Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

งบช่วยเหลือกว่า 600 ล้านบาท! เชียงรายสรุปผลฟื้นฟูหลังน้ำท่วมระยะที่ 2

เชียงรายติดตามฟื้นฟูหลังอุทกภัยระยะที่ 2 สรุปงบช่วยเหลือกว่า “600 ล้านบาท” เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางจากเยียวยาเร่งด่วนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

เชียงราย, 17 กันยายน 2568 — ห้องประชุม “จอมกิตติ” ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงรายตัวแทนจากหน่วยงานส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกสายตาจับจ้องไปยังวาระเดียวกัน—การติดตามความคืบหน้าการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยระยะที่ 2 ควบคู่กับ แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ ที่มุ่งยกระดับโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมให้กลุ่มเปราะบาง หลังจังหวัดเผชิญวิกฤตอุทกภัยครั้งใหญ่ในช่วงปลายปี 2567

การประชุมที่มี นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน มิใช่เพียงพิธีการสรุปตัวเลข หากแต่เป็น “จุดเปลี่ยน” จากงานบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน สู่การวางรากฐานพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชนพื้นที่เสี่ยงทั้งลุ่มน้ำกก—อิง—โขง โดยมีหน่วยงานเจ้าภาพด้านสังคม เศรษฐกิจ สาธารณสุข ที่อยู่อาศัย และโครงสร้างพื้นฐาน เข้าร่วมรายงานความคืบหน้าอย่างพร้อมเพรียง

“ผมย้ำกับทุกหน่วยงานว่า ความช่วยเหลือต้อง เร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และเดินหน้าไปด้วยกันถึงเส้นชัยของการพัฒนา ไม่ใช่หยุดที่ปลอบประโลมระยะสั้น” ผู้ว่าราชการจังหวัดกล่าวในที่ประชุม สะท้อนทิศทางการทำงานแบบ “เยียวยาเชื่อมพัฒนา” ที่จังหวัดต้องการเห็นผลเป็นรูปธรรม

บาดแผลจากน้ำ และพลังความร่วมมือที่ล้นหลาม

กันยายน–ตุลาคม 2567 น้ำท่วมฉับพลัน ดินโคลนถล่ม และวาตภัย สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในเชียงราย ครัวเรือนกว่า 35,124 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ มีผู้เสียชีวิต 12 ราย บ้านพังเสียหายทั้งหลัง 73 หลัง เหตุการณ์ครั้งนั้นผลักให้ทุกภาคส่วนขยับอย่างพร้อมเพรียง—ตั้งแต่ มติคณะรัฐมนตรี, กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี, เงินทดรองราชการในอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด, ไปจนถึง งบ อปท. และ กองทุนรับบริจาคจังหวัดเชียงราย เพื่อระดมทรัพยากรให้ถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด

หนึ่งปีผ่านไป จังหวัดสรุปผลการดำเนินงาน “ระยะที่ 2” ได้อย่างชัดเจน ดังนี้

1) เงินช่วยเหลือตามมติ ครม. (17 ก.ย. และ 8 ต.ค. 2567)

  • ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ครบ 35,124 ครัวเรือน
  • วงเงินรวม 316,116,000 บาท
  • จ่ายครบทุกครัวเรือนแล้ว

2) กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2567 (เงินบริจาค)

  • ยอดบริจาครวม 9,839,079.03 บาท
  • จ่ายค่าวัสดุก่อสร้างบ้าน 174 หลัง รวม 8,370,000 บาท
  • สมทบค่าดำรงชีพเพิ่มเติม ผู้ประสบภัยบ้านพังทั้งหลัง 160 ราย รวม 1,398,000 บาท
  • เบิกรวม 9,768,000 บาท

3) เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 (ในอำนาจผู้ว่าฯ)

  • วงเงินขยาย 100 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว 98,056,678.50 บาท
  • วงเงินขยายเพิ่มเติม 300 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว 295,240,930 บาท

4) ค่าล้างทำความสะอาดดินโคลน (หลังน้ำลด)

  • ขอรับความช่วยเหลือ 17,384 ครัวเรือน และ ให้ความช่วยเหลือครบ 17,384 ครัวเรือน
  • วงเงินรวม 173,840,000 บาทเสร็จสิ้นแล้ว

5) กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี

  • ผู้เสียชีวิต 12 ราย ได้รับเงินช่วยเหลือรวม 1,080,000 บาท
  • บ้านเสียหายทั้งหลัง 73 หลัง ได้รับรวม 12,490,006 บาท
  • อนุมัติและจ่ายแล้วรวม 13,570,006 บาท

6) งบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย

  • รวมการช่วยเหลือ 120,084,535 บาท
    • อบจ.เชียงราย จ่าย 48,937,375 บาท
    • เทศบาลนครเชียงราย จ่าย 26,707,500 บาท
    • อปท.อื่น ๆ จ่าย 44,439,660 บาท
  • ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เมื่อนำรายการสำคัญมาร้อยเรียง เรามองเห็น “โครงข่ายนิตย–การเงิน” ที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบตั้งแต่ระดับคณะรัฐมนตรีจนถึงอบต.ปลายน้ำ เงินบางส่วนมุ่งเยียวยาเร่งด่วน (เช่น ค่าดำรงชีพและค่าล้างโคลน) เงินบางส่วนวางรากฐานระยะยาว (เช่น วัสดุก่อสร้างบ้านและโครงสร้างพื้นฐานจำเป็น) ภาพรวมนี้สะท้อนความสามารถในการ “ซ่อมเมือง—ซ่อมคน” ของจังหวัดภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่

งบฯ ถึงมือครบแต่โจทย์ใหม่คือ “ความยั่งยืน”

ในเชิงปริมาณ ตัวเลขข้างต้นตอบคำถามสำคัญสามประการ

  1. ถึงมือใคร—เมื่อไหร่: จังหวัดยืนยันว่า ช่วยเหลือครบทุกครัวเรือน 35,124 ครัวเรือน ทั้งตามมติ ครม. และมาตรการเสริมจากแหล่งอื่น ๆ
  2. ช่วยเรื่องอะไร—มิติไหน: เงินถูกจัดสรรเพื่อ ยังชีพ—ที่อยู่อาศัย—ทำความสะอาด—ชดเชยความสูญเสีย ครบทั้ง 4 ช่วงวงจรภัยพิบัติ (ก่อน—ระหว่าง—หลัง—ฟื้นฟู)
  3. โปร่งใสแค่ไหน: ตัวเลขแยกรายโครงการ/แหล่งที่มา พร้อมสถานะ “เสร็จแล้ว” หลายส่วน ชี้ถึงการบริหารงานที่มี เอกสารอ้างอิงและหลักฐานการจ่าย ตรวจสอบย้อนกลับได้

แต่ในเชิงคุณภาพ โจทย์ระยะถัดไป คือการทำให้ครัวเรือนที่พึ่งพาน้ำ—ดิน—พื้นที่ทำกิน กลับมายืนได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้สูงอายุ คนพิการ เด็กและสตรี ผู้มีรายได้น้อย เกษตรกรรายย่อย และแรงงานนอกระบบ ซึ่งสูญเสียทรัพย์สินและเครื่องมือประกอบอาชีพจากน้ำหลากครั้งก่อน

ผู้ว่าราชการจังหวัดทิ้งท้ายในที่ประชุมว่า “ฟื้นบ้าน–ฟื้นถนนแล้ว ต้องฟื้น รายได้ และ โอกาส ให้เขา เราจะวัดผลการทำงานจากคุณภาพชีวิต ไม่ใช่จากยอดเบิกจ่ายเท่านั้น”

จากเยียวยาเร่งด่วน สู่แผน “พัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ” ของกลุ่มเปราะบาง

วาระสำคัญในห้องประชุมคือ รายงานผลการปฏิบัติตามแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ ซึ่งจังหวัดทำคู่ขนานกับภารกิจซ่อมแซมระยะสั้น เป้าหมายคือ “สร้างเสริมความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ” ผ่าน 4 แนวทางหลักที่หน่วยงานรับผิดชอบได้เสนอความคืบหน้า ดังนี้

  1. ฟื้นอาชีพ—เข้าถึงทุน
  • จัดแพ็กเกจเครื่องมือทำกินให้ครัวเรือนเปราะบางในพื้นที่ลุ่มน้ำที่ได้รับผลกระทบ
  • เชื่อมกองทุนหมู่บ้าน/ธนาคารเพื่อการเกษตร/สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องอย่างถูกกฎหมาย
  • ฝึกอบรมทักษะอาชีพทางเลือกในช่วงฤดูฝน/น้ำหลาก เช่น แปรรูปอาหารท้องถิ่น การตลาดออนไลน์ของชุมชน
  1. ที่อยู่อาศัย—มาตรฐานปลอดภัย
  • บูรณาการวัสดุก่อสร้างจากกองทุน/เงินบริจาคกับแบบบ้านปลอดภัยราคาประหยัด
  • ยกระดับระบบเตือนภัยและจุดอพยพชั่วคราวในชุมชนเสี่ยง เพื่อปกป้องผู้สูงอายุและผู้พิการ
  1. สุขภาพ—สังคม—การคุ้มครอง
  • ทีมสหวิชาชีพลงพื้นที่ติดตามโรคเรื้อรัง สุขภาพจิตหลังภัยพิบัติ และสิทธิประโยชน์ประกันสุขภาพ
  • ตั้ง “อาสาสมัครดูแลกลุ่มเปราะบาง” เครือข่ายหมู่บ้าน/วัด/โรงเรียน เพื่อประสานความช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดเหตุ
  1. โครงสร้างพื้นฐาน—ข้อมูลเสี่ยงภัย
  • เร่งซ่อมเส้นทางหลัก–รอง พร้อมจุดคอขวดที่ซ้ำซาก
  • พัฒนาแผนที่เสี่ยงดินถล่ม–น้ำท่วมระดับตำบล เชื่อมฐานข้อมูลหน่วยงานและแอปพลิเคชันแจ้งเตือนชุมชน

แม้รายละเอียดเชิงนโยบายของแต่ละโครงการยังอยู่ระหว่างเร่งรัดงบประมาณและกำหนดตัวชี้วัด แต่ทิศทางโดยรวมทำให้เห็น “สะพานเชื่อม” ระหว่างงบเยียวยาในปีแรก กับงบพัฒนาคุณภาพชีวิตที่จะเริ่มเห็นผลใน 12–24 เดือนข้างหน้า โดยเฉพาะเป้าหมาย “รายได้คืนถิ่น—หนี้ลด—ความสามารถรับมือภัยพิบัติสูงขึ้น”

บทเรียนจากงบ 600 ล้านบาท สิ่งที่ทำได้ และสิ่งที่ต้องทำต่อ

หนึ่งปีหลังวิกฤต เชียงรายได้พิสูจน์แล้วว่ากลไกงบประมาณหลายชั้นสามารถขับเคลื่อนพร้อมกันได้ หากมีระบบติดตามและผู้รับผิดชอบชัดเจน สิ่งที่เห็นชัดจากการสรุปผลครั้งนี้ ได้แก่

  • ความครอบคลุม: เงินช่วยเหลือแตะทุกมิติ ตั้งแต่ค่าครองชีพ—ที่อยู่อาศัย—ทำความสะอาด—ชดเชยความสูญเสีย
  • ความรวดเร็ว: หลายโครงการ “เสร็จสิ้น” พร้อมหลักฐานการจ่ายและรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ
  • ความโปร่งใส: ตัวเลขละเอียด แยกแหล่งที่มา—ประเภทช่วยเหลือ—จำนวนครัวเรือน

อย่างไรก็ดี บททดสอบรอบถัดไป อยู่ที่

  1. การติดตามผลระดับครัวเรือน—ครัวเรือนเปราะบางมีรายได้กลับมาที่ระดับก่อนเกิดภัยหรือไม่? เครื่องมือทำกินที่ได้รับยังใช้งานได้ดีและเหมาะกับบริบทหรือไม่?
  2. การจัดการความเสี่ยงซ้ำซาก—จุดที่น้ำหลาก/ดินถล่มซ้ำ ๆ ได้รับการแก้ไขเชิงโครงสร้างแล้วหรือยัง (เช่น การระบายน้ำ จุดอุดตัน แนวป้องกันดินไหล)
  3. การบูรณาการข้อมูล—แผนที่เสี่ยงภัยระดับหมู่บ้าน–ตำบล และข้อมูลสิทธิประโยชน์ของประชาชน ต้องเข้าถึงง่าย ใช้งานได้จริง และปรับปรุงสม่ำเสมอ
  4. ความพร้อมของท้องถิ่น—อปท.จำเป็นต้องมี “งบเผื่อฉุกเฉิน” และแบบแผนปฏิบัติการที่ซ้อมจริง เพื่อให้ระยะเวลาจาก “เกิดเหตุ” ถึง “รับเงิน/รับของช่วยเหลือ” สั้นที่สุด

เสียงจากห้องประชุม นโยบายที่ต้องไปต่อ

ในช่วงท้ายของการประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งการ 3 ประเด็นสำคัญ

  • เร่งปิดบัญชีคงค้าง ของโครงการที่ยังอยู่ระหว่างเบิกจ่าย พร้อมเผยแพร่ข้อมูลต่อสาธารณะเพื่อรักษาความเชื่อมั่น
  • ขับเคลื่อนแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพ ให้เห็นผลเร็ว โดยกำหนดตัวชี้วัดที่วัดได้จริง เช่น รายได้เฉลี่ยครัวเรือนเปราะบาง จำนวนผู้ได้งานทำหลังฝึกอาชีพ อัตราการเข้าถึงบริการสุขภาพ และเวลาตอบสนองเมื่อเกิดเหตุ
  • ซ้อมแผนภัยพิบัติประจำปี ร่วมกันทุกภาคส่วน—ตั้งแต่โรงเรียน วัด ชุมชน จนถึงผู้ประกอบการ—เพื่อย่นเวลาและลดความสูญเสียเมื่อเกิดเหตุ

“ประชาชนต้องเห็นว่า รัฐ ‘อยู่ตรงนั้น’ และ ‘อยู่ต่อไป’ จนชีวิตกลับมาดีกว่าเดิม นี่คือมาตรวัดความสำเร็จที่แท้จริงของเรา” ผู้ว่าฯ กล่าวย้ำ

คลี่คลายปมจากน้ำท่วมสู่ความเท่าเทียมทางโอกาส

สาระสำคัญของวันนั้นไม่ได้จบลงที่ยอดงบประมาณ หากแต่เริ่มต้นด้วย แนวคิดใหม่ ว่า “ภัยพิบัติ” ไม่ใช่เพียงเหตุไม่คาดฝันที่ต้องเยียวยา แต่เป็น หน้าต่างโอกาส ให้ปรับระบบเศรษฐกิจ—สังคมให้รองรับคนตัวเล็กได้ดีขึ้น แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเชิงคุณภาพที่เชียงรายกำลังผลักดัน จึงตั้งอยู่บนสมมติฐานว่า ชุมชนที่เข้มแข็ง คือวัคซีนต้านภัยรอบต่อไป

ในเชิงปฏิบัติ นั่นหมายถึงการทำงานที่ ข้ามกำแพงหน่วยงาน (สาธารณสุข—พม.—แรงงาน—เกษตร—การศึกษา—ปกครอง) ให้มุ่งไปที่ “ผลลัพธ์ครัวเรือน” มากกว่า “ผลผลิตโครงการ” และยึด “เสียงของพื้นที่” เป็นเข็มทิศ เพื่อให้การลงทุนสาธารณะทุกบาทตอบโจทย์ชีวิตจริง

เชียงรายได้ก้าวพ้น “จุดพีคของน้ำ” มาแล้ว แต่กำลังยืนอยู่หน้าประตูด่านใหม่—การทำให้ครัวเรือนเปราะบางยืนได้ด้วยตัวเอง ตัวเลขงบกว่า 600 ล้านบาท ที่ผ่านมือหน่วยงานต่าง ๆ ในปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าระบบราชการไทยสามารถขับเคลื่อนเพื่อประชาชนได้จริงเมื่อมีเป้าหมายร่วมและระบบติดตามที่เข้มแข็ง

สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ คือผลลัพธ์เชิงคุณภาพว่า รายได้กลับมาไหม? หนี้ครัวเรือนลดหรือไม่? สุขภาพกายใจดีขึ้นเพียงใด? และเมื่อฝนใหญ่ครั้งต่อไปมาเยือน ชุมชนเชียงรายจะ “พร้อมกว่าเดิม” แค่ไหน หากจังหวัดรักษาจังหวะการทำงานแบบที่เห็นในห้องประชุมวันนั้นไว้ได้—จากเยียวยา สู่การพัฒนา และสู่ ความเท่าเทียมทางโอกาส—เชียงรายก็อาจไม่เพียง “ผ่านพ้นน้ำ” แต่จะ “ผ่านพ้นความเปราะบาง” ไปด้วยพร้อมกัน

ข้อมูลตัวเลขสำคัญ

  • ผู้ได้รับผลกระทบ: 35,124 ครัวเรือน / ผู้เสียชีวิต 12 ราย / บ้านเสียหายทั้งหลัง 73 หลัง
  • มติ ครม. ช่วยเหลือรวม: 316,116,000 บาท (ครบทุกครัวเรือน)
  • กองทุนจังหวัด (บริจาค): ยอด 9,839,079.03 บาท | จ่ายแล้ว 9,768,000 บาท
  • เงินทดรองราชการ (พ.ศ. 2562): 98,056,678.50 บาท และ 295,240,930 บาท (สองวงเงินขยาย)
  • ค่าล้างดินโคลน 17,384 ครัวเรือน: รวม 173,840,000 บาท (เสร็จสิ้น)
  • กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี: รวม 13,570,006 บาท
  • งบ อปท. รวม 120,084,535 บาท (อบจ. 48,937,375 | เทศบาลนครเชียงราย 26,707,500 | อปท.อื่น 44,439,660)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • จังหวัดเชียงราย – ศาลากลางจังหวัดเชียงราย: รายงานการประชุม “สรุปรายงานผลการดำเนินโครงการ/กิจกรรมภายใต้แผนปฏิบัติการ และระบบติดตามการฟื้นฟูเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ระยะที่ 2” ณ ห้องประชุมจอมกิตติ วันที่ 15 กันยายน 2568
  • มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 17 กันยายน 2567 และ 8 ตุลาคม 2567 เรื่องแนวทางและกรอบวงเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดเชียงราย
  • กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี: หลักเกณฑ์และผลการจ่ายช่วยเหลือกรณีผู้เสียชีวิตและบ้านเสียหายทั้งหลัง จังหวัดเชียงราย ปีงบประมาณ 2567–2568
  • ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ รายงานผลการจ่าย ของ อบจ.เชียงราย เทศบาลนครเชียงราย และ อปท. ในจังหวัด
  • ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้ เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และเอกสารสรุปการเบิกจ่ายจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายได้งบกลางก้อนใหญ่ 363 ล้านบาท ซ่อมโครงสร้างพื้นฐานและฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ครม. อนุมัติงบกลาง 363.62 ล้านบาท ฟื้นฟูเชียงราย 18 โครงการ หลังวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ซ่อม–เสริม–สร้างขวัญ พร้อมปูรากฐานรับมือภัยพิบัติรอบใหม่

เชียงราย, 28 สิงหาคม 2568 — หนึ่งปีให้หลังจากมหาอุทกภัยปลายปี 2567 เชียงรายกำลังยกเครื่องฟื้นฟูครั้งใหญ่ด้วย “งบกลาง” 363.62 ล้านบาท ที่ ครม. อนุมัติเมื่อ 26 ส.ค. 2568 โจทย์ไม่ได้มีเพียงซ่อมถนน–เขื่อน–ระบายน้ำ แต่ต้องประคองเศรษฐกิจท้องถิ่นและขวัญกำลังใจชุมชนไปพร้อมกัน ตัวเลขนี้คิดเป็นราว 5.6% เมื่อเทียบมูลค่าความเสียหายรวมของจังหวัด 6,412 ล้านบาท สะท้อนว่า “งบชุดนี้” มุ่งจี้จุดโครงสร้างพื้นฐานรัฐเป็นหลัก ขณะที่การเยียวยาภาคครัวเรือนและเกษตรถูกผลักไปยังแหล่งงบและมาตรการอื่น การเดินเกมหลายชั้นเช่นนี้ จะเพียงพอที่จะเปลี่ยน “ความเสียหาย” ให้กลายเป็น “ภูมิคุ้มกัน” ได้จริงหรือไม่—คำตอบอยู่ที่ประสิทธิภาพการบูรณาการและความต่อเนื่องหน้างานมากกว่าตัวเลขเพียงอย่างเดียว

บทเรียนจากปลายปี 2567 เมื่อเชียงราย “หนักสุด” ในประเทศ

ปลาย ก.ย.–ต.ค. 2567 เชียงรายเผชิญน้ำหลาก–ดินโคลนถล่มจากอิทธิพลพายุหลายลูก พื้นที่ อ.แม่สาย ถูกซัดซ้ำด้วยตะกอนและน้ำป่า โครงสร้างพื้นฐานทั้งถนน คอสะพาน โรงเรียนเสียหายจำนวนมาก การประเมินในห้วงวิกฤตระบุว่า 9 อำเภอ ได้รับผลกระทบ 53,209 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บ 2 ราย ระบบประปาบางจุดต้องหยุดบริการชั่วคราว สรุปความเสียหายด้านเศรษฐกิจของเชียงราย 6,412 ล้านบาท สูงสุดในประเทศ ขณะที่ทั้งประเทศเสียหายราว 24,251 ล้านบาทเชียงรายแบกไว้ถึงหนึ่งในสี่ ของความสูญเสียทั้งหมด

ไม่นานหลังเหตุการณ์ 29 พ.ย. 2567 รัฐบาลเคยอนุมัติโครงการเร่งด่วนบางส่วนไปแล้ว ทว่าการ “ซ่อมใหญ่” ที่ต้องสำรวจ–ออกแบบ–ขออนุญาต–เข้าประชุม ครม. เป็นเรื่องของเวลา รอบนี้จึงเป็น งบฟื้นฟูเชิงโครงสร้างระยะกลาง–ยาว ที่เดินตามกระบวนการงบประมาณ

งบกลาง 363.62 ล้านบาท จุดโฟกัสและเหตุผลเชิงยุทธศาสตร์

แม้ตัวเลข 363.62 ล้านบาทจะดูเล็กเมื่อเทียบ “ความเสียหาย 6,412 ล้านบาท” (คิดเป็น ประมาณ 5.6% โดยการคำนวณ 363.62 ÷ 6,412 = 0.0567) แต่ “ฐานคิด” งบกลางชุดนี้ต่างกัน:

  • มุ่งซ่อม–เสริมทรัพย์สินสาธารณะของรัฐ (ถนน เขื่อน ระบบระบายน้ำ ระบบสาธารณูปโภค) เพื่อให้เมืองและการสัญจรกลับสู่สมรรถนะ
  • ระบายแรงกดดันเศรษฐกิจ–สังคม ด้วยกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยว–ตลาดชุมชน เพื่อเยียวยาจิตใจและรายได้ฐานราก
  • เปิดทางโครงการสำคัญที่ติดขั้นตอนที่ดิน ให้เดินต่อได้ เมื่อผ่านการอนุญาตจากหน่วยงานเจ้าของพื้นที่

ขณะเดียวกัน การช่วยเหลือด้านอื่นยังมาจาก “ถังงบคนละใบ” เช่น มาตรการช่วยค่าไฟฟ้าผู้ประสบอุทกภัยใน 18 จังหวัด วงเงิน 1,696 ล้านบาท (ยกเว้นค่าไฟเดือนก.ย. 67 และลด 30% เดือนต.ค. 67 สำหรับครัวเรือน/กิจการขนาดเล็กที่เข้าเกณฑ์) รวมถึงงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเชียงรายที่เคยอนุมัติ 49.92 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเร่งด่วน และงบซ่อมทาง–แหล่งน้ำในจังหวัดอื่นที่ ครม. อนุมัติในช่วงเม.ย.–พ.ค. 2568 สะท้อน “ภาพใหญ่” ว่า การจัดการภัยพิบัติไทยยังเดินด้วยหลายกลไกพร้อมกัน

“18 โครงการ” ที่ได้รับไฟเขียว ซ่อมกายภาพ–ยกเครื่องเมือง–ปลุกเศรษฐกิจ

การจัดชุดฟื้นฟูครั้งนี้ครอบคลุม สามมิติหลัก ดังนี้

1) โครงสร้างพื้นฐาน (รวม ราว 264.49 ล้านบาท)

ซ่อม–เสริมระบบคมนาคมและป้องกันตลิ่งในจุดวิกฤต โดยมีงานเด่น ได้แก่

  • ฟื้นฟู–ป้องกันทางหลวงหมายเลข 131 (กม. 8+700–9+300) วงเงิน 45.00 ล้านบาท – เส้นทางหลักที่รับภาระการสัญจรเมือง–ชานเมือง
  • ฟื้นฟูทางหลวง 1232 ช่วงอนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย–เวียงชัย (กม. 0+000–2+000) วงเงิน 45.00 ล้านบาท – เส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของตัวจังหวัด
  • ซ่อมถนน–รางระบายน้ำในชุมชนแม่สาย หลายจุด: เหมืองแดง (52.23 ล้านบาท), ไม้ลุงขน (53.20 ล้านบาท), เกาะทราย (24.04 ล้านบาท), ป่ายางชุม (12.18 ล้านบาท), สายลมจอย–ดอยเวา (12.18 ล้านบาท) — โฟกัสจ่อจุดน้ำหลากซ้ำซาก
  • ถนนเลียบคลองชลประทาน (ริมกก, อ.เมือง) 3.28 ล้านบาท และ ปรับผิวจราจร–ฟุตปาธถนนไกรสรสิทธิ์ 1.80 ล้านบาท เพื่อคืนสภาพความปลอดภัย
  • ซ่อมเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำกก (สวนสาธารณะฝั่งหมิ่น–ร่องเสือเต้น–ป่าแดง) 25.00 ล้านบาท และ เขื่อนสวนสาธารณะเกาะลอย 14.23 ล้านบาท — เพิ่มเกราะกันน้ำกัดเซาะพื้นที่สาธารณะ
  • เพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำ เขตเทศบาลนครเชียงราย 17.63 ล้านบาท — ช่วย “คอขวด” เมืองชั้นในให้ระบายทันฝน

หมายเหตุสำคัญ ยังมีโครงการ ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำกก (หมู่บ้านธนารักษ์, อ.เมือง) วงเงิน 29.10 ล้านบาท ที่ยัง “ไม่เข้าแพ็กเกจ” เพราะอยู่ระหว่างขออนุญาตใช้ที่ราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ หากผ่านจะสามารถเสนอของบในขั้นตอนต่อไปได้

2) ระบบสาธารณูปโภค (รวม 32.65 ล้านบาท)

  • ปรับปรุงซ่อมแซมระบบจัดการน้ำเสีย 17.65 ล้านบาท — ลดความเสี่ยงด้านสุขาภิบาลหลังน้ำลด
  • ปรับปรุงระบบกลบฝังขยะมูลฝอย 15.00 ล้านบาท — รองรับภาระขยะหลังการทำความสะอาดครั้งใหญ่

3) ฟื้นฟูเศรษฐกิจ–สังคม (รวม 20.20 ล้านบาท)

  • โครงการ “หลงแสงเวียง เจียงฮาย (Light Festival)” 9.68 ล้านบาท — เทศกาลแสงสีคืนชีวิตเมือง กระตุ้นท่องเที่ยว–บริการ–ค้าปลีก
  • บูรณาการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจของเชียงราย 9.33 ล้านบาท — แพ็กเกจพยุงกิจกรรมเศรษฐกิจท้องถิ่น
  • ส่งเสริมและพัฒนาช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน 1.19 ล้านบาท — ปรับตัว “ของดีชุมชน” สู่ตลาดยุคใหม่

ภาพรวมสะท้อนแนวคิด “ฟื้นบ้าน–ฟื้นเมือง–ฟื้นใจ” ไม่ใช่ซ่อมกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่ประคองรายได้–แรงงาน–ความหวังให้กลับมาคึกคักพร้อมกัน

ทำไม “เทศกาลแสงสี” จึงอยู่ในงบฟื้นฟูน้ำท่วม?

คำถามนี้ถูกตั้งขึ้นแทบทุกครั้งที่มี “งบอีเวนต์” เข้ามาในแพ็กเกจภัยพิบัติ เหตุผลเชิงนโยบายคือ เศรษฐกิจเชียงรายพึ่งพาการท่องเที่ยว และ กิจกรรมเมือง การคืน “เหตุผลให้คนออกมาใช้จ่าย” มีผลต่อรายได้หาบเร่–แผงลอย–โรงแรม–ร้านอาหาร–รถรับจ้าง ตลอดจนสร้าง “วาระแห่งเมือง” ให้ผู้คนร่วมกันก้าวข้ามบาดแผล อย่างไรก็ดี ความคุ้มค่า–ความโปร่งใส–ตัวชี้วัด (จำนวนนักท่องเที่ยว ยอดใช้จ่าย หมุนเวียนในท้องถิ่น) ต้องถูกติดตามอย่างจริงจัง เพื่อให้ “ทุกบาท” กลับมาเป็น “โอกาส” ไม่ใช่แค่ภาพจำชั่วคราว

จากวิกฤตสู่โอกาสปรับระบบให้ “ไว–ลึก–ยืดหยุ่น”

การอนุมัติครั้งนี้เกิดเกือบครบปีหลังเกิดเหตุการณ์ สะท้อนความเป็นจริงของกระบวนการงบฟื้นฟูขนาดใหญ่ที่ต้อง สำรวจ–ออกแบบ–อนุญาต–พิจารณา ครม. ประเด็นเชิงระบบที่ผู้ปฏิบัติหน้างานชี้ตรงกัน คือ

  1. เร่งรัดขั้นตอนหลังภัย: ให้งบซ่อมใหญ่ “เริ่มได้เร็ว” กว่าวัฏจักรงบประจำปีปกติ โดยวางกลไกสำรวจความเสียหายมาตรฐาน–ทีมนักออกแบบเร่งด่วน–กรอบเงื่อนไขจัดซื้อเฉพาะฉุกเฉินที่คุมได้
  2. ลงทุนเชิงป้องกันล่วงหน้า: แทน “ซ่อมหลังพัง” ควร ขุดลอก–ขยายทางระบายน้ำ–ยกผิวจราจรจุดเสี่ยง ตามข้อมูลภูมิประเทศ–สถิติฝน–ประวัติน้ำท่วม เพื่อบรรเทาผลกระทบคลื่นวิกฤตรอบถัดไป
  3. ศูนย์ข้อมูลเดียว–มาตรฐานเดียว: รวมศูนย์ข้อมูลความเสียหาย–โครงการ–สถานะงาน ให้ทุกหน่วยใช้ ข้อมูลชุดเดียวกัน ลดซ้ำซ้อน และเปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อคุมความโปร่งใส
  4. เชื่อม “งานแข็ง” กับ “งานนุ่ม”: สร้างเครือข่ายอาสา–ชุมชน–ท้องถิ่นคู่ขนานงานวิศวกรรม เช่น การเตือนภัยชุมชน–ช่องทางร้องเรียนเร็ว–การซ้อมอพยพ เพิ่ม “ภูมิทัศน์ความพร้อม” ของเมืองทั้งระบบ

เสียงจากตัวเลข งบ 363.62 ล้านบาท จะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง?

  • คืนสมรรถนะเมือง: เมื่อถนน–ระบายน้ำ–เขื่อนตลิ่งกลับมาทำงาน การเดินทาง–ขนส่ง–ท่องเที่ยวจะ “ไหลลื่น” ขึ้น ลดต้นทุนแฝงหลังวิกฤต
  • กันซ้ำจุดเดิม: งานระบายน้ำ–เขื่อนตลิ่งในจุดล่อแหลม เช่น ริมกก–ย่านเทศบาล จะลดโอกาส “ท่วมซ้ำ–กัดเซาะซ้ำ”
  • ฟื้นขวัญ–รายได้: กิจกรรมเมืองและโครงการตลาดชุมชน ช่วยให้เศรษฐกิจฐานราก “เริ่มเดิน” ระหว่างรอโครงการใหญ่ทยอยเสร็จ
  • เซ็ตมาตรฐานใหม่: โครงการที่ยังติดขั้นตอนที่ดิน (เช่น เขื่อนธนารักษ์ 29.10 ล้านบาท) จะเป็นบททดสอบว่าระบบประสานงานที่ดิน–น้ำ–ทางหลวง ทำได้เร็วเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จไม่ได้วัดที่ “ก้อนงบ” แต่คือ ผลลัพธ์เชิงพื้นที่ — ถนนที่น้ำไม่ขัง, ชุมชนที่ไม่ต้องอพยพซ้ำ, ผู้ประกอบการที่ลืมตาได้ และ การสื่อสารความคืบหน้าอย่างโปร่งใส ให้ประชาชนติดตามได้

ไทม์ไลน์ย่อ จากน้ำหลากสู่เงินลงพื้นที่

  • ก.ย.–ต.ค. 2567: น้ำหลาก–ดินโคลนถล่ม 9 อำเภอ กระทบ 53,209 ครัวเรือน เสียชีวิต 14 ราย
  • ปลาย ก.ย. 2567: นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่กำชับฟื้นฟู–ช่วยเหลือเร่งด่วน
  • 29 พ.ย. 2567: ครม. อนุมัติโครงการเร่งด่วนเบื้องต้นบางส่วน
  • ตลอดต้น–กลางปี 2568: จังหวัดจัดทำแผนฟื้นฟู–สำรวจ–ออกแบบ–ประสานหน่วยงานเจ้าของพื้นที่
  • 26 ส.ค. 2568: ครม. อนุมัติงบกลาง 363.62 ล้านบาท สำหรับ 18 โครงการในเชียงราย (ผ่านการเสนอโดยกระทรวงมหาดไทย และเบิกจ่ายตามระเบียบผ่านสำนักงบประมาณ)

มองไปข้างหน้า เชียงราย “ยืดหยุ่นขึ้น” ได้อย่างไร

  1. ส่งมอบงานให้ทันฤดูฝน: งานถนน–ระบายน้ำต้องเร่งจังหวะให้สอดคล้องฤดูกาล ลดความเสี่ยงงานเปิดหน้าขุดในช่วงฝนชุก
  2. คุมคุณภาพ–ความทนทาน: ใช้มาตรฐานวัสดุและแบบก่อสร้างที่เหมาะกับพื้นที่ลาดเชิงเขา–ดินอุ้มน้ำสูง เพิ่มอายุใช้งาน
  3. รายงานความคืบหน้าเป็นระยะ: เปิดเผยงบ–สัญญา–สถานะงาน–รูป Before/After ต่อสาธารณะในเว็บ/เพจทางการ เพื่อความโปร่งใส–ร่วมตรวจสอบ
  4. ยกระดับ “แผนที่เสี่ยง”: ผนวกข้อมูลฝน–น้ำหลาก–ทิศทางไหล–จุดคอขวด เข้ากับงานวางผังเมือง–จราจร–ก่อสร้างใหม่ ลดสร้างปัญหาในอนาคต

จาก “งบฟื้นฟู” สู่ “วาระป้องกันใหม่ของเมือง”

แพ็กเกจ 363.62 ล้านบาท คือก้าวสำคัญที่จะช่วยให้เชียงรายกลับมายืนได้มั่นคงขึ้น ทั้งในเชิงคมนาคม ป้องกันตลิ่ง สุขาภิบาล และเศรษฐกิจชุมชน แต่คำถามที่ยากกว่า คือเมืองจะ ไม่กลับไปเจอซ้ำ ได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่การลงทุนเชิงป้องกันล่วงหน้า–การเร่งรัดขั้นตอนโครงการ–การสื่อสารโปร่งใส และการยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เมื่อ “ซ่อมวันนี้” ถูกวางบนฐานคิด “กันพรุ่งนี้” เชียงรายจะไม่เพียงฟื้นตัว แต่จะ ยืดหยุ่น พร้อมรับพายุลูกต่อไป

โครงการที่ได้รับอนุมัติ (สรุปตามเอกสารจังหวัด)

  1. หลงแสงเวียง เจียงฮาย (Light Festival) — 9.68 ลบ.
  2. ฟื้นฟูทางหลวงหมายเลข 131 (กม. 8+700–9+300) — 45.00 ลบ.
  3. ถนน–รางระบายน้ำ ชุมชนเหมืองแดง (แม่สาย) — 52.23 ลบ.
  4. ถนน–รางระบายน้ำ ชุมชนเกาะทราย (แม่สาย) — 24.04 ลบ.
  5. ถนน–รางระบายน้ำ ชุมชนไม้ลุงขน (แม่สาย) — 53.20 ลบ.
  6. ถนน–รางระบายน้ำ สายลมจอย–ดอยเวา (เวียงพางคำ) — 12.18 ลบ.
  7. ถนน–รางระบายน้ำ ชุมชนป่ายางชุม (แม่สาย) — 12.18 ลบ.
  8. ถนน ค.ส.ล. เลียบคลองชลประทาน (ริมกก, อ.เมือง) — 3.28 ลบ.
  9. ปรับปรุงระบบจัดการน้ำเสีย — 17.65 ลบ.
  10. บูรณาการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจ — 9.33 ลบ.
  11. ฟื้น–พัฒนาทางหลวง 1232 (กม. 0+000–2+000) — 45.00 ลบ.
  12. ซ่อมเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำกก (ฝั่งหมิ่น–ร่องเสือเต้น–ป่าแดง) — 25.00 ลบ.
  13. เพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำ เขตเทศบาลนครเชียงราย — 17.63 ลบ.
  14. ซ่อมเขื่อนป้องกันตลิ่งสวนสาธารณะเกาะลอย — 14.23 ลบ.
  15. ปรับปรุงทางเท้าถนนกองคำ ชุมน้ำลัด — 5.00 ลบ.
  16. ปรับปรุงระบบกลบฝังขยะมูลฝอย — 15.00 ลบ.
  17. ปรับผิวจราจร (AC) และฟุตปาธถนนไกรสรสิทธิ์ — 1.80 ลบ.
  18. ส่งเสริม–พัฒนาช่องทางการตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชน — 1.19 ลบ.

อยู่ระหว่างขั้นตอน เขื่อนป้องกันตลิ่งริมกก (หมู่บ้านธนารักษ์, อ.เมือง) — 29.10 ลบ. รออนุญาตใช้ที่ดินราชพัสดุ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 26 สิงหาคม 2568: รายการ “งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น” สำหรับจังหวัดเชียงราย (18 โครงการ วงเงิน 363.62 ล้านบาท) — เอกสารสรุปผลการประชุม ครม. และข่าวแจกสำนักโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
  • สำนักงบประมาณ (สงป.): คำชี้แจงการเบิกจ่ายงบกลางปีงบประมาณ 2568 หมวดฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดที่ประสบสาธารณภัย
  • กระทรวงมหาดไทย: หนังสือเสนอ ครม. โครงการฟื้นฟูหลังอุทกภัยจังหวัดเชียงราย และกรอบนโยบายช่วยเหลือ/เยียวยาจังหวัดประสบภัย
  • จังหวัดเชียงราย (สำนักงานจังหวัด/ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย): แผนฟื้นฟู 19 โครงการที่เสนอ (อนุมัติจริง 18 โครงการ) และรายละเอียดรายการงานถนน–ระบายน้ำ–เขื่อนตลิ่ง–กิจกรรมเศรษฐกิจ
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.): สรุปสถานการณ์อุทกภัย ก.ย.–ต.ค. 2567 จังหวัดเชียงราย—จำนวนครัวเรือน/ผู้เสียชีวิต/โครงสร้างพื้นฐานที่เสียหาย
  • การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) / กระทรวงมหาดไทย: มาตรการช่วยค่าไฟฟ้า 18 จังหวัดผู้ประสบอุทกภัย (ยกเว้นเดือน ก.ย. 67 และลด 30% เดือน ต.ค. 67) อนุมัติในวาระเดียวกัน
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.): มติ/งบประมาณช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย 49.92 ล้านบาท (กันยายน 2567)
  • กรมทางหลวง/กรมทางหลวงชนบท/กรมชลประทาน: ข่าว/เอกสารงบซ่อมโครงสร้างพื้นฐานและแหล่งน้ำในจังหวัดต่าง ๆ (เม.ย.–พ.ค. 2568) เพื่อเทียบเคียงภาพรวมงบภัยพิบัติของปีงบประมาณเดียวกัน
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News