Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

จับบัญชีม้าเงินหมุนเวียน 9 ล้าน พบเงินเข้าออกมีชื่อ ‘คนจีน’ เพียบ

 

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.สอบสวนกลาง พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.4 ปคม. สั่งการให้ พ.ต.อ.สาธิต สมานภาพ ผกก.5 ตำรวจทางหลวง พ.ต.ท.ชานนท์ รัตนประทีป สว.ฯ พ.ต.ท.เจต จึงประเสริฐศรี สว.ทล.5ฯ และตำรวจท่องเที่ยวเชียงราย เจ้าหน้าที่ ตม.เชียงราย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน หนองฉาง จ.อุทัยธานี นำหมายจับของศาล จ.อุทัยธานี ที่ 235/2566 ฐาน ยักยอกเพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิดด้วยประการใดๆ และ อีก 4 หมายจับ คือ ตามหมายจับศาล จ.พิมาย จ.นครราชสีมา 73/2566 หมายจับศาล จ.สุพรรณที่302/2566,หมายจับศาลแขวงสุพรรณที่ 153/2566,หมายจับศาลจ.นนทบุรีที่ 586/2566 ในความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน รวม 5 หมายจับ

 

เข้าทำการจับกุมตัว นายวิทยา อายุ 32 ปี ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.ห้วยไคร้ อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังจากที่ผู้ต้องหารายนี้เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมา ได้เพียง 2 วัน ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง ไม่เคยถูกจับตามหมายนี้มาก่อน
 
 
ทั้งนี้การจับกุมดังกล่าว เนื่องจากผู้ต้องหา ได้เปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาห้วยไคร้ และขายให้กับ นายปิยะพงษ์ ในราคา 3,500 บาท ซึ่งเป็นเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน ที่ถูกตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ตามหมายจับกว่า 60 หมายจับ
โดยนายวิทยา เปิดเผยว่า พอตนเองทราบว่า นายปิยะพงษ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัว จึงได้หลบหนีไปที่ต่างๆ และได้วนกลับมาที่บ้านของตนเองเป็นบางครั้ง เพื่อหลบเลี่ยงการจับกุม แต่ในครั้งนี้ได้มาถูกจับกุมที่บ้านพักดังกล่าว
 
 
อย่างไรก็ตาม นายวิทยา ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมว่า ตนได้รับข้อความผ่าน SMS และทางอีเมล์ ที่ตนผูกไว้กับบัญชี แจ้งเตือนวงเงินเข้าออกหมุนเวียนกว่า 8-9 ล้านบาท ส่วนมากพบเป็นชื่อคนจีนทั้งหมด ที่มีการโอนเข้าและโอนออกไป ตนจึงทราบว่าบัญชีที่ตนขายไปนั้น ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ชาวจีนนำไปใช้ก่อเหตุ
 
 
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิทยา มาทำบันทึกควบคุม ที่ สภ.แม่สาย จ.เชียงราย และนำส่งมอบตัวให้ตำรวจทางหลวงเชียงราย ควบคุมตัวส่งต่อให้ชุดสืบสวน สภ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ต่อไป.
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
FEATURED NEWS

บพข. หนุน ม.มหิดล และมจท. พร้อมร่วมมือเอกชน เปิดตัวโครงการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

 
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 – ครั้งแรกของประเทศไทยในการก้าวสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล (Accessible Thailand Wellness Tourism: ATWT) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมจากสื่อมวลชนและภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ด้วยฐานงานวิจัยแผนงานท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่สนับสนุนทุนวิจัยโดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)  จัดขึ้น ณ SIRIRAJ H SOLUTIONS ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต บริเวณชั้น 5 อาคาร ICS Lifestyle Complex

 

ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สกสว. และประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (บพข.) กล่าวว่า โครงการการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลในครั้งนี้ จะเป็นการนำเสนอโครงการวิจัยในรูปแบบใหม่ของประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่มุ่งศึกษาเกี่ยวกับประสบการณ์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลที่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนอย่างแท้จริง บนรากฐานแก่นแท้ของ “ความเป็นไทย” ผ่านการกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้งห้า ได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง และการสัมผัส ที่ส่งต่อประสบการณ์ท่องเที่ยวให้แก่นักท่องเที่ยวคุณภาพที่จะเดินทางมาเยือนประเทศไทย

 

โครงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวลด้วยการเพิ่มศักยภาพสินค้าและบริการต่อยอดการพัฒนาการตลาด โดย ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม สังกัด มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) งบประมาณจาก กองทุน ววน. ซึ่งได้มอบทุนสนับสนุนแก่มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับทีมนักวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล วิทยาลัยนานาชาติ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และผู้ร่วมทุนจากภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท นัตตี้ส์ แอดเวนเจอร์ส์ จำกัด และ บริษัท แพน โฟ จำกัด  ในการพัฒนาโครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มุ่งเป้า เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการส่งเสริมประเทศไทยให้เป็นเมืองต้นแบบด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคน โดยมีพื้นที่ในการวิจัยภายในประเทศไทยด้วยกัน 3 จังหวัดดังนี้ 1) จังหวัดกรุงเทพฯ 2) จังหวัดนครปฐม 3) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเทศเป้าหมายทางการตลาด คือ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์  และกลุ่มเป้าหมายทางตลาดแบ่งเป็น 3กลุ่มดังนี้ 1) กลุ่ม Wheelchair กรุงเทพฯ 2) กลุ่มผู้สุงอายุ  3) ผู้พิการทางสายตา

 

ผศ.ดร.แก้วตา ม่วงเกษม หัวหน้าโครงการวิจัย กล่าวว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลในมิติต่างๆอย่างยอดเยี่ยมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามการวิจัยและการพัฒนาในส่วนของ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล” ยังคงเป็นความต้องการเพื่อให้มั่นใจได้ว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้สามารถมีส่วนร่วม และได้รับประโยชน์จากการบริการในด้านนี้ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสื่อสารการตลาดเชิงบูรณาการทั้งภายในและต่างประเทศ สร้างความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้องกับ Wellness Tourism พัฒนาแพลตฟอร์มการบริหารจัดการข้อมูลด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อการเข้าถึงของคนทั้งมวล และพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการธุรกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล

 

ด้านคุณนิธิ สืบพงษ์สังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท นัตตี้ แอดเวนเจอร์ จำกัด ในฐานะภาคเอกชน ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นตัวแทนของภาคเอกชนที่ได้มีการดำเนินงานการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลมาอย่างยาวนานกว่า 7 ปี เริ่มจากเมื่อปี พ.ศ. 2561 ได้พานักท่องเที่ยวยุโรปที่บกพร่องทางการมองเห็นเดินทางท่องเที่ยวจังหวัดต่าง ๆ ในประเทศไทย ออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้รับประสบการณ์เทียบเท่ากับนักท่องเที่ยวทั่วไป มองเห็นการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้สนับสนุนการดำเนินงานในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลที่ได้จากผลการวิจัยไปขายจริงในงาน ITB 2024


โดยภายใต้การดำเนินงานของโครงการจะมีกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบที่ออกแบบและนำเสนอให้แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการที่หลากหลาย เพื่อให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวอันน่าประทับใจเพิ่มมากขึ้น ตัวอย่างของกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในโครงการนี้ ได้แก่ การจัดทำโปรแกรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล การเผยแพร่สูตรอาหารบำบัดสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ การจัดเทศกาลดนตรีนานาชาติ “Szense Music Festival” ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ (2567) และการพัฒนาเว็บไซต์ที่ง่ายต่อการใช้งานเพื่อรวบรวมข้อมูลจากผู้ให้บริการเพื่อนักท่องเที่ยวผู้พิการ หรือผู้สูงอายุ ตามกลุ่มเป้าหมายของโครงการ ATWT

 

สำหรับการจัดงานเพื่อเปิดตัวโครงการ Accessible Thailand Wellness Tourism (ATWT) ในครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะให้ทุกภาคส่วนได้เห็นศักยภาพและความพร้อมของการให้บริการทางการดูแลสุขภาพในระดับแนวหน้าของ SIRIRAJ H SOLUTIONS และโรงพยาบาลในเครือข่ายของศิริราช อีกทั้งได้รับข้อมูลจากบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้ เพื่อการจัดทำแผนการพัฒนาสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว รวมถึงแนวทางของการทำการตลาดเพื่อสื่อสารที่ครอบคลุมในทุกกิจกรรมของโครงการ ATWT

 

นอกจากนี้ โครงการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อคนทั้งมวล ยังได้ถูกกำหนดให้สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ประเทศ โดยมีเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยด้วยการดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย จำนวน 100 คนภายในปีพ.ศ. 2567 และมีผลลัพธ์ด้านการเพิ่มรายได้อย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่น โดยคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาทสำหรับผู้ประกอบการอย่างน้อย 1 รายภายในปีพ.ศ. 2568 และ 9 รายภายในปีพ.ศ. 2570

 

โครงการนี้คาดว่าจะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ของจังหวัดหลักอย่างกรุงเทพมหานครและภูเก็ต รวมถึงจังหวัดเมืองรองด้านการท่องเที่ยวอย่างเช่น นครปฐม ผ่านการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นและการขยายโอกาสทางธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หากกล่าวถึงมิติด้านสังคม ATWT ยืนยันว่าทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทยได้อย่างเท่าเทียม นอกจากนี้ยังเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ชุมชนท้องถิ่นได้พัฒนาทักษะ และมีความเข้าใจต่อการบริการที่ให้ความสำคัญในเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวลในด้านความเท่าเทียมของมนุษย์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมของพื้นที่ให้บริการ

 

ทั้งนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการแพทย์ การตรวจสุขภาพ การแพทย์แผนไทย และบริการการท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล อีกทั้ง ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่นำโปรแกรมการท่องเที่ยวที่ออกแบบมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งมักจะเดินทางพร้อมครอบครัวหรือผู้ดูแล รวมถึงนักท่องเที่ยวผู้สูงอายุที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูข้อมูลได้ทางเพจเฟสบุ๊ค https://facebook.com/atwt.project หรือเว็บไซต์ของโครงการที่ https://atwt.in.th/

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อ้างอิงข้อมูลเบื้องต้นจาก Press Release โดย บริษัท ไนน์ตี้ไนน์ คอมมิวนิเคชั่น เอเจนซี่

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สร้างฝายดินซีเมนต์ ช่วย อ.เวียงป่าเป้า ป้องกันปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วม

 
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม 2567 เวลา 15.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วย นายวิญญู ทองทัน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นางรัชนีกร วงษา ส.อบจ.เชียงราย อ.เวียงป่าเป้า เขต 1 ลงพื้นที่พบปะ และให้กำลังใจ นายมงคล ศรีธิ หัวหน้าฝ่ายสำรวจ บุคลากรสำนักช่าง อบจ.เชียงราย ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ที่อาสามาร่วมทำกิจกรรม สร้างฝายดินซีเมนต์ (ฝายแกนดินซีเมนต์) ณ ฝ่ายต้นน้ำดินซีเมนต์ บ้านลังกา ต.บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า
 
 
โดยฝายดินซีเมนต์ (ฝายแกนดินซีเมนต์) เป็นฝายชะลอน้ำชั่วคราว แต่มีความแข็งแรง กักเก็บน้ำได้ดี ที่สำคัญใช้ต้นทุนต่ำ ก่อสร้างได้เร็ว จึงเป็นนวัตกรรมสำคัญที่ป้องกันปัญหาน้ำแล้งและน้ำท่วมได้เป็นอย่างดี ทางสำนักช่าง อบจ.เชียงราย จึงได้ร่วมมือกับ ชมรมช่างจังหวัดเชียงราย ได้จัดสร้างฝายดินซีเมนต์ (ฝายแกนดินซีเมนต์)เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา ตามโครงการจิตอาสา พัฒนาชุมชน ของสำนักช่าง อบจ.เชียงราย ในวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2567 ณ บ้านลังกา ต. บ้านโป่ง อ.เวียงป่าเป้า และวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ณ พุทธอุทยานดอยอินทรีย์ ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย
 
 
ตำบลบ้านโป่งเป็นตำบลหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเวียงป่าเป้าทางทิศใต้  ห่างจากที่ว่าการอำเภอเวียงป่าเป้า 4 กิโลเมตร ประชากรส่วนใหญ่ตั้งบ้านเรือนอยู่เขตพื้นที่ราบ ตามแนวทางหลวงสายเชียงราย-เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรมีจำนวน 2 หมู่บ้าน และลึกเข้าไปทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกของทางหลวงสาย เชียงราย-เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร มีจำนวน 4 หมู่บ้านและตั้งบ้านเรือนอยู่บนพื้นที่สูงห่างจากที่ตั้งของตำบลไปทางทิศตะวันตกตามทางหลวงสายอำเภอเวียงป่าเป้า-อำเภอพร้าวประมาณ 25 กิโลเมตรจำนวน1 หมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านชาวเผ่ากะเหรี่ยงและลีซอ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เปิดศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร

 

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ อำเภอเมืองเชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง และ คณะสมาชิกวุฒิสภาในโอกาสเดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร (Center Of Therapeutic Radiology and Oncology) โดยมีพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เจ้าอาวาสวัดพระธาตุผาเงา ได้สวดอนุโมทนา พร้อมเจิมป้าย และประพรมน้ำพุทธมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวรายงาน ทั้งนี้แพทย์หญิงอัจฉรา ละอองนวลพานิช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ นำผู้บริหาร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริจาคสมทบทุนสร้างศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร เข้าร่วมพิธี

 

ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 กล่าวว่า โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 758 เตียง รับผิดชอบประชากรผู้ป่วยโรคมะเร็งจังหวัดเชียงราย-พะเยา รวมถึงประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทย จากฐานข้อมูลทะเบียนมะเร็งของโรงพยาบาลเชียงรายฯ พบว่ามะเร็งที่พบบ่อยในประชากรเพศชาย สามอันดับแรก ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง และมะเร็งปอด ซึ่งในเพศหญิงสามอันดับแรก ได้แก่มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ส่วนมะเร็ง ที่เป็นสาเหตุการตายสูงสุดของจังหวัดเชียงราย อันดับ 1 ได้แก่ มะเร็งปอด รองลงมาคือ มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม ตามลำดับ โดยจากข้อมูล 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ป่วยมะเร็งของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดพะเยา จะมีประมาณ 2,400ราย/ปี โดยมีผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยการฉายรังสีประมาณ 1,200 ราย/ปี และกล่าวต่อไปว่า 

 

โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สามารถให้การรักษาโรคมะเร็งด้วยการผ่าตัด และการให้ยาเคมีบำบัด แต่ยังขาดการรักษาด้วยรังสีรักษา ซึ่งเป็นการรักษาที่สามารถลดการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง และบรรเทาอาการของโรคในระยะแพร่กระจายได้ โดยผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาด้วยรังสีรักษา จำเป็นต้องเดินทางไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งลำปาง จังหวัดลำปาง เป็นส่วนใหญ่ผู้ป่วยเข้ารับการฉายแสงโรงพยาบาลมะเร็งลำป่าง มีประมาณ 900 ราย/ปี ผู้ป่วยหายจากระบบประมาณ 300 ราย ที่ไม่เดินทางไปรับการรักษา เพราะผู้ป่วยจะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปจังหวัดลำปาง เพื่อเข้ารับการรักษาเป็นค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ประมาณ 15,000 บาทต่อราย 

 

ซึ่งการจัดตั้งศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร ณ อาคารรังสีรักษาแห่งนี้ จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วนและสะดวก ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถรับการรักษาได้ตามแผนการรักษา ส่งผลให้มีโอกาสหายจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น สามารถบริการผู้ป่วยมะเร็งด้านรังสีรักษา พัฒนาบุคลากรรองรับบริการด้านรังสีรักษา และพัฒนาระบบสารสนเทศรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานบริการในเครือข่าย เพื่อความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วยและการใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อคุณภาพบริการแบบครบวงจร และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนชาวเชียงราย

 

พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวว่า รู้สึกยินดีและดีใจที่จังหวัดเชียงรายมีศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร ขอชื่นชมโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ที่ได้มีความมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้สามารถบริการผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างครอบคลุมทั้งการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด การรักษา และบริการรังสีรักษาตลอดจนมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่ายจังหวัดเชียงราย-พะเยา ให้เข้มแข็ง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นให้เกิดปรโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน พร้อมกล่าวต่อไปว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่ต้องความสำคัญ 

 

ทั้งในด้านการป้องกัน และดูแล รักษา การเปิดศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งครบวงจร โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ในวันนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะผู้ป่วยมะเร็งของจังหวัดเชียงราย-พะเยา รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง จะสามารถเข้าถึงการรักษา ลดระยะเวลารอคอย ลดค่าใช้จ่าย ในการเดินทางเพื่อไปรักษา อีกทั้งยังได้รับการรักษาโดยทีมสหสาขาวิชาชีพ เครื่องมือที่มีมาตรฐานเป็นการดูแลแบบครบวงจรอีกด้วย

 

ทั้งนี้สมาชิกวุฒิสภา และมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระราชูปถัมภ์ ได้มอบเครื่องอุปโภค ของใช้จำเป็นให้กับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ เพื่อมอบต่อผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษากับโรงพยาบาล เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการรับการรักษาต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
WORLD PULSE

‘ไทย’ เจรจา ‘จีน’ สร้างเส้นทางรถไฟ“เมืองโม่หาน” ขนส่งสินค้าเชื่อม อ.เชียงของ

 

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2567 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้เข้าพบนายหลี่ เสี่ยวเผง รมว.คมนาคมของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้หารือถึงภาพรวมด้านการคมนาคม ประกอบด้วย การขนส่งทางอากาศ ทางราง ทางน้ำ และทางบก พร้อมกล่าวถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต เพื่อพัฒนาระบบให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น โดยการขนส่งทางอากาศนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) ระหว่างไทย และจีน เพื่อความสะดวกต่อประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จึงได้ขอให้รัฐบาลจีนพิจารณาถึงแนวทางการเพิ่มเวลาการบิน (slots) ระหว่างไทย-จีน ให้กับสายการบินของทั้ง 2 ประเทศ เพื่อให้เกิดความสะดวก และมีราคาที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

 

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนผู้รับเหมาที่มีศักยภาพ และคุณภาพจากประเทศจีน เข้าร่วมประมูลงานจากแผนการขยายท่าอากาศยาน ทั้งที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อร่วมพัฒนาโครงการในประเทศไทย พร้อมกันนี้ได้หารือถึงการพัฒนารถไฟทางคู่สายใหม่ จากอำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ ขึ้นไปเชื่อมกับสถานีขนถ่ายสินค้าที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ริมชายแดนระหว่างไทย กับ สปป.ลาว โดยเส้นทางดังกล่าวปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยรถไฟสายนี้ จะเป็นประโยชน์กับการขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้ออกสู่มหาสมุทรอินเดียได้ หากประเทศจีนพิจารณาก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากชายแดนของจีนที่เมืองโม่หาน เชื่อมต่อมาที่เชียงของ ระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร (กม.) ก็จะทำให้การขนส่งสินค้าสามารถขนส่งจากจีนตอนใต้ มาที่ท่าเรือน้ำลึกในจังหวัดระนองได้

 

นายสุริยะ กล่าวต่ออีกว่า ประเทศไทยมีความชื่นชมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของจีน โดยเฉพาะการก่อสร้างถนนและทางด่วนของจีน ซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างมาก และมีมาตรฐานที่ดี โดยเฉพาะเทคนิคในการขุดเจาะอุโมงค์ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาก่อสร้างอุโมงค์ทางด่วนที่จังหวัดภูเก็ต จึงต้องการให้บริษัทจีนที่มีความเชี่ยวชาญในงานอุโมงค์เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าว และขอให้มีการจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีระหว่างกันในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายจีนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทย ทั้งการจัดตั้งคณะทำงาน และการประชาสัมพันธ์โครงการก่อสร้างอุโมงค์ดังกล่าว

 

นายสุริยะ กล่าวด้วยว่า ในโอกาสนี้นายหลี่ เสี่ยวเผง ได้เชิญตน และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม เข้าร่วมงาน Global Sustainable Transport Forum 2024 ที่กระทรวงคมนาคมของจีนเป็นเจ้าภาพ จัดขึ้นในช่วงเดือน ก.ย. 67 ด้วย ซึ่งการประชุมดังกล่าว จะมีการหารือ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องความยั่งยืนด้านการขนส่ง ประเด็นการขนส่งสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยฝ่ายจีนจะมีหนังสือเชิญเข้าร่วมงานอย่างเป็นทางการต่อไป.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เทศบาลนครเชียงรายเตรียมพร้อมการเป็นเจ้าภาพนครเชียงรายเกมส์ครั้งที่38

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม 2567 เทศบาลนครเชียงรายจัดแถลงข่าว “การแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบคัดเลือก ระดับภาคเหนือ ครั้งที่ 38 ” ณ ศูนย์ประชุมนครเชียงราย เทศบาลนครเชียงรายโดย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่าเทศบาลนครเชียงรายเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬานักเรียนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย รอบคัดเลือก ระดับภาคเหนือครั้งที่ 38 “นครเชียงรายเกมส์” ระหว่างวันที่ 4 – 13 มิถุนายน 2567 ณ สนามกีฬากลาง จังหวัดเชียงราย ด้วยแนวคิด #กีฬาสร้างสามัคคีสปอร์ตซิตี้ ที่เชียงราย โดยจัดการแข่งขันกีฬาชิงชัยทั้งหมด 11 ชนิดกีฬา •กรีฑา •ฟุตบอล •ฟุตซอล •วอลเลย์บอล •วอลเลย์บอลชายหาด •เซปักตะกร้อ •เปตอง/เปตองชู้ตติ้ง •แบดมินตัน •เทเบิลเทนนิส •หมากฮอส •หมากรุก

 

ด้านนายเจตณรงค์ อินกัน ท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย กล่าวเพิ่มเติมว่ากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กนักเรียนในสถานศึกษาสังกัดอปท.ทุกแห่ง เข้าร่วมแข่งขันกีฬา เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย ห่างไกลจากยาเสพติด และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกัน
 
 
ในการนี้ นางรัตนา จงสุทธานามณี ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรี (ภูมิธรรม เวชยชัย) นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย มีการขับเคลื่อน พื้นที่จังหวัดเชียงรายให้เป็นเชียงรายเมืองแห่งกีฬา (Chiangrai Sport City) เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในพื้นที่โดยพัฒนาฝีมือทางด้านการกีฬาต่อยอดไปสู่ในระดับที่สูงต่อไป และการจัดนครเชียงรายเกมส์ ครั้งที่ 38 เพื่อหล่อหลอมเด็ก และเยาวชนสู่เป้าหมายอนาคตที่ดีมีอาชีพที่มั่นคง สมกับคำว่า “นครเชียงราย นครแห่งความสุข”
 
 
ขอเชิญชวนประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนร่วมเป็นเจ้าภาพในการต้อนรับคณะนักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้ติดตามทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือพร้อมทั้งร่วมชมและเชียร์ให้กำลังใจแก่นักกีฬาตลอดการแข่งขัน ท่านสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ www.north.sport-th.com ทางเพจเฟซบุ๊ค “นครเชียงรายเกมส์ ครั้งที่ 38” และทาง Page fb เทศบาลนครเชียงราย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ร่วมเปิดศูนย์ประสานงาน อสม. อำเภอแม่สรวย

 

เมื่อวันที่ศุกร์ ที่ 10 พฤษภาคม 2567 เวลา 14.00 น. นายก นก อทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมเปิดอาคารศูนย์ประสานงานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อำเภอแม่สรวย พร้อมด้วยนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย นายสรายุธ ฟูวงศ์ ส.อบจ.เชียงราย อ.แม่สรวย เขต 1 นายสมัคร กันจีนะ ส.อบจ.เชียงราย อ.แม่สรวย เขต 2 โดยมีนายปฤษฎางค์ สามัคคีนิชย์ นายอำเภอแม่สรวย ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งได้รับสัมโมทนียกถา โดยเมตตาพระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต) ณ อาคารศูนย์ประสานงานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อำเภอแม่สรวย

 

สำหรับอาคารศูนย์ประสานงานชมรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)สร้างโดยงบประมาณการจัดตั้งผ้าป่า อสม. ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยเมตตาพระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต)
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรจัดทำแผนด้านความมั่นคง

 
เมื่อวันที่ 8 – 9 พฤษภาคม 2567 จังหวัดเชียงราย จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรเพื่อการจัดทำแผนด้านความมั่นคง จังหวัดเชียงราย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ด้านการจัดระเบียบสังคม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และอำเภอ ที่ปฏิบัติงานด้านการจัดระเบียบสังคม การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และการป้องกันการปราบปรามการค้ามนุษย์ สามารถนำไปปฏิบัติในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิผล ณ ห้องประชุมกองร้อย อส.จ.ชร.1 ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

 

การอบรมฯ ในครั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย มีนโยบายให้แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดระเบียบสังคม/สถานประกอบการ/สถานบริการ โดยให้ดำเนินการติดตาม ตรวจสอบ สอดส่อง สืบสวนหรือแสวงหาข่าวทั้งในทางเปิดเผยและทางลับ การกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์/ยาเสพติด และความผิดอื่น ๆ ภายในสถานประกอบการ/สถานบริการที่รับผิดชอบ แล้วประสานงานชุดจัดระเบียบสังคมจังหวัดเชียงรายดำเนินการทางกฎหมายต่อไปอย่างเคร่งครัด

 

ในการนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดย นายพิสันต์  จัทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มอบหมายให้ นายฐิติการณ์ ศิริอิศรานุวัฒน์ เข้าร่วมการอบรมฯ ดังกล่าว

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กรมทรัพยากรธรณี รำลึกเหตุแผ่นดินแม่ลาวไหวครบรอบ 1 ทศวรรษ

 
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เป็นประธานพิธีเปิดการจัดงานครบรอบ “1 ทศวรรษ แผ่นดินไหวแม่ลาว บทเรียนสำคัญสู่ความร่วมมือการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างยั่งยืน” ที่ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างความตระหนักและถอดบทเรียนจากแผ่นดินไหวสู่องค์ความรู้ในการป้องกันและเตรียมความพร้อมรับมือในอนาคต ตลอดจนพัฒนาขีดความสามารถของทุกภาคส่วน ไปสู่การขับเคลื่อน การจัดการธรณี พิบัติภัยอย่างเป็นรูปประธรรม โดยมี ดร.สมศักดิ์ วัฒนปฤดา ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม นำหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  หน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ชุมชน เครือข่ายเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยธรณีพิบัติภัย และประชาชนในจังหวัดเชียงราย กว่า 300 คน เข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมรูปแบบการประชุม และการเสวนาถอดบทเรียน ในหัวข้อ “ถอดบทเรียน 10 ปี แผ่นดินไหวเชียงราย สู่ความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการป้องกันและลดผลกระทบจากพิบัติภัยทางธรรมชาติ” โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้มีประสบการณ์ด้านแผ่นดินไหว มาร่วมบรรยายพิเศษ “บทบาทของสถาบันการศึกษาและภาคีเครือข่าย เยาวชน ในการร่วมขับเคลื่อนการบริหารจัดการภัย พิบัติทางธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และ การอภิปลายบทเรียนสำคัญสู่ความร่วมมือการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างยั่งยืน โดยภายในงานจัดให้มีนิทาศการองค์ความรู้ด้านธรณีพิบัติภัย อีกด้วย
 

         นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีข้อสั่งการมอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณี เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและความเชื่อมั่นแก่ประชาชน โดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการแจ้งเตือนภัย เร่งติดตั้งเครื่องมือวัดแผ่นดินไหว จัดทำแผนที่แสดงจุดปลอดภัยและซักซ้อนแผนอพยพร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมทรัพยากรธรณี ได้นำองค์ความรู้ทางวิชาการด้านธรณีพิบัติภัยมาใช้ เพื่อลดความสูญเสียและลดผลกระทบต่อชุมชนบนหลักการ “อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยเสี่ยงธรณีพิบัติภัย อยู่อย่างไรให้ปลอดภัยอย่างยั่งยืน” โดยมีการถ่ายทอดความรู้สู่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยให้อาศัยอยู่อย่างมั่นใจและปลอดภัย เสริมสร้างศักยภาพของภาคีเครือข่ายและชุมชนให้พร้อมรับมือธรณีพิบัติภัย และสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อประสบภัย รวมถึงประชาชนทั้งที่อยู่ในเขตเมืองที่เสี่ยงต่อแผ่นดินไหวและประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่สูงที่เสี่ยงต่อการดินถล่ม จะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนแนวทางประสบการณ์การดำเนินชีวิตได้รับรู้วิธีการอยู่อาศัยในที่เสี่ยงธรณีพิบัติภัย สามารถนำไปปรับใช้ได้กับชีวิตประจำวัน และมีศักยภาพเพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญภัยได้อย่างมีสติ 
 

        ดร.สมศักดิ์  วัฒนปฤดา ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า ถ้าหากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 เวลา 18.08 นาฬิกา เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในประเทศไทย ขนาด 6.3 ริกเตอร์ ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ตำบลดงมะดะ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย ด้วยเหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชน บ้านเรือนประชาชนกว่า 10,000 หลังคาเรือน ศาสนสถานต่างๆ โรงเรียน ถนนเกิดรอยแยกเป็นทางยาวหลายพื้นที่ในจังหวัดเชียงราย และอาคารสูงในกรุงเทพฯสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนครั้งนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าการเกิดธรณีพิบัติภัยในแต่ละครั้งส่วนมากจะเกิดขึ้นแบบฉับพลันยากต่อการคาดการณ์ล่วงหน้า สร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหลายพื้นที่ และที่สำคัญมักจะก่อให้เกิดความตื่นตระหนกให้กับประชาชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ ดังนั้นกรมทรัพยากรธรณี จึงได้จัดประชุมสัมมนา เรื่อง “๑ ทศวรรษแผ่นดินไหวแม่ลาว : บทเรียนสำคัญสู่ความร่วมมือการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างยั่งยืน” ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นการถอดบทเรียนจากการเกิดเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยที่สำคัญ นำมาสู่การเรียนรู้เกี่ยวกับธรณีพิบัติภัยและเพื่อจัดทำแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการจัดการธรณีพิบัติภัยอย่างบูรณาการ เพื่อบรรเทาลดผลกระทบและความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เห็นชอบมอบทุนเด็ก กองทุนพัฒนาเด็กชนบทรายละ 1,500 บาท

 
เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องประชุมพวงแสด ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดเชียงราย ประจำปี 2567 ครั้งที่ 2/2567 โดยมีคณะกรรมการกองทุนพัฒนาเด็กชนบทฯ เข้าร่วม เพื่อรับทราบผลการดำเนินงาน สถานะการเงิน และพิจารณาเรื่องการให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนการพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนอายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ปี ที่มีฐานะยากจน ด้อยโอกาส และรายได้ครัวเรือนตกเกณฑ์
 
 

โดยที่ประชุมนางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย ในฐานะเลขานุการ ได้แจ้งผลการดำเนินงานกิจกรรมทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็ก ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดเชียงราย ที่ดำเนินการเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2567 ที่วัดพระแก้ว (พระอารามหลวง) ถนนไตรรัตน์ ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย โดยมียอดเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา ทั้งจากส่วนราชการ องค์กรต่างๆ และภาคเอกชน รวมทั้งสิ้น 403,198 บาท ซึ่งจำนวนเงินในส่วนนี้จะนำไปมอบให้กับเด็กที่อยู่ในครัวเรือนยากจน ตามข้อมูล THAI QM หรือ TP MAP อปท. ละ 1 คน ที่อยู่ในช่วงอายุแรกเกิด จนถึง 6 ปี ในพื้นที่ 15 อำเภอ จำนวน 142 ราย รายละ 1,500 บาท รวมถึงร่วมกันพิจาณาอนุมัติวงเงิน มอบให้เด็กที่อยู่ในครัวเรือนที่ตกเกณฑ์รายได้ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) ในปี 2567 (รายได้ครัวเรือนเฉลี่ยต่ำกว่า 40,000 บาท ต่อคนต่อปี ) ในพื้นที่ 12 อำเภอ จำนวน 158 ราย รายละ 1,500 บาท

 

ทั้งนี้ในที่ประชุมมติเห็นชอบ และจะมอบทุนส่งให้นายอำเภอแต่ละอำเภอ เป็นผู้แทนมารับมอบในวันประชุมกรมการจังหวัดเชียงราย ประจำเดือนมิถุนายน 2567 โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้มอบ และส่งต่อให้นายอำเภอเป็นผู้มอบทุนให้กับเด็กต่อไป

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News