Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อย่าเสี่ยง! อุทยานฯ ถ้ำหลวงเตือนบุกรุกดอยผาฮุ้งผิดกฎหมายและอันตรายถึงชีวิต

อุทยานฯ ถ้ำหลวง เตือนภัยบุกรุก “ดอยผาฮุ้ง” เขตหวงห้าม IUCN-Ia

เชียงราย, 9 สิงหาคม 2568 – เหตุการณ์เตือนภัยกลางกระแสท่องเที่ยวผจญภัย อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ออกประกาศเตือนภัยเร่งด่วน หลังเจ้าหน้าที่พบกลุ่มบุคคลบุกรุกเข้าเขต “ดอยผาฮุ้ง” ซึ่งเป็นเขตธรรมชาติหวงห้ามตามมาตรฐานสากล IUCN Category Ia การกระทำนี้ไม่เพียงผิดกฎหมาย แต่ยังเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตและระบบนิเวศสำคัญของชาติ

ดอยผาฮุ้งสมบัติธรรมชาติระดับโลก

ดอยผาฮุ้งตั้งอยู่บนเทือกเขาดอยนางนอน มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง เป็นแหล่งพืชและสัตว์ป่าหายากหลายชนิด พื้นที่นี้ถูกกำหนดเป็น IUCN Category Ia ซึ่งเป็นระดับการคุ้มครองสูงสุด ห้ามกิจกรรมใดๆ ยกเว้นการวิจัยที่ได้รับอนุญาตอย่างเคร่งครัด การบุกรุกจึงถือเป็นการละเมิดทั้งกฎหมายภายในประเทศและหลักการอนุรักษ์ระดับโลก

เหตุการณ์พบผู้บุกรุกและการดำเนินการ

ขณะลาดตระเวน เจ้าหน้าที่พบกลุ่มบุคคลเข้าพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมพฤติกรรมที่อาจกระทบระบบนิเวศ จึงได้ตักเตือนและชี้แจงบทลงโทษ ก่อนให้ทั้งหมดออกจากพื้นที่ทันที เหตุการณ์นี้สะท้อนความจำเป็นของการบังคับใช้กฎหมายและสื่อสารสาธารณะอย่างต่อเนื่อง

ภัยซ่อนเร้นความเสี่ยงต่อชีวิตและกฎหมาย

  • ความปลอดภัย: ดอยผาฮุ้งมีภูมิประเทศซับซ้อน หน้าผาสูง เส้นทางลึกลับ และสัตว์ป่าดุร้าย
  • กฎหมาย: การบุกรุกพื้นที่หวงห้ามมีโทษทั้งจำคุกและปรับตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ
    ความเสี่ยงทั้งสองด้านนี้ทำให้ผู้บุกรุกอาจได้รับอันตราย และเพิ่มภาระให้เจ้าหน้าที่

ความท้าทายและแนวทางแก้ไข

ความสนใจท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่เพิ่มขึ้น เป็นความท้าทายของการบริหารพื้นที่อนุรักษ์ อุทยานฯ จึงควรดำเนินการดังนี้

  1. สื่อสารเชิงรุก: ใช้สื่อออนไลน์ ป้ายเตือน และสื่อชุมชน สร้างความเข้าใจเรื่องพื้นที่ IUCN-Ia
  2. เพิ่มการลาดตระเวน: ตรวจตราเข้มข้นเพื่อลดโอกาสบุกรุก
  3. สร้างความร่วมมือกับชุมชน: ให้ชุมชนช่วยแจ้งเหตุและเฝ้าระวัง

ข้อเสนอเพื่อการอนุรักษ์ยั่งยืน

นักท่องเที่ยวควรสอบถามเจ้าหน้าที่ก่อนเข้าพื้นที่ทุกครั้ง เคารพกฎเพื่อความปลอดภัยและปกป้องสมบัติธรรมชาติร่วมกัน การอนุรักษ์ที่ได้ผลต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานและประชาชน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
  • อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ)
  • หลักการสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TRAVEL

Thailand Winter Festival 77 เปิดโถง 3 “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” ครั้งแรก

 
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เดินทางไปยังถ้ำหลวง อุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน (เตรียมการ) ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงาน “ท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติรับลมหนาว” ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.2566 นี้เป็นต้นไป
 
 
นายอรรถพล กล่าวว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการจัดงาน Thailand Winter Festival โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สนับสนุนโครงการโดยจะนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ “ท่องเที่ยวอุทยานรับลมหนาว” ในวันที่ 15 ธ.ค.จะมีการจัดนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญๆ ในฤดูหนาวทั้ง 17 จังหวัดภาคเหนือและทั้ง 77 จังหวัดทั่วไทย โดยจะมีการจัดนิทรรศการที่ถ้ำหลวงเเปิดตัวและรณรงค์พร้อมๆ กัน ทั้งนี้ในปัจจุบันนักท่องเที่ยวได้ให้ความสำคัญกับการศึกษาแหล่งธรรมชาติต่างๆ มากขึ้น เช่น เส้นทางธรรมชาติ ท่องเที่ยวผจญภัย ฯลฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามพัฒนาเพื่อรองรับการเผจิญภัยดังกล่าวโดยไม่ให้กระทบกับธรรมชาติ โดยเฉพาะที่ถ้ำหลวงจะมีการเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ในการช่วยเหลือทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าเมื่อปี 2561 จึงจะมีการจัดมัคคุเทศน์ขึ้นมารองรับด้วย
 
 
นายอรรถพล กล่าวอีกว่าได้มีการปรึกษาหารือกับหลายฝ่ายจะมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมถ้ำหลวงได้จนโถงที่ 3 จึงจะมีการจัดมัคคุเทศน์เพื่อให้ความรู้เพราะปัจจุบันผู้ไปเยือนจะซึมซับเรื่องราวได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเจ้าหน้าที่จึงพยายามผลักดันให้มีมัคคุเทศน์ที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ให้ได้มากต่อไป สำหรับการเปิดให้เข้าชมถ้ำหลวงนั้นจะมีการจำกัดคนเข้าไปเบื้องต้นครั้งละ 10 คน และมีมัคคุเทศน์พร้อมคนนำทางอีก 2 คน ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในปฏิบัติการ คน อุปกรณ์ ความเสี่ยงภัย เวลาในการนำเด็กๆ ออกจากถ้ำได้อย่างรวดเร็ว ฯลฯ โดยจะมีการจัดระบบมีการลงทะเบียนให้ถูกต้อง คัดเลือกบุคคลที่มีความพร้อมของร่างกายและที่สำคัญคือการคัดเลือกผู้เข้าไปชมให้ยุติธรรมด้วย
 
 
ด้านนายจอร์ช มอริส ผู้ก่อตั้งทีม CMRCA ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหนือเยาวชนทั้ง 13 คนในถ้ำหลวง กล่าวว่าไม่เคยมีเหตุการณ์แบบถ้ำหลวงในโลกมาก่อนโดยมีคนนับหมื่นคนระดมกำลังช่วยเหลือน้องๆ ทีมหมูป่า มีการดำน้ำช่วงต้นระยะทาง 800 เมตร แต่หลังจากนั้นบุคคลภายนอกแทบไม่มีใครรู้เรื่องราวว่ายังมีระยะทางที่ต้องดำน้ำอีก 800 เมตร โดยจากโถงถ้ำที่ 2-3 จะต้องสร้างระบบเชือกที่ต้องใช้เทคนิคตากหลายฝ่าย เช่น หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (หน่วยชีล) ทหารสหรัฐอเมริกา หน่วยกู้ภัยที่เป็นจิตอาสาของไทย ฯลฯ เพื่อให้เป็นสะพานเชือกในการลำเลียงเยาวชนทั้ง 13 คนมากับเปล ซึ่งต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจึงเป็เรื่องน่าสนใจว่าไม่ใช่เรื่องดำน้ำแต่มีภารกิจอื่นที่หนักเช่นกัน
 
 
“นักท่องเที่ยวสามารถไปดูเป็นจุดๆ ว่ามีการจัด Base กองอำนวยการข้างในถ้ำตรงไหน เมื่อเข้าไปก็จะเจอน้ำลึก มีการวัดปริมาณน้ำเพื่อดูว่าปั๊มน้ำจะทำงานได้อย่างไร จนถึงโถงที่ 2 ก็จะเห็นสลิง ถ้าเลยโถง 2 ถึงโถง 3 ก็จะเป็น Base กองอำนวยการที่มีหลายหน่วยงานอยู่ที่นั่น เพื่อให้ดูว่าการดำน้ำเริ่มต้นจากตรงไหนและจะได้เห็นว่าการดำน้ำนับจากตรงนั้นมีความยากลำบากขนาดไหน” นายจอร์ช มอริส กล่าว.
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News