Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

ต้อนรับฤดูฝน Green season ครั้งแรกของเชียงราย ดอกไม้ในสายฝน

 

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดงานดอกไม้ในสายฝน Chiangrai Floral & Fog Fest ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย โดยมีนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า พื้นที่ในเขตเทศบาลนครเชียงราย มีสวนสาธารณะหลายแห่ง เช่น สวนสาธารณะเกาะลอย สวนสาธารณะนครเชียงรายริมน้ำกก สวนสาธารณะหาด รด. เชียงราย ซึ่งมีการพัฒนาเป็นพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ออกกำลังกาย พักผ่อนหย่อนใจ ริมแม่น้ำกกและสามารถเชื่อมโยงมาถึงสวนสาธารณะหาดนครเชียงรายแห่งนี้ เทศบาลฯ จึงอยากพัฒนาหาดนครเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในช่วงฤดูฝน Green season ที่จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว สร้างกระแสความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวช่วงฤดูฝน  ซึ่งจะทำให้ เชียงราย เที่ยวได้ทั้งปี ดังนั้นเทศบาลนครเชียงรายจึงได้ร่วมกับ สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดเชียงราย เครือข่ายด้านการท่องเที่ยว จากภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จัดงานดอกไม้ในสายฝนขึ้น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น  กระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน สร้างงานสร้างรายได้ ให้กับประชาชน และส่งเสริมสนับสนับสนุนซอฟต์พาวเวอร์จังหวัดเชียงราย ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

ด้านนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงราย เป็นจังหวัดหนึ่งที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ซึ่งในช่วงฤดูฝน Green season ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องมีการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันต้อนรับนักท่องเที่ยวและผู้มาเยี่ยมเยือน ผลักดันให้เกิดกระแส Soft power ซึ่งปีนี้การจัดงานดอกไม้ในสายฝนเป็นครั้งแรก นับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จังหวัดเชียงรายเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและสอดคล้องกับแนวทางในการพัฒนาจังหวัดเชียงรายที่มุ่งเน้นการทำงานแบบ บูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน ตามวิสัยทัศน์ที่ว่า “เชียงรายเมืองท่องเที่ยวสร้างสรรค์ สะอาด ปลอดภัย น่ายล”

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขอชื่นชมจังหวัดเชียงราย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย ส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน สื่อมวลชน และภาคประชาชน ที่ได้ร่วมมือร่วมใจ สนับสนุนการจัดงานดอกไม้ในสายฝนในครั้งนี้  ซึ่งเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวต่อยอด เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน“สุขทันที ที่เที่ยวไทย”เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวออกไปท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงต้องอาศัยทำงานแบบบูรณาการความ ร่วมมือระหว่างหน่วยงานทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม ชมรม หอการค้า สายการบิน โรงแรม ร้านอาหาร ชุมชน ฯลฯ ที่จะสร้างบรรยากาศและประสบการณ์ ในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวให้เกิดประทับใจของผู้ที่มาเยี่ยม ให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ผ่านการเดินทางและประสบการณ์ จากการได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารพื้นเมือง เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยว งานศิลปะ งานหัตถกรรมฝีมือ ผ้าทอ การแต่งกายพื้นเมืองเชียงราย ที่มีเอกลักษณ์พื้นถิ่นสวยงาม และสัมผัสวัฒนธรรมประเพณีชนเผ่าชาติพันธุ์หลากหลาย ในจังหวัดเชียงราย สิ่งเหล่านี้นับเป็น ซอฟเพาเวอร์ ที่สามารถก่อให้เกิดรายได้จากการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในแต่ละจังหวัด และในชุมชนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ภายในงานมีขบวนพาเหรดจากหลากหลายกลุ่มของจังหวัดเชียงราย เช่น กลุ่มน้องนักเรียนจากโรงเรียนเทศบาล 6 โรงเรียนสหศาสตร์ศึกษา สถาบันสอนเต้นจาก MY Dance Academy Step it Up กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยวัยที่สาม นครเชียงราย กลุ่มรุ้งสร้างสรรค์เชียงราย และอีกมากมาย ทั้งนี้งานดอกไม้ในสายฝน Chiangrai Floral & Fog Fest จัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 – 28 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 07.00 – 21.00 น. ชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย อีกทั้งภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การแสดงของน้องๆ เยาวชน การประกวดแข่งขันขับร้องเพลง รำวงย้อนยุคจากชุมชนในเขตเทศบาลฯ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การแสดงของศิลปินชื่อดัง การออกร้านจำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง การออกร้านจำหน่ายอาหาร และเครื่องดื่ม รวมถึงโซนหน่วยราชการ อปท. และโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครเชียงราย ตลอดทั้ง 10 วัน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

‘เซ็นทรัลเชียงราย’ ร่วมอนุรักษ์ประเพณีวันเข้าพรรษา จัดกิจกรรมแห่เทียนเข้าพรรษา

 

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 คุณสายัณห์ นักบุญ ผู้อำนวยการ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และพนักงานจิตอาสาจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “แห่เทียนเข้าพรรษา” ณ วัดร่องธาร ตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ประเพณีอันดีงามของไทยให้คงอยู่สืบไป โดยมีกิจกรรมการถวายเทียนพรรษา, เครื่องสังฆทาน, หลอดไฟ, เจลล้างมือ และน้ำดื่ม นอกจากนี้ยังได้ร่วมถวายภัตตาหารเพล แก่พระสงฆ์จำนวน 7 รูป

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแค่เป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีวันเข้าพรรษาเท่านั้น แต่ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และส่งเสริมประเพณีไทย รวมทั้งเป็นการปลูกฝังขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่ต่อไป

วัดร่องธาร ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมนี้ ตั้งอยู่ในตำบลรอบเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยได้รับความร่วมมือจากคณะผู้บริหารและพนักงานของศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย ได้มีการเตรียมงานและจัดหาสิ่งของที่จำเป็นในการถวายพระสงฆ์อย่างครบถ้วน

กิจกรรมดังกล่าวนอกจากจะเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวันเข้าพรรษาและวันอาสาฬหบูชาแล้ว ยังเป็นการสร้างสำนึกให้กับพนักงานในเรื่องของการรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการตอบรับและความสนใจจากพนักงานและชุมชนในพื้นที่เป็นอย่างดี

การแห่เทียนเข้าพรรษาถือเป็นประเพณีที่สำคัญของคนไทยที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน เป็นการถวายความสว่างไสวให้กับพระสงฆ์ในการศึกษาพระธรรมและปฏิบัติธรรมในช่วงฤดูฝน นอกจากนี้ยังเป็นการทำบุญที่ส่งเสริมความสามัคคีและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชน

ในปีนี้ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย คาดหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณี และเป็นแรงบันดาลใจให้กับพนักงานในการทำงานและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ครู-ผู้บริหาร ร้องศูนย์ดำรงธรรม ขอย้ายผู้บริหารออกจากตำแหน่ง

 

เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 67 ที่ผ่านมศูนย์ดำรงค์ธรรม จ.เชียงราย นายสุรพงค์ สันติพงค์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียนนักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย พร้อมด้วยผู้บริหารอีกหลายคนได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย เพื่อขอให้พิจารณาย้าย ดร.ศรากร บุญปถัมภ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคเชียงราย ออกไปอย่างเร่งด่วน โดยนายสุรพงศ์ และคณะได้ยื่นหนังสือมีเนื้อหาว่าผู้อำนวยการได้ย้ายมาจาก จ.สุพรรณบุรี ไปอยู่ที่ จ.เชียงราย เมื่อเดือน ต.ค. 2565 หรือได้ 1 ปีกว่าแล้ว แต่เพราะเป็นผู้บริหารมือใหม่ที่ไม่มีฝีมือในการบริหารและทำงานล่าช้า


       หนังสือยังระบุอีกว่า ผู้อำนวยการทำงานไม่ตอบสนองนโยบายของวิทยาลัย เช่น ไม่อนุมัติเงินเพื่อทำกิจกรรมของชมรมวิชาชีพต่างๆ ไม่ส่งเสริมการทำกิจกรรม ฯลฯ ทั้งๆ ที่คณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดสรรงบประมาณอุดหนุนให้ทำกิจกรรมจึงทำให้การเด็ดขาดการพัฒนาไม่ตอบสนองการพัฒนาทักษะวิชาชีพแต่กลับเพิ่มภาระให้ผู้ปกครองและนักเรียนด้วยการเก็บเงินคนละ 500 บาท ได้ภาคเรียน 1 ล้านกว่าบาท เพื่อจ้างคนต่างชาติเพียง 1 คน และนักเรียนไม่ได้เรียนกับครูต่างชาติทุกคนทำให้เสียโอกาส ไม่ลงนามอนุญาตให้ดำเนินโครงการของนักเรียน นักศึกษาองค์การวิชาชีพในอนาคตแห่งประเทศไทย (อวท.) และชมรมต่างๆ โดยอ้างว่าเอกสารไม่ถูกต้องและไม่ชัดเจน ไม่มีการแก้ปัญหาที่จอดรถของนักเรียน อนุมัติการใช้รถราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตน เช่น ให้รถไปราชการที่ จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อรับส่งบุคคลภายนอก ฯลฯ การเดินทางไปราชการกลับไม่สนับสนุนเท่าที่ควร ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีข้อร้องเรียนต่างๆ อีกมากมาย


      ท้ายหนังสือแจ้งว่าคณะผู้บริหาร คณะครูและบุคลากรรวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นข่าวจนสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ก็ทนเห็นพฤติกรรมในการบริหารเช่นนี้ไม่ได้ โดยได้พากันอดทนมานาน 1 ปีกว่าแล้ว จึงขอทางผู้บริหารจังหวัดได้เร่งพิจารณาเพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป เพราะผู้อำนวยการจะต้องเป็นผู้สนับสนุนไม่ใช่ถ่วงเวลาในการพัฒนา ฯลฯ ลงนามโดยนายสุรพงค์ สันติพงค์ รองผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียนนักศึกษา วิทยาลัยเทคนิคเชียงราย ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย โดยนายลิขิต มีเสรี ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย ได้รับเรื่องไว้เพื่อพิจารณา ต่อไป


       ด้าน นายสุรพงศ์ กล่าวว่า คณะครูและนักเรียนนักศึกษา ไม่ได้รับการอนุเคราะห์จากผู้อำนวยการเลยทำให้ตนเป็นตัวแทนของผู้บริหารเข้ายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเชียงราย เพื่อแสดงจุดยืน เพราะที่ผ่านมาเกิดปัญหาเกือบทุกๆ เรื่อง ที่คณะครูอาจารย์แจ้งถึงตนว่าไม่ได้รับการสนับสนุน จึงหวังว่าศูนย์ดำรงค์ธรรมจังหวัดเชียงรายจะช่วยพิจารณาให้ย้ายผู้อำนวยการคนนี้ออกไปอยู่ที่อื่นเสียเพื่อจะได้กลับมาพัฒนาการเรียนการสอนต่อไป โดยคนใหม่ที่จะเข้ามาขอให้เป็นคนดี เห็นอกเห็นใจและให้เกียรติครูอาจารย์ ไม่ลุแก่อำนาจ เห็นใจนักเรียนนักศึกษา และมีความโปร่งใส ซึ่งก่อนหน้านี้วงการการศึกษาโดยเฉพาะสังกัดกรมอาชีวศึกษาใน จ.เชียงราย ไม่เคยเกิดปัญหาการร้องเรียนถึงขั้นที่ผู้บริหารหรือคณะครูออกมาเรียกร้องให้ย้ายผู้บริหารระดับสูงออกจากตำแหน่งเช่นนี้มาก่อน โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคเชียงรายถือเป็นองค์กรการศึกษาที่อยู่คู่กับ จ.เชียงราย และมีประวัติความเป็นมาที่เกี่ยวข้องกับชาวเชียงรายมาช้านาน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SPORT

จังหวัดเชียงราย จัดการแข่งขันจักรยานขาไถ ( Balance Bike )

 

เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ว่าที่ร้อยตรี ศราวุธ จันทวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการจัดการแข่งขันจักรยานขาไถ (Balance Bike) เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีนายเจตณรงค์ อินกัน ท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย กล่าวรายงาน  พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมโดยพร้อมเพรียงกัน
.
          ด้วยกระทรวงมหาดไทย โดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้จัดโครงการจัดการแข่งขันจักรยานขาไถ (Balance Bike) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้เด็กปฐมวัยได้ออกกำลังกายเพื่อพัฒนาการที่สมวัยรอบด้าน มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

         สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดเชียงราย ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และภาคีเครือข่ายจัดโครงการแข่งขันจักรยานขาไถ (Balance Bike) เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ขึ้น โดยกำหนดจัดการแข่งขันขึ้นจำนวน 8 รุ่น มีนักกีฬาจากโรงเรียนที่จัดการศึกษาระดับปฐมวัย และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมัครเข้าร่วมการแข่งขัน จำนวน 183 คน ได้แก่ รุ่นอายุ 3 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 3 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 4 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 4 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน รุ่นอายุ 5 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 22 คน รุ่นอายุ 5 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 22 คน รุ่นอายุ 6 ปี ชาย มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 23 คน และรุ่นอายุ 6 ปี หญิง มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วม จำนวน 24 คน โดยนักกีฬาผู้ชนะเลิศลำดับที่ 1 ของแต่ละรุ่นจะได้เป็นตัวแทนระดับจังหวัดไปแข่งขันระดับประเทศต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI WORLD PULSE

จับมือเมียนมา พัฒนาการค้ายั่งยืน ร่วมมือแก้ไขมลภาวะทางอากาศ

 

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมธรรมลังกา ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และคณะผู้บริหารจากส่วนกลาง ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนไทย ด้านการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเตรียมความพร้อมก่อนเข้าหารือกับฝ่ายเมียนมา ในภาคบ่ายของวันเดียวกัน โดยมีนางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวต้อนรับ และนำหน่วยงานผู้รับผิดชอบหลัก อาทิ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย ผู้แทนด่านศุลกากรแม่สาย ผู้แทนกรมควบคุมมลพิษ ผู้แทนกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ผู้แทนกรมปศุสัตว์ ผู้แทนคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น และหัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมเพื่อหารือ และรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ในเมียนมา สถานการณ์การค้าชายแดนไทย-เมียนมา สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จังหวัดเชียงราย กรอบแนวทางการหารือกับฝ่ายเมียนมา แนวทางความร่วมมือและการให้ความช่วยเหลือฝ่ายเมียนมา ตลอดจนแนวทางเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดน

 

จากนั้นในเวลา 13.30 น. ณ โรงแรม 1G1 Hotel ท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะจากฝ่ายไทย เข้าร่วมประชุมหารือกับผู้แทนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา นำโดยนายอู คุน เทียน หม่อง รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์รัฐฉาน พลจัตวา จ่อว์ เท็ด ผบ.ภาคสามเหลี่ยม นายอู ไซ เลต รัฐมนตรีด้านทรัพยากรธรรมชาติของคณะผู้บริหารรัฐฉาน และคณะ โดยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย ให้มาติดตามสถานการณ์การค้าเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างไทย – เมียนมา โดยเริ่มต้นที่รัฐฉานซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบสินค้าที่สำคัญเข้าสู่ไทย โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และได้หารือถึงแนวทางความร่วมมือระหว่างกันในประเด็นการส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะประเด็นความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ข้ามพรมแดน  และส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รวมถึงการค้าชายแดนระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งรัฐบาลไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ ยินดีที่จะร่วมมือกับเมียนมา ช่วยกันแก้ไขหรือลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

 

ในการหารือครั้งนี้ ทั้งไทยและเมียนมา ต่างได้แสดงออกถึงความจริงใจและความตั้งใจที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ซึ่งไทยได้เสนอแนวทางการทำงานแบบบูรณาการของหน่วยงานรัฐ โดยมีกรมการค้าต่างประเทศ  สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงย่างกุ้ง กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมมลพิษ สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ที่พร้อมจะทำงานร่วมกัน และพร้อมอำนวยความสะดวกในการประสานงานแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว  และจะสนับสนุนข้อมูลให้ความร่วมมือทางนวัตกรรม และองค์ความรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปลูกข้าวโพด 75 วัน ซึ่งสามารถเก็บทั้งต้นและสามารถปรับเป็นอาหารสัตว์ ตลอดจนการนำไปทำปุ๋ย ผลิตสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจากการหารือในวันนี้ ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกัน และรัฐฉานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยทางไทยจะได้มีการติดตามผลในอีก 3 เดือนข้างหน้า

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังได้กล่าวขอบคุณฝ่ายเมียนมา ที่มีความจริงใจและมีความตั้งใจในการร่วมกันแก้ไขปัญหาทางการค้า ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จากประเด็นการสร้างผลผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม Carbon Footprint และอื่น ๆ  ซึ่งการประชุมวันนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จได้รับความร่วมมือและร่วมแก้ปัญหาไปได้ในระยะยาว
โดยพื้นที่ทำการเกษตรของเมียนมา มีทั้งหมดประมาณ 80 ล้านไร่ อยู่ในรัฐฉาน ประมาณ 7.6 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 9 ของพื้นที่ทำการเกษตรของเมียนมา ทั้งนี้เป็นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3 ล้านไร่ หรือคิดเป็น ร้อยละ 40 ของพื้นที่เกษตรทั้งหมดของรัฐฉาน สำหรับสถานการณ์การค้าชายแดนไทย- เมียนมา นั้น ในปี 2567 (ม.ค. – พ.ค.) ไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมปริมาณ 1.09 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 (นำเข้า 0.77 ล้านตัน) โดยนำเข้าจากเมียนมา เป็นอันดับหนึ่ง ปริมาณ 0.91 ล้านตัน (ร้อยละ 82.80) รองลงมาได้แก่ สปป. ลาว 0.18 ล้านตัน (ร้อยละ 16.84) และกัมพูชา 0.004 ล้านตัน (ร้อยละ 0.37) ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่จะส่งออกทางบกผ่านด่านเมียวดี-แม่สอด จังหวัดตาก

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่น ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น

 

เมื่อวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 ณ ข่วงหลวงพญามังราย ด้านข้างวัดฝั่งหมิ่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่น เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่นถนนคนเดินเมืองเชียงราย ภายใต้โครงการการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงนิเวศ และเชิงสุขภาพ ให้มีคุณภาพเพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

 

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ซึ่งได้กำหนดกิจกรรมส่งเสริมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่นถนนคนเดินเมืองเชียงราย เพื่อช่วยเหลือประชาชน กลุ่มผู้ผลิตสินค้า และผู้ประกอบการต่างๆ ให้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า โดยมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ส่งเสริมให้เกิดพื้นที่ตลาดใหม่และขยายพื้นที่ตลาดเดิม ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ซึ่งจะนำไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานราก

 

กิจกรรมในวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชุมชนวัดฝั่งหมิ่นและเทศบาลนครเชียงราย โดยมีประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมจับจ่ายใช้สอยและร่วมกิจกรรมครั้งนี้เป็นจำนวนมาก งานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นจะจัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 ถึงวันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 โดยจะจัดทุก ๆ เย็นวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ รวมทั้งสิ้น 18 ครั้ง ตั้งแต่เวลา 16.00 – 21.00 น. ณ ข่วงหลวงพญามังราย ด้านข้างวัดฝั่งหมิ่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

 

ในงานนี้ประชาชนจะได้ร่วมกิจกรรม workshop จับจ่ายใช้สอยสินค้าทางวัฒนธรรม สินค้าชุมชนวัดฝั่งหมิ่น และชมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นที่น่าสนใจ เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การแสดงนาฏศิลป์ และการแสดงหัตถกรรมพื้นบ้าน

 

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยบุคลากรสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ โดยนายพิสันต์ได้กล่าวว่า “การจัดงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นในครั้งนี้ เป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่นของจังหวัดเชียงราย และยังเป็นการสร้างพื้นที่ตลาดใหม่ให้กับกลุ่มผู้ผลิตสินค้าและผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อให้มีพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้าและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น”

 

งานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญในการส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชิงนิเวศ และเชิงสุขภาพให้มีคุณภาพ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งจะนำไปสู่การกระจายรายได้สู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน

 

ขอเชิญชวนประชาชนทุกท่านเข้าร่วมกิจกรรมงานกาดวัฒนธรรมริมน้ำกก กาดฝั่งหมิ่นในทุกเย็นวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 21.00 น. ณ ข่วงหลวงพญามังราย ด้านข้างวัดฝั่งหมิ่น อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เพื่อร่วมสนับสนุนและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีพื้นถิ่น และสัมผัสกับบรรยากาศการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สนง.วัฒนธรรม เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย หนุนงบสร้างสะพาน เพิ่มความสะดวกให้ชาวท่าก๊อ อ.แม่สรวย

 

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านแม่ต๋ำ หมู่ที่ 4 ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย โดยมีนายสมัคร กันจีนะ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย อำเภอแม่สรวย เขต 2 ในนามตัวแทนของประชาชนตำบลท่าก๊อ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การก่อสร้างสะพานในครั้งนี้ พร้อมด้วยนายรัสชณพงษ์ รัตนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงานครั้งนี้อย่างอบอุ่น

 

โครงการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านแม่ต๋ำ หมู่ที่ 4 ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการก่อสร้างสะพานขนาดสองช่องจราจร มีความกว้างทางรถ 6 เมตร และยาว 30 เมตร โดยสะพานชนิดนี้ไม่มีทางเดินเท้า ถูกสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้ใช้ถนน สะพานข้ามลำน้ำแม่ต๋ำแห่งนี้ เดิมเป็นสะพานไม้ ซึ่งเชื่อมเขตติดต่อระหว่างตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย กับตำบลสันสลี อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย โดยสะพานไม้ดังกล่าวถูกก่อสร้างโดยใช้แรงงานของประชาชนในพื้นที่ เพื่อใช้ในการสัญจรและขนส่งผลผลิตทางการเกษตร

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อปี พ.ศ. 2554 ได้เกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง น้ำป่าไหลหลากได้พัดพาสะพานไม้ดังกล่าวไปกับสายน้ำจนหมดสิ้น ทำให้การสัญจรของประชาชนค่อนข้างลำบาก ด้วยเหตุนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายจึงได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและมีความปลอดภัยทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน นอกจากนี้ยังเป็นเส้นทางลำเลียงผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้าน อีกทั้งยังเป็นเส้นทางที่เจ้าหน้าที่และจิตอาสาจะเข้าไปทำแนวกันไฟและลาดตระเวนดับไฟป่าในช่วงหน้าแล้งอีกด้วย

 

นายสมัคร กันจีนะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การก่อสร้างสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กแห่งนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยให้การสัญจรของประชาชนเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย แต่ยังเป็นการสร้างเส้นทางที่มีความสำคัญต่อการลำเลียงผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งเป็นรายได้หลักของชาวบ้านในพื้นที่ ทั้งนี้ การสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายยังเป็นการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนอีกด้วย”

 

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่าการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานครั้งนี้ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดเชียงราย

 

พิธีเปิดสะพานในครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนในพื้นที่ ซึ่งทุกคนต่างมีความยินดีที่สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก บ้านแม่ต๋ำ ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนสะพานไม้ที่เคยถูกน้ำป่าพัดพาไป การสร้างสะพานนี้ไม่เพียงเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับชาวบ้านในการสัญจรและการทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ว่าฯเชียงราย นำพุทธศาสนิกชน ถวายเทียนพรรษา เจริญพระพุทธมนต์

 

เมื่อวัน พุธที่ 17 กรกฎาคม 2567 นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีถวายเทียนพรรษา 10 วัด เจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคล เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเนื่องในสัปดาห์ส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ประจำปี 2567 โดยมีพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ประชาชน พุทธศาสนิกชนชาวเชียงราย ร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงพร้อมกัน ณ พระอุโบสถ วัดเจ็ดยอด พระอารามหลวง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
.
ในพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ประธานในพิธี จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานสงฆ์ให้ศีล พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จากนั้นประธานในพิธี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมถวายเทียนพรรษา จำนวน 10 วัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวมทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนให้เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนา ได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้หลักธรรม  สามารถนำมาใช้เป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และเพื่อเป็นการส่งเสริมประชาชนได้ปฏิบัติภาวนาถวายเป็นพุทธบูชา ตลอดจนสืบทอดพระพุทธศาสนา ในสัปดาห์ส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ให้เด็ก เยาวชน ประชาชน ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ส่งเสริมและสืบสานประเพณีวันเข้าพรรษา ปลูกฝังขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น และสืบสานประเพณีวันเข้าพรรษาในจังหวัดเชียงรายให้คงอยู่ต่อไป
.
ด้วยวันที่ 21 กรกฎาคม 2567 เป็นวันเข้าพรรษา เป็นหนึ่งในวันสำคัญของพุทธศาสนา โดยเป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ เพื่อให้พระสงฆ์ได้หยุดพักการจาริกเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งในช่วงฤดูฝน จะมีความยากลำบาก และเพื่อป้องกันความเสียหายจากการเดินเหยียบย่ำพืชผลของชาวบ้านที่ปลูกไว้ในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลาจำพรรษาตลอด 3 เดือน ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในรอบปีที่พระสงฆ์จะได้มาจำพรรษาร่วมกัน ภายในอาวาสหรือสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจากพระสงฆ์ที่ทรงความรู้ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เสริมอาชีพชาว อ.เวียงเชียงรุ้ง แปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร

 

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์สุขภาวะ อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพ และส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย (กิจกรรมที่ 9 ส่งเสริมอาชีพการแปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร) รุ่นที่ 2 พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายปกาสิต มณีลังกา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ โดยมีนายปภาน นัยติ๊บ รองประธานสภา อบจ.เชียงราย กล่าวรายงาน พร้อมด้วยนายสมภพ ทิศอุ่น นายก อบต.ทุ่งก่อ นายสมควร นัยติ๊บ นายก อบต.ป่าซาง ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้

 

สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย (กิจกรรมที่ 9 ส่งเสริมอาชีพการแปรรูปผลิตภัณฑ์สินค้าทางการเกษตร) รุ่นที่ 2 มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้มีรายได้ และมีกิจกรรมเสริม สามารถยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุขบนพื้นฐานปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเครือข่าย ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย หรือการพัฒนาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสามารถเป็นกลไกในการบริหารจัดการกลุ่มเครือข่ายอาชีพได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโอกาสและทางเลือกในการประกอบอาชีพให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายกลุ่มเป้าหมายประชาชนทั่วไปในเขตพื้นที่อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จำนวน 100 คน ฝึกอบรมระหว่างวันที่ 16-17 กรกฎาคม 2567
 
 
ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นางสาวกมลานันท์ แสงจันทร์ กลุ่มวิสาหกิจแปรรูปปลาตำบลสันติสุข อำเภอพาน จังหวัดหวัดเชียงราย ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการแปรรูปปลา มายาวนานอีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ สืบสานพระราชปณิธาน ปลูกป่า ปลูกคน ของ ‘สมเด็จย่า’

 

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงรายได้โพสต์เกี่ยวกับบทความความยั่งยืนเป็นประเด็นหลักที่ทุกภาคส่วนกำลังให้ความสำคัญ เพื่อร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายของประเทศไทยและโลกสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2593 (ค.ศ. 2050) ด้วยแนวคิดเบื้องหลังที่ว่า การรักษาและพัฒนาทรัพยากรในปัจจุบันให้ดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต โดยไม่เบียดเบียนคนรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของสิ่งแวดล้อมและสังคม 

 

       แนวคิดดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ สมเด็จย่า ผู้ทรงก่อตั้ง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระราชทานไว้นับตั้งแต่ทรงก่อตั้งมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ กว่าครึ่งทศวรรษที่แล้ว และโครงการต่างๆ โดยเฉพาะต้นแบบด้านการพัฒนาทางเลือกที่ยั่งยืนในเวทีระดับโลก อย่าง โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงราย โดยมีเป้าหมายให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุล มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มองว่าการบุกรุกทำลายป่าเกิดขึ้นด้วยความจำเป็นเรื่องปากท้อง ดังนั้นแล้ว การปลูกป่าเพื่อให้ป่าต้นน้ำ ระบบนิเวศทางธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพมีความอุดมสมบูรณ์ชั่วลูกชั่วหลาน แท้จริงมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การปลูกคน ให้ชุมชนมีอาชีพสุจริตที่หลากหลาย เมื่อป่าเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ที่มั่นคง ชุมชนจะหวงแหนรักษาป่าเอง

 

        วันนี้ เมล็ดพันธุ์จากพระราชปณิธานของการ ปลูกป่า ปลูกคน ได้ผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรมในมิติทางสังคม นายทรงยศ วิเศษขจรศักดิ์ ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์กาแฟอาราบิก้าดอยตุงและเจ้าของร้านกาแฟลิเช เป็นตัวอย่างของผู้เติบโตในครอบครัวและสังคมที่มีแต่ความเจ็บ จน ไม่รู้ แต่เมื่อได้รับโอกาส ก็พยายามจนประสบความสำเร็จ นายทรงยศกล่าวด้วยความภูมิใจว่า ตนเองเกิดที่ดอยตุงอยู่ในครอบครัวเกษตรกรและปลูกฝิ่นขายตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นพ่อ แทบจะทุกคนในหมู่บ้านติดยาเสพติดจากฝิ่น แต่ชาวบ้าน “ไม่รู้” ว่านี่คือสิ่งผิดกฏหมาย รู้แค่ว่าต้องหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง กระทั่งสมเด็จย่าทรงก่อตั้งโครงการพัฒนาดอยตุงฯ พาผู้ติดยาเสพติดไปบำบัด สร้างอาชีพสุจริต ให้การศึกษา จนชาวบ้านมีอาชีพที่ยั่งยืนได้ถึงทุกวันนี้ ครั้งหนึ่งเคยได้รับเสด็จฯ สมเด็จย่าใกล้ๆ และเห็นพระองค์ทรงแย้มพระสรวลให้ แม้จะเป็นวัยเด็กมาก แต่ยังประทับใจและเป็นแรงบันดาลใจมาถึงทุกวันนี้ “ปัจจุบัน ครอบครัวมีอาชีพปลูกและขายกาแฟจากการส่งเสริมของเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ประกอบกับตัวเองเป็นคนช่างสังเกตและชอบต่อยอด ทุกครั้งที่เห็นโอกาสใหม่ๆ จะรีบคว้าไว้ ตอนแรก ปลูกกาแฟขายผลสดอย่างเดียว รายได้ไม่มาก เพราะโดนพ่อค้าคนกลางกดราคาจากที่เราไม่มีความรู้ แต่พอได้ไปดูร้านกาแฟต่างๆ ในเมืองขายกาแฟแก้วละ 40-50 บาท ก็ตกใจมาก เพราะเราต้องขายกาแฟสดถึง 1 กิโลกรัม กว่าจะได้เงินเท่ากาแฟ 1 แก้วของเขาซึ่งใช้ปริมาณกาแฟในการชงแค่นิดเดียว จึงกลับมาแบ่งปันกับชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกกาแฟ และเดินหน้าหาความรู้เรื่องการคั่ว แปรรูป หาเงินทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ เป็นกองกลางให้ชาวบ้านได้ทดลองต่อยอดได้” ปัจจุบัน นายทรงยศ สามารถปลูกและคั่วกาแฟขายเองตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำยันปลายน้ำ มีร้านกาแฟเป็นของตัวเองถึง 7 สาขา เรียกว่าเป็นการต่อยอดจากโอกาสที่ได้รับจนได้มีอาชีพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง 

 

        อีกหนึ่งเมล็ดพันธุ์แห่งความยั่งยืนที่ไม่ได้ต้องการยืนหยัดได้แค่ตัวเองและครอบครัว แต่มีความตั้งใจที่จะช่วยหว่านเมล็ดพันธุ์ของความรู้และแรงบันดาลใจให้ลูกศิษย์นับร้อยชีวิตบนดอยตุง นางทัศนีย์ โสภณอำนวยกิจ ครูสอนคณิตศาสตร์และภาษาจีน โรงเรียนบ้านขาแหย่งพัฒนา อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย เล่าว่าเป็นลูกสาวคนโตในพี่น้อง 4 คน มีเชื้อสายอาข่า-จีน เกิดในยุคที่ค่านิยมของคนในหมู่บ้านสมัยนั้นต้องการขายลูกสาวให้ไปค้าประเวณีเพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด แต่โชคดีที่พ่อและแม่ไม่ยอมขายลูกเป็นโสเภณี และแม่ผู้ไม่มีสมบัติใดๆ มีความตั้งใจแน่วแน่ว่า มรดกเดียวที่สามารถให้ลูกได้คือการส่งเสริมเรื่องการศึกษา เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุงฯ เข้ามาจึงได้มีโอกาสเรียนหนังสือและได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ จนจบปริญญาตรี ซึ่งหนึ่งความฝันของครูดอยคนนี้ บอกว่าอยากเป็นครูตั้งแต่ ม.5 อยากสร้างโอกาสให้คนอื่น เหมือนที่ได้รับโอกาสบ้าง “ตอนนั้นหนูเปรียบเทียบอาชีพครูเหมือนเรามีมะม่วงอยู่ผลหนึ่ง แต่แทนที่เราจะกินหมดแล้วทิ้งไป เราเอาเมล็ดไปปลูกให้ผลิดอกออกผลต่อไปได้ การศึกษาเป็นสิทธิ์ที่คนเราทุกคนควรได้รับ เพราะมองว่าจะเป็นทางรอดของชีวิตอย่างยั่งยืนได้” 

 

        ส่วนมิติสิ่งแวดล้อม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการทรัพยากรจากการฟื้นฟูต้นน้ำที่เคยโดนแผ้วถางเพื่อปลูกฝิ่นจนกลายเป็นภูเขาหัวโล้นประมาณ 100,000 ไร่ และจัดสรรพื้นที่ป่าตามการใช้ประโยชน์ ได้แก่ ป่าอนุรักษ์ ป่าเศรษฐกิจ ป่าใช้สอย ที่ทำกิน และที่อยู่อาศัย จึงไม่มีการบุกรุกป่า และมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์มากถึงร้อยละ 70 ของพื้นที่ทั้งหมด พบพันธุ์ไม้ใหม่ของโลกกว่าสิบชนิด และมีสัตว์ป่าหลายชนิดมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าแห่งนี้ เช่น เลียงผา แมวดาว นกปีกแพรเขียว ปลาค้างคาวดอยตุง ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาและดูแลพื้นที่ป่ามากว่า 30 ปี 

 

       เมื่อ พ.ศ. 2563 มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ได้นำประสบการณ์ในการบริหารจัดการพื้นที่ป่าและทรัพยากรธรรมชาติไปริเริ่ม “โครงการจัดการคาร์บอนเครดิตในป่าเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในการดูแลรักษาป่าชุมชนใน 9 จังหวัด โดยเชื่อว่าคาร์บอนเครดิตเป็นกลไกหนึ่งที่ตอบโจทย์ให้ชุมชนดูแลป่าและดูแลตัวเองได้พร้อมๆ กัน ทั้งยังลดการสูญเสียพื้นที่ป่า ลดปัญหาฝุ่นควัน pm 2.5 และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งเป็นฐานทรัพยากรที่สำคัญของประเทศด้วย

 

       ขณะเดียวกัน มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยังทำหน้าที่เผยแพร่องค์ความรู้ พัฒนาศักยภาพ และผนึกกำลังกับพันธมิตรจากภาคเอกชนและภาคส่วนต่างๆ ดำเนินงานด้านความยั่งยืนหลายมิติ เช่น การยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเป้าหมายใหญ่ในการผลักดันให้การพัฒนาเศรษฐกิจดำเนินควบคู่กับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลต่อไป

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News