Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

คืบหน้าสร้าง ถนน อ.เทิง-อ.จุน เชื่อม 2 จังหวัด เชียงรายและพะเยา

 

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ดำเนินโครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา โดยปัจจุบันโครงการมีความคืบหน้ากว่าร้อยละ 82 อยู่ระหว่างดำเนินงานชั้นโครงสร้างทาง งานก่อสร้าง

 
ผิวจราจรแอสฟัลท์ติกคอนกรีต งานก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก และงานไฟฟ้าส่องสว่าง คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในเดือนธันวาคม 2567 นี้ เมื่อก่อสร้างเสร็จจะสามารถใช้เป็นเส้นทางลัดจากอำเภอเชียงของมายังกรุงเทพมหานครโดยไม่ต้องผ่านตัวอำเภอภูซาง อำเภอเชียงคำ และอำเภอจุน ช่วยลดระยะทาง ได้ประมาณ 20 กิโลเมตร พร้อมสนับสนุนการเดินทางและการขนส่งภาคเหนือตอนบน ช่วยยกระดับการคมนาคม การท่องเที่ยวระหว่างประเทศ เนื่องจากจังหวัดพะเยาและจังหวัดเชียงรายมีเขตติดกับประเทศเมียนมา สปป.ลาว และสามารถเชื่อมต่อไปยังตอนใต้ของประเทศจีนได้ 
 
 
จึงใช้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อการขนส่งลำเลียงสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ ตลอดจนประชาชนที่จะใช้เส้นทางผ่านสะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 4 (เชียงของ – ห้วยทราย) และจากท่าเรือเชียงของได้อีกด้วย โครงการก่อสร้างถนนทางหลวงชนบทสายแยก ทล.1020 – บ้านกิ่วแก้ว อำเภอเทิง, จุน จังหวัดเชียงราย, พะเยา มีระยะทางรวม 43.709 กิโลเมตร 
 
 
ในการก่อสร้างแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือการปรับปรุงขยายถนนเดิมในบริเวณทับซ้อนถนนสาย พย.4025 เดิมช่วง กม.ที่ 5+000 – 11+900 และ กม.ที่ 13+000 – 15+500 ระยะทางประมาณ 9.4 กิโลเมตร และการก่อสร้างถนนใหม่ บริเวณ กม.ที่ 0+000 – 5+000, 11+900 – 13+000 และ 15+500 – 43+709 รวมระยะทาง 34.309 กิโลเมตร 
 
 
ซึ่งก่อสร้างเป็นถนนแอสฟัลท์ติกคอนกรีตขนาด 2 – 4 ช่องจราจร กว้างช่องละ 3.50 เมตร ไหล่ทางกว้าง 2.50 เมตร พร้อมก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดใหญ่ข้ามแม่น้ำลาว 1 แห่ง สะพานคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดเล็ก 12 แห่ง รวมถึงโครงสร้างระบายน้ำ อุปกรณ์อำนวยความปลอดภัย สัญญาณไฟจราจร และไฟฟ้าส่องสว่างตลอดสายทาง โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 1,199 ล้านบาท
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

Soft Power เชียงราย เยาวชนมัคคุเทศก์นักเล่าเรื่อง

 

เมื่อวันอังคารที่ 2 กรกฎาคม 2567 โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม ได้จัดโครงการ Youth Guied Joy History In Chiang Rai เยาวชนมัคคุเทศก์นักเล่าเรื่องเมืองเชียงรายภายใต้โครงการจิตสำนึกรักเมืองไทยประจำปี 2567 เพื่อส่งเสริมความรู้และอนุรักษ์การท่องเที่ยว ผลักดัน Soft Power จังหวัดเชียงรายเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนรวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนในการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์

 

ทั้งนี้ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย และคณะผู้บริหารได้เข้าร่วมโครงการ โดยทางเทศบาลนครเชียงรายได้ให้การสนับสนุนข้อมูลการท่องเที่ยวและรถรางในการดำเนินโครงการให้แก่คณะกรรมการนักเรียนโรงเรียนสามัคคีวิทยาคมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มการกระจายรายได้สู่ชุมชนและสนับสนุนข้อมูลทางการท่องเที่ยวเพื่อให้เยาวชนมีความเข้าใจ และเข้าถึงการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มากขึ้น
 
 
นอกจากนี้ยังมีผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม นางพรทิวา ขันธมาลา นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการพิเศษ แขกผู้มีเกียรติ และนักเรียนเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พิธีทักษิณานุประทาน อุทิศส่วนกุศล พระเทพสิทธินายก อดีตเจ้าคณะเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 ที่วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในพิธีทักษิณาประทาน แด่ บูรพาจารย์อดีตเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พิธีสมโภช พระอารามหลวง วัดพระสิงห์ จังหวัดเชียงราย โดยมีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมกันนี้มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำภาคเอกชนพุทธศาสนิกชน และศิษยานุศิษย์ร่วมพิธี

 

ภายในพิธีประธานฝ่ายสงฆ์นำศิษยานุศิษย์ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย พร้อมกล่าวคำอาราธนาศีล พิธีทักษิณานุปทาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แด่ พระเทพสิทธินายก อดีตเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ พระอารามหลวง ซึ่งมรณภาพ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2561 ด้วยภาวะเส้นเลือดในสมองแตก สิริอายุได้ 79 ปี 4 วัน พรรษา 59 จากนั้นประธานฝ่ายฆราวาสนำศิษยานุศิษย์ ถวายไทยธรรมแด่พระสงฆ์ 30 รูป เมื่อเสร็จสิ้น พระพุทธิวงศ์วิวัฒน์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงราย มอบทุนการศึกษาให้แก่ผู้สอบบาลีสนามหลวงได้ ประจำปี 2567 ในสำนักศาสนศึกษาวัดพระสิงห์ เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี

 

พระเทพสิทธินายก เดิมชื่อ ชื่น นามสกุล แก้วประภา นามฉายา ปัญญาธโร เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ก.ค. พ.ศ. 2482 ณ บ้านปี้ ต.หงาว อ.เทิง จ.เชียงราย อุปสมบท ณ วัดบุญนาค ต.เวียง อ.เทิง จ.เชียงราย สอบได้นักธรรมเอก และเปรียญธรรม 6 ประโยค ในฝ่ายปริยัติศึกษา และจบบาลีศึกษาปีที่ 2 จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฝ่ายสามัญศึกษาพ.ศ. 2522 เป็นเปรียญธรรม 6 ประโยค ด้านสมณศักดิ์ พ.ศ. 2530 เป็นพระครูสัญญาบัตร รองเจ้าคณะจังหวัด ในราชทินนามที่ พระครูศรีปริยัติวิธาน, พ.ศ. 2535 เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ (สป.) ในราชทินนามที่ พระสุนทรปริยัติวิธาน, พ.ศ. 2544 เป็นพระราชาคณะชั้นราช ในราชทินนามที่ พระราชสิทธินายก ดิลกศีลาจารนิวิฐ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี, พ.ศ. 2553 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพสิทธินายก ดิลกศีลาจารนิวิฐ วรกิจจานุกิจจาทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

2 ปีซ้อน หลังสนามบินเชียงราย ได้รับรางวัล “ท่าอากาศยานดีเด่น ปี 67”

 

 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นาวาอากาศตรีสมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย พร้อมด้วย นางแสงเดือน อ้องแสนคำ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ด้านสนับสนุนธุรกิจ) และพนักงานท่าอากาศยานแม่หลวง เชียงราย เข้าร่วมมีพิธีมอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคลากรผู้ทรงคุณค่าของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)(ทอท.) และมอบรางวัลให้แก่พนักงานดีเด่น , พนักงานที่ได้รับการคัดเลือกเป็นสุจริตชน ฅน ทอท. , พนักงานและลูกจ้างที่ได้รับการยกย่องเป็นกรณีพิเศษ , กลุ่มหรือหน่วยงาน ทอท.ดีเด่น , ท่าอากาศยานดีเด่น , บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ ทอท. ประจำปี 2567 เนื่องในโอกาสครบรอบการดำเนินงาน 45 ปี ทอท. 

ในปี 2567 นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งปีแห่งความภาคภูมิใจของพนักงานท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ที่ได้รับรางวัลอันทรงคุณค่า โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

 ท่าอากาศยานดีเด่น ประจำปี 2567 (ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน) ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) รางวัลแห่งความภาคภูมิใจที่มาจากความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเท และเสียสละ ของพนักงานท่าอากาศยานท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายทุกคน ที่ร่วมมือร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวในการดำเนินงานให้ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย และขานรับนโยบายของ ทอท. พร้อมทั้ง “มุ่งมั่น พัฒนา ขับเคลื่อนสู่อนาคต” 

โดยผลงานแห่งความภาคภูมิใจ ของ ทชร. นั้น ประกอบด้วย 

  • เข้าร่วมโครงการ Customer Experience Accreditation จาก Airport Council International ซึ่งเป็นท่าอากาศยานแรกของประเทศไทย
  • การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ICAO Asia Pacific Aerodrome Design and Operation Task Force ภายใต้การดำเนินงานทั้งหมดของทีมงานพนักงาน ทชร. เพื่อแสดงถึงศักยภาพในการพร้อมนำจังหวัดเชียงรายสู่ Mice City
  • ได้รับรางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมในการทำงาน 15 ปีติดต่อกัน
  • ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดนิทรรศการศิลปะร่วมสมัย Thailand Bianale Chiang Rai โดยให้การสนับสนุนสถานที่ตั้งปฏิมากรรมศิลปะร่วมสมัย เพื่อให้ผู้โดยสารและผู้ใช้บริการร่วมชมและถ่ายภาพ 

พนักงานที่ได้รับการคัดเลือกเป็น “พนักงานดีเด่น ประจำปี 2567“ คือ นางสาวอารินรักษ์ โพธิ์ระมาด ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานอาวุโส 6 ส่วนมาตรฐานท่าอากาศยานและอาชีวอนามัย 

ในการนี้ เข้ารับรางวัลจาก ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ซึ่งการได้รับรางวัลในครั้งนี้ ถือเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานเพื่อการมุ่งมั่น ตั้งใจให้ ทชร. ก้าวไปสู่การเป็นท่าอากาศยานที่ดีต่อชุมชม และต่อเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายต่อไป 

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

อพท.เชียงราย เส้นทางท่องเที่ยว อุทยานธรณี Chiang Rai Geopark

 
เมื่อวันที่ 27 – 28 มิถุนายน 2567 นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ อพท. มอบหมายให้ อพท. เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบเส้นทางท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดเชียงราย “3 พี่น้องท้องถิ่นรวมใจ สู่เชียงรายเที่ยวได้ ทั้งปีมีดีทุกเดือน” โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เส้นทางที่ 2 เส้นทางท่องเที่ยวอุทยานธรณีเชียงราย Chiang Rai Geopark โดยนายประเสริฐ ชุ่มเมืองเย็น รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรม โดยมีผู้นำท้องถิ่น มัคคุเทศก์ ผู้แทนจากบริษัททัวร์ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ และผู้แทนหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย จำนวนกว่า 20 คน เข้าร่วมกิจกรรม โดยกิจกรรมดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เสริมสร้างกิจกรรมการท่องเที่ยวให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และกระจายรายได้สู่ชุมชน
 
 
เส้นทางท่องเที่ยวอุทยานธรณีเชียงราย Chiang Rai Geopark เริ่มจากวัดป่าหมากหน่อ ซี่งตามตำนานพื้นถิ่นเล่าสืบต่อกันมาว่า พื้นที่บริเวณรอบวัดเดิมคือเมืองโยนกนาคพันธุ์ แต่ชาวเมืองไปจับปลาไหลเผือกตัวใหญ่มารับประทาน เนื่องจากปลาไหลเผือกตัวดังกล่าวเป็นลูกของพญานาคราช ส่งผลให้เกิดพายุใหญ่และแผ่นดินล่มสลายเมืองทั้งเมืองจมอยู่ใต้น้ำ เหลือเพียงบ้านของหญิงหม้ายที่ไม่ได้รับประทานปลาไหลเผือกเช่นคนอื่นๆ กลายมาเป็นเกาะแม่หม้ายหรือพื้นที่บริเวณวัดป่าหมากหน่อซึ่งตั้งอยู่บริเวณเวียงหนองหล่มในปัจจุบัน ดังปรากฏอยู่ในตำนานสิงหนวัติ โดยนายธีรภัทร ทองใบ ผู้อำนวยการอุทยานเมืองโยนกนาคพันธุ์ จังหวัดเชียงราย ให้เกียรติเป็นผู้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับเมืองโยนกนาคพันธุ์ 
 
 
จากนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดินทางไปยังจุดชมวิวเวียงหนองหล่ม ซึ่งมีหอชมวิวสามารถมองเห็นแนวรอยเลื่อนแม่จัน และเวียงหนองหล่มโดยรอบ รวมถึงจุดที่พบน้ำพุร้อน ภาคบ่ายคณะผู้ร่วมกิจกรรมลงพื้นที่สำรวจถ้ำหลวง- ขุนน้ำนางนอน เรียนรู้เหตุการณ์การช่วยเหลือ 13 ชีวิตหมูป่า ที่เคยติดถ้ำเมื่อปี พ.ศ. 2561 และเรียนรู้ภูมิศาสตร์ของถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน
สำหรับกิจกรรมในวันที่สอง เป็นการเรียนรู้กระบวนการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมครบวงจรที่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกหม่อนเลี้ยงไหมครบวงจรบ้านสันธาตุ อ.เชียงแสน จากนั้นเดินทางไปยังเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย หรือทะเลสาบเชียงแสน เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (Ramsar site) ที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ แต่ละปีจะมีนักดูนกจากทั่วโลกเดินทางเพื่อมาดูนกอพยพที่บริเวณนี้ โดยเฉพาะในฤดูหนาว จะมีนก อพยพจากรัสเซียและไซบีเรีย มาอาศัยอยู่ในบริเวณทะเลสาบเชียงแสนเป็นจำนวนมาก
 
 
ในโอกาศนี้ ผู้ปฏิบัติงาน อพท.เชียงราย และผู้ร่วมกิจกรรม ร่วมกันถอดบทเรียนและให้ข้อเสนอแนะแก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นข้อมูลนำไปพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวแก่ชุมชนต่อไป
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อพท.เชียงราย DASTA Chiang Rai

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

เริ่มแล้ว The ICONiC Run Fest เดิน วิ่ง กิน เที่ยว เพื่อสุขภาพ

 

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงรายหลังเก่า อ.เมือง จ.เชียงราย ว่าที่ ร.ต. ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลล์ ผู้จัดการกองทุน สสส. ร่วมกันปล่อยตัวนักวิ่งในงาน The ICONiC Run Fest Thailand Series Chiang Rai 2024 เดิน วิ่ง กิน เที่ยว เพื่อสุขภาพ รวมพลังสร้างสุขภาพดี เศรษฐกิจดี สร้างเมืองสู่ความยั่งยืน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ สื่อมวลชน แขกรับเชิญจากนักแสดงช่อง 7 ธัน ธันวา สุริยจักร และนักวิ่งกว่า 2,000 คนเข้าร่วมอย่างคึกคัก

 

ภายในงานเริ่มปล่อยตัวนักวิ่งระยะ 10 กิโลเมตร และนักวิ่งระยะ 5 กิโลเมตร โดยนักวิ่งจะวิ่งผ่านเส้นทางตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดเชียงราย สถานที่สักการะ ที่สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตอกย้ำความเป็นเมืองสุขภาวะ (Wellness City) จากนั้นจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นจังหวัดต้นทาง ได้ส่งธงมอบให้กับผู้แทนจากจังหวัดสุโขทัย ที่จะจัดกิจกรรมฯ ขึ้นในวันที่ 24-25 สิงหาคม 2567 นี้
 
 
เทศกาลงานวิ่ง The ICONiC Run Fest Thailand Series Chiang Rai 2024 “เดิน วิ่ง กิน เที่ยวเชิงสุขภาพ” โดย สสส. ร่วมกับจังหวัดเชียงราย กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและเชิงเศรษฐกิจ ส่งต่อองค์ความรู้การบริโภคอาหารปลอดภัย ปลูกฝังค่านิยมลดพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ (NCDs) และส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับชุมชน ซึ่งกิจกรรมฯ จัดขึ้นทั้งหมด 5 จังหวัด จากทั่วประเทศ ( เชียงราย สุโขทัย นครราชสีมา มุกดาหาร และจังหวัดนครศรีธรรมราช)
 
 
ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวฯ เปิดรับสมัครประเภทการวิ่งเป็น 2 ระยะทาง ได้แก่ 10 กิโลเมตร และ 5 กิโลเมตร ซึ่งจำกัดผู้เข้าสมัครเพียง 2,000 คน ต่อจังหวัดเท่านั้น หากท่านใดสนใจวิ่ง โดยสนามต่อไปที่จังหวัดสุโขทัย วันที่ 24-25 ส.ค. 2567 นครราชสีมา วันที่ 7-8 ก.ย. 2567 มุกดาหาร วันที่ 5-6 ต.ค. และจังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 26-27 ต.ค. 2567 สามารถสมัครร่วมกิจกรรมได้ที่ http://thaift หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ theiconicrunfest
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The ICONiC Run Fest

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เปิดพื้นที่เยาวชน 3 อำเภอ First Love Festival 2024

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมเยาวชนสร้างสรรค์ สานสัมพันธ์สามอำเภอ Firt Love Festival 2024” ณ หอประชุมโรงเรียนพานพิทยาคม อ.พาน จ.เชียงราย พร้อมด้วยนายทัศพงษ์ สุวรรณมงคล เลขานุการ นายก อบจ.เชียงราย โดยมี นายอนิรุทธ์ ต่อบวรรัตน์ ปลัดอาวุโสอำเภอพาน และนางษรวัศศ์ วงค์อารยกร รองผู้อำนวยการโรงเรียนพานพิทยาคม กล่าวต้อนรับ และมีนายณิชกุล อยู่เย็น รองประธานเยาวชนอาสาพัฒนาเชียงราย อำเภอพาน ในนามประธานคณะทำงานโครงการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน และร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด

 

โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อให้เด็กและเยาวชน อ.พาน อ.ป่าแดด และอ.แม่ลาว ได้แสดงศักยภาพของตนเองผ่านการแข่งขันดนตรี การแข่งขัน e-sport ให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ในการแข่งขัน รู้จักความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย ได้รับกำลังใจประสบการณ์จากการแข่งขันจากสนามและเวทีที่ได้จัดขึ้น มีพื้นที่สร้างสรรค์ในการหารายได้ผ่านการค้าขายในกาดละอ่อนที่จัดขึ้น มีพื้นที่สร้างสรรค์ในการออกแบบและจินตนาการ บูธ Workshop ภายในงานให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่มีโอกาสร่วมกิจกรรมที่สนุกสนาน ฮีลใจมีความสุข และเพลิดเพลินตลอดการแข่งขันกีฬา และรับชมการแข่งขันดนตรี อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาส ให้เยาวชน ได้เรียนรู้และรู้จักศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ให้มากยิ่งขึ้น และสร้างเครือข่ายในอนาคต ให้เยาวชนได้พัฒนาขีดความสามารถของตนเองอีกขั้นหนึ่งต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

พิธีฟังธรรมขุนห้วยกุศโลบายรักษาป่า พร้อมประกาศเขตห้ามล่าเต่าปูลู

 

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2567 ชุมชนบ้านห้วยสัก หมู่ 9 หมู่ 15 ตำบลยางฮอม อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงรายได้จัดพิธีกรรมฟังธรรมขุนห้วย และเลี้ยงผีขุนห้วย ในกิจกรรมมีการแห่ช้างเผือกจำลองจากวัดไปยังป่าต้น้ำเพื่อทำการถวายทาน การเลี้ยงผีขุนห้วย และพิธีกรรมสำคัญการฟังธรรมขุนห้วยหรือฟังธรรมพญาปลาช่อน โดยชุมชนได้จัดพิธีกรรม ณ ป่าต้นน้ำของหมู่บ้าน พิธีกรรมฟังธรรมขุนห้วยเป็นการนำกุศโลบายความเชื่อล้านนาทางพระพุทธศาสนามาประยุกต์ใช้ในการทำพิธีกรรม มีพระสงฆ์ จำนวน 5 รูป ได้ทำการเทศนาธรรม ชื่อธรรมมัจฉาพระยาปลาช่อน มีเนื้อหาให้เกิดฝนตกต้องตามฤดูกาล

 

นายสรศักดิ์ ถาริยะ ผู้ใหญ่บ้านห้วยสัก หมู่ 9 ตำบลยางฮอม อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ได้กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า
“วันนี้เราได้มาทำกิจกรรมเลี้ยงผีขุนน้ำที่เราทำสืบต่อกันมาหลายร้อยปี เป็นพิธีกรรมที่ใช้สำหรับการขอฝนให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ขอให้เทวดาปกปักรักษาพ่อแม่พี่น้องที่บ้านห้วยสักซึ่งกิจกรรมวันนี้มีพิธีกรรม 3 อย่างคือการฟังธรรมปลาช่อน การเลี้ยงผีขุนห้วยและก็การถวานทานช้างเผือก กิจกรรมที่เราทำกันทุกปี ที่บ้านห้วยสักมี 2 หมู่บ้าน คือบ้านห้วยสัก หมู่ที่ 9 และหมู่ที่ 15 ร่วมกันจัดพิธีกรรมที่เราควรสืบทอดที่ทำกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ”
 
 
ในงานมีพีกรรมสำคัญ 2 พิธีกรรม คือการฟังธรรมขอฝนเป็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนา และการเลี้ยงผีขุนห้วยเป็นการนำความเชื่อเรื่องผีของชุมชนที่ทำมาตั้งแต่มีการก่อตั้งหมู่บ้าน เป็นภูมิปัญญาล้านนาด้านการจัดการน้ำ ระบบเหมืองฝาย ที่มีความเชื่อผีขุนห้วยเป็นผีที่ใหญ่สุดเกี่ยวกับเรื่องน้ำ ทำพิธีในป่าที่ลึกต้นน้ำห่างจากหมู่บ้านซึ่งถือเป็นจุดที่เป็นป่าต้นน้ำ เพื่อได้ทำการฟังธรรมขอฝนและการบอกกล่าวไหว้วอนเลี้ยงผีขุนห้วยเพื่อขอฝนให้เพียงพอในการทำการเกษตร ให้ฝนฟ้า เป็นปกติ พืชไร่ นาข้าวอุดมสมบูรณ์ เป็นประเพณีที่ชุมชนสืบทอดกันมาทุกปี ส่วนในประเทศไทยพิธีการฟังธรรมขอถือว่าเป็นประเพณีที่ขึ้นบัญชีเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ในปี 2557 ที่ผ่าน
 
 
ทางด้านพระครูกิตติ วรพินิจ เจ้าอาวาสวัดห้วยสัก ตำบลยางฮอม ได้กล่าวถึงความสำคัญของพิธีกรรมฟังธรรมขุนห้วยว่า
“บ้านห้วยสักเป็นชุมชนเกษตรที่มีการพึ่งพาทรัพยากรแหล่งน้ำในการทำการเกษตรให้สำเร็จ ทุกปีก็จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อระลึกนึกถึงทรัพยากรธรรมชาติที่ได้พึ่งพา ตั้งแต่ปู่ย่าตายายได้ทำมา สืบทอดต่อลูกหลาน การเทศน์ธรรมพระยาปลาช่อน เป็นธรรมบทเมื่อครั้งพุทธกาล มีการถวายทานพญาช้างเผือกช้างแก้ว เป็นสัตว์ในพระพุทธกาล ซึ่งพระเวสสันดรได้มีช้างคู่เมืองทำให้บ้านเมืองมีฝนตกต้องตามฤดูกาล ธรรมชาติข้าวน้ำอุดมสมบูรณ์จึงการพิธีกรรมการถวายทานช้างเผือก และธรรมพญาปลาช่อนที่จะได้มาฟังธรรมในวันนี้ เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งที่จะให้คนในชุมชนสมัครสมานสามัคคี ตระหนักในเรื่องของธรรมชาติที่ได้ดำรงชีวิตความเป็นอยู่ คร่าวของธรรมพญาปลาช่อน ได้พูดถึงเมื่อครั้งพระพุทธองค์ ได้กำเนิดพระชาติหนึ่งเป็นพญาปลาช่อนอยู่ในหนองน้ำ เป็นหนองน้ำที่แห้งแล้ง พญาปลาช่อนจึงช่วยให้สัตว์ทั้งหลายให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล 
 
 
และวันนี้ทางชุมชนได้ตระหนักถึงเรื่องนี้จึงได้จัดพิธีกรรมขึ้น ตระหนักถึงธรรมชาติจึงได้จัดพิธีกรรมนี้ขี้น”
ชุมชนบ้านห้วยสักตั้งอยู่ทางที่ราบเชิงเขา มีลำห้วยสักไหลผ่านหมู่บ้านก่อนไหลลงแม่น้ำอิงทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน มีป่าต้นน้ำอยู่ทางทิศตะวันออกเขตเทือกเขาดอยยาว ป่าต้นน้ำห้วยสักอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยป่าแดง ป่าห้วยป่าตาลและป่าห้วยไคร้ ทางชุมชนได้ขึ้นทะเบียนป่าชุมชนกับกรมป่าไม้ พื้นที่ 1,289 ไร่ 3 งาน 99 ตารางวา และในปีพ.ศ. 2565-2567 ได้ร่วมกับทางสมาคมแม่น้เพื่อชีวิต ได้ทำการศึกษาเต่าปูลู หรือเต่าปากนกแก้ว (Big-headed Turtle) เป็นสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ อาศัยอยู่ลำห้วยสาขาของป่าต้นน้ำ ในลักษณะระบบนิเวศแบบลำธาร มีโขดหิน น้ำตก แอ่งน้ำ เป็นสัตว์ประจำถิ่นที่พบได้ทั่วไปในแหล่งป่าต้นน้ำในภาคเหนือของประเทศไทย และที่ลำห้วยสักยังมีการพบเต่าปูลูจากคนในชุมชนและการตรวจหาสารพันธุกรรมในสิ่งแวดล้อม (eDNA) จากทีมนักวิชาการคณะะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การพบเจอเต่าปูลูที่ลำห้วยสักนั้นเป็นตัวชี้วัดว่าระบบนิเวศของป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะเต่าปูลูจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำสะอาด และมีสัตว์น้ำที่เป็นอาหารจำนวนมากเพียงพอ
 
 
จากการเก็บข้อมูลงานวิจัยพบว่าปัญหาหลักของภัยคุกคามของเต่าปูลูคือ เรื่องของการล่าเพื่อส่งออกไปต่างประเทศของคนภายนอกชุมชนที่แอบลักลอบเข้ามาล่าเต่าปูลู ที่มีราคาสูงถึงกิโลละ 3,000 – 5,000 บาท ถึงแม้จะมีกฎหมายคุ้มครองและบทลงโทษที่ชัดเจน แต่การล่าเต่าปูลูยังมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณเต่าปูลูลดลงจากแหล่งน้ำธรรมชาติ ทางชุมชนบ้านห้วยสักจึงได้ร่วมกับทีมสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตจึงได้ทำการศึกษาแนวทางการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยเต่าปูลูโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนลุ่มน้ำอิงตอนปลาย วิเคราะห์หาภัยคุกคาม แนวทางการแก้ไขร่วมกับคนในชุมชน ทำมติชุมชน ตั้งคณะทำงานในการดูแลสอดส่อง จึงได้ทำการประกาศเขตห้ามล่าเต่าปูลูในลำห้วยสักในพิธีกรรมเลี้ยงผีขุนห้วยของชุมชน
ด้านนายสรศักดิ์ ถาริยะ ผู้ใหญ่บ้านห้วยสัก ได้กล่าวถึงการประกาศเขตห้ามล่าเต่าปูลูในครั้งนี้ว่า
“เป็นป่าต้นน้ำที่ชุมชนร่วมกันอนุรักษ์ เป็นป่าต้นน้ำห้วยสัก ที่ชุมชนบ้านห้วยสักของเราได้มีการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ และจดทะเบียนป่าชุมชน พื้นที่ประมาณ 1,200 กว่าไร่ และในลำห้วยสักได้มีการพบเต่าปูลูเป็นสัตว์ป่าหายาก แต่มีการพบที่นี่ วันนี้เราเลยประกาศเป็นเขตห้ามล่าเต่าปูลู”
 
 
การประกาศเขตห้ามล่าเต่าปูลูของชุมชนห้วยสัก เป็นแห่งที่ 4 ในลุ่มน้ำอิงตอนปลายที่มีการประกาศเขตห้ามล่าเต่าปูลูโดยชุมชน โดยทางชุมชนได้ตั้งกฎระเบียบโดยให้การประชาคมหมู่บ้านร่วมกับกฎระเบียบป่าชุมชนที่ได้รับการรับรองจากกรมป่าไม้ โดยมีคณะทำงานในการดูแลสอดส่องปูลูโดยชุมชนจากชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และมีกิจกรรมการอนุรักษ์แหล่งที่อยู่อาศัยเต่าปูลู เช่นการทำฝายชะลอน้ำ การป้องกันไฟป่า การเลี้ยงผีขุนห้วย การลาดตระเวน สำรวจแนวเขตป่า เพื่อป้องกันการล่าเต่าจากคนนอกพื้นที่ต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ชาวบ้านเรียกว่า “ครก” หรือ “วัง” แหล่งหากินของปลากระเบนแม่น้ำโขง

 

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บ้านดอนที่ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต พร้อมเจ้าหน้าที่สมาคม ได้ลงพื้นที่เพื่อพบปะกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านริมแม่น้ำโขง ใน อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ถึงภัยคุกคามที่ส่งผลต่อการลดลงของปลากระเบนในแม่น้ำโขง และติดตามการเปลี่ยนแปลง ปริมาณของปลากระเบนที่ลดลง โดยที่บ้านดอนที่เป็นพื้นที่เดียวในแม่น้ำโขง จ.เชียงราย ที่ชาวประมงจับได้บ่อยครั้ง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับปลากระเบนในพื้นที่บ้านดอนที่ว่าเหตุใดจึงพบได้เพียงเฉพาะที่บ้านดอนที่เท่านั้น รวมไปถึงการศึกษาปลาสายพันธุ์อื่นๆในพื้นที่ด้วย

 

อาจารย์สุทธิ มะลิทอง สถาบันถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย กล่าวว่า สถานการณ์ปลากระเบนในแม่น้ำโขง พบว่า จุดที่ชาวบ้านพบปลากระเบนในพื้นที่บ้านดอนที่ ต.ริมโขง อ.เชียงของ จ.เชียงราย เป็นจุดที่มีลักษณะที่ชาวบ้านเรียกว่า “ครก” หรือ “วัง” โดยมีพื้นผิวใต้น้ำเป็นตะกอนดินโคลน ทราย ปนกัน ซึ่งเป็นแหล่งหากินของปลากระเบน มีหนอนแดง ใส้เดือนน้ำ อยู่จำนวนมาก และบริเวณหลงแก่ง ที่มีลักษณะเป็นที่อยู่อาศัยของตัวอ่อนแมลงชีปะขาว และตัวอ่อนแมลงชีปะขาว ที่เป็นอาหารของปลากระเบน ทำให้ในพื้นที่นี้มีการจับปลากระเบนแม่น้ำโขงได้บ่อยครั้ง สำหรับความเสี่ยงของปลากระเบนก็คือพื้นที่อยู่อาศัย ถ้าหากพื้นที่อาศัยและแหล่งอาหารหายไป ก็จะทำให้ปลากระเบนลดลง นอกจากนี้พบว่าพืชริมน้ำก็จะเป็นแหล่งดักตะกอนที่ให้เกิดพื้นที่ดินโคลน และทราย จึงเป็นแหล่งที่อยู่ของอาหารของปลากระเบน
 
 
“อีกปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาต่อปลากระเบนก็คือ เรื่องระดับน้ำที่มีการเปลี่ยนแปลง น้ำขึ้น น้ำลง ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ก็จะส่งผลให้แหล่งที่อยู่และอาหารของปลากระเบนลดลง กระทบกับปลากระเบนโดยตรงหากไม่มีอาหารก็จะทำให้ย้ายถิ่นฐาน หรือสูญหายไป” อาจารย์สุทธิ กล่าว
 
 
นายถวิล ศิริเทพ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ตำบลริมโขง กล่าวว่าเมื่อเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีชาวประมงพื้นบ้าน สามารถจับปลากระเบนแม่น้ำโขง ขนาดกว่า 1.2 กิโลกรัมได้ในแม่น้ำโขง ในพื้นที่บ้านดอนที่ ซึ่งปลากระเบนนั้นถือว่าเป็นปลาที่หากพบได้ยาก และใกล้สูญพันธุ์ในแม่น้ำโขงปัจจุบัน ก็เนื่องมาจากระบบนิเวศ ในแม่น้ำโขงที่เปลี่ยนไป การเพิ่มและลดบริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ผิดปกติ ทำให้ชาวประมงในพื้นที่สามารถจับปลาบางชนิดได้น้อยลง ในฐานะผู้นำหมู่บ้านดอนที่ ก็ขอขอบคุณทางสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต ที่เข้ามาช่วยทำวิจัย เพื่อเพาะพันธ์และอนุรักษ์พันธุ์ปลากระเบนในแม่น้ำโขง โดยใช้พื้นที่บริเวณหมู่บ้านดอนที่ ให้เป็นพื้นที่ศึกษาเรียนรู้ เพาะพันธ์ขยายพันธุ์ เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ปลากระเบนและพันธุ์ปลาน้ำจืดแม่น้ำโขงอื่นๆ ที่ใกล้สูญพันธุ์ให้คงอยู่คู่กับแม่น้ำโขงต่อไป
 
 
ด้านนายสมศักดิ์ นันทลักษณ์ ชาวประมง ในพื้นที่บ้านดอนที่ เล่าว่า การหาปลาในแม่น้ำโขงในปัจจุบันค่อนข้างที่จะหายาก โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงที่น้ำขึ้น ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพหาปลาส่วนใหญ่ก็จะผันตัวไปทำไร่ทำสวน ในส่วนของที่ทางสมาคม แม่น้ำเพื่อชีวิตได้เข้ามาทำวิจัยเรื่องการเพาะพันธ์และอนุรักษ์พันธุ์ปลากระเบน และจะใช้พื้นที่หมู่บ้านดอนที่ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลากระเบนแม่น้ำโขง ตนเองในฐานะชาวประมงในพื้นที่ก็เห็นด้วย ถ้าสามารถจับปลากระเบนในพื้นที่ได้อีก ก็จะส่งให้ทางประมงเพื่อไปทำการวิจัยและเพาะพันธ์ขยายพันธุ์ และนำกลับมาปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อเพิ่มปริมาณจำนวนปลากระเบนในแม่น้ำโขง และให้บ้านดอนที่ เป็นศูนย์เรียนรู้ และเขตอนุรักษ์ เรื่องปลากระเบนแม่น้ำโขงต่อไป
 
 
สำหรับปลากระเบนในแม่น้ำโขงเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงหลายประการที่ส่งผลต่อจำนวนประชากรและถิ่นที่อยู่อาศัย โดยพบภัยคุกคามคือ การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ การควบคุมระดับน้ำของเขื่อนในแม่น้ำโขงใประเทศจีน ส่งผลต่อกระแสน้ำและรูปแบบการไหลของแม่น้ำโขง สิ่งนี้รบกวนวงจรชีวิตของปลา รวมถึงปลากระเบน ที่พึ่งพาการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตามธรรมชาติสำหรับการอพยพ การวางไข่ และการหาอาหาร การกัดเซาะตลิ่งที่เกิดจากน้ำขึ้นลง ส่งผลต่อที่อยู่อาศัยของปลากระเบน ตลิ่งที่พังทลายทำลายพื้นที่คก วัง และริมฝั่งซึ่งเป็นแหล่งหากินและวางไข่ที่สำคัญ การสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย การก่อสร้างเขื่อนและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ บนแม่น้ำโขง ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของปลากระเบน เช่น โขดหิน แอ่งน้ำ และพื้นทราย การทำประมงที่ทำลายล้าง เช่น การใช้เครื่องมือจับปลาที่ผิดกฎหมาย ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์และแหล่งหากินของปลากระเบน มลพิษทางน้ำจากการเกษตร โรงงาน และชุมชน ส่งผลต่อคุณภาพน้ำในแม่น้ำโขง มลพิษเหล่านี้เป็นอันตรายต่อปลากระเบน 
 
 
โดยเฉพาะลูกปลาและปลาอ่อน การล่าปลากระเบนถูกจับโดยชาวประมงเพื่อการค้าและบริโภค แม้ว่าจะมีกฎหมายห้ามจับปลากระเบน แต่การบังคับใช้กฎหมายยังคงมีประสิทธิภาพต่ำ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่งผลต่ออุณหภูมิและรูปแบบการตกตะกอนในแม่น้ำโขง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อแหล่งที่อยู่อาศัย อาหาร และวงจรชีวิตของปลากระเบน
 
 
ผลกระทบจากภัยคุกคามทำให้เกิดผลกระทบต่อจำนวนประชากรปลากระเบนในแม่น้ำโขง ทำให้จำนวนประชากรลดลงอย่างรวดเร็ว ปลากระเบนเป็นสัตว์กินซาก มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศของแม่น้ำโขง การลดลงของประชากรปลากระเบน ส่งผลต่อห่วงโซ่อาหาร และความสมดุลของระบบนิเวศโดยรวม
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

สร้างทักษะอาชีพวันอาทิตย์ ร่วมกับศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดบ้านจ้อง ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย พระครูวรธรรมพิทักษ์ (วีรชน) เจ้าคณะตำบลป่าแดด เจ้าอาวาสวัดท่าน้ำ ประธานคณะกรรมการดำเนินงาน ศพอ.จังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมการเสริมสร้างทักษะอาชีพร่วมกับศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมี นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวรายงาน และ นายจันทร์ ทาตุการ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา ให้เกียรติกล่าวต้อนรับ โดยกิจกรรมโครงการฯ ได้ผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมเครื่องจักสานด้วยกระดาษโทรศัพท์ให้แก่กลุ่มเป้าหมายที่เข้ารับการอบรม

 

 นำโดย พระครูสุวิชานสุตสุนทร (สมชาย สุวิชาโน) เจ้าอาวาสวัดบ้านจ้อง ผู้อำนวยการ ศพอ.วัดบ้านจ้อง ดำเนินการจัดโดย ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดบ้านจ้อง ร่วมกับ  กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม คณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย โรงเรียนบ้านจ้อง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย องค์การบริหารส่วนตำบลโป่งผา และเครือข่ายทางวัฒนธรรม โดยศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นพื้นที่สำคัญในการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของชุมชนดำเนินการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ทุกพื้นที่เกิดสังคมคุณธรรมโดยใช้มิติทางศาสนา บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน/ราชการ หรือพลัง บวร

 

สู่การพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ของชาติสืบไป ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นแหล่งบ่มเพาะปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และวัฒนธรรมประเพณีไทยให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชน ส่งเสริมสนับสนุนศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์เป็นแหล่งเรียนรู้ศีลธรรมตามหลักสูตรธรรมศึกษา ส่งเสริม สนับสนุน ให้เด็ก เยาวชน และประชาชน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และอยู่ร่วมกันในชุมชนและสังคมอย่างมีความสุข ส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมอบรมการเสริมสร้างทักษะอาชีพร่วมกับศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ส่งเสริม พัฒนา ต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชน และสร้างฐานอาชีพให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนของศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์

 

พัฒนาส่งเสริมสนับสนุนให้ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ให้มีศักยภาพและความพร้อมที่จะเป็นผู้นำในการพัฒนาชุมชนให้เป็น “ชุมชนคุณธรรม” อย่างต่อเนื่องโดยใช้มิติทางศาสนาบนพื้นฐานความสัมพันธ์ระหว่างบ้าน วัด โรงเรียน ให้อยู่คู่กับสังคม ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย คณะสงฆ์ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ ผู้นำชุมชน เด็ก เยาวชน และประชาชน จำนวน 65 รูป/คน

 

ในการนี้ นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายสุพจน์ ทนทาน นักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ และ นางสาวสุทธิดา ตราชื่นต้อง นักวิชาการวัฒนธรรมปฏิบัติการ ข้าราชการสำนักวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมดำเนินการจัดกิจกรรมโครงการฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ การดำเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุผลสำเร็จทุกประการ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News