ์ “เร้าใจ–ร่วมสมัย–เข้าถึงง่าย” อย่างมอเตอร์สปอร์ต กลายเป็นเครื่องมือเชื่อม “เศรษฐกิจสร้างสรรค์–การท่องเที่ยว–ฮาร์ดแวร์โลจิสติกส์” ได้อย่างลงตัว การจัดงานใน เชียงแสน ที่อยู่ติดแม่น้ำโขงและเป็นประตูเชื่อม ลาว–เมียนมา–จีนตอนใต้ จึงไม่ใช่แค่การเลือก “สถานที่สวย” แต่คือการเลือก “จุดยุทธศาสตร์” ที่รองรับการเดินทาง การขนส่ง และรายได้ชุมชนในรัศมีรอบเมือง
ภายใต้นโยบายเรือธงข้อที่ 5 ของ อบจ.เชียงราย คือ “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” แผนงานมอเตอร์สปอร์ตทำหน้าที่เป็น “เครื่องเร่ง” ที่เพิ่มเหตุผลให้ผู้มาเยือนเดินทางนอกฤดูกาลหลัก และกระจายการใช้จ่ายไปยัง เชียงแสน–แม่สาย–แม่จัน–เมืองเชียงราย ตลอดแนวเหนือ–ใต้ของจังหวัด สอดรับกับแนวคิด “Chiang Rai Sport City” และแคมเปญระดับชาติ “Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ต้องการให้กีฬาเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานบริการ
“MOTOR SPORT FESTIVAL 2025” – เวทีแข่งขันและอีเวนต์สร้างสรรค์
กำหนดการ–สถานที่–ผู้จัด
- วันที่จัด: 13–14 ธันวาคม 2568
- สถานที่: ลานกิจกรรมสวนสาธารณะหนองบัว เทศบาลตำบลเวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
- เจ้าภาพ/ผู้ดำเนินงาน: สมาคมกีฬามอเตอร์สปอร์ตจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ อบจ.เชียงราย และภาคีภาครัฐ–เอกชนในจังหวัด
- กรอบงาน: การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตหลากประเภท/กิจกรรมเสริมทักษะความปลอดภัย/โซนแสดงผลงานยานยนต์–นวัตกรรม–สื่อสร้างสรรค์/ตลาดชุมชนและคอนเสิร์ตปลอดภัย
สาระสำคัญ ของงานไม่ได้อยู่แค่ “เสียงเครื่องยนต์” หากคือ “ระบบนิเวศ” ที่ดึงผู้เกี่ยวข้องเข้ามาขับเคลื่อนพร้อมกัน ตั้งแต่ผู้ผลิต–นำเข้าอะไหล่ ทีมแข่ง ช่างเทคนิค ผู้ประกอบการโรงแรม–ร้านอาหาร ผู้จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น ไปจนถึงสถาบันการศึกษาและเยาวชนที่สนใจสายอาชีพด้านยานยนต์
สัญญาณจากเวทีประชุม “Motorsport Hub” ขยับแล้ว
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย (ห้องยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค) มีการประชุมคณะทำงาน “Chiang Rai Motorsport Hub” โดยมี นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายก อบจ.เชียงราย เข้าร่วมกำกับทิศทางและติดตามความพร้อมของทุกฝ่าย การประชุมครั้งนี้ชี้ชัดว่าจังหวัดไม่ได้จัดงานแบบ “ปีต่อปี” อีกต่อไป แต่กำลัง วางรากฐานระยะยาว เพื่อก่อรูป “ฮับมอเตอร์สปอร์ต” ที่เชื่อมกับระบบเศรษฐกิจจังหวัดอย่างเป็นระบบ
สาระจากผู้บริหาร (ถอดความใจความ) อบจ.เชียงรายยืนยันบทบาท “พี่เลี้ยงและแกนกลาง” ในการผนึกพลังกรม–กอง–องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ให้ขับเคลื่อนกิจกรรมกีฬาและท่องเที่ยวเชิงเศรษฐกิจ สร้างเวทีระดับนานาชาติที่เชียงราย “จัดได้–จอดได้–จ่ายได้” ทั้งในเชิงมาตรฐานการแข่งขัน ความปลอดภัย และรายได้กระจายสู่ชุมชน
สู่เวทีเอเชีย รายการนานาชาติ–ทีมแข่งกว่า 10 ประเทศ
งานปีนี้ถือเป็น ปีที่ 3 ของการจัดต่อเนื่อง และยกระดับสู่ เวทีนานาชาติเต็มรูปแบบ มีทีมแข่งและนักกีฬาจาก กว่า 10 ประเทศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและโอเชียเนียประกาศเข้าร่วม อาทิ สิงคโปร์ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เกาหลี สปป.ลาว ออสเตรเลีย รวมถึงทีมไทยผู้เป็นเจ้าบ้าน การเข้าร่วมของนานาชาตินอกจากสะท้อน “ความเชื่อมั่นเชิงมาตรฐาน” ของผู้จัดและพื้นที่แล้ว ยังช่วยสื่อสาร “แบรนด์เชียงราย” สู่สายตาแฟนความเร็วในต่างประเทศผ่านสื่อดิจิทัลของทีมและสำนักข่าวกีฬา
ผลที่คาดหวังในเชิงพื้นที่ คือการเติมสภาพคล่องให้ โรงแรม–โฮมสเตย์–ร้านอาหาร–คาเฟ่–บริการท่องเที่ยว ตั้งแต่เชียงแสนจนถึงตัวเมือง โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวเฉพาะทาง (niche) ที่มี “ตะกร้าใช้จ่ายสูง” ทั้งค่าเดินทาง ค่าบริการโลจิสติกส์ ทีมเซอร์วิส และกิจกรรมต่อเนื่อง เช่น ทริปชุมชน–ศิลปะร่วมสมัย–แลนด์มาร์กธรรมชาติของเชียงราย
มาตรฐาน–ความปลอดภัย–ความยั่งยืน 3 เสาหลักที่ผู้จัดชูเป็นธง
เพื่อให้ “ความเร็ว” ไปคู่กับ “ความปลอดภัย” และ “ความยั่งยืน” คณะทำงานเตรียมมาตรการสำคัญ 3 ด้าน ดังนี้
- มาตรฐานการแข่งขันและสนามชั่วคราว
- ออกแบบพื้นที่แข่งขันแบบ “ปิดลูป” กำหนดจุดเข้า–ออกชัดเจน
- วางแนวรั้ว–แนวกั้นดูดซับแรงกระแทก/โซนนิ่งผู้ชม–ทีมงาน–สื่อมวลชน
- ซักซ้อมแผนฉุกเฉินร่วมกับตำรวจ–กู้ชีพ–โรงพยาบาลเครือข่ายในจังหวัด
- กำหนดมาตรการตรวจสภาพรถ–อุปกรณ์ตามคู่มือกีฬามอเตอร์สปอร์ตของสมาคมฯ
- ความปลอดภัยสาธารณะ–การจราจร
- จัดทำ Traffic Plan เชื่อมถนนสายหลัก–สายรอง พร้อม Park & Ride สำหรับผู้ชม
- เพิ่มไฟส่องสว่าง–กล้องวงจรปิด–จุดบริการข้อมูล–จุด Lost & Found
- มาตรการ “ดื่มไม่ขับ–ไม่ซิ่งนอกสนาม” ด้วยการรณรงค์ร่วมกับผู้ประกอบการ
- ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม
- บริหารจัดการ ขยะ–เสียง–ควัน ด้วยมาตรการคัดแยก/ลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง
- ส่งเสริมการใช้บริการชุมชนและสินค้าโลคัลในโซนตลาดงาน สร้างรายได้หมุนเวียน
- ถ่ายทอดองค์ความรู้ “Motorsport for Good” แก่เยาวชน—จากความปลอดภัยสู่ทักษะอาชีพ
มาตรการทั้งสามเสา ไม่เพียงช่วยหล่อเลี้ยง “ความเชื่อมั่น” ของผู้เข้าร่วมและชุมชน แต่ยังเป็นเครื่องมือยกระดับมาตรฐานการจัดอีเวนต์ของจังหวัด เพื่อรองรับกิจกรรมกีฬาและเทศกาลรูปแบบอื่นในอนาคต
มอเตอร์สปอร์ตกับ “ระบบนิเวศอาชีพใหม่” ของเยาวชนเชียงราย
นอกสนามแข่ง ยังมี “สนามอาชีพ” ที่กำลังเปิดกว้าง ตั้งแต่ เมคคาทรอนิกส์–ไฟฟ้ายานยนต์–ดิจิทัลครีเอทีฟ–สื่อถ่ายทอดสด–โลจิสติกส์–ท่องเที่ยว ไปจนถึง Sports Marketing การที่มหาวิทยาลัยและสถาบันอาชีวศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมคณะทำงาน ทำให้สามารถออกแบบ คลินิกทักษะ และ โครงการสหกิจศึกษา เชื่อมกับทีมแข่งและผู้ประกอบการจริงในงาน ซึ่งเป็น “บทเรียนภาคสนาม” ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน
ในทางกลับกัน ภาคเอกชนได้แรงหนุนด้านคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะตรงจุด ลดเวลาปรับตัว และสร้างเครือข่ายบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์–อีเวนต์–ท่องเที่ยว ที่ต้องการ “มืออาชีพหน้าใหม่” อย่างต่อเนื่อง
เศรษฐกิจท้องถิ่นจะได้อะไร เมื่อ “ความเร็ว” แปลงเป็น “รายได้”
แม้ผู้จัดยังไม่ประกาศตัวเลขเป้าหมายผู้เข้าชม–รายได้โดยตรง แต่ประสบการณ์จัดงานต่อเนื่อง 2 ปีที่ผ่านมาสะท้อน “พฤติกรรมการใช้จ่ายสูงกว่าปกติ” ของแฟนมอเตอร์สปอร์ต—ตั้งแต่ที่พักมาตรฐานกลาง–บน อาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงสินค้าที่ระลึกร่วมคอลเลกชัน ในระดับนโยบาย จึงเชื่อมโยงกิจกรรมนี้เข้ากับเครื่องมือกระตุ้นการใช้จ่ายของจังหวัด เช่น แคมเปญท่องเที่ยวปลายปี เส้นทางท่องเที่ยวชุมชน และเทศกาลศิลปะ–วัฒนธรรม เพื่อให้ผู้มาเยือน “อยู่นานขึ้น–ใช้จ่ายกว้างขึ้น–กลับมาอีกครั้ง”
นอกจากนี้ เมืองชายแดนอย่าง เชียงแสน ยังมี “แต้มต่อ” เรื่องการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวข้ามแดน เมื่อเชื่อมต่อการเดินทางจาก บ่อแก้ว–หลวงน้ำทา–ท่าขี้เหล็ก เข้าสู่เชียงรายได้สะดวก—ทั้งทางถนนและทางน้ำ—ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุน ธุรกิจทัวร์–รถเช่า–ล่องเรือแม่น้ำโขง ให้คึกคักยิ่งขึ้นในช่วงจัดงาน
“เมืองทั้งเมืองคือเวที” แผนเชื่อมอีเวนต์–แลนด์มาร์ก–วัฒนธรรมร่วมสมัย
ความโดดเด่นอีกประการของงานปีนี้ คือแนวคิด “Citywide Festival” ที่ไม่ได้จำกัดอรรถรสไว้แค่สนามแข่งขัน แต่แตกแขนงกิจกรรมไปยังจุดท่องเที่ยวและแลนด์มาร์กทั่วจังหวัด เช่น
- ย่านศิลปะร่วมสมัย ในเมืองเชียงราย–ตลาดศิลปิน–พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น
- แลนด์สเคปธรรมชาติและชุมชน แถบดอยช้าง–ดอยแม่สลอง–แม่ยาว–ผาตั้ง–ภูชี้ฟ้า
- วัฒนธรรมชาติพันธุ์ และ คาเฟ่–คราฟต์ ที่เป็นตัวตนของเมือง
- กิจกรรมครอบครัว และ วิถีชุมชนริมโขง ในเชียงแสน
เมื่อผู้ชมงานมี “เหตุผลที่สอง–สาม” เพื่อท่องเที่ยวต่อหลังจบการแข่งขัน เม็ดเงินจะกระจายกว้างและยั่งยืนมากขึ้น
ตัวชี้วัดความสำเร็จ 5 KPI ที่จังหวัดตั้งใจวัดผล (เชิงแนวทาง)
เพื่อให้การจัดงานไม่หยุดอยู่ที่ “ความรู้สึกคึกคัก” แต่แปรเป็นข้อมูลเชิงนโยบายที่ใช้ต่อยอดได้ คณะทำงานเตรียมติดตาม ตัวชี้วัด (KPI) สำคัญ ได้แก่
- อัตราการเข้าพักโรงแรม และ รายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ในรัศมี 50 กม. รอบเชียงแสน
- สัดส่วนรายได้ที่เข้าชุมชน ผ่านโซนตลาดชุมชน–ทัวร์ชุมชน–โฮมสเตย์
- การจ้างงานชั่วคราวและอาสาสมัคร รวมถึงชั่วโมงฝึกปฏิบัติของนักศึกษา
- ความพึงพอใจด้านความปลอดภัย–การเดินทาง–การสื่อสาร ของผู้เข้าชม
- การรับรู้แบรนด์เชียงราย บนสื่อออนไลน์/สื่อกีฬาในต่างประเทศ (เชิงคุณภาพ)
แม้ KPI บางตัวต้องอาศัยการเก็บข้อมูลร่วมกับภาคเอกชน แต่การมี “กรอบวัดผล” ที่ชัดเจน จะทำให้จังหวัดพูดคุยกับผู้สนับสนุน–นักลงทุน–ผู้จัดแข่งระดับทวีปในอนาคตได้อย่างมีน้ำหนัก
เสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการ–ชุมชน “ความเร็วที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในเชียงแสนสะท้อนไปในทิศทางเดียวกันว่า งานมอเตอร์สปอร์ตช่วยเติมลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ “วางแผนล่วงหน้า–จองยาว–จ่ายหนัก” ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นให้ความสำคัญกับ ความสะอาด–ระเบียบ–ผลประโยชน์ร่วม ซึ่งผู้จัดยืนยันว่า ตลาดชุมชน–บูธโลคัล–โซนกิจกรรมวิถีพื้นถิ่น จะเป็นองค์ประกอบหลักของงาน เพื่อให้ “คนในพื้นที่” คือหุ้นส่วนการเติบโตอย่างแท้จริง
ความท้าทายที่ต้องจับตา โลจิสติกส์–การจราจร–ความปลอดภัย–สภาพอากาศ
ทุกอีเวนต์กลางแจ้งมีความเสี่ยง จังหวัดจึงเตรียม แผนสำรอง และ การสื่อสารแบบเรียลไทม์ โดยร่วมมือกับตำรวจภูธร–ฝ่ายปกครอง–องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเครือข่ายอาสาสมัคร เพื่อจัดการ การจราจรหนาแน่น–การจอดรถ–เส้นทางฉุกเฉิน พร้อมทั้งกำหนด มาตรการฝนตก/ลมแรง และ มาตรการดูแลสุขภาพผู้ชม ในช่วงอากาศเย็นของปลายปี
ความท้าทายอีกด้านคือการประสาน ด่านชายแดน–ศุลกากร–ตรวจคนเข้าเมือง เพื่ออำนวยความสะดวกทีมแข่งต่างชาติให้ราบรื่น ซึ่งคณะทำงานระบุว่าจะตั้ง “One-Stop Coordination” สำหรับผู้ถือครองรถแข่ง–อุปกรณ์เฉพาะทาง–วีซ่าทีมงาน เพื่อให้การเดินทางเข้า–ออกประเทศไทยและจังหวัดเป็นไปอย่างมีมาตรฐาน
“จุดสตาร์ทร่วม” ของเมืองกีฬา–เมืองท่องเที่ยว
MOTOR SPORT FESTIVAL 2025 ไม่ใช่แค่ “งานแข่งรถ” หากคือ จุดสตาร์ทร่วม ของหลายมิติ—เศรษฐกิจสร้างสรรค์ การท่องเที่ยว กีฬาเยาวชน อาชีพใหม่ และความภาคภูมิใจของพื้นที่—ที่เชียงรายกำลังนำมาประกอบร่างเป็น “Chiang Rai Motorsport Hub” ให้เดินเครื่องต่อเนื่องทุกปี
หากงานสามารถแสดงสมดุลระหว่าง มาตรฐาน–ความปลอดภัย–การมีส่วนร่วมของชุมชน ได้จริง เชียงรายย่อมมีโอกาสก้าวสู่ “หมุดหมายมอเตอร์สปอร์ตของเอเชีย” ที่ต่างชาติอยากกลับมาแข่งขันและท่องเที่ยวซ้ำ—ขณะเดียวกันชาวเชียงรายเองก็จะเห็นว่า “ความเร็ว” สามารถวิ่งคู่กับ “คุณภาพชีวิต” ได้อย่างแท้จริง
ถ้อยคำสรุปเชิงนโยบาย (จับใจความ) อบจ.เชียงรายพร้อมทำหน้าที่ “คนกลาง” ให้ทุกฟันเฟืองหมุนไปด้วยกัน—นักกีฬา ผู้จัด ภาคธุรกิจ ชุมชน และสถาบันการศึกษา—เพื่อให้มอเตอร์สปอร์ตเป็นมากกว่าความมันบนถนน แต่เป็น “เมกะอีเวนต์” ที่ทิ้งมรดกเศรษฐกิจ–สังคมที่ยั่งยืนไว้ให้จังหวัด
ข้อมูลกิจกรรม (สรุปย้ำ)
- งาน: MOTOR SPORT FESTIVAL 2025
- วัน–เวลา: 13–14 ธันวาคม 2568
- สถานที่: ลานกิจกรรมสวนสาธารณะหนองบัว เทศบาลตำบลเวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
- ผู้จัด–ภาคี: สมาคมกีฬามอเตอร์สปอร์ตจังหวัดเชียงราย, อบจ.เชียงราย, หน่วยงานรัฐ–เอกชนในพื้นที่
- กรอบนโยบาย: Chiang Rai Sport City / นโยบายเรือธงข้อที่ 5 อบจ.เชียงราย “เที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปี มีดีทุกอำเภอ” / แคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism & Sport Year 2025 (ททท.)
- ระดับการแข่งขัน: นานาชาติ—คาดมีทีมแข่งจาก กว่า 10 ประเทศ ในเอเชียแปซิฟิกและโอเชียเนียเข้าร่วม
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)
- สมาคมกีฬามอเตอร์สปอร์ตจังหวัดเชียงราย
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
- การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
- เทศบาลตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน

























































