Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

เซ็นทรัลเชียงราย จัดฟุตบอลกระชับมิตร มอบ 3 แสนบาทยกระดับกีฬาเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย จับมือกับ เทศบาลนครเชียงราย จัดการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร “FRIENDLY MATCH : CPN x ChiangRai Municipality 2024” ณ สนามหญ้าเทียม X-ARENA (ท่าสาย) เพื่อส่งเสริมทักษะการเล่นกีฬาฟุตบอล 7 คน ก่อให้เกิดความสมานสามัคคี มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง และสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีต่อกัน โดยผลการแข่งขันจบลงที่ เทศบาลนครเชียงรายชนะไปด้วย 5-6 พร้อมขนเงินรางวัลมูลค่า 20,000 บาทกลับบ้าน

ในโอกาสนี้ คุณรุจิเรศ นีรปัทมะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มอบเงินสนับสนุนให้กับ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย จำนวน 300,000 บาท เพื่อสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ และยกระดับกีฬาจังหวัดเชียงรายมุ่งสู่ความเป็นเลิศ โดยมี คุณธเนศ โกมลธง รองนายกเทศมนตรีนครเชียงราย, เดช ใจกล้า อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับมอบ และมี ธนาพรรณ พงษ์พันธ์, สายัณห์ นักบุญ, วีรโชติ ถิรวายามกุล, สุภัทร อักษรแก้ว, ภาธร์ รังษีกุลพิพัฒน์, และโชติศิริ ดารายน ร่วมงาน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย

โดยการสนับสนุนในครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นการส่งเสริมกีฬาฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและความสมานสามัคคีในชุมชน การร่วมมือกันจัดกิจกรรมกีฬานับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความสุขและสุขภาพที่ดีให้กับคนในท้องถิ่น และยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย

ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนากีฬาของจังหวัดเชียงราย เพื่อให้เยาวชนและประชาชนในพื้นที่มีโอกาสในการพัฒนาทักษะทางกีฬา และส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยเงินสนับสนุนที่ได้รับจะนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมกีฬาและพัฒนาให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างเสริมความสามารถและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับทุกคน

การจัดกิจกรรม “FRIENDLY MATCH : CPN x ChiangRai Municipality 2024” ในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐในการส่งเสริมกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และเป็นการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดีให้กับชุมชนในจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

พบสายส่ง ถูกฝังดินชายแดนเชียงราย ใกล้เขตว้า 11.5 กิโล จุดเริ่มต้นจากไทย

 

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2567 ความคืบหน้ากรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.) ตร.มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผช.ตร.ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร.ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย สำนักงาน กสทช.และตำรวจ ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.มานพ เสนากุล ผบก.ภ.จว.เชียงราย ทหารกองกำลังผาเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการส่งสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงพื้นที่ชายแดน จ.เชียงราย เพื่อป้องกันการลักลอบส่งสัญญาณไปให้กับขบวนการหลอกลวงหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น

ล่าสุดนอกจากจะพบการส่งสัญญาณไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว ตรงกันข้ามแม่น้ำโขงกับ อ.เชียงแสน แล้ว พบว่าทางเจ้าหน้าที่ทหารพรานกองกำลังผาเมือง ได้ตรวจพบชุดสายส่งสัญญาณที่ฝังดินบริเวณชายแดนด้าน อ.แม่จัน ติดกับประเทศเมียนมา และใกล้กับเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของว้าแดงที่มีการสร้างเมืองต่างๆ ในเขตของตัวเองอย่างใหญ่โต โดยมีเครื่องส่งสัญญาณเพียงชุดเดียว แต่มีสายส่งที่ยาวรวมกันกว่า 11.5 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นมีในฝังไทยแต่ได้ข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ กสทช.จะได้นำไปชยายผลว่าเครื่องและสายส่งสัญญาณดังกล่าว มีผู้ขออนุญาตใช้เป็นใครเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ท.ธัชชัย ได้แถลงข่าวหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.เชียงราย เพื่อร่วมป้องกันการลักลอบส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมายว่า ปฏิบัติการทั้งหมดเรียกว่าปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” โดยเป็นตัดสัญญาณไม่ให้นำไปใช้โดยผิดกฎหมายโดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยได้วางมาตรการ 4 ข้อ คือ 
 
1.เริ่มทำการตัดสัญญาณข้ามประเทศทุกชนิด โดย กสทช. จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดำเนินการ
2.ทาง ตำรวจจะตรวจสอบในระบบแจ้งความว่ามีการแจ้งความว่าถูกหลอกลวงมาจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจุดใด
3.จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและระหว่างตำรวจ และ กสทช.ว่ามีการใช้สัญญาณข้ามประเทศอย่างไร ทั้งระบบ ซิม สาย เสา หากมีการทำผิดกฎหมายก็จะดำเนินการทันที และ
4.จะมีการเข้มงวดของตรวจคนเข้าเมืองเพื่อป้องกันการเข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์
 
ทางด้าน พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นทราบกันดีว่าอยู่ในต่างประเทศ ทำให้ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีกับผู้ลักลอบติดตั้งเสาและสายส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดนเพื่อส่งไปให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว 33 ราย ตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย ระงับการส่งสัญญาณโทรคมนาคม และถอดสายสัญญาณและอุปกรณ์ (ล้มเสา) จำนวน 179 จุด ใน 11 อำเภอ 9 จังหวัด.
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ท้องถิ่นนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘เชียงราย’ เตรียมจัดงานระดับนานาชาติ WORLD TEA & COFFEEEXPO 2024

 

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ที่อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง ไร่แม่ฟ้าหลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ แถลงข่าวการจัดงาน WORLD TEA & COFFEE EXPO 2024 โดยทางสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ผนึกกำลังความร่วมมือและหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนจังหวัดเชียงราย สานต่อโครงการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และสินค้าชุมชน ประกาศความพร้อมเตรียมจัดงาน WORLD TEA & COFFEE EXPO 2024 ในระหว่างวันที่ 28 – 30 กันยายน 2567 ณ หอปรัชญารัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ภายใต้แนวคิด เชียงรายมีดี ชาดี กาแฟดี ตอกย้ำการเป็นจุดหมายปลายทาง Destination Branding ของการจัดงานไมซ์ (MICE) ด้านชาและกาแฟ ในระดับนานาชาติของจังหวัดเชียงราย 

พร้อมชูยุทธศาสตร์ความร่วมมือในทุกมิติเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เพื่อสนับสนุนศักยภาพพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวด้านชา-กาแฟของภูมิภาคอาเซียน พบกับการรวมตัวครั้งสำคัญของเครือข่ายเกษตรกร นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และนักลงทุนจากทั่วประเทศ ที่จะมาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนมุมมอง ร่วมจัดนิทรรศการแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์จากชาและกาแฟ การประชุมนานาชาติ (Tea and Coffee International Symposium) โดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ รวมถึง กิจกรรมการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรชากาแฟ พร้อมค้นพบเส้นทางการท่องเที่ยวที่จะมอบประสบการณ์ครั้งใหม่ที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์บนเส้นทางสายไมซ์ ด้วยการนำเสนอมนต์เสน่ห์ความโดดเด่นแห่งอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงราย ที่ครอบคลุมทั้งวิถีชีวิต อาหารการกิน ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น ความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และความครบครันของสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์รองรับกิจกรรมไมซ์ในทุกรูปแบบ

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า การจัดงาน WORLD TEA & COFFEE EXPO 2024 เป็นกิจกรรมต่อเนื่องของโครงการพัฒนาต่อยอดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และสินค้าชุมชนของทีเส็บ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพ ยกระดับสินค้าชุมชนให้เป็นที่รู้จักและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดพื้นที่เป้าหมาย ผ่านกลไกการจัดงานประชุมและงานแสดงสินค้าหรือ MICE สำหรับจังหวัดเชียงราย นั้น ทีเส็บ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในฐานะของการเป็นแหล่งผลิตชาและกาแฟคุณภาพชั้นนำของประเทศ จึงได้มีแผนงานส่งเสริมการสร้างชื่อเสียงหรือ Destination Branding ตอกย้ำให้เชียงรายเป็นถิ่นของชาและกาแฟชั้นเลิศ โดยมีการดำเนินงานที่ครอบคลุมในทุกมิติเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของอุตสาหกรรมชาและกาแฟ ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ผลิต ผู้แปรรูป ผู้ประกอบการ สนับสนุนให้เกิดกิจกรรมทางการตลาดสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ
 
สำหรับการจัดงาน WORLD TEA & COFFEE EXPO 2024 ประกอบไปด้วยกิจกรรมทั้งการประชุมระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อแสวงหาแนวทางความร่วมมือและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ชา-กาแฟ กิจกรรมการเจรจาจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันต่อยอด การลงทุน รวมถึงการจัดนิทรรศการการจัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์จากชาและกาแฟคุณภาพของจังหวัดเชียงรายและจังหวัดเครือข่าย ตลอดจนการจัดกิจกรรมเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ของจังหวัดเชียงราย ด้วยการนำเสนออัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายที่ครอบคลุมทั้งด้านวิถีชีวิต อาหารการกิน ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ผสมผสานกับความโดดเด่นของการเป็นแหล่งผลิตชาและกาแฟชั้นเลิศ ซึ่งนับเป็นการนำแพลตฟอร์ม MICE มาบูรณาการเชื่อมโยงการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของจังหวัดเชียงรายให้มากยิ่งขึ้น
 
สำหรับการจัดงาน WORLD TEA&COFFEE EXPO 2024 ภายใต้แนวคิด เชียงรายมีดี ชาดี กาแฟดี ซึ่งกำหนดจัดขึ้นใน ระหว่างวันที่ 28 – 30 กันยายน 2567 ณ หอปรัชญารัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ซึ่งจะมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการและการจัดแสดงสินค้าผลิตภัณฑ์ชาและกาแฟ จากเกษตรกรและผู้ประกอบการ รวมกว่า 50 ราย ที่จะมาร่วมนำเสนอความโดดเด่นของชาและกาแฟของไทย การประชุมเสวนาจากเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้เชี่ยวชาญที่จะมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองแนวทาง การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชากาแฟของประเทศไทย รวมถึงการจัดอบรมเวิร์คช้อปพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในมิติต่างๆ
 
การประชุมนานาชาติ (Tea and Coffee International Symposium) เพื่อตอกย้ำศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในการเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงานไมซ์ (MICE)ด้านชาและกาแฟในระดับนานาชาติและขยายเครือข่ายความร่วมมือในระดับภูมิภาค กิจกรรมเจรจาความร่วมมือทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อแสวงหาแนวทางการสร้างโอกาส ต่อยอดพัฒนาห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain)เชื่อมโยงสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและพัฒนาช่องทางลงทุน กิจกรรมเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ที่จะมอบประสบการณ์ครั้งใหม่ที่แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ บนเส้นทางสายไมซ์ ด้วยการนำเสนอความโดดเด่นแห่งอัตลักษณ์ของจังหวัดเชียงรายและความครบครันของสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับกิจกรรมไมซ์ในทุกรูปแบบ
 
อย่างไรก็ตาม ทีเส็บ มุ่งหวังให้การจัดงาน WORLD TEA & COFFEE EXPO 2024 ในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะตอกย้ำสร้างการรับรู้ศักยภาพของจังหวัดเชียงรายและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ของการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมชาและกาแฟ ไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติผ่านอุตสาหกรรมไมซ์ รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสร้างเครือข่ายทางวิชาการและทางธุรกิจ การขยายกลุ่มเป้าหมายทั้งการปลูก การวิจัย การแปรรูป การค้าและการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมทั้งยังมุ่งสร้างความเข้าใจและความตระหนักของการบูรณการความร่วมมือกันทุกภาคส่วน เพื่อผลักดันให้จังหวัดเชียงราย รวมถึงกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวด้านชาและกาแฟ ของภูมิภาคอาเชียนต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

หาดนครเชียงราย จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 4 ประเทศ

 

เมื่อวันที่24 กรกฎาคม 2567 ที่โรงแรมแสน อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุมเตรียมจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง ประจำปี 2567 โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ร่วมกับเทศบาลนครเชียงราย จัดกิจกรรมโดยได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2567 ที่หาดนครเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย

นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวสัมผัสอากาศฤดูฝน ธรรมชาติที่สวยงาม และศิลปวัฒนธรรมประเพณีล้านนาที่งดงามแสดงออกถึงความผูกพันและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งเพื่อเป็นการเปิดพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย ให้เป็นเวทีสำหรับประเทศเพื่อนบ้านในการมาพบปะหารือ เจรจาธุรกิจการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน และสร้างมุมมองแห่งการพัฒนาร่วมกันอย่างบูรณาการ ทั้งในมิติของความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความอยู่ดีมีสุขของคนในสังคม การยกระดับคุณค่าของมนุษย์ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ เช่น การแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ประเทศ ศิลปวัฒนธรรมไทย ศิลปวัฒนธรรมจีน ศิลปวัฒนธรรมเมียนมา และศิลปวัฒนธรรมลาว /การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง อาทิ เท่ห์ อุเทน,หญิง ธิติกานต์,ไก่ พรรณิภาและเต๋า ภูศิลป์/การแสดงดนตรีท้องถิ่น
 
นายเสริฐ ไชยยานันตา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย กล่าวอีกว่า การจัดงานวัฒนธรรมสัมพันธ์ลุ่มน้ำโขง 4 ประเทศ ครั้งนี้จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ส่วนหนึ่ง เพราะจะมีนักแสดงจากประเทศต่าง ๆ เดินทางมาจังหวัดเชียงรายเพื่อทำการแสดงบนเวที รวมทั้งมาเที่ยวจังหวัดเชียงราย โดยจะเห็นจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวในปี 2566 ที่ผ่านมาพบว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศกว่า 6 ล้านคน เดินทางมาจังหวัดเชียงราย และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในจังหวัดเชียงรายมากกว่า 46,000 ล้านบาท จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวชมการแสดงของทั้ง 4 ประเทศที่สวยงาม และยังได้มาชื่นชมและสัมผัสดอกไม้นานาพันธุ์ในงานดอกไม้ในสายฝนอีกด้วย
 
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมวิถีการดำรงชีวิตที่มีความหลากหลาย ศิลปะ โบราณสถาน โบราณวัตถุเก่าแก่ มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานมากกว่า ๗๕๐ ปี เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของล้านนา ในด้านการท่องเที่ยวอารยธรรม ศิลปวัฒนธรรมล้านนา การท่องเที่ยวเชิงนิเวศผจญภัยเชิงสุขภาพ และธรรมชาติ ทั้งนี้รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การค้ากับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงตอนบน ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศไทย โดยจังหวัดเชียงรายเป็นประตูสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการคมนาคมขนส่ง ของประเทศอนุภาคลุ่มน้ำโขง และประเทศจีนตอนใต้ ยกระดับมาตรฐานการบริการให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประชาคมอาเซียน อีกด้วย
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

แก้ปัญหากว่า 10 ปี ‘ถนนไร้ฝุ่น’ ต.สันทราย – ต.ท่าสาย – ต.ป่าอ้อดอนชัย

 

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เวลา 09.30 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดถนนเชื่อมระหว่างพื้นที่ ตำบลสันทราย ตำบลท่าสาย และตำบลป่าอ้อดอนชัย โดยมี นายอำนาจ ทาจินา ส.อบจ.เชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย เขต 6 นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย นายมงคล สุภามณี นายกเทศมนตรีตำบลสันทราย ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ร่วมด้วย ณ ถนนเลียบคลองชลประทาน พื้นที่เชื่อมต่อ ตำบลสันทราย ตำบลท่าสาย และตำบลป่าอ้อดอนชัย

การเปิดถนนในครั้งนี้เกิดขึ้นสืบเนื่องจากการลงพื้นที่ของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567 ซึ่งได้ฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบล เกี่ยวกับการสัญจรผ่านถนนเส้นทางดังกล่าว ที่เกิดปัญหาฝุ่นละอองในฤดูแล้ง และปัญหาถนนเป็นหลุมบ่อในฤดูฝน จากนั้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักช่าง อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน จนบัดนี้ ถนนเส้นทางดังกล่าวได้รับการปรับปรุงเพื่อความสะดวกแก่ผู้ที่สัญจร และประชาชนในพื้นที่

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในพิธีเปิดว่า “การปรับปรุงถนนเส้นทางนี้ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาการสัญจรให้กับประชาชนในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้กับชุมชน เนื่องจากการเดินทางและการขนส่งสินค้าจะมีความสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้การค้าขายและการพัฒนาธุรกิจในท้องถิ่นสามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การปรับปรุงถนนเส้นทางนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทรัพยากร และการเชื่อมต่อระหว่างชุมชน ทำให้การแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างตำบลต่าง ๆ เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะยาว อีกทั้งยังแสดงถึงความสามัคคีและการร่วมมือกันเพื่อพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพื่อให้ถนนสายนี้ประสบความสำเร็จและเป็นประโยชน์แก่ชุมชนในระยะยาว

การเปิดถนนเชื่อม 3 ตำบลในครั้งนี้ยังถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชนในอนาคต พร้อมทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

ปฏิบัติการ “ระเบิดสะพานโจร” กระชับพื้นที่เชียงแสน ปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์

 

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เป็นการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ร่วมกับ พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. (ด้านกฎหมาย) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และฝ่ายความมั่นคง ตรวจสอบการลักลอบนำสายสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่ ไปยังบริเวณพื้นที่คิงส์โรมัน สปป.ลาว อย่างผิดกฎหมาย ทั้งจากซิม สาย เสา และออกมาตรการเข้มงวดในการผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนต่างชาติและคนไทยลักลอบไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในบริเวณพื้นที่รอยต่อที่ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ

.
พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือกับสำนักงาน กสทช. และผู้ประกอบการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ทั้ง 3 ค่าย เพื่อแก้ไขปัญหาสัญญาณรุกล้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่ามีการตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่กระจายลุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน (คิงส์โรมัน สปป.ลาว) ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ในทุกมิติ จึงลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผน รวมทั้งใช้เครื่องมือพิเศษตรวจสอบการกระจายสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเตอร์เน็ตตามแนวตะเข็บชายแดนในบริเวณใกล้เคียง และมอบหมายให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าตรวจสอบและติดตามการลักลอบการติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อน เพื่อตัดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เป้าหมายนี้
.
พล.ต.อ.ณัฐธรฯ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเชิงรุกล่าสุด พบว่ามีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสัญญาณอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของไทยใช้งานอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ฝั่งตรงข้าม อ.เชียงแสน (คิงส์โรมัน สปป.ลาว) ซึ่งมีข้อมูลเชื่อได้ว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นรังใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่โทรข้ามแดนมาหลอกคนไทย จึงลงพื้นที่บูรณาการร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมผู้ประกอบการโทรคมนาคมทุกเครือข่าย ใช้เครื่องมือพิเศษติดตั้งบนอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจสแกนตลอดแนวชายแดนของ อ.เชียงแสน เพื่อตัดสัญญาณสื่อสารข้ามโขงในทุกมิติ นอกจากนั้น ได้ร่วมกับกองกำลังผาเมืองตัดทำลายสายเคเบิ้ลใยแก้วหรือไฟเบอร์ออฟติก ส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย
.
มาตรการตัดปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้ง ซิม เสา และสาย ที่ กสทช.ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยได้ระงับการใช้ซิมผีที่มิได้มายืนยันตนตามประกาศ กสทช. ไปแล้วมากกว่า 2 ล้านเลขหมาย ซึ่งเชื่อว่าซิมที่ถูกระงับการใช้งานนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในการถือครองของคนร้าย
.
นอกจากนี้ เพียงครึ่งปีที่ผ่านมา กสทช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการจับกุมผู้ลักลอบติดตั้งเสาและสาย ส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดนไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้จำนวน 33 ราย ส่วนผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจาก กสทช. แต่ทำผิดเงื่อนไขการให้บริการ ได้แจ้งเตือนและสั่งให้ระงับการส่งสัญญาณโทรคมนาคม และถอดสายสัญญาณและอุปกรณ์ (ล้มเสา) จำนวน 179 จุด โดยดำเนินการแล้วใน 11 อำเภอ 9 จังหวัด ที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จ.ตาก เชียงราย มุกดาหาร หนองคาย สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระเเก้ว จันทบุรี และ จ.ระนอง ซึ่ง กสทช.ยังคงตรวจตระเวนการกระจายสัญญาณข้ามแดนอย่างต่อเนื่อง
.
พล.ต.ท.ธัชชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลของการบูรณาการระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , กสทช. และหน่วยงานความมั่นคง ในการกำจัดซิมผีบัญชีม้า โค่นเสาและสายสัญญาณเถื่อน รวมทั้งตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคม ผิดกฎหมายดังกล่าว เป็นการทำลายปัจจัยสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งส่งผลอย่างเป็นรูปธรรม จะเห็นได้จากการไหลทะลักเข้าไทยของอุปกรณ์สื่อสารดาวเทียมผิดกฎหมาย (Starlink) ผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง เพื่อทดแทนโครงสร้างโทรคมนาคม (ซิม เสา สาย) เดิม คาดว่าคนร้ายได้รับผลกระทบและเริ่มมีการปรับตัว ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กสทช. จะได้ดำเนินการติดตามและบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องต่อไป
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ครม.อนุมัติ ใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ก่อสร้างทาง รถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ 1,537 ไร่

 

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติการใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เนื้อที่รวมประมาณ 1,537-3-04 ไร่ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เนื้อที่รวมประมาณ 1,917-3-75 ไร่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 

น.ส.เกณิกากล่าวว่า  คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (คปก.) รายงานว่าการดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ของรฟท. ทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการที่ครม.ได้เคยมีมติอนุมัติให้ดำเนินการแล้ว โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

1.โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นโครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่สายใหม่ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด 17 อำเภอ 59 ตำบล แบ่งเป็นทางรถไฟระยะทาง 323.10 กิโลเมตร อุโมงค์รถไฟจำนวน 4 แห่ง รวม 14.415 กิโลเมตร

คันทางคู่สูงเฉลี่ย 4 เมตร ป้ายหยุดรถไฟจำนวน 13 แห่ง สถานีรถไฟขนาดเล็ก จำนวน 9 แห่ง และสถานีรถไฟขนาดใหญ่ จำนวน 4 แห่ง รวมทั้งทั้งสิ้น 6 สถานี ลานบรรทุกตู้สินค้าจำนวน 5 แห่ง ถนนยกข้ามทางรถไฟ จำนวน 39 แห่ง ถนนลอดใต้ทางรถไฟจำนวน 103 แห่ง พร้อมการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม และสร้างรั้วสองแนวข้างทางตลอดเส้นแนวทางรถไฟ

ต่อมา รฟท. ได้ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าวจำนวน 3 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว สัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย และสัญญาที่ 3 เชียงราย-เชียงของ พื้นที่ของโครงการที่ต้องขอความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน 1,537-3-04 ไร่

2.โครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม เป็นโครงการก่อสร้างทางรถไฟใหม่จำนวน 2 เส้นทาง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด 19 อำเภอ 70 ตำบล โดยแบ่งเป็น 1. ทางรถไฟระดับดินระยะทาง 346 กิโลเมตร คันทางรถไฟสูงเฉลี่ย 4 เมตรและ 2. เป็นโครงสร้างทางรถไฟยกระดับ 9 กิโลเมตร ก่อสร้างป้ายหยุดรถไฟจำนวน 12 แห่ง สถานีรถไฟขนาดเล็ก จำนวน 9 แห่ง สถานีรถไฟขนาดกลาง จำนวน 5 แห่ง และสถานีรถไฟขนาดใหญ่ จำนวน 4 แห่ง รวมทั้งทั้งสิ้น 18 สถานี

มีลานบรรทุกตู้สินค้า จำนวน 3 แห่ง มีย่านกองเก็บตู้สินค้า จำนวน 3 แห่ง ถนนยกข้ามทางรถไฟ จำนวน 81 แห่ง ถนนลอดใต้ทางรถไฟ จำนวน 245 แห่ง พร้อมการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมมนาคม และสร้างรั้วสองแนวข้างทางตลอดเส้นแนวทางรถไฟ ซึ่งต่อมา รฟท.ได้ลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการดังกล่าวจำนวน 2 สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 1 บ้านไผ่-หนองพอก และสัญญาที่ 2 หนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 พื้นที่ของโครงการที่ต้องขอความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน 1,917-3-75 ไร่

น.ส.เกณิกากล่าวว่า การดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟของ รฟท. ทั้ง 2 เส้นทางจะต้องเข้าดำเนินการในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเนื้อที่รวมประมาณ 3,455-2-79 ไร่ โดย รฟท.ซึ่งเป็นผู้ประสงค์จะใช้ที่ดินจะต้องยื่นคำขอรับความยินยอมหรือขออนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินต่อ คปก.ก่อนส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างเข้าดำเนินการก่อสร้าง

ทั้งนี้ ก่อนที่ คปก. จะพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจะต้องดำเนินการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อมีมติอนุมัติให้ใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวก่อน เพื่อให้ คปก.สามารถพิจารณาให้ความยินยอมหรืออนุญาตให้ รฟท.ใช้ที่ดินตามที่กฎหมายกำหนดให้ดำเนินโครงการดังกล่าวสัมฤทธิ์ผลและเป็นไปตามแนวนโยบายของรัฐต่อไป

น.ส.เกณิกากล่าวว่า จากการดำเนินโครงการดังกล่าวส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียที่ดินเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมบางส่วน และส่งผลต่อเกษตรกรผู้ได้รับการจัดที่ดินจากการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แต่ในขณะเดียวกัน สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จะให้ รฟท. ซึ่งเป็นผู้ขอใช้ประโยชน์ที่ดิน เยียวยาหรือจ่ายค่าชดเชยการสูญเสียโอกาสจากการใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างทางรถไฟให้แก่เกษตรกรที่ได้รับการจัดสรรที่ดินจาก ส.ป.ก.ตามข้อตกลงระหว่าง รฟท.กับเกษตรกรผู้ได้รับผลกระทบ

น.ส.เกณิกากล่าวว่า ซึ่งกำหนดเป็นจำนวนเงินหรือประโยชน์อย่างอื่นเพื่อค่าทดแทนความเสียหายจากการรอนสิทธิเกษตรกร หรือการสูญเสียโอกาสในการใช้ที่ดินของเกษตรกรบรรดาผู้มีสิทธิในที่ดินนั้น และเมื่อได้รับอนุญาตให้ใช้ที่ดินตามกฎหมายแล้ว รฟท. จะต้องนำส่งค่าตอบแทนใช้ประโยชน์ที่ดินให้กับ ส.ป.ก. เพื่อนำเข้ากองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามกฏหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

น.ส.เกณิกากล่าวว่า โดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ตามระเบียบ คปก. ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ในการใช้และค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินพ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดย ส.ป.ก. จะนำค่าตอบแทนดังกล่าวมาใช้เพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรและประชาชนในเขตปฏิรูปที่ดินต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ปลุกไฟเยาวชนรุ่นใหม่ จัดมหกรรมครบรอบ 2 ปี ศูนย์เยาวชน

 

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมครบรอบ 2 ปี ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ณ ลานธรรม ลานศิลป์ ถิ่นพญามังราย (ศาลากลางหลังแรก) และศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย โดยมีนายฐิติวัชร ไลศิริพันธุ์ ผอ.ส่วนส่งเสริมการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม กล่าวต้อนรับ นายอดิศักดิ์ เทพวงศ์ ประธานสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย กล่าวรายงาน และมีสมาชิกศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย น้องๆเยาวชนในพื้นที่ จ.เชียงราย เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

เนื่องด้วยศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย ได้เริ่มดำเนินการ โดยสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ร่วมกับกองสวัสดิการสังคม คัดเลือกคณะกรรมการสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย ระดับโซน จำนวน 4 โซน ซึ่งประกอบด้วย
– โซน 1 ได้แก่ อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.พญาเม็งราย และ อ.เวียงเชียงรุ้ง
– โซน 2 ได้แก่ อ.พาน อ.แม่ลาว อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย และ อ.ป่าแดด
– โซน 3 ได้แก่ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.แม่ฟ้าหลวง อ.ดอยหลวง และ อ.แม่จัน
– โซน 4 ได้แก่ อ.เชียงของ อ.ขุนตาล อ.เทิง และ อ.เวียงแก่น และได้จัดตั้งศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย 
 
โดยเปิดให้บริการตั้งแต่ วันที่ 2 ธันวาคม 2566 เป็นต้นมา เพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับให้บริการและพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย และได้ขับเคลื่อนการทำงานด้านเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย ให้มีศักยภาพ ดังนั้น อบจ.เชียงราย ได้ตระหนักและเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดโครงการนี้ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชน จ.เชียงราย ด้านการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนา ตลอดจนป้องกันและแก้ไขปัญหาของเด็กและเยาวชนทุกระดับ เพื่อส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาการเรียนรู้ ทักษะชีวิตให้กับเด็กและเยาวชน เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรม พื้นที่สร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้แสดงออกซึ่งทักษะความรู้และความสามารถ เพื่อร่วมกันพัฒนา ขับเคลื่อนการทำงานด้านเด็กและเยาวชนไปพร้อมกัน ดังคำกล่าวที่ว่า “เด็กและเยาวชนคืออนาคตของชาติ”
 
ในงานมหกรรมครบรอบ 2 ปี ศูนย์เยาวชน อบจ.เชียงราย มีกิจกรรมมากมาย เช่น บูธเกม บูธกิจกรรม Workshop กาดละอ่อนเจียงฮาย2 การแข่งขัน”สุดยอดวงดนตรีสตริงเยาวชน” และการแสดงสุดอลังการของวงดนตรีลูกทุ่ง YRC Combo “ยุพราชมหาชน” จากโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่ สนับสนุน เด็กและเยาวชน กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

เปิดยุทธการ ‘ระเบิดสะพานโจร’ เครือข่าย AIS DTAC TRUE NT

 

เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เข้ามาหลอกลวง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดยุทธการ ‘ระเบิดสะพานโจร’ โดยปฏิบัติการร่วมกับสำนักงาน กสทช., ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS DTAC TRUE NT และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยให้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง ของไทยทั้งหมดที่คนร้ายลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง ที่คนร้ายลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวงอย่างเด็ดขาด

พล.ต.ท.ธัชชัยกล่าวว่า จะเริ่มกดปุ่มปฏิบัติการแรก ‘ระเบิดสะพานโจร’ ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนร้ายได้มีฐานปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณโดยรอบคิงส์โรมัน ประเทศลาว โดยปัจจุบัน คิงส์โรมันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมมีสนามบินรองรับนักท่องเที่ยวจากไทย ลาว และเมียนมา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสุจริตชนตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้ จะมีการขยายผลจับกุมดำเนินคดีกับผู้ให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ตู้ซิมที่ช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการลงทะเบียนซิมมาหลอกลวงประชาชน รวมทั้งจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่ร่วมกันมาหลอกลวงทำร้ายคนไทยด้วยกันให้ถึงที่สุด

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอาชญากรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เทศกาลทุเรียนและของดีตำบลห้วยไคร้ ศูนย์กลางการพัฒนาทุเรียน เชียงราย

 

 

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม 2567 ณ ลานกีฬาอเนกประสงค์ บ้านสันต้นปุย ตำบลห้วยไคร้ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้เป็นประธานเปิดโครงการของดีตำบลห้วยไคร้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 โดยมีนายอนุภาส ปฏิเสน ส.อบจ.เชียงราย อำเภอแม่สาย เขต 3 หัวหน้าส่วนราชการ ภาคีเครือข่าย ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น และประชาชนร่วมเฉลิมฉลองในพิธีเปิดครั้งนี้

 

นางสาววรนัน รัตรวิภัคกุน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยไคร้ เป็นผู้กล่าวรายงานว่า อบจ.เชียงราย ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดโครงการของดีตำบลห้วยไคร้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในเชิงรุกให้ประชาชนทั่วไป รวมถึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้รับรู้และรู้จักผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการต่าง ๆ ของประชาชนในตำบลห้วยไคร้

กลุ่มเป้าหมายในโครงการนี้ประกอบด้วยกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ เช่น สับปะรดและทุเรียนดอยนางนอน รวมถึงกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยไคร้ และพื้นที่ใกล้เคียง การจัดกิจกรรมนี้เป็นการเสริมสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับประชาชนในท้องถิ่น รวมถึงการเสริมสร้างความสามัคคีของประชาชนในชุมชน

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในพิธีเปิดว่า “โครงการของดีตำบลห้วยไคร้ ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและการรู้จักผลิตภัณฑ์ชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้กับชุมชนในตำบลห้วยไคร้ โดยการสร้างโอกาสในการจำหน่ายสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ทำให้ประชาชนมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน”

โครงการนี้ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ตำบลห้วยไคร้ ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตยิ่งขึ้น และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตำบลห้วยไคร้ในฐานะศูนย์กลางการพัฒนาทุเรียนและผลิตภัณฑ์ชุมชน

การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและสินค้าท้องถิ่น รวมถึงการจัดกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรมและการสาธิตการผลิตสินค้าเกษตร นับเป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ตลาดใหม่และขยายพื้นที่ตลาดเดิมให้กับกลุ่มผู้ผลิตและผู้ประกอบการในชุมชน

ทั้งนี้ การจัดโครงการของดีตำบลห้วยไคร้ยังเป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืนและการสร้างเสริมเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้กับชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและการสร้างเสริมอาชีพให้กับประชาชนในท้องถิ่นทั่วประเทศ

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News