
ราคาลำไยเชียงใหม่ไม่ตกเหลือ 1 บาท! รมช.พาณิชย์ยันแค่เกรด C พร้อมเดินหน้าอุ้มเกษตรกร
เชียงใหม่, 12 กรกฎาคม 2568 – ภาพของเกษตรกรชาวสวนลำไยในจังหวัดเชียงใหม่ที่ยืนมองผลผลิตในมือด้วยความกังวล กลายเป็นภาพที่สะท้อนใจผู้คนทั่วไป เมื่อกระแสข่าวในโลกออนไลน์ระบุว่าราคาลำไยในปีนี้ตกต่ำถึงขีดสุด เหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท ข่าวนี้สร้างความตื่นตระหนกและคำถามมากมายในหมู่เกษตรกรและประชาชนว่าเกิดอะไรขึ้นกับ “ราชินีผลไม้” ของภาคเหนือ แต่ในวันนี้ (12 ก.ค. 68) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงที่ทำให้ภาพของสถานการณ์เริ่มชัดเจนขึ้น พร้อมย้ำว่าราคาดังกล่าวเป็นเพียงลำไยเกรดต่ำสุด และกระทรวงพาณิชย์กำลังเร่งดำเนินมาตรการคู่ขนานเพื่อปกป้องเกษตรกร
ความจริงเบื้องหลังราคาลำไย 1 บาท
ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่วันก่อน โพสต์บนโซเชียลมีเดียที่ระบุว่าราคาลำไยในเชียงใหม่ตกต่ำถึงกิโลกรัมละ 1 บาท ได้ถูกแชร์ต่ออย่างรวดเร็ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับเกษตรกรในพื้นที่และผู้บริโภคทั่วประเทศ แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่พบว่า ราคาดังกล่าวเป็นเพียงราคาของลำไยเกรด C ซึ่งเป็นลำไยรูดร่วงที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 20 มิลลิเมตร และไม่ได้สะท้อนภาพรวมของราคาลำไยในตลาดทั้งหมด
นายสุชาติ ชมกลิ่น เปิดเผยว่า “ลำไยเกรดดี เช่น เกรด AA ยังคงมีราคารับซื้ออยู่ที่ 19-20 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าน่าพอใจสำหรับเกษตรกร ส่วนลำไยเกรด C ที่มีราคา 1 บาทนั้น เป็นระดับราคาที่สอดคล้องกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา และไม่ได้บ่งชี้ว่าราคาลำไยโดยรวมตกต่ำอย่างที่เป็นข่าว” การชี้แจงนี้ช่วยคลายความกังวลของเกษตรกรได้ในระดับหนึ่ง แต่คำถามที่ตามมาคือ แล้วเกษตรกรจะรับมือกับสถานการณ์ผลผลิตเกรดต่ำนี้ได้อย่างไร?
มาตรการคู่ขนานส่งออก แปรรูป กระจายในประเทศ
เพื่อแก้ไขปัญหาและรักษาเสถียรภาพราคาลำไย กระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาตรการคู่ขนานที่มุ่งทั้งการส่งออก การแปรรูป และการกระจายผลผลิตภายในประเทศ โดยนายสุชาติได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังนี้:
- ผลักดันการส่งออกและแปรรูป
- ส่งออก 15,000 ตัน ในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดหนาแน่น โดยเฉพาะในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงพีคของฤดูกาล
- แปรรูปลำไยอบแห้ง 50,000 ตัน เพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกินและเพิ่มมูลค่าให้กับลำไยเกรดต่ำ
- การแปรรูปนี้ไม่เพียงช่วยลดความกดดันในตลาด แต่ยังสร้างโอกาสให้เกษตรกรมีรายได้จากผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงขึ้น
- กระจายผลผลิตในประเทศ
- เชื่อมโยงการจำหน่ายผ่านช่องทางที่หลากหลาย ตั้งแต่ระบบพรีออร์เดอร์ ห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดกลาง ตลาดสด ไปจนถึงหน่วยงานภาครัฐและบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
- สนับสนุนการขายออนไลน์ด้วยการให้กล่องไปรษณีย์ส่งฟรี เพื่อกระจายผลผลิตจากภาคเหนือสู่ผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
- เจาะตลาดต่างประเทศ
- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) ได้เร่งประสานงานกับผู้นำเข้าจากจีน ฮ่องกง มาเลเซีย อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เพื่อเพิ่มคำสั่งซื้อลำไยสดและแปรรูป
- จัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างวันที่ 7-16 กรกฎาคม 2568 ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าการค้าได้กว่า 200 ล้านบาท
สถานการณ์ล่าสุด ผลผลิตและราคา
ข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ระบุว่าราคาลำไยในท้องตลาดมีดังนี้:
- ลำไยสดรูดร่วง
- เกรด AA: 19-20 บาท/กก.
- เกรด A: 10-11 บาท/กก.
- เกรด B: 5-6 บาท/กก.
- เกรด C: 1 บาท/กก.
- ลำไยสดช่อ (ตะกร้าขาว อินโดนีเซีย)
- เกรดทอง: 25 บาท/กก.
- เกรดแดง: 22 บาท/กก.
- เกรดน้ำเงิน: 17 บาท/กก.
- เกรดเขียว: 8 บาท/กก.
- ลำไยสดมัดปุ๊ก
- เกรด AA + A: 18-20 บาท/กก.
- เกรด A + B: 12-15 บาท/กก.
นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลผลิตลำไยในจังหวัดเชียงใหม่เริ่มออกสู่ตลาดแล้วประมาณ 22,409 ตัน หรือร้อยละ 8 ของผลผลิตทั้งหมด โดยกระจายอยู่ในพื้นที่อำเภอจอมทอง ดอยหล่อ แม่วาง สันป่าตอง ฮอด และดอยเต่า ซึ่งเกษตรกรยังคงส่งผลผลิตให้ล้งรับซื้อตามปกติ
ปมปัญหาเวียดนามชะลอคำสั่งซื้อ
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ราคาลำไยเกรด C ตกต่ำคือการชะลอคำสั่งซื้อจากเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของลำไยเกรดต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายวิทยากรระบุว่า “ในปีนี้ เวียดนามมีผลผลิตลำไยภายในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการลำไยจากไทยลดลง” ภาวะนี้ทำให้ลำไยเกรด C ซึ่งมีขนาดเล็กและมักถูกใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูป ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านราคา
เพื่อแก้ไขปัญหานี้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ได้ประสานงานกับผู้ประกอบการแปรรูปเพื่อดูดซับผลผลิตส่วนเกิน โดยเน้นการผลิตลำไยอบแห้งและผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่น ๆ เพื่อป้องกันภาวะล้นตลาดและรักษาเสถียรภาพราคา
วิเคราะห์ผลลัพธ์ทางออกที่ยั่งยืน
จากสถานการณ์ดังกล่าว เห็นได้ชัดว่าราคาลำไยเกรด C ที่ตกต่ำเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวม และไม่ได้สะท้อนความล้มเหลวของตลาดลำไยโดยรวม มาตรการคู่ขนานที่กระทรวงพาณิชย์นำเสนอแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การส่งออกและแปรรูปจะช่วยลดแรงกดดันจากผลผลิตส่วนเกิน ขณะที่การกระจายผลผลิตในประเทศผ่านช่องทางที่หลากหลายจะช่วยให้ลำไยเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในอนาคตคือการพึ่งพาตลาดส่งออกเพียงไม่กี่ประเทศ เช่น เวียดนามและจีน ซึ่งอาจมีความผันผวนตามสถานการณ์ภายในของแต่ละประเทศ การขยายตลาดใหม่ เช่น อินเดียและ UAE รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีมูลค่าสูง จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมลำไยของไทย
ความหวังของเกษตรกร
จากกระแสข่าวที่สร้างความตื่นตระหนก สู่การชี้แจงข้อเท็จจริงและการดำเนินมาตรการที่รวดเร็วของกระทรวงพาณิชย์ เกษตรกรชาวสวนลำไยในเชียงใหม่เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ด้วยราคาลำไยเกรดดีที่ยังคงแข็งแกร่งและมาตรการที่ครอบคลุมทั้งการส่งออก แปรรูป และกระจายในประเทศ อนาคตของลำไยเชียงใหม่ยังคงมีความหวัง โดยกระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เป็นธรรมและยั่งยืน
เครดิตภาพและข้อมูลจาก :
- สำนักงานพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่
- กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์
- กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.)
- ข้อมูลสัมภาษณ์นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน วันที่ 12 กรกฎาคม 2568