Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดสัมมนาพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมผลักดัน

เชียงรายขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมสัมมนาพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาวิชาการภายใต้โครงการ “เสริมสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาและนครเชียงรายในอนาคต” ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีผู้ร่วมงานสำคัญ ได้แก่ ร.ต.อ.ธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่ และสื่อมวลชน

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการสัมมนา

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้นการสร้างแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และยกระดับจังหวัดเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค

การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

การสัมมนาได้เปิดพื้นที่ให้ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในด้านต่างๆ เช่น

  • การส่งเสริมการท่องเที่ยว
  • การพัฒนาการค้าชายแดน
  • การเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

โดยมีเป้าหมายให้เชียงรายเป็นเมืองต้นแบบที่สมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาศักยภาพเขตเศรษฐกิจพิเศษให้รองรับความต้องการของประชาชนในระยะยาว

แผนฟื้นฟูหลังอุทกภัยและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสภาพพื้นที่ของจังหวัดเชียงรายภายหลังการเกิดอุทกภัยที่ผ่านมา โดยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสนอแผนงานต่อจังหวัดเชียงรายและรัฐบาล

แนวทางพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

การสัมมนาเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาเชียงรายในฐานะเมืองต้นแบบที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ

  • การพัฒนาการค้าชายแดนและการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค
  • การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
  • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอและความร่วมมือ

ข้อเสนอที่ได้จากการสัมมนาจะถูกนำไปพิจารณาและดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายในระยะยาว โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

การสัมมนาครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการวางแผนพัฒนาเชียงรายให้เติบโตเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับชาวเชียงราย.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เชียงรายจัดงานปีใหม่ไตย ครั้งที่ 28 สืบสานวัฒนธรรมไทยใหญ่

เชียงรายจัดยิ่งใหญ่ งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตย ครั้งที่ 28 เสริมสร้างความสามัคคี-กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.30 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตย” ประจำปี 2567 ครั้งที่ 28 ณ ลานสนามกลางบ้านเทอดไทย หมู่ 1 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมีนายเสน่ห์ ปัญญาดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ นายก อบจ.เชียงราย ร่วมในพิธี พร้อมด้วยนายเชิดชาย ชาลี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเทอดไทย ผู้กล่าวรายงานการจัดงาน นอกจากนี้ยังมีนายอานนท์ ขันคำ ปลัดอาวุโส อำเภอแม่ฟ้าหลวง นายปิติ อ่วยยื่อ กำนันตำบลเทอดไทย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

เผยแพร่วัฒนธรรมไตย-ส่งเสริมการท่องเที่ยว

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 28 เพื่อสืบสานและเผยแพร่ประเพณี วัฒนธรรม และวิถีชีวิตดั้งเดิมของพี่น้องชาวไทยใหญ่ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ทั้งในกลุ่มประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชน รวมถึงสานสัมพันธ์อันดีระหว่างชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียง

เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โครงการนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ โดยเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมอันดีงามของชาวไทยใหญ่ให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญต่อไป

กิจกรรมภายในงาน

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2567 โดยภายในงานมีกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวไทยใหญ่ เช่น

  • การแสดงวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ 7 ชนเผ่า
  • การแสดงชุดชนเผ่าไทยใหญ่
  • นิทรรศการภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตชนเผ่าไทยใหญ่
  • การแข่งขันกีฬาพื้นเมือง
  • การแสดงดนตรีพื้นบ้านไทยใหญ่
  • การแสดงรำนก-รำโต
  • การแสดงจากนักร้องชนเผ่าไทยใหญ่

กิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้น ณ ลานสนามกลางบ้านเทอดไทย หมู่ 1 ตำบลเทอดไทย อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อการจัดงานครั้งนี้ให้สำเร็จลุล่วง

เป้าหมายสำคัญ: อนุรักษ์วัฒนธรรมและสร้างรายได้ชุมชน

นางอทิตาธรกล่าวในพิธีเปิดว่า งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีไทยใหญ่ ให้คงอยู่คู่ชุมชนไทยใหญ่ และยังช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการท่องเที่ยวและการจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

งานอนุรักษ์วัฒนธรรมปีใหม่ไตยไม่เพียงเป็นโอกาสสำหรับชาวไทยใหญ่ในการเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ยังเป็นพื้นที่แห่งการรวมตัวของคนในชุมชนเพื่อแสดงออกถึงความภาคภูมิใจในมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกฯ มอบบัตรประชาชน 72 ชาติพันธุ์ เชียงราย ลดขั้นตอนเหลือ 5 วัน

นายกรัฐมนตรีมอบบัตรประชาชนให้กลุ่มชาติพันธุ์ 72 ราย ชูความสำเร็จในการเร่งกระบวนการลดปัญหาสถานะทางทะเบียน

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อเป็นประธานในพิธีมอบบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ตัวแทนบุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์จำนวน 72 ราย โดยมีประชาชนเข้าร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 2,000 คน

ในงานนี้มีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดเชียงรายเข้าร่วม ได้แก่ นายประเสริฐ จิตพลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย รวมถึงผู้แทนจากองค์การสหประชาชาติ เช่น UNHCR และองค์การยูนิเซฟ ที่ให้การสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ด้วย

นโยบายให้สัญชาติ: ความหวังของกลุ่มชาติพันธุ์

นายกรัฐมนตรีกล่าวในพิธีว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาสถานะทางทะเบียนของกลุ่มชาติพันธุ์และผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มดำเนินการสำรวจและขึ้นทะเบียนกลุ่มเป้าหมายมาตั้งแต่ปี 2527 ตามมติคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยมีหลักเกณฑ์สำคัญ เช่น บุคคลต้องมีชื่อในทะเบียนบ้าน มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก พำนักอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 15 ปี และไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรง

“วันนี้เป็นก้าวสำคัญที่พี่น้องชาติพันธุ์ทั้ง 72 คน ได้รับบัตรประชาชน และขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่รอคอยมานาน รัฐบาลจะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง และจะจัดสรรทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานในทุกด้าน” น.ส.แพทองธารกล่าว

การลดขั้นตอนการขอสัญชาติ: ความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้

ในอดีต กระบวนการขอสัญชาติและบัตรประชาชนของผู้ที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทยใช้เวลานานถึง 270 วัน ขณะที่ผู้ที่เกิดในประเทศไทยต้องรอประมาณ 180 วัน แต่ปัจจุบัน คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหลักเกณฑ์ใหม่ที่ลดระยะเวลาดำเนินการเหลือเพียง 5 วัน เพื่อสร้างความหวังให้กับกลุ่มชาติพันธุ์และลดความซับซ้อนของกระบวนการ

“มาตรการใหม่นี้ไม่ได้ลดเพียงขั้นตอน แต่ยังเพิ่มกลไกตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อให้กระบวนการเป็นธรรมและโปร่งใสมากขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าวเสริม

บรรยากาศในงาน: ความหวังและความสุขของผู้ได้รับบัตร

บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับบัตรประชาชนครั้งแรก ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ได้รับบัตรในครั้งนี้มาจากหลายเผ่า เช่น ไทใหญ่ อาข่า ลาหู่ และลีซู พวกเขาแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลที่ช่วยให้พวกเขาได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะพลเมืองไทย

หนึ่งในตัวแทนผู้ได้รับบัตรกล่าวว่า “วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานาน ผมดีใจที่ในที่สุดก็ได้รับบัตรประชาชน เพราะมันหมายถึงความเท่าเทียมในฐานะคนไทยและอนาคตที่มั่นคงขึ้น”

ปัญหาที่รอการแก้ไข: เป้าหมายต่อไปของรัฐบาล

แม้จะมีความคืบหน้าในครั้งนี้ แต่ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อีกเกือบ 500,000 คน ที่ยังไม่ได้รับบัตรประชาชนและยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงความตั้งใจของรัฐบาลที่จะเร่งรัดการแก้ไขปัญหานี้ โดยเน้นการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

“รัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับสิทธิที่พึงมี และจะเร่งผลักดันให้ปัญหานี้หมดไปโดยเร็วที่สุด” น.ส.แพทองธารกล่าว

ความสำคัญของการให้สัญชาติ

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปิดท้ายว่า การมอบสัญชาติไทยและบัตรประชาชนไม่ได้เป็นเพียงการให้สิทธิขั้นพื้นฐานแก่บุคคล แต่ยังส่งเสริมให้พวกเขามีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศในฐานะประชาชนที่มีความภาคภูมิใจ

“สัญชาติไทยคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่โอกาสใหม่ๆ ทั้งในด้านการศึกษา การทำงาน และการมีส่วนร่วมในชุมชน เราจะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศนี้” นายกรัฐมนตรีกล่าวอย่างมั่นใจ

ในอนาคต การดำเนินงานด้านนี้ยังต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความเท่าเทียมในสังคมไทยอย่างแท้จริง.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายส่งมอบบ่อบาดาลแรกแก้ปัญหาน้ำ ต.วาวี สำเร็จ

อบจ.เชียงรายทำสำเร็จ! เจาะบ่อบาดาลแห่งแรก ต.วาวี อ.แม่สรวย พร้อมใช้จริง

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย นายสรายุธ ฟูวงศ์ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อำเภอแม่สรวย เขต 1 และนายสมัคร กันจีนะ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อำเภอแม่สรวย เขต 2 ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดอยช้าง ดำเนินการส่งมอบบ่อบาดาลแห่งแรกในพื้นที่ดอยช้าง ตำบลวาวี อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

บ่อบาดาลดังกล่าวมีความลึก 100 เมตร ใช้เครื่องจักรกลขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายและองค์การบริหารส่วนตำบลวาวี เพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่ หลังจากที่ชาวบ้านดอยช้างประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมาอย่างต่อเนื่อง

ความสำเร็จที่ไม่ง่าย

การขุดเจาะบ่อบาดาลในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่พบอุปสรรคระหว่างการดำเนินการ เช่น ความลึกของชั้นหินและลักษณะดินในพื้นที่ แต่ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจาก อบจ.เชียงราย และ อบต.วาวี ปัญหาทั้งหมดได้รับการแก้ไขอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งสามารถขุดเจาะบ่อบาดาลสำเร็จ ชาวบ้านในพื้นที่จะสามารถใช้น้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคได้อย่างเพียงพอ

ชาวบ้านวาวีขอบคุณด้วยความยินดี

ในพิธีส่งมอบบ่อบาดาล นายศรชัย โฆษิตรัตนากร รองประธานสภา อบต.วาวี และนายทวีศักดิ์ อภิเดชกุล ผู้ใหญ่บ้านดอยช้างลีซู เป็นตัวแทนประชาชนรับมอบบ่อบาดาล พร้อมแสดงความยินดีและขอบคุณทีมงานจาก อบจ.เชียงรายที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค จนสามารถแก้ปัญหาใหญ่ที่ประชาชนเผชิญมายาวนาน

อนาคตของระบบน้ำในดอยช้าง

หลังจากการส่งมอบบ่อบาดาลนี้แล้ว จะมีการดำเนินการจัดทำระบบน้ำเพิ่มเติมเพื่อกระจายน้ำไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของตำบลวาวีให้ครอบคลุมมากที่สุด โดยจะมีการวางแผนเชื่อมโยงระบบน้ำประปาเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างยั่งยืน

นายก อบจ.เชียงรายชื่นชมความร่วมมือทุกฝ่าย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันจนบรรลุผลสำเร็จ พร้อมย้ำว่า อบจ.เชียงรายจะยังคงมุ่งมั่นดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

บ่อบาดาลแห่งแรกของตำบลวาวีนี้ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จเชิงโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือและความตั้งใจของทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาเพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง ชาวดอยช้างและพื้นที่โดยรอบจะได้รับประโยชน์จากน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคบริโภคที่รอคอยมานานในที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

“เชียงราย” จัดประชุมสำคัญ พร้อมเปิดตัว ‘มหกรรมไม้ดอก’

การประชุมกรมการจังหวัดเชียงรายครั้งที่ 11/2567 พร้อมประชาสัมพันธ์มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย นายราชัน มีน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมกรมการจังหวัดเชียงรายและหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดเชียงราย ครั้งที่ 11/2567 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

พิธีมอบโล่เกียรติคุณเชิดชูเกียรติ

ในช่วงก่อนเริ่มการประชุม มีพิธีมอบโล่เกียรติคุณและเข็มกลัดเชิดชูเกียรติ “รางวัลหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร บุคคลสำคัญของโลก” ประจำปี 2567 ให้แก่นางสาวเทียนรุ่ง เครือนพรัตน์ จากโรงเรียนเทศบาล 6 นครเชียงราย โดยมีนายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมแสดงความยินดี

การแนะนำผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการใหม่

ในที่ประชุมมีการแนะนำผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการที่เพิ่งย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่ในจังหวัดเชียงราย ได้แก่ นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ตำแหน่งเดิมผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และผู้บริหารอื่น ๆ รวมถึงหัวหน้าหน่วยงานที่สำคัญในจังหวัด

การหารือเรื่องสำคัญในที่ประชุม

ในที่ประชุมมีการรายงานและพิจารณาเรื่องสำคัญ ดังนี้:

  • การเตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรี: นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดเชียงรายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567
  • พิธีวันสำคัญ: การจัดพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธันวาคม 2567 และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ วันที่ 7 ธันวาคม 2567
  • การประชาสัมพันธ์งานเชียงรายดอกไม้งาม ครั้งที่ 21 และมหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024: งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568 ในธีม “The Magical Garden” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ
  • การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ OTOP: ประชาสัมพันธ์การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ในรูปแบบกระเช้าของขวัญสำหรับเทศกาลปีใหม่
  • การรายงานภาวะเศรษฐกิจ: สรุปรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังและการค้าชายแดนของจังหวัดเชียงราย

ประชาสัมพันธ์มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024

นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวในที่ประชุมว่า มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย 2024 จะจัดขึ้นในธีม “The Magical Garden” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยงานนี้จะแบ่งเป็น 2 โซนหลัก ได้แก่:

  1. สวนไม้งามริมน้ำกก อ.เมืองเชียงราย ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568
  2. พื้นที่อำเภอแม่สาย ได้แก่ วัดถ้ำเสาหินพญานาคและหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา ระหว่างวันที่ 14 ธันวาคม 2567 – 5 มกราคม 2568

งานนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ “Social Impact Tourism” ภายใต้แนวคิด “เที่ยวเชียงราย ช่วยเชียงราย”

การรณรงค์หยุดความรุนแรงในครอบครัว

บริเวณด้านหน้าห้องประชุม มีการตั้งบูทรณรงค์หยุดความรุนแรงต่อเด็กและสตรีในครอบครัว โดยสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย หวังสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความรักในครอบครัว

สรุป

การประชุมในครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าของงานในจังหวัดเชียงราย พร้อมวางแผนการดำเนินงานในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ที่มีกิจกรรมสำคัญหลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE TOP STORIES

รมช.เกษตรฯ หนุนส่งออกโคเนื้อ เชียงรายสู่ตลาดโลก

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ เยี่ยมชมท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน พร้อมตรวจเยี่ยมโครงการส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อเชียงราย

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10.30 น. ณ ท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน จังหวัดเชียงราย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าปศุสัตว์และผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่สำคัญของประเทศไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสหภาพเมียนมา

การสนับสนุนการส่งออกปศุสัตว์ไทย

ปัจจุบันท่าเรือพาณิชย์เชียงแสนมีบทบาทสำคัญในการส่งออกโค กระบือ และสุกร โดยในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม 2567 มีการส่งออกโคจำนวน 424 ตัว กระบือ 95 ตัว สุกร 42,894 ตัว และลูกสุกร 8,055 ตัว รวมถึงซากสุกร 919,553 กิโลกรัม ซากไก่ 573,942 กิโลกรัม และซากโค 1,400 กิโลกรัม

นายอิทธิ ได้กล่าวชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในการผลักดันการส่งออกสัตว์และผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งฝากถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ให้ใส่ใจดูแลสุขภาพสัตว์ ฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน และหลีกเลี่ยงการใช้สารเร่งเนื้อแดง

เยี่ยมชมเครือข่ายโคเนื้อล้านนา

ในช่วงบ่าย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สวนลุงดี อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานของเครือข่ายโคเนื้อล้านนา ซึ่งริเริ่มโดยนายนเรศ รัศมีจันทร์ ประธานเครือข่ายฯ โดยเครือข่ายฯ มีเป้าหมายในการพัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อบีฟมาสเตอร์ให้มีคุณภาพสูง เพื่อสนับสนุนการเลี้ยงโคเนื้อในจังหวัดเชียงราย

เครือข่ายฯ ได้ดำเนินการพัฒนาสายพันธุ์โคเนื้อตั้งแต่การนำตัวอ่อนพันธุ์บีฟมาสเตอร์จากต่างประเทศ มาย้ายฝากและเลี้ยงดูจนได้พ่อพันธุ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังมีการรีดน้ำเชื้อแจกจ่ายให้เกษตรกรในเครือข่ายกว่า 800 รายในพื้นที่ภาคเหนือ

นายนเรศ ได้กล่าวถึงความสำเร็จในการสร้างตลาดรองรับโคขุน โดยการจัดตั้งคอกกลางเพื่อรับซื้อโคจากสมาชิกเครือข่ายในราคารับประกัน ก่อนนำไปขุนและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อโคขุนคุณภาพในแบรนด์ ลานนาบีฟ ซึ่งจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงในร้านอาหาร “สวนลุงดี”

ปัญหาและแนวทางแก้ไขในอุตสาหกรรมโคเนื้อ

นายนเรศ ระบุว่า อุตสาหกรรมโคเนื้อในประเทศไทยยังคงเผชิญปัญหาหลายประการ เช่น การแข่งขันที่ไม่เท่าเทียมกับเนื้อโคนำเข้า การขาดมาตรฐานและการตรวจสอบย้อนกลับ ต้นทุนการผลิตสูง และการสนับสนุนจากภาครัฐที่ไม่เพียงพอ

เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เครือข่ายฯ ได้เสนอแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น

  1. การพัฒนาพันธุกรรมและการเลี้ยงดูที่มีประสิทธิภาพ
  2. การสร้างระบบผลิตเนื้อกล่อง (Boxed Beef)
  3. การจัดทำระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability System)
  4. การส่งเสริมการรวมกลุ่มเกษตรกร
  5. การกระตุ้นการบริโภคเนื้อโคในประเทศ

นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้รับทราบสถานการณ์และราคาเนื้อโคในปัจจุบันซึ่งน่าเห็นใจผู้เลี้ยงโคและผู้ประกอบการ ขอให้กำลังใจส่วนปัญหาต่างๆที่นำเสนอ จะได้นำไปปรึกษาเพื่อช่วยกันแก้ไขต่อไป

ตรวจเยี่ยมด่านกักกันสัตว์เชียงราย

จากนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านกักกันสัตว์เชียงราย ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ เพื่อรับฟังข้อมูลและตรวจเยี่ยมโครงการสถานกักกันสัตว์สำหรับส่งออกไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ด่านกักกันสัตว์แห่งนี้มีความสามารถในการกักสัตว์ชนิดโค-กระบือจำนวน 200-300 ตัว และเป็นจุดพ่นยาฆ่าเชื้อยานพาหนะขนส่งสัตว์

นายอิทธิ  ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันนี้มาดูสถานที่กักกันสัตว์ เพื่อดูสถานที่ที่จะก่อสร้างที่กักกันสัตว์ ก่อนที่จะส่งออก และฝากถึงผู้เลี้ยงโคกระบือ ช่วยดูแลโค กระบือ ไม่ให้เกิดโรค ต้องพยายามฉีดวัคซีนให้ครบ และอย่าใช้สารเร่งเนื้อแดง พร้อมขอบคุณเกษตรกรผู้เลี้ยงโค กระบือ และสุกรที่ให้ความร่วมมือกับทางกรมปศุสัตว์ด้วย สินค้าส่งออกที่สำคัญของท่าเรือพาณิชย์เชียงแสน ได้แก่ เมล็ดถั่วและธัญพืช  เบียร์  สินค้าอุปโภค บริโภคและรถยนต์  สำหรับการส่งออกสัตว์และซากสัตว์ ตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2567 มีการส่งออกสัตว์ ได้แก่ โค  424  ตัวกระบือ 95 ตัว สุกร  42,894 ตัว ลูกสุกร 8,055 ตัว การส่งออกซากสัตว์ สุกร 919,553 กิโลกรัม  ไก่ 573,942 กิโลกรัม และโค 1,400 กิโลกรัม

ปัจจุบัน ด่านกักกันสัตว์เชียงรายมีแผนการขยายพื้นที่เพื่อสร้างสถานกักกันสัตว์ปลอดโรคเพิ่มเติม โดยมีพื้นที่ขออนุญาตใช้ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน (สปก.) ประมาณ 37 ไร่ เพื่อรองรับการส่งออกสัตว์ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

สรุปและข้อเสนอแนะ

นายอิทธิ ศิริลัทธยากร กล่าวปิดท้ายว่า การพัฒนาการส่งออกสัตว์และผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้ให้เกษตรกร พร้อมยืนยันว่าจะผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาที่ได้รับฟังจากเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทยต่อไป

สำหรับด่านกักกันสัตว์เชียงราย มีสถานที่ปฏิบัติงานจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย ปฏิบัติงานด้านสารบัญ อำนวยการ และการตรวจสอบสินค้าปศุสัตว์เข้า – ออก เขตด่านศุลกากรแม่สาย และท่าปศุสัตว์เชียงแสน ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน เป็นจุดตรวจสอบส่งออกสัตว์มีชีวิต ชนิด โค กระบือ สุกร และเป็นที่ตั้งของจุดทำความสะอาดยานพาหนะขนส่งสัตว์ และด่านกักกันสัตว์เชียงราย ตำบลครึ่ง อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ใช้เป็นสถานที่กักกันสัตว์ซึ่งสามารถกักสัตว์ชนิด โค – กระบือ ได้จำนวน 200 ถึง 300 ตัว ซึ่งที่อำเภอเชียงของ สามารถส่งออก โค กระบือ สุกร และแพะมีชีวิต ซากสัตว์ และอาหารสัตว์ ผ่านทางสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 เชียงของ – ห้วยทราย และส่งออกสัตว์ปีก ซากสัตว์ และอาหารสัตว์ ไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผ่านทางท่าเรือผาถ่าน ตำบลเวียง 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายผลักดันการท่องเที่ยวคาร์บอนนิวทรัล สู่ตลาดสากลอย่างยั่งยืน

เชียงรายผลักดันท่องเที่ยวแนวใหม่ สู่มาตรฐานระดับสากล ด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 เพจ Chiangrai Geopark-อุทยานธรณีเชียงราย รายงานถึงความสำเร็จของกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ภายใต้โครงการ “ฝึกอบรมทดสอบเส้นทางการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์” (Famtrip) ที่จัดขึ้นในปีงบประมาณ 2567 เพื่อผลักดันเชียงรายเข้าสู่ตลาดการท่องเที่ยวระดับสากล ด้วยแนวคิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และยั่งยืน

ท่องเที่ยวครบ 5 เส้นทางในจังหวัดเชียงราย

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นใน 5 เส้นทางการท่องเที่ยวหลัก ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่จัน อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอเชียงของ โดยเน้นส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนท้องถิ่นที่มีความหลากหลาย ทั้งในเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

กิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย สมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดเชียงราย รวมถึงสื่อมวลชนและอินฟลูเอ็นเซอร์ในพื้นที่

เข้าสู่การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ มุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนนิวทรัล

ผลจากการดำเนินกิจกรรมอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ อบจ.เชียงราย ได้รับการประสานงานจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO เพื่อนำเส้นทางการท่องเที่ยวเข้ารับการประเมินผ่านระบบคาร์บอนนิวทรัล ด้วยเครื่องมือคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของ TGO เบื้องต้นกิจกรรมดังกล่าวผ่านการประเมินในระดับที่ดีเยี่ยม พร้อมเข้าสู่ขั้นตอนขยายกลุ่มเป้าหมายการท่องเที่ยวสู่ตลาดต่างประเทศ

ผลักดันเชียงรายสู่ตลาดการท่องเที่ยวระดับโลก

อบจ.เชียงราย วางเป้าหมายให้โครงการนี้เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของจังหวัด ด้วยการสร้างเส้นทางการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและตอบสนองต่อกระแสการท่องเที่ยวแนวใหม่ในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในระดับประเทศและระดับสากล เพื่อสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเชียงราย

อบจ.เชียงรายแสดงความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาจังหวัดให้เป็นต้นแบบของการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ที่ไม่เพียงแต่สนับสนุนเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมในระยะยาวอีกด้วย

ข้อมูลสำคัญของข่าว

  • โครงการ: ฝึกอบรมทดสอบเส้นทางการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ (Famtrip)
  • พื้นที่ดำเนินการ: 5 อำเภอในจังหวัดเชียงราย
  • ผลการประเมิน: ผ่านมาตรฐานคาร์บอนนิวทรัลโดย TGO
  • เป้าหมาย: การขยายตลาดการท่องเที่ยวสู่ระดับสากล

เชียงรายจึงไม่เพียงเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย แต่ยังพร้อมเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่ตอบสนองต่อเทรนด์การเดินทางที่เปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Chiangrai Geopark-อุทยานธรณีเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

รถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำที่พาน กู้ภัยเร่งช่วยเหลือจนเปิดใช้ถนนได้ปกติ

รถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำที่พาน กู้ภัยเร่งช่วยเหลือจนเปิดใช้ถนนได้ปกติ

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เวลา 04.50 น. เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันเตาพลิกคว่ำบริเวณถนนพหลโยธินขาขึ้น หน้าบริษัททนาเกรน หมู่ 6 ตำบลสันกลาง อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำขวางถนน ส่งผลให้การจราจรติดขัดเป็นเวลาหลายชั่วโมง

เหตุการณ์และการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ
ในที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บเป็นชาย อายุประมาณ 50-60 ปี มีบาดแผลเล็กน้อยที่ศีรษะ หน่วยกู้ชีพองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สันกลาง ได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลพานเพื่อรับการรักษาทันที

การกู้รถและเคลียร์พื้นที่

ต่อมา เจ้าของรถบรรทุกได้นำรถเครนมายกย้ายรถที่พลิกคว่ำออกจากพื้นที่ พร้อมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่ร่วมกันเคลียร์พื้นถนน โดยได้ฉีดล้างคราบน้ำมันและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมืออย่างแข็งขัน

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานหลายภาคส่วน ได้แก่

  1. สถานีตำรวจภูธรพาน
  2. สายตรวจทางหลวง
  3. แขวงการทางเชียงราย
  4. กู้ชีพ อบต.ม่วงคำ
  5. กู้ชีพสมาคมเจริญเมือง
  6. เทศบาลเมืองพาน
  7. อบต.เจริญเมือง
  8. อบต.ป่าหุ่ง
  9. อบต.แม่เย็น

ทุกหน่วยงานได้ทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่จนสามารถเปิดถนนให้ใช้งานได้ตามปกติในเวลาประมาณ 14.00 น.

ข้อแนะนำเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน

อุบัติเหตุครั้งนี้เน้นย้ำความสำคัญของการขับขี่อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะในช่วงเวลามืดหรือเมื่อขับขี่รถบรรทุกสารเคมีหรือเชื้อเพลิงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอขอบคุณประชาชนในพื้นที่และผู้ใช้รถใช้ถนนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมทั้งยืนยันที่จะดูแลความปลอดภัยและจัดการอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่แข็งแกร่งของทุกฝ่ายในพื้นที่ เพื่อความปลอดภัยและการจัดการปัญหาที่รวดเร็ว ซึ่งถือเป็นตัวอย่างของการบริหารจัดการอุบัติเหตุในพื้นที่สาธารณะอย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนตำบลสันกลาง

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

สวนตุงและโคมฯ เชียงรายจัดเต็ม! มหัศจรรย์ Lanna Winter Wonderland

สวนตุงและโคมฯ เนรมิตเทศกาล “Lanna Winter Wonderland” ดึงดูดนักท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. ณ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการเปิดงาน “Lanna Winter Wonderland” อย่างเป็นทางการ โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จังหวัดเชียงราย เทศบาลนครเชียงราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวในโครงการ “Thailand Winter Festivals 2024”

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้คณะผู้แทนจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นำโดยนางพรทิวา ขันธมาลา ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม พร้อมด้วยข้าราชการกลุ่มกิจการพิเศษ เข้าร่วมงานดังกล่าว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว (ททท.) และ นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย ที่ร่วมทำสัญลักษณ์ Gimmick เปิดตัวงานอย่างเป็นทางการ

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของงาน

เทศกาล Lanna Winter Wonderland จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2567 เพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการสร้างบรรยากาศดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ช่วยขยายระยะเวลาการพักค้าง เพิ่มการใช้จ่าย และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยบนเวทีโลก

งานนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะการช่วยเหลือผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในจังหวัดเชียงราย ซึ่งถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่

บรรยากาศงานเต็มไปด้วยความสุขและความสนุกสนาน

ภายในงาน “Lanna Winter Wonderland” เต็มไปด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ การประดับตกแต่งไฟสวยงามตระการตา สร้างบรรยากาศโรแมนติกเหมาะแก่การถ่ายภาพ การแสดงทางดนตรีจากศิลปินชื่อดัง การแสดงวัฒนธรรมพื้นเมืองที่งดงาม และกิจกรรมเวิร์คช็อปที่น่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าจำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง รวมถึงสินค้าหัตถกรรมที่ผลิตโดยชุมชน ให้ผู้เข้าร่วมงานได้เลือกซื้อเป็นของฝากอีกด้วย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกล่าวเปิดงาน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า งาน “Lanna Winter Wonderland” จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา โดยเชื่อมั่นว่างานในครั้งนี้จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายมากขึ้น

ททท. หนุนเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาว

นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว (ททท.) กล่าวว่า การจัดงาน “Lanna Winter Wonderland” เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้โครงการ Thailand Winter Festivals 2024 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ททท. เชื่อมั่นว่างานในครั้งนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว และช่วยกระตุ้นเศรฐกิจของประเทศได้เป็นอย่างดี

กิจกรรมและไฮไลต์ในงาน

ภายในงานมีการตกแต่งสวนตุงและโคมฯ ให้เต็มไปด้วยแสงสีเสียงสุดอลังการ พร้อมกิจกรรมหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มนักท่องเที่ยว ได้แก่

  • การแสดง Art Installation & Lighting: การตกแต่งไฟประดับสุดตระการตา
  • การแสดงดนตรี: การแสดงจากศิลปินชื่อดังที่จะมาสร้างความบันเทิง
  • กิจกรรม Workshop: เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้เรียนรู้และทดลองทำกิจกรรมที่สะท้อนวัฒนธรรมล้านนา
  • การออกร้านสินค้าและอาหาร: รวมสินค้าชุมชน ร้านอาหารท้องถิ่น และสินค้าจากผู้ประกอบการในพื้นที่
  • การแสดงวัฒนธรรม: การแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนาที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชาวเชียงราย

ผู้เข้าร่วมงานและความร่วมมือ

งานนี้ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนหลายฝ่าย โดยมีตัวแทนสำคัญเข้าร่วม เช่น

  • นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์: รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
  • นายเสริฐ ไชยยานันตา: ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย
  • นายวิสูตร บัวชุม: ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย
  • อาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม: นายกสมาคมขัวศิลปะเชียงราย
    นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ร้านค้า และร้านอาหารในจังหวัดเชียงรายมาร่วมสนับสนุนงาน

การกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์

เทศกาลนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในพื้นที่เชียงราย โดยเน้นการส่งเสริมเอกลักษณ์ล้านนาและความสวยงามของฤดูหนาวผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ทั้งนี้ยังเป็นการช่วยให้เชียงรายก้าวขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกที่นักท่องเที่ยวต้องมาเยือน

นักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันที่ 22 – 30 พฤศจิกายน 2567 ณ สวนตุงและโคมเฉลิมพระเกียรติ 75 พรรษา อำเภอเมืองเชียงราย

สัมผัสความงดงามและสร้างความประทับใจในเทศกาล Lanna Winter Wonderland ได้แล้ววันนี้!

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายจัดสัมมนายกระดับเส้นทางการท่องเที่ยว สู่การเป็นจุดหมายระดับโลก

เชียงรายเปิดเวทีสัมมนายกระดับเส้นทางการท่องเที่ยว เสริมศักยภาพเมืองต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 เทศบาลนครเชียงราย นำโดยนายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาล จัดงานสัมมนาวิชาการเพื่อยกระดับเส้นทางการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

ความพร้อมของเทศบาลนครเชียงราย

นายวันชัย จงสุทธานามณี กล่าวในหัวข้อ “ความพร้อมของเทศบาลนครเชียงรายในการรองรับการท่องเที่ยว” ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เทศบาลได้มุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งให้เชียงรายกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ความร่วมมือในมิติด้านศิลปะ

อาจารย์ทรงเดช ทิพย์ทอง ศิลปินเชียงราย กล่าวถึงความสำคัญของศิลปะในฐานะเครื่องมือในการส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมชื่นชมเทศบาลนครเชียงรายที่ให้การสนับสนุนศิลปินอย่างเต็มที่ โดยอนาคตอาจได้เห็นโครงการสร้างสรรค์ประติมากรรมขนาดใหญ่กว่า 300 ชิ้นในเมืองเชียงราย ซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์กสำคัญและอาจเป็นแห่งแรกในโลก

ความพร้อมของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง

นาวาอากาศตรี ดร.สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กล่าวว่า ท่าอากาศยานพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว โดยปี 2019 มีผู้เดินทางผ่านสนามบินมากถึง 2.9 ล้านคน แม้ในปี 2023 จะลดลงเหลือ 1.9 ล้านคน แต่ยังคงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยมีสายการบินให้บริการทั้งหมด 6 สาย และยังมีแผนสนับสนุนให้เชียงรายกลายเป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานในอนาคต

แผนการท่องเที่ยวทั้ง 12 เดือน

นายสมชาย ชมภูมิน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท. ได้จัดเตรียมแผนการท่องเที่ยวตลอด 12 เดือนสำหรับภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงราย ซึ่งครอบคลุมทั้งการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยว โปรโมชั่นพิเศษ และการประชาสัมพันธ์สถานที่ต่างๆ ที่เหมาะสมกับทุกฤดูกาล

ความร่วมมือของทุกภาคส่วน

นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวชื่นชมความร่วมมือของทุกฝ่ายในการจัดสัมมนาครั้งนี้ พร้อมเน้นย้ำว่าเชียงรายเป็นพื้นที่ที่มีความปลอดภัยและเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่สามารถสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นและความงดงามทางธรรมชาติที่หลากหลาย

การบูรณาการเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยว

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวถึงความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สมบูรณ์แบบ เพื่อสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสัมผัสประสบการณ์ในจังหวัดเชียงราย

เชียงรายพร้อมแล้วที่จะเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยงานสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสในวงการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายต่อไป

วัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมการสัมมนาฯ 
มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันปรึกษาหารือแนวทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนของประเทศและจังหวัดเชียงราย เตรียมความพร้อมของเมือง ของผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจสายการบิน และการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายการท่องเที่ยว ในการยกระดับเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย หลังจากได้ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย) ระหว่างวันที่ 11 – 18 กันยายน 2567 ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทรัพย์สินบ้านเรือนเสียหาย ซึ่งในปัจจุบันได้กลับคืนสู่สภาวะเกือบเป็นปกติแล้ว และอยู่ระหว่างการฟื้นฟูสภาพพื้นและเศรษฐกิจหลังเกิดอุทกภัย โดยการผนึกกำลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ผสมผสานทั้งการท่องเที่ยว กีฬา ผลิตภัณฑ์ชุมชน วิถีวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อเตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News