Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

คุมเข้มก่อนน้ำมา สทนช.สั่งเร่งซ่อมพนังกั้นน้ำแม่สายให้ทัน 24 ส.ค. นี้

สทนช.ลงพื้นที่เชียงราย “คุมเข้มก่อนน้ำมา” สั่งเร่งซ่อมพนังกั้นน้ำแม่สายให้ทัน 24 ส.ค. ย้ำสื่อสารมาตรฐานคุณภาพน้ำตามการใช้งาน–พร่องน้ำอ่าง–เตือนภัยเชิงรุก รับมือฝนพีค ส.ค.–ก.ย.

เชียงราย, 19 สิงหาคม 2568 — ยามสายของวันประชุมที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย แผนที่ลุ่มน้ำโขงเหนือขนาดใหญ่ถูกคลี่บนโต๊ะ กราฟคาดการณ์ฝน–ความชื้นในดิน–ระดับน้ำท่า เชื่อมโยงเข้ากับไทม์ไลน์ “งานซ่อมพนัง” ที่กำลังเดินหน้าในอำเภอแม่สาย ภาพทั้งหมดสะท้อนโจทย์เดียวกัน—รับมือฝนระลอกพีกปลายสิงหาคม–กันยายน ให้ทันก่อน “น้ำมา” และจำกัดความเสี่ยงซ้ำรอยน้ำหลากปีที่ผ่านมา

การลงพื้นที่ครั้งนี้นำโดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะประธานการประชุม คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ ครั้งที่ 10/2568 โดยมีผู้แทนจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่น หน่วยงานด้านพยากรณ์อากาศและภูมิสารสนเทศ รวมถึงภาคส่วนปฏิบัติการในพื้นที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง สาระสำคัญคือ คำสั่งเร่งด่วนซ่อมเสริมพนังกั้นน้ำแม่น้ำสายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 สิงหาคมนี้ เพื่อ “ล็อกความเสี่ยง” ก่อนความชื้นสะสมในดินและฝนใหม่จะผนวกกันเป็นน้ำหลากรอบใหม่

ดร.สุรสีห์ ระบุว่า สถานการณ์เฝ้าระวังได้รับการติดตาม รายวัน โดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะผู้กำกับติดตามจุดเสี่ยงสำคัญของลุ่มน้ำโขงเหนือ เพื่อให้การสั่งการ–การสนับสนุน–และการแจ้งเตือนประชาชน ทันเวลา–ตรงจุด–ใช้การได้จริง ไม่ใช่เพียงเอกสารเตือนภัย

พายุปลายสิงหาเหตุผลของ “เส้นตาย 24 ส.ค.”

กรมอุตุนิยมวิทยา ชี้ว่า ตั้งแต่ 24 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ปริมาณฝนในลุ่มน้ำโขงเหนือมีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันภาพวิเคราะห์บรรยากาศแสดง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ที่อาจพัฒนาเป็นพายุโซนร้อนปลายเดือน—สถานการณ์ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะ ค่าความชื้นในดินสูง อยู่แล้วจากฝนหลายระลอกก่อนหน้า เมื่อฝนก้อนใหม่ตกซ้ำลงมา น้ำฝนจะ ซึมดินได้ต่ำ–กลายเป็นน้ำท่าเร็ว–ไหลลงลำน้ำ สร้างยอดคลื่นระดับน้ำ (peak) ที่ สูงและมาไว กว่าปกติ

ถ้าพนัง–ฝาย–คอสะพาน ยังซ่อมไม่เสร็จ หรืออ่อนแรง จุดเปราะบางจะกลายเป็น ช่องทางน้ำพุ่ง เพิ่มความเสียหายแบบลูกโซ่ การกำหนดเส้นตาย 24 ส.ค. จึงไม่ใช่ตัวเลขลอย ๆ แต่ยึดโยงกับ หน้าต่างเวลา (window) ระหว่าง “ฝนเดิมยังไม่ระบายหมด” กับ “ฝนใหม่กำลังเข้า” ให้มี กันชน (buffer) เพียงพอ

คำถามชวนคิด ใน 72 ชั่วโมงหลังฝนหนัก จังหวะ “พร่องน้ำ–ปิดช่องโหว่–เสริมจุดอ่อน” จะทำได้เร็วพอหรือไม่? และการซ้อมแผนอพยพในชุมชนริมน้ำที่เคยถูกน้ำท่วมซ้ำมีความพร้อมแค่ไหน?

แม่สายคือจุดยุทธศาสตร์ พนังที่ต้องแข็งแรงก่อนฝนใหญ่

อำเภอแม่สาย คือแนวหน้ารับน้ำฝั่งเหนือ ก่อนที่น้ำจะไหลสู่ แม่น้ำสาย–แม่น้ำรวก–และแม่น้ำกก ต่อไป การลงพื้นที่ร่วมกับ นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย และหน่วยงานท้องถิ่น จึงเจาะจงประเด็น พนังกั้นน้ำที่ชำรุด จากรอบน้ำหลากที่ผ่านมา สาระหลักของคำสั่งคือ

  • เร่ง งานโครงสร้าง: อุดรอยรั่ว–เสริมเขื่อนดิน–ปูแผ่นใยทางวิศวกรรม (geotextile) จุดวิกฤติ
  • คอสะพาน–ท่อระบายน้ำ: ตรวจโครงสร้างฐานราก–เคลียร์เศษวัสดุตัน–ติดตั้งรางระบายน้ำชั่วคราว
  • เครื่องจักรกล: วางเครื่องสูบน้ำ–รถดูดโคลน–รถแบ็กโฮ สแตนด์บาย จุดเสี่ยง
  • เฝ้าระวัง 24 ชม.: ตั้งเวรยามริมน้ำ–ติดตั้งไม้บรรทัดวัดระดับ–รายงานเข้าศูนย์ทันทีหากระดับน้ำเปลี่ยนแปลงผิดปกติ

ทั้งหมดนี้ต้องอยู่ภายใต้กรอบ 24 ส.ค. เพื่อให้ แม่สาย—เมืองหน้าด่าน—ยืนให้มั่นก่อนสายฝนจะเข้าทั้งละลอก

น้ำใช้ต่างกัน มาตรฐานต่างกัน” แยกเกณฑ์คุณภาพน้ำให้ชัด–สื่อสารให้ถึง

อีกแกนหลักของการประชุม คือการสื่อสารเรื่อง คุณภาพน้ำ ให้ประชาชนเข้าใจ เกณฑ์มาตรฐานตามการใช้งาน” ไม่ใช้ตัวเลขชุดเดียวครอบทุกประเภทการใช้ เพราะบริบท น้ำดิบเพื่อการประปา” กับ น้ำเพื่อเกษตร” ไม่เท่ากัน

  • เกณฑ์สารหนูในน้ำผิวดินสำหรับน้ำดิบที่ต้องบำบัดเป็นน้ำประปา: หลังบำบัดแล้วต้องมีสารหนู ไม่เกิน 0.01 มก./ลิตร จึงเหมาะสมสำหรับ อุปโภค–บริโภค
  • น้ำเพื่อการเกษตรบางประเภท (เช่น เพาะปลูกข้าว–เลี้ยงสัตว์น้ำ): ไม่ควรเกิน 0.05 มก./ลิตร เพื่อลดความเสี่ยงการสะสมในพืชและห่วงโซ่อาหาร

บริบทพื้นที่ปัจจุบัน แม่น้ำกก–แม่น้ำสาย–แม่น้ำรวก ยังตรวจพบ ค่าสารหนูเกินเกณฑ์ 0.01 มก./ลิตร ตามมาตรฐานน้ำดื่ม จึงต้องย้ำว่า น้ำธรรมชาติเหล่านี้ไม่ใช่น้ำดื่มโดยตรง” ต้องผ่าน กระบวนการบำบัด ให้ได้ตามเกณฑ์ก่อน ส่วนภาคเกษตร หากพื้นที่ใดมีค่าตรวจเกิน 0.05 มก./ลิตร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้อง แจ้งเตือน–ให้คำแนะนำ วิธีลดความเสี่ยง (เช่น ปรับชนิดพืช ลดการใช้น้ำแหล่งดังกล่าวชั่วคราว สำรองน้ำสะอาด หรือผสมน้ำจากแหล่งอื่น)

ที่ประชุมจึงมอบหมายให้จังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์แบบตรงประเด็น:

  1. จัดทำ อินโฟกราฟิก “น้ำใช้–เกณฑ์ต่าง” แจกออนไลน์–ออฟไลน์
  2. ติด ป้ายเตือน ณ จุดสูบน้ำดิบ และ จุดใช้น้ำเพื่อเกษตร ในหมู่บ้านริมน้ำ
  3. เปิด จุดสอบถาม/ตอบข้อสงสัย ร่วมระหว่าง สาธารณสุข–การประปา–เกษตร–ประมง–ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้คำแนะนำแก่ประชาชนแบบเคส–บาย–เคส

ชุดมาตรการเชิงระบบ พร่องน้ำอ่าง–ข้อมูลแม่น–เตือนเร็ว–เครื่องมือพร้อม

เพื่อให้ “แผนบนกระดาษ” กลายเป็น “การลดความเสี่ยงจริง” ที่ประชุมกำหนดมาตรการทำงาน สอดประสานหลายมิติ ดังนี้

1) พร่องน้ำอ่างเก็บน้ำ:

  • สำรวจอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณสูง เร่งระบายเชิงป้องกัน เพื่อเพิ่ม พื้นที่รับน้ำฝน (flood cushion) โดยต้องประเมิน ผลกระทบท้ายน้ำ และสื่อสารเวลาระบายให้ชุมชนทราบล่วงหน้า
  • กำหนด เกณฑ์ตัดสินใจ (trigger level) ชัดเจน—เมื่อฝนคาดการณ์กี่มิลลิเมตรภายในกี่ชั่วโมง จะเริ่มพร่องน้ำเท่าไร

2) ข้อมูลและพยากรณ์เฉพาะพื้นที่:

  • กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ พยากรณ์รายอำเภอ–รายลุ่มน้ำย่อย ล่วงหน้า พร้อมแจ้ง “โซนฝนหนัก–เวลาคลื่นน้ำมา”
  • GISTDA สนับสนุน ข้อมูลความชื้นในดิน และภาพถ่ายดาวเทียม อัปเดตรายสัปดาห์–เร่งด่วนเมื่อเกิดฝนหนัก เพื่อช่วยคาดการณ์ “น้ำท่ามาเร็ว” ในโซนลาดเชิงเขาและพื้นที่ชุ่มน้ำ

3) ระบบเตือนภัยและสื่อสารสาธารณะ:

  • ใช้หลายช่องทาง (SMS, ไลน์กลุ่ม อปท., เสียงตามสาย, รถประชาสัมพันธ์, เพจจังหวัด/อำเภอ/เทศบาล) เพื่อให้เตือนถึงมือประชาชนเร็ว
  • จัดตั้ง โหนดสื่อสารชุมชน” ที่มี อสม.–ผู้นำชุมชน–อปพร.–อาสากู้ภัย เป็นตัวกลางแปลข้อความเตือนให้เข้าใจง่าย และย้ำ จุดรวมพล–เส้นทางอพยพ–จุดปลอดภัย

4) ความพร้อมเครื่องมือ–กำลังพล:

  • เครื่องสูบน้ำ–รถดูดโคลน–กระสอบทราย–แผ่นเหล็กชั่วคราว–ไฟส่องสว่าง ต้องอยู่ในตำแหน่งเสี่ยงพร้อมใช้
  • ทีม โยธา–ปภ.–ทหาร–อปท. บูรณาการเวรยาม 24 ชม. ในช่วงฝนพีก

ดร.สุรสีห์ สรุปหลังลงพื้นที่ว่า จังหวัดเชียงรายและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขยับโจทย์หลักครบด้าน แล้วทั้งโครงสร้าง–ข้อมูล–สื่อสาร–อุปกรณ์ แต่เน้นย้ำ อย่าประมาท” และต้องรักษาวินัยการแจ้งเตือนล่วงหน้า เพื่อปกป้อง ชีวิต–ทรัพย์สิน ตามนโยบายรัฐบาล

เสียงจากพื้นที่ “ทำงานเชิงรุกตั้งแต่ยังไม่ตก”

ด้านพื้นที่ แม่สาย หน่วยงานฝ่ายปกครองและท้องถิ่นรายงานความพร้อม แผนเฝ้าระวังระดับน้ำ–ซ่อมโครงสร้าง–และจุดอพยพ โดยเฉพาะ ชุมชนริมน้ำ–ตลาด–โรงเรียน ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากน้ำหลากที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า “ยุทธวิธีปีนี้” คือการ ลงมือก่อน ไม่รอฝนตกหนักแล้วค่อยยกระสอบทราย

ในตัวเมืองเชียงราย หน่วยงานสาธารณูปโภคเตรียม เคลียร์ท่อระบายน้ำ–ทางน้ำลัด–แก้มลิง ให้เปิดทางรับน้ำฝน โครงการ ซักซ้อมอพยพย่อม (micro drill) ในชุมชนเสี่ยงเริ่มทยอยทำ เพื่อให้ประชาชน จำทางหนีไฟของน้ำ ได้โดยอัตโนมัติ

บริบท “คุณภาพน้ำ” กลางฝนหลวง สารหนูคืออะไร–เสี่ยงอย่างไร–ประชาชนควรทำอะไร

สารหนู (Arsenic) เป็นโลหะกึ่งโลหะที่พบได้ตามธรรมชาติในดิน–หิน และอาจปนเปื้อนสู่แหล่งน้ำได้จาก กระบวนการทางธรณี หรือกิจกรรมของมนุษย์ในบางบริบท ความเสี่ยงต่อสุขภาพขึ้นกับ ระดับความเข้มข้น–ระยะเวลาการสัมผัส–และวิธีการรับสัมผัส หลักการกว้าง ๆ คือ น้ำสำหรับดื่มกิน ต้องผ่านกระบวนการบำบัดให้ได้มาตรฐาน ≤ 0.01 มก./ลิตร ส่วนการใช้เพื่อเกษตรมี เกณฑ์สูงกว่า และต้องติดตาม ความเสี่ยงการสะสม ในพืช–สัตว์น้ำเป็นกรณีไป

ผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำตามมาตรฐานคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำผิวดิน จากการเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำ ครั้งที่ 8 เมื่อวันที่ 21 – 25 กรกฎาคม 2568

“แม่น้ำกก” พบว่าสารหนูมีค่าสูงเกินค่ามาตรฐานฯ ทุกจุดตรวจวัด ตั้งแต่บริเวณชายแดนไทย – พม่า อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จนถึงบริเวณ ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย (KK01 -KK015) โดยมีค่าอยู่ในช่วง น้อยกว่า 0.010 – 0.016 มิลลิกรัมต่อลิตร (มก./ล.) (มาตรฐานไม่เกิน 0.010 มก./ล.) ดังนี้

  • KK01 ชายแดนไทย-พม่า ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีค่าสารหนู 018 มก./ล.
  • KK02 สะพานมิตรภาพแม่นาวาง-ท่าตอน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย มีค่าสารหนู 029 มก./ล.
  • KK03 สะพานสองดินแดนบ้านแม่สลัก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีค่าสารหนู 016 มก./ล.
  • KK04 บ้านจะเด้อ หมู่ 6 ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนู น้อยกว่า 010 มก./ล.
  • KK05 สะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 011 มก./ล.
  • KK06 บ้านโป่งนาคำ ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 014 มก./ล.
  • KK07 สะพานข้ามแม่น้ำกก ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 011 มก./ล.
  • KK08 สะพานแม่ฟ้าหลวง ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 014 มก./ล.
  • KK09 สะพานเฉลิมพระเกียรติ1 ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 017 มก./ล.
  • KK10 ฝายเชียงราย ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 013 มก./ล.
  • KK11 สะพานริมกก-เวียงเหนือรวมใจ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 017 มก./ล.
  • KK12 สะพานโยนกนาคนคร ต.แม่ข้าวต้ม อ.เมือง มีค่าสารหนู 011 มก./ล.
  • KK013 ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน มีค่าสารหนู น้อยกว่า 010 มก./ล.
  • KK014 ต.หนองป่าก่อ อ.ดอยหลวง มีค่าสารหนู 018 มก./ล.
  • KK015 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน มีค่าสารหนู น้อยกว่า 010 มก./ล.

แม่น้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำกก (แม่น้ำฝาง FA01 แม่น้ำกรณ์ KO01 แม่น้ำสรวย SU01 และแม่น้ำลาว LA01) คุณภาพน้ำมีค่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด คุณภาพน้ำของแม่น้ำที่เป็นจุดอ้างอิง และลำน้ำสาขาของแม่น้ำกกยังมีค่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย

แม่น้ำสาย” สารหนู (As) เกินมาตรฐาน ทั้ง 3 จุด ดังนี้

  • SA01 บ้านหัวฝาย ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 055 มก./ล.
  • SA02 สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 053 มก./ล.
  • SA03 บ้านป่าซางงาม ม.6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 052 มก./ล.

แม่น้ำรวก” สารหนู (As) เกินมาตรฐาน ทั้ง 2 จุด ดังนี้

  • RU01 สถานีสูบน้ำเกาะช้าง การประปาส่วนภูมิภาค อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 040 มก./ล.
  • RU02 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย จุดปลายน้ำรวกก่อนลงแม่น้ำโขง มีค่าสารหนู น้อยกว่า 010 มก./ล.

แม่น้ำโขง” สารหนู (As) สูงเกินค่ามาตรฐาน ทั้ง 3 จุด ดังนี้

  • NK01 จุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีค่าสารหนู น้อยกว่า 010 มก./ล.
  • NK02 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีค่าสารหนู 012 มก./ล.
  • NK03 บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย มีค่าสารหนู น้อยกว่า 010 มก./ล.

ประชาชนควรปฏิบัติอย่างไรในช่วงเฝ้าระวังน้ำหลาก?

  • อย่าใช้น้ำจากแม่น้ำ–ลำห้วยดื่มโดยตรง ให้ใช้น้ำประปาที่ผ่านมาตรฐาน หรือใช้น้ำบรรจุขวดที่ได้รับการรับรอง
  • ติดตามประกาศคุณภาพน้ำ จากจังหวัด/สาธารณสุข/การประปา หากอยู่ในพื้นที่เกษตร–ประมง ให้สอบถามคำแนะนำเฉพาะพื้นที่
  • จัดทำ แผนฉุกเฉินครัวเรือน: ย้ายปลั๊กไฟ–เครื่องใช้ไฟฟ้า–เอกสารสำคัญขึ้นที่สูง เตรียมของจำเป็น 3–5 วัน
  • รู้ จุดปลอดภัย–เส้นทางอพยพ และเฝ้าระวัง ผู้สูงอายุ–ผู้ป่วย–เด็กเล็ก เป็นพิเศษ

สถิติชวนคิด ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ช่วง ส.ค.–ก.ย. มักเป็นเดือนที่ ฝนสูงสุดของภาคเหนือ และเป็นหน้าต่างที่เกิด น้ำหลาก–ดินถล่ม สูงสุดตามสภาพภูมิอากาศเขตร้อนชื้น การมี “แผนส่วนบุคคล” ควบคู่ “แผนจังหวัด” จึงสำคัญพอกัน

ภาพใหญ่ของความพร้อม เมื่อวิทยาศาสตร์–วิศวกรรม–การสื่อสาร ต้องเดินพร้อมกัน

การจัดการน้ำยุคใหม่ไม่ได้จบที่ “เขื่อน–พนัง–ท่อ” เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเชื่อม วิทยาศาสตร์ข้อมูล (พยากรณ์ฝน–น้ำท่า–ความชื้นดิน) กับ การตัดสินใจหน้างาน และ การสื่อสารที่ประชาชนเข้าใจทันที การประชุมของ สทนช. ครั้งนี้จึงวาง สามขาค้ำยัน ไว้ครบถ้วน

  1. ขาโครงสร้าง (Infrastructure) — ซ่อม–เสริม–พร่อง ให้แหล่งรองรับน้ำพร้อมใช้ก่อนฝนถึง
  2. ขาข้อมูล (Intelligence) — ใช้พยากรณ์เฉพาะพื้นที่–ภาพถ่ายดาวเทียม–โทรมาตรน้ำฝน/ระดับน้ำ ตัดสินใจอย่างมีหลักฐาน
  3. ขาสื่อสาร (Interface) — แปลข้อมูลยากให้เป็น “สารเตือนง่าย ๆ” ที่ชุมชนทำตามได้ทันที

เมื่อสามขานี้ขยับพร้อมกัน โอกาส ลดความเสียหาย–เพิ่มเวลาตัดสินใจ จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

 “ทันก่อน—ทันระหว่าง—ทันหลัง” วงจรรับมือน้ำหลากเชียงราย

เชียงรายกำลังเผชิญช่วงเวลาสำคัญของปี—ปลายสิงหาคมถึงกันยายน การที่ สทนช. ลงพื้นที่ ตรวจงานซ่อมพนัง กำหนดเส้นตายก่อนพายุ วางแผนพร่องน้ำอ่าง และขอความร่วมมือทุกหน่วยเตือนประชาชนเชิงรุก เป็นสัญญาณว่า เครื่องมือกำลังเดิน อยู่ที่ “วินัยการปฏิบัติ” ของทุกภาคส่วนจะรักษา สามทัน ต่อไปได้หรือไม่

  • ทันก่อน: ปิดจุดอ่อน–พร่องน้ำ–กระจายเครื่องมือ
  • ทันระหว่าง: เตือนเร็ว–รายงานไว–เข้าพื้นที่ชุมชนทันที
  • ทันหลัง: เก็บกู้–ประเมินความเสียหาย–ฟื้นฟูแบบยืดหยุ่น–ตรวจคุณภาพน้ำต่อเนื่อง

หากทำได้ครบวงจร ความเสียหายจากน้ำหลากก็จะ ลดระดับ จาก “วิกฤต” เหลือ “เหตุการณ์ที่จัดการได้” และเปลี่ยนพายุปลายสิงหาที่น่าวิตก ให้เป็น บทพิสูจน์ความพร้อมของทั้งระบบ ที่ประชาชนสัมผัสได้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) — ข้อมูลการประชุม คณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำโขงเหนือ ครั้งที่ 10/2568 และข้อสั่งการลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย
  • กรมอุตุนิยมวิทยา (TMD) — คาดการณ์สภาวะอากาศปลายเดือนสิงหาคม 2568 สำหรับภาคเหนือ/ลุ่มน้ำโขงเหนือ และคำเตือนหย่อมความกดอากาศต่ำ–พายุโซนร้อน
  • สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) — ข้อมูลแผนที่ความชื้นในดินและภาพถ่ายดาวเทียมประกอบการประเมินเสี่ยงน้ำหลาก
  • กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) / กระทรวงสาธารณสุข / การประปาส่วนภูมิภาค — แนวทางมาตรฐานคุณภาพน้ำสำหรับอุปโภค–บริโภค (สารหนู ≤ 0.01 มก./ลิตร หลังบำบัด) และหลักการสื่อสารความเสี่ยงต่อประชาชน
  • จังหวัดเชียงราย / อำเภอแม่สาย / ปภ. — แผนเฝ้าระวังและรับมืออุทกภัยระดับจังหวัด–อำเภอ การเตรียมเครื่องจักร–จุดอพยพ–ระบบแจ้งเตือนในพื้นที่เสี่ยง
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 1/1 เชียงราย — ข้อมูลสนับสนุนการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำและคำแนะนำต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เหนือรับมือฝน! รองนายกฯ ประเสริฐ สั่งเข้มคุณภาพน้ำ-กันอุทกภัย

รองนายกรัฐมนตรี “ประเสริฐ” ลงพื้นที่ภาคเหนือ สั่งการเข้มทุกหน่วย แก้ปัญหาคุณภาพน้ำ-ป้องกันอุทกภัย ชูแผนบูรณาการข้ามจังหวัดและประชาสัมพันธ์โปร่งใส

เชียงใหม่, 16 มิถุนายน 2568 – สถานการณ์คุณภาพน้ำและภัยพิบัติในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด ภายใต้ความห่วงใยของนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันมาตรการทั้งเชิงรุกและระยะยาว เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของประชาชนในหลายจังหวัดสำคัญ โดยเฉพาะเชียงราย เชียงใหม่ และลำพูน ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ของลุ่มน้ำภาคเหนือ

การประชุมติดตามสถานการณ์ – ผนึกกำลังวางแผนรับมือแบบรอบด้าน

วันที่ 16 มิถุนายน 2568 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เป็นประธานการประชุมติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง และมาตรการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสาม ได้แก่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร (เชียงใหม่) นายชรินทร์ ทองสุข (เชียงราย) และนายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ (ลำพูน) ร่วมรายงานสถานการณ์และแนวทางปฏิบัติ ผ่านการประชุม ณ สำนักงานชลประทานที่ 1 จ.เชียงใหม่

ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และส่วนราชการที่รับผิดชอบในพื้นที่ ได้ร่วมกันนำเสนอผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำ แนวทางการเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่อาจมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม–กันยายน ขณะที่ จ.ลำพูน อาจเผชิญน้ำท่วมในเดือนตุลาคม

ข้อสั่งการของรัฐบาล – ย้ำ “โปร่งใส ตรวจสอบได้ ดูแลประชาชนถึงรากหญ้า”

นายประเสริฐฯ ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ระบุชัดว่ารัฐบาลตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสารหนูและโลหะหนักที่ตรวจพบในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงสั่งการให้กรมควบคุมมลพิษร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในจุดเสี่ยง เผยแพร่ข้อมูลผลตรวจวัดคุณภาพน้ำและความเสี่ยงต่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ และต้องมีระบบเตือนภัยด้านคุณภาพน้ำที่รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์

นอกจากนี้ ให้กรมควบคุมโรค กรมอนามัย และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตรวจสุขภาพประชาชนในพื้นที่อย่างครอบคลุม โดยเน้นการคัดกรองโรคจากสารหนูและโลหะหนัก พร้อมติดตามผลในระยะยาว ส่วนการประปาส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้จัดเตรียมน้ำดื่มสะอาดสำรอง วางแผนระยะยาวในการจัดหาแหล่งน้ำดิบคุณภาพดี และพัฒนาระบบประปาหมู่บ้านให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเสี่ยงอย่างยั่งยืน

กรมทรัพยากรน้ำได้รับมอบหมายให้เร่งสำรวจ ออกแบบจุดชะลอน้ำและฝายดักตะกอนตามแผนงานเดิม โดยให้รับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่อย่างรอบด้าน และพัฒนาแหล่งน้ำผิวดินแห่งใหม่ให้เพียงพอต่อความต้องการ ขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหน่วยงานท้องถิ่นต้องเร่งประเมินและเยียวยาผลกระทบทั้งในภาคเกษตรและการท่องเที่ยว พร้อมแนะแนวทางปรับตัวและฟื้นฟูอาชีพสำหรับผู้ได้รับผลกระทบ

รับมือฝนใหญ่–แผนป้องกันอุทกภัยเต็มพิกัด

สทนช. คาดการณ์ฤดูฝนปีนี้ พื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่และเชียงราย จะมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน ขณะที่ลำพูนจะได้รับผลกระทบต่อเนื่องถึงตุลาคม รองนายกรัฐมนตรีประเสริฐ จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดโครงการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำปิง และการก่อสร้างพนังกั้นน้ำชั่วคราวให้แล้วเสร็จตามแผน พร้อมจัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องจักร และระบบสนับสนุนเผชิญเหตุให้ทันต่อสถานการณ์น้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน

พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดบูรณาการข้อมูลและเร่งประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำแก่ประชาชนในพื้นที่แบบโปร่งใส ทั่วถึงและทันเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เร่งตรวจสอบและลงพื้นที่–ประชาชนต้องได้รับผลลัพธ์ชัดเจน

หลังเสร็จสิ้นการประชุม รองนายกฯ ได้นำคณะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการขุดลอกแม่น้ำปิง บริเวณอนุสาวรีย์พระเจ้ากาวิละ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อตรวจประเมินประสิทธิภาพของมาตรการที่ได้ดำเนินการไปแล้ว พร้อมรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากชุมชนท้องถิ่นโดยตรง

วิเคราะห์และข้อเสนอเชิงนโยบาย

การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาน้ำและอุทกภัยในภาคเหนือแบบองค์รวม ด้วยการผนึกกำลังหลายหน่วยงาน ขับเคลื่อนการบูรณาการนโยบายและข้อมูลทั้งในระดับพื้นที่และส่วนกลาง การประชาสัมพันธ์ที่โปร่งใส และการรับฟังประชาชนในทุกมิติ จะเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความมั่นใจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

เชียงราย รับมือน้ำท่วมปี 68 ผู้ว่าฯ นำทัพเตรียมพร้อมเต็มสูบ

ผู้ว่าฯ เชียงราย นำทีมร่วมประชุม บกปภ.ช. เตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยฤดูฝน 2568 และติดตามแผนฝึกซ้อมเต็มรูปแบบ

เชียงราย, 16 มิถุนายน 2568 – ในช่วงฤดูฝนปี 2568 จังหวัดเชียงรายต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องภัยพิบัติทางน้ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุทกภัยที่มีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำรอยในหลายพื้นที่ ตามประวัติศาสตร์เหตุการณ์น้ำหลากและน้ำท่วมใหญ่ในรอบหลายปีที่ผ่านมา กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้ขับเคลื่อนการประชุมระดับชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว ภายใต้ความร่วมมือของทุกภาคส่วน

วางโครงสร้างบริหารจัดการน้ำและภัยพิบัติ – มาตรการเชิงรุก

การประชุมครั้งสำคัญนี้ จัดขึ้นในวันที่ 16 มิถุนายน 2568 โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธาน พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหัวหน้าส่วนราชการจากส่วนกลางและภูมิภาคร่วมประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ไปยังจังหวัดที่มีความเสี่ยงอุทกภัยทั่วประเทศ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมจากห้องประชุมธรรมลังกา ศาลากลางจังหวัดเชียงราย รายงานสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างละเอียด โดยจังหวัดเชียงรายมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก 126 แห่ง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเฉลี่ย 53.29% ของความจุรวม 190.842 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งยังบริหารจัดการได้ตามแผน Rule Curve นอกจากนี้ จังหวัดยังเร่งดำเนินโครงการขุดลอกตะกอนดินในอ่างเก็บน้ำ แก้มลิง และหน้าฝายทดน้ำ เพื่อเพิ่มศักยภาพการระบายน้ำหลาก มีปริมาณดินขุดรวมกว่า 5 ล้านลูกบาศก์เมตร

ยกระดับระบบเตือนภัย–เครือข่ายภาคประชาชน

เชียงรายได้ลงทุนติดตั้งสถานีโทรมาตรอัตโนมัติ 4 จุด ในพื้นที่แม่สาย และมีแผนติดตั้งอุปกรณ์วัดระดับน้ำ (STAFF GAUGE) อีก 21 จุด ตลอดแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ควบคู่กับการอบรมเครือข่ายประชาชนจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อเสริมศักยภาพการแจ้งเตือนภัยและประสานข้อมูลในภาวะฉุกเฉินอย่างทั่วถึง

สำหรับการฝึกซ้อมตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉิน จังหวัดเชียงรายร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ กำหนดจัดการฝึก Table Top Exercise (TTX) และฝึกปฏิบัติจริง (Field Exercise) ในพื้นที่แม่สายและชุมชนริมแม่น้ำกก รวม 3 กิจกรรมใหญ่ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ตลอดจนเตรียมความพร้อมเครื่องจักรกลหนัก รถดูดเลน เครื่องสูบน้ำ และกำลังพลประจำจุดเสี่ยงทุกอำเภอ รวมถึงจัดลำดับความสำคัญเฝ้าระวังพื้นที่สำคัญอย่างโรงพยาบาล ท่าอากาศยาน สนามบิน และสถานีผลิตไฟฟ้า

ชูบทบาทการสื่อสารข้อมูลจริง – คลายกังวลปัญหาสารปนเปื้อนน้ำกก

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวเน้นย้ำในที่ประชุมว่า จังหวัดเชียงรายยังต้องเผชิญปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำ ซึ่งเป็นผลกระทบจากกิจกรรมเหมืองแร่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) ที่ไหลลงสู่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ (ส่วนหน้า) ได้ประสานเจรจากับรัฐบาลเมียนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางออกเชิงระบบและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว พร้อมเน้นการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง ให้ประชาชนได้รับข่าวสารอย่างชัดเจนและครบถ้วน เพื่อลดความตื่นตระหนกและสร้างศักยภาพในการป้องกันตนเองจากสารปนเปื้อน

การมีส่วนร่วมของชุมชน–กุญแจสำคัญสู่ความยั่งยืน

การประชุมในครั้งนี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความพร้อมด้านบริหารจัดการภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างข้อมูล สาธารณูปโภค หรือเครือข่ายความร่วมมือจากภาคประชาชน ตั้งแต่ระดับครัวเรือนไปจนถึงระดับจังหวัด ทั้งยังได้เน้นย้ำเรื่องแผนซ้อมและการกระจายข้อมูลจริงที่มีคุณภาพ เพื่อเสริมศักยภาพในการเผชิญเหตุและลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้ได้มากที่สุด

บทสรุปและข้อเสนอแนะ

จากมาตรการต่าง ๆ ที่จังหวัดเชียงรายร่วมกับส่วนกลางกำลังดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการน้ำ เตรียมพื้นที่เสี่ยง การเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัย การบูรณาการข้อมูล และการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชน ล้วนเป็นรากฐานสำคัญในการปกป้องประชาชนจากภัยธรรมชาติและสร้างความมั่นใจในคุณภาพชีวิตในระยะยาว หากทุกภาคส่วนยังคงเดินหน้าทำงานอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสามารถลดผลกระทบและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพในฤดูฝนนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.)
  • ศูนย์ข้อมูลข่าวสารจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • รายงานสถานการณ์น้ำและแผนบริหารจัดการน้ำจังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
    (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สารหนูแม่น้ำกกยังสูง เชียงรายเร่งตรวจน้ำ-ปลา ประชาชนวอนขอผลชัดเจน

จังหวัดเชียงรายเดินหน้าแก้ปัญหาคุณภาพน้ำและพร้อมรับมืออุทกภัย บูรณาการหน่วยงานรัฐ-ชุมชนสร้างความเชื่อมั่นประชาชน

เชียงราย, 16 มิถุนายน 2568 – ในช่วงฤดูฝนปี 2568 จังหวัดเชียงรายต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ทั้งด้านคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายสำคัญและความเสี่ยงต่ออุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มน้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก และแม่น้ำโขง ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของชุมชน

ประชุมเร่งด่วนบูรณาการทุกภาคส่วน


วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมผ่าน VDO Conference กับจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน เพื่อรายงานและติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ และการป้องกันอุทกภัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายรายงานว่า ผลการตรวจคุณภาพน้ำโดยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 พบสารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง โดยเฉพาะในช่วงหลังฝายเชียงรายที่ค่าความเข้มข้นของสารหนูเกินมาตรฐานในระยะนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการเปิดประตูน้ำช่วงน้ำหลากและการขุดลอกลำน้ำที่ทำให้ตะกอนสารหนูลอยขึ้นปะปนในน้ำ อย่างไรก็ตาม ระดับสารหนูหลังฝายยังต่ำกว่าช่วงต้นน้ำกก

ตั้งศูนย์เฝ้าระวัง-ลงพื้นที่ตรวจเข้ม


จังหวัดเชียงรายจึงได้จัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3 จุดหลัก คือ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย สะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และสามเหลี่ยมทองคำ พร้อมเสนอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทีมตรวจสอบเคลื่อนที่เข้าสู่หมู่บ้าน/ชุมชน และเพิ่มความถี่ในการตรวจน้ำประปา โดยผลตรวจล่าสุดพบว่ายังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ขณะเดียวกัน สำนักงานประมงจังหวัดเชียงรายได้เก็บตัวอย่างสัตว์น้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย เพื่อตรวจสอบสารปนเปื้อนและโรคในตัวปลาอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 2 ครั้ง เช่นเดียวกับการเก็บตัวอย่างพืชผักที่ใช้น้ำจากแม่น้ำสายส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดเชียงราย ซึ่งยังไม่พบว่ามีค่าปนเปื้อนเกินมาตรฐาน

ด้านสุขภาพประชาชน สาธารณสุขจังหวัดเชียงรายเร่งดำเนินการเชิงรุก ทั้งตรวจร่างกาย เฝ้าระวังอาการผิดปกติ และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิด รพ.สต. ให้เป็นจุดเฝ้าระวังและรับแจ้งอาการผิดปกติที่อาจเกิดจากการบริโภคน้ำหรือสัตว์น้ำปนเปื้อน

แผนรับมืออุทกภัย เครื่องมือ-เครื่องจักรพร้อมรับสถานการณ์


ในด้านการรับมืออุทกภัย จังหวัดได้ทบทวนแผนและพื้นที่เสี่ยงทั่วลุ่มน้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำโขง และแม่น้ำรวก โดยติดตั้งโทรมาตร (อุปกรณ์วัดระดับน้ำ) กว่า 21 จุดตลอดแม่น้ำกก และพร้อมจัดซ้อมแผนรับมือภัยในเดือนมิถุนายน 2568 มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เสี่ยง เช่น แม่สาย เทิง แม่จัน พร้อมทั้งบริหารจัดการข้อมูล 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์บัญชาการประจำจังหวัด

หน่วยงานกรมการทหารช่างได้สร้างแนวป้องกันน้ำในแม่สายและขุดลอกแม่น้ำรวก รวมถึงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการขุดลอกแม่น้ำสายเพื่อป้องกันน้ำท่วมข้ามพรมแดน นอกจากนี้ ยังวางแผนสำรองเผชิญเหตุในระดับหมู่บ้านเพื่อดูแลพื้นที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ สนามบิน และสถานีผลิตน้ำประปา

ภาคประชาชน-ชุมชนร่วมมือ สร้างความมั่นใจในแหล่งอาหาร


เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 นายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลดงมหาวัน ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างปลาจากแม่น้ำกกเพื่อตรวจหาสารปนเปื้อน สะท้อนถึงความห่วงใยของชาวบ้านต่อแหล่งอาหารหลัก ซึ่งมีรายได้เสริมจากการจับปลาขาย แต่ต้องหยุดชะงักไปช่วงหนึ่งจากกระแสข่าวสารปนเปื้อนในน้ำ โดยชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานเร่งประกาศผลตรวจอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของชุมชน

วิเคราะห์แนวโน้ม-สร้างเสถียรภาพระยะยาว


การแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำและการบริหารจัดการภัยพิบัติในจังหวัดเชียงรายในขณะนี้ สะท้อนถึงความพยายามของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และชุมชน ในการสร้างระบบเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ ภารกิจที่ต้องดำเนินการต่อเนื่อง คือการสื่อสารสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับประชาชนให้รู้เท่าทันต่อสถานการณ์ อาศัยกลไกวิทยาศาสตร์การแพทย์และการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงระยะยาวต่อสุขภาพของประชาชนและความมั่นคงด้านอาหารในจังหวัด

สรุป


แม้สถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำกกจะยังคงน่าห่วง แต่จากการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ควบคู่กับการลงมือปฏิบัติจริง การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ และการสื่อสารกับประชาชนอย่างโปร่งใส ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงรายได้อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า จ.เชียงราย
    (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มิถุนายน 2568)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ซ้อมแผนน้ำท่วมเชียงราย เตรียมพร้อมรับมือ 2568

เชียงรายเตรียมพร้อมรับมืออุทกภัยปี 2568 ผนึกกำลังทุกภาคส่วน เสริมระบบเตือนภัย-ซักซ้อมแผนรับมือ ยกระดับความปลอดภัยประชาชน

เชียงราย, 3 มิถุนายน 2568 — ท่ามกลางความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกปี จังหวัดเชียงรายในฐานะจังหวัดที่มีภูมิประเทศติดลุ่มน้ำสำคัญของภาคเหนือ ยังคงให้ความสำคัญกับการรับมือและเตรียมความพร้อมเพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาอุทกภัย ซึ่งอาจเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง

การประชุมใหญ่ ผนึกกำลังหลายฝ่าย

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มีการจัดประชุมอบรมการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเชียงราย ประจำปี 2568 โดยมี พล.ต. จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 (ผบ.มทบ.37/ผบ.ศบภ.มทบ.37) มอบหมายให้ พ.อ. สิงหนาท โลสุยะ เสนาธิการมณฑลทหารบกที่ 37/เสธ.ศบภ.มทบ.37 เข้าร่วมประชุม ร่วมกับ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกว่า 15 หน่วยงาน เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ, ปภ., หน่วยกู้ภัย, มูลนิธิเพื่อนพึ่งพา และหน่วยงานท้องถิ่น

ปัญหาอุทกภัย บทเรียนจากอดีตสู่การวางแผนปี 2568

การประชุมในครั้งนี้มีเป้าหมายชัดเจน คือ การทบทวนมาตรการป้องกันน้ำท่วมในปี 2567 และเสนอแนะแนวทางป้องกันและลดความเสี่ยงในปี 2568 ซึ่งเชียงรายนับเป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเกือบทุกปี สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะอำเภอแม่สาย อำเภอเมืองเชียงราย และพื้นที่ติดแม่น้ำกก แม่น้ำโขง

ไพโรจน์ แอบยิ้ม ผู้ทรงคุณวุฒิลุ่มน้ำโขงเหนือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ได้นำเสนอแนวทางป้องกันน้ำท่วมปี 2568 พร้อมข้อสังเกตว่า

  1. การวิเคราะห์หน้าตัดลำน้ำยังไม่ครอบคลุมข้อมูลขุดลอกล่าสุด จึงต้องสำรวจสภาพปัจจุบันอย่างละเอียดมากขึ้น
  2. ควรขยายขอบเขตสำรวจให้เลยฝายเชียงราย เพื่อประเมินผลกระทบต่อการท่วมในพื้นที่
  3. แนะนำให้เพิ่มการสำรวจริมตลิ่ง เพื่อประเมินขอบเขตการขยายตัวของพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม

ระบบเตือนภัยน้ำท่วมปรับปรุง-ยกระดับ

อีกประเด็นสำคัญคือการนำเสนอระบบเตือนภัยน้ำท่วมแม่น้ำกก โดย ผศ.ดร.พงศ์พันธุ์ กาญจนการุณ ผู้ทรงคุณวุฒิลุ่มน้ำโขงเหนือ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ที่ระบุว่าระยะเวลาแจ้งเตือนภัยปัจจุบัน (จากสถานีสะพานมิตรภาพแม่นาวาง-ท่าตอน ถึงสะพานขังพญามังราย) มีเวลาประมาณ 11 ชั่วโมง ก่อนที่น้ำจะเข้าสู่เขตเมืองเชียงราย ควรเสริมระบบ Flood Mark หรือ Flood Map เพื่อแจ้งเตือนขอบเขตที่ชัดเจน พร้อมแนะนำให้เฝ้าระวังระบบอัตโนมัติในช่วงฤดูฝนเดือนสิงหาคม-กันยายน ที่อาจขัดข้องจากสภาพอากาศ

แผนฝึกอบรม-ซักซ้อมสร้างเครือข่ายปฏิบัติการจริง

จังหวัดเชียงรายได้กำหนดการฝึกอบรมการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยปี 2568 ในเดือนกรกฎาคม โดยจัดกิจกรรมครอบคลุม 3 วัน ได้แก่

  • วันแรก: ประชุมเชิงปฏิบัติการ ทบทวนแผนบรรเทาสาธารณภัย ศึกษาความรู้เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์
  • ภาคบ่าย: ฝึกจำลองสถานการณ์น้ำท่วมและแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
  • วันที่สอง: อบรมพัฒนาเครือข่ายเครื่องจักรกลสาธารณภัย
  • วันที่สาม: ซักซ้อมแผนอุทกภัยอำเภอแม่สาย โดยผนวกแผนงานของ ปภ. 15 จังหวัด ร่วมกับ มทบ.37 ใช้งบประมาณจากมูลนิธิเพื่อนพึ่งพา

ความท้าทายใหม่ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบันซับซ้อนมากขึ้นจากผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฝนตกหนักมากกว่าค่าเฉลี่ย การละลายของหิมะบนภูเขาในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำกก แม่น้ำโขงผันผวนรวดเร็ว การเตรียมพร้อมจึงต้องยึดข้อมูลจริงและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง

การบูรณาการคือคำตอบ

จากการประชุมในครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าการรับมืออุทกภัยของเชียงรายไม่ได้จำกัดอยู่เพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ต้องเกิดจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ภาคประชาชน นักวิชาการ และมูลนิธิเอกชน เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีบทบาทและพร้อมตอบสนองสถานการณ์ได้จริง หากบูรณาการแผนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เชียงรายจะสามารถลดผลกระทบจากอุทกภัยได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจของพื้นที่

เชียงรายเดินหน้าสู่เมืองปลอดภัยจากอุทกภัย

แผนเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัยปี 2568 ของจังหวัดเชียงราย เป็นตัวอย่างของการวางแผนเชิงรุกและยืดหยุ่น พร้อมผสานพลังกับเทคโนโลยีและฐานข้อมูลจริง สะท้อนการเรียนรู้และปรับตัวจากอดีตสู่อนาคต เพื่อให้ประชาชนเชียงรายอุ่นใจในทุกฤดูฝน

ประชุมการฝึกอบรมการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • รายงานประชุมเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดเชียงราย 3 มิ.ย. 2568
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ www.onwr.go.th
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย www.disaster.go.th
  • มณฑลทหารบกที่ 37
  • มูลนิธิเพื่อนพึ่งพา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ผู้ช่วย รมต. ลงเชียงราย เร่งแก้ปัญหาสารปนเปื้อน

รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาสารปนเปื้อนและอุทกภัยลุ่มน้ำกก–สาย เชียงราย เน้นบูรณาการทุกภาคส่วน มั่นใจคุณภาพน้ำปลอดภัย

ประเทศไทย, 28 พฤษภาคม 2568 –พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำคณะผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานจากส่วนกลาง ลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายอย่างต่อเนื่องเพื่อติดตามผลการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อน (สารหนู) ในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย รวมถึงประเมินสถานการณ์อุทกภัยที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ โดยได้รับความร่วมมือจากรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย หน่วยงานระดับอำเภอ กรมการทหารช่าง และองค์กรที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดและภูมิภาค

วิกฤตสิ่งแวดล้อมกับความหวังของคนเชียงราย

ปัญหาสารปนเปื้อนในลำน้ำกกและแม่น้ำสาย ถือเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลใจให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ใกล้เคียงมาอย่างต่อเนื่อง จากผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำที่ผ่านมาพบการปนเปื้อนของสารหนูในบางจุด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพชุมชน รวมถึงความปลอดภัยด้านประมง เกษตรกรรม และการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน

โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนและฤดูน้ำหลาก ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นและน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ได้ทำให้ประชาชนในหลายอำเภอ โดยเฉพาะแม่สายและเชียงแสน ต้องเผชิญกับทั้งปัญหาสารปนเปื้อนและความเสี่ยงจากอุทกภัยในเวลาเดียวกัน

 

ความร่วมมือเชิงบูรณาการ เร่งฟื้นฟูคุณภาพน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมธรรมลังกา ศาลากลางจังหวัดเชียงราย พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก พร้อมคณะผู้แทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมประชุมรับฟังรายงานสถานการณ์จากนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกภาคส่วน

ที่ประชุมได้นำเสนอภาพรวมการดำเนินงานในช่วงปีที่ผ่านมา โดยมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในน้ำแบบเฉพาะกิจ มีการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเป็นระยะ ร่วมกับมาตรการเสริมสร้างความเข้าใจและให้ข้อมูลแก่ประชาชนอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงโครงการพัฒนาระบบประปาให้ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประชาชนจะมีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอ

พลเอก นิพัทธ์ เน้นย้ำว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญอย่างสูงสุดกับความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชน โดยเน้นการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง โปร่งใส และชัดเจน พร้อมเปิดเผยว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนทุกมาตรการที่จังหวัดเชียงรายนำเสนอ และจะเร่งขับเคลื่อนให้การแก้ไขปัญหาเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง

ติดตามสถานการณ์อุทกภัย-สารปนเปื้อนแม่สายอย่างใกล้ชิด

หลังการประชุมคณะฯ ได้ลงพื้นที่สวนสาธารณะหาดนครเชียงราย ประเมินสถานการณ์น้ำท่วมริมแม่น้ำกก และตรวจงานขุดลอกเพื่อระบายน้ำ พร้อมเดินทางต่อไปยังเขื่อนเชียงรายและอำเภอแม่สาย เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำสาย

ในเวลา 14.30 น. พลเอก นิพัทธ์ พร้อมคณะ ได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย เดินทางเข้าสู่ศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) ที่ว่าการอำเภอแม่สาย เพื่อรับฟังรายงานจากนายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 16 ร่วมติดตามสถานการณ์

จุดสำคัญคือการลงพื้นที่ชุมชนหัวฝาย เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างแนวพนังกั้นน้ำชั่วคราวและกึ่งถาวรบริเวณริมแม่น้ำสาย ซึ่งดำเนินงานโดยกรมการทหารช่าง นำโดยพลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง รายงานว่าขณะนี้หน่วยงานได้เร่งขุดลอกลำน้ำรวก ระยะทางรวม 18 กิโลเมตร เพื่อเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วมขังในฤดูฝนปีนี้

การสื่อสารสร้างความเข้าใจ มุ่งมั่นลดความตื่นตระหนกและสร้างความมั่นใจ

นายภูมินทร ปลั่งสมบัติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย ในการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และสื่อสารข่าวสารให้ประชาชนรับรู้ตรงกันทุกภาคส่วน โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพน้ำและมาตรการป้องกันน้ำท่วม เพื่อคลายความวิตกกังวลและสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย

พลเอก นิพัทธ์ ยืนยันกับประชาชนจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ชายแดนว่า น้ำประปาในพื้นที่ปลอดภัย สามารถบริโภคได้ตามมาตรฐาน ขณะที่น้ำในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายยังคงใช้เพื่อการประมงและการเกษตรได้อย่างปกติ หน่วยงานสาธารณสุขจังหวัดได้ออกตรวจคัดกรองและดูแลสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวจากการปนเปื้อนสารหนู

การวิเคราะห์และข้อสังเกต จากวิกฤตสู่โอกาสสร้างระบบบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

เหตุการณ์ในครั้งนี้สะท้อนถึงความเข้มแข็งของการประสานงานระหว่างรัฐบาลกลาง จังหวัด และท้องถิ่นในการรับมือกับภัยพิบัติและปัญหาสิ่งแวดล้อมเชิงซ้อน แม้จะต้องเผชิญกับปัจจัยหลายประการ เช่น ภัยธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบจากกิจกรรมในพื้นที่ต้นน้ำฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา) แต่ด้วยระบบตรวจสอบคุณภาพน้ำและการแจ้งเตือนแบบบูรณาการ ส่งผลให้สามารถควบคุมและบริหารสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังพบว่ามาตรการขุดลอกลำน้ำและก่อสร้างแนวพนังกั้นน้ำ ได้ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดน้ำท่วมในช่วงฤดูฝน และลดผลกระทบต่อชุมชนในเขตลุ่มน้ำสายและลุ่มน้ำกกอย่างเห็นได้ชัด โดยชาวบ้านและเกษตรกรสามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา

สถิติและแหล่งอ้างอิง

  • ผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ: กรมควบคุมมลพิษ (2568) รายงานว่าปริมาณสารหนูในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ลดลงสู่ค่ามาตรฐานใน 90% ของจุดตรวจวัดในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
  • น้ำประปาจังหวัดเชียงราย: การประปาส่วนภูมิภาค รายงานคุณภาพน้ำผ่านเกณฑ์มาตรฐาน WHO ทุกสถานี
  • ขุดลอกลำน้ำรวก: กรมการทหารช่าง รายงานดำเนินการขุดลอกระยะทาง 18 กิโลเมตร เสร็จสมบูรณ์แล้ว 14 กิโลเมตร
  • เฝ้าระวังสุขภาพประชาชน: สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย รายงานการคัดกรองสุขภาพประชาชนในเขตเสี่ยงกว่า 7,000 คน ไม่พบผู้ป่วยโรคเฉียบพลันจากสารหนูในรอบ 6 เดือน
  • ข้อมูลประชาสัมพันธ์: สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย, OSS อำเภอแม่สาย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักนายกรัฐมนตรี
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • กรมการทหารช่าง
  • การประปาส่วนภูมิภาค
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (OSS) อำเภอแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

นายกฯ สั่ง ปภ.ติดตาม สถานการณ์แม่สาย

การลงพื้นที่ช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

เชียงราย, 25 พฤษภาคม 2568 – อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบหลายปี เมื่อฝนตกหนักในคืนวันที่ 23 ถึงเช้าวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 ส่งผลให้ชุมชนริมแม่น้ำสายหลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก น้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือน ตลาด และพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนจำนวนมาก เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายความสามารถของหน่วยงานภาครัฐในการจัดการภัยพิบัติ แต่ยังสะท้อนถึงความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อป้องกันภัยในอนาคต

ค่ำคืนแห่งน้ำท่วม

ในช่วงค่ำของวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ท้องฟ้าเหนืออำเภอแม่สายเริ่มมืดครึ้ม ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องหลายชั่วโมงทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่ไหลผ่านอำเภอแม่สาย เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชุมชนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ เช่น ชุมชนสายลมจอย ถ้ำผาจม เกาะทราย ไม้ลุงขน และเหมืองแดง ต้องเผชิญกับน้ำที่ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ถนน และร้านค้าในชั่วพริบตา ชาวบ้านหลายครอบครัวต้องรีบเก็บข้าวของขึ้นที่สูง บางครอบครัวที่ไม่ทันตั้งตัวต้องเผชิญกับความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและความมั่นคงในชีวิตประจำวัน

ความรุนแรงของน้ำท่วมในครั้งนี้เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่มากผิดปกติ ประกอบกับระบบระบายน้ำในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถรองรับมวลน้ำขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ชุมชนสายลมจอยและถ้ำผาจมกลายเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำและใกล้กับแม่น้ำสาย น้ำโคลนและตะกอนที่ไหลมากับน้ำท่วมยังทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ในบ้านเรือนและพื้นที่สาธารณะ ทำให้การฟื้นฟูหลังน้ำลดเป็นภารกิจที่ท้าทาย

การตอบสนองจากภาครัฐ ความห่วงใยจากผู้นำ

เมื่อข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สายแพร่กระจายออกไป นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และสั่งการให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการบรรเทาสาธารณภัย ดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยนายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รับมอบหมายให้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เวลา 16.00 น. นายภาสกร พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางไปยังด่านศุลกากรอำเภอแม่สาย เพื่อร่วมประชุมรับฟังรายงานจากหน่วยงานในพื้นที่ นำโดยนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พลโท สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง และนางสาวปิยะรัฐชย์ ติยะไพรัช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การประเมินความเสียหาย การจัดการสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบัน และการวางแผนฟื้นฟูพื้นที่ในระยะยาว

นายภาสกร เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สายเกิดจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 23-24 พฤษภาคม ซึ่งส่งผลกระทบต่อชุมชนหลายแห่ง โดยเฉพาะชุมชนสายลมจอยและถ้ำผาจมที่ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่เหล่านี้ กรมการทหารช่างได้ดำเนินการก่อสร้างพนังกั้นน้ำเพื่อป้องกันน้ำไหลเข้าสู่เขตเศรษฐกิจและชุมชน แต่การก่อสร้างต้องหยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้ คาดว่าหลังจากฝนทิ้งช่วงในต้นเดือนมิถุนายน 2568 การก่อสร้างจะสามารถดำเนินต่อได้ตามแผน

สายสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและประชาชน

หลังจากการประชุม นายภาสกรและคณะได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่เชื่อมโยงการค้าชายแดนระหว่างไทยและเมียนมา สะพานแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้การสัญจรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก นอกจากนี้ คณะยังได้เยี่ยมเยียนและให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบในชุมชนสายลมจอย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสียหายหนักจากการถูกน้ำโคลนท่วมขัง เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงทหาร ตำรวจ และอาสาสมัคร ได้ร่วมกันทำความสะอาดบ้านเรือนและถนน เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

ในวันเดียวกัน นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะกรรมการและสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สาย ได้ลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานและมอบความช่วยเหลือแก่ประชาชน การลงพื้นที่ครั้งนี้เน้นการเยี่ยมเยียนชุมชนที่ได้รับผลกระทบ เช่น ชุมชนถ้ำผาจม สายลมจอย เกาะทราย ไม้ลุงขน และเหมืองแดง เพื่อประเมินความต้องการของประชาชนและมอบสิ่งของจำเป็น เช่น ชุดทำความสะอาดและเวชภัณฑ์

การจัดการด้านสาธารณสุข ความปลอดภัยของประชาชน

นอกเหนือจากการฟื้นฟูพื้นที่ น้ำท่วมครั้งนี้ยังก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพน้ำและสุขภาพของประชาชน ดร.นพ.สราวุฒิ บุญสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 1 ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ร่วมกับศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ โรงพยาบาลแม่สาย และเทศบาลตำบลแม่สาย ตรวจสอบคุณภาพน้ำผิวดินในแม่น้ำสายบริเวณจุดเสี่ยง 4 แห่ง ได้แก่ บ้านสันมะนะ บ้านป่าซางงาม บ้านป่าแดง และศูนย์พักพิงชั่วคราววัดพรหมวิหาร การตรวจสอบนี้มีเป้าหมายเพื่อเฝ้าระวังการปนเปื้อนของสารเคมีและเชื้อโรคในน้ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่ามีสารหนูเกินค่ามาตรฐานในน้ำผิวดินบริเวณแม่น้ำกกในอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ และใน 6 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย เชียงแสน แม่จัน เวียงชัย เวียงเชียงรุ้ง และแม่สาย อย่างไรก็ตาม ไม่พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในน้ำประปา พืชผัก ปลา หรือในปัสสาวะของประชาชนกลุ่มเสี่ยง และยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการจากการได้รับสารหนู ผลการตรวจสอบนี้ช่วยลดความตื่นตระหนกของประชาชนและสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของน้ำในช่วงน้ำท่วม

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังได้จัดทีมแพทย์และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมกลุ่มเปราะบางจำนวน 94 ราย และช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง 7 ราย โดยอพยพไปยังบ้านญาติชั่วคราว ทีม MCATT (Mobile Community Assessment and Treatment Team) ได้ให้คำแนะนำด้านสุขอนามัยและสุขภาพจิต พร้อมมอบชุดปฐมพยาบาลและถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน โรงพยาบาลในพื้นที่ได้จัดตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มเปราะบาง รองรับได้ 8-24 เตียง พร้อมเปิดช่องทางประสานงานสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการยาหรือการรักษาในกรณีฉุกเฉิน

การฟื้นฟูและป้องกันในอนาคต

เพื่อจัดการกับสถานการณ์น้ำท่วมในระยะยาว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการหลายมาตรการเพื่อฟื้นฟูพื้นที่และป้องกันภัยในอนาคต กรมการทหารช่างได้เร่งก่อสร้างพนังกั้นน้ำและเสริมแนวป้องกันน้ำในจุดที่อ่อนแอ เช่น บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 และชุมชนสายลมจอย นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม 6 เครื่อง เพื่อเตรียมรับมือกับมวลน้ำที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อำเภอแม่สายที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนอย่างทันท่วงที

จังหวัดเชียงรายได้แบ่งพื้นที่ฟื้นฟูออกเป็น 4 โซน ได้แก่ โซน A (ชุมชนสายลมจอย) โซน B (ชุมชนเกาะทราย) โซน C (ชุมชนไม้ลุงขน) และโซน D (ชุมชนเหมืองแดง) โดยมอบหมายให้ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) ร่วมกันทำความสะอาดและฟื้นฟูบ้านเรือนของประชาชน การดำเนินการเหล่านี้ช่วยให้ชุมชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว และยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่

บทเรียนจากน้ำท่วม

เหตุการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สายครั้งนี้สะท้อนถึงความท้าทายในการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ชายแดนที่มีความซับซ้อนทั้งในด้านภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ การตอบสนองอย่างรวดเร็วของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ไปจนถึงอาสาสมัครและชุมชนท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของระบบการจัดการภัยพิบัติในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การที่น้ำท่วมเกิดขึ้นซ้ำซากในพื้นที่เดียวกันชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น พนังกั้นน้ำและระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ การตรวจพบสารหนูในน้ำผิวดินบางพื้นที่ยังเป็นสัญญาณเตือนถึงความสำคัญของการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในช่วงน้ำท่วม การที่หน่วยงานสาธารณสุขสามารถตรวจสอบและยืนยันความปลอดภัยของน้ำประปาและอาหารได้อย่างรวดเร็วนั้นช่วยลดความตื่นตระหนกและสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชน แต่ในระยะยาว การพัฒนาระบบตรวจสอบและจัดการคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่องจะเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

จากรายงานของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ณ วันที่ 25 พฤษภาคม 2568:

  • จำนวนครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ: 1,245 ครัวเรือนใน 5 ชุมชน (สายลมจอย เกาะทราย ไม้ลุงขน เหมืองแดง และถ้ำผาจม)
  • พื้นที่เกษตรที่เสียหาย: ประมาณ 320 ไร่ ส่วนใหญ่เป็นนาข้าวและพืชสวน
  • ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน: ถนน 12 สายในอำเภอแม่สายได้รับความเสียหาย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15 ล้านบาท
  • จำนวนผู้ป่วยติดเตียงที่ได้รับการอพยพ: 7 ราย
  • กลุ่มเปราะบางที่ได้รับการดูแล: 94 ราย
  • ปริมาณน้ำฝน: วัดได้ 180 มิลลิเมตรในช่วง 24 ชั่วโมง (23-24 พ.ค. 2568)
  • จุดตรวจคุณภาพน้ำ: 4 จุดในแม่น้ำสาย พบสารหนูเกินค่ามาตรฐานใน 2 จุด (บ้านสันมะนะและบ้านป่าซางงาม)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กรมการทหารช่าง
  • สำนักนายกรัฐมนตรี
  • เหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่
  • เทศบาลตำบลแม่สาย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
NEWS UPDATE

ครม.ทุ่ม 2 พันล้าน ฟื้นฟู ‘ถนนเชียงราย’ พร้อม 16 จังหวัด

ครม.อนุมัติงบกลาง 2,049.69 ล้านบาท ฟื้นฟูถนนเสียหายจากอุทกภัย เน้นเชียงรายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญ

เชียงราย, 6 พฤษภาคม 2568 – เวลา 11.35 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม 2,049.69 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติใน 17 จังหวัด โดยมีจังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญในการเร่งดำเนินการฟื้นฟู

การจัดสรรงบประมาณแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ กรมทางหลวง 1,619.90 ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท 429.79 ล้านบาท เพื่อใช้ซ่อมแซมและปรับปรุงเส้นทางคมนาคมหลักและรองที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในช่วงเดือนพฤษภาคม–ตุลาคม 2567 โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

เชียงราย จุดวิกฤตโครงข่ายถนนภาคเหนือ

จังหวัดเชียงรายได้รับการจัดสรรงบประมาณจากทั้งสองหน่วยงานรวมเป็นจำนวนมากที่สุดแห่งหนึ่ง เนื่องจากพบความเสียหายสะสมต่อเนื่องหลายระลอกจากพายุฤดูฝน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ทำให้ถนนสายหลักอย่างแม่สรวย-เทิง และแม่จัน-เชียงแสน ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง รวมถึงสะพานขาดในหลายจุด

จากข้อมูลของกรมทางหลวง พบว่าในเดือนกันยายน 2567 อิทธิพลจากพายุ “ยางิ” ทำให้พื้นที่ 10 จุดในจังหวัดเชียงรายไม่สามารถสัญจรได้ ดินสไลด์และคอสะพานขาดหลายแห่ง โดยเฉพาะในอำเภอเมือง แม่สาย เวียงแก่นและเทิง ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนและส่งผลต่อภาคขนส่งอย่างกว้างขวาง

กรมทางหลวงชนบทรายงานเพิ่มเติมว่าในปีเดียวกัน มีอย่างน้อย 9 สายทางในเชียงรายถูกน้ำกัดเซาะ ถนนทรุดตัว และสะพานพังเสียหาย ไม่สามารถใช้งานได้ รวมถึงทางเชื่อมไปยังพื้นที่ชายแดนที่มีบทบาททางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เช่น จุดผ่านแดนถาวรแม่สาย

งบกลางฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานเพื่อประชาชน

สำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า การจัดสรรงบกลางครั้งนี้ มุ่งเน้นให้การซ่อมแซมถนนและสะพานเป็นไปอย่างเร่งด่วนภายในปีงบประมาณ 2568 โดยเบิกจ่ายในหมวดงบลงทุนค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และดำเนินการฟื้นฟูในพื้นที่ 17 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย เลย ภูเก็ต ยะลา พิษณุโลก อุดรธานี หนองคาย และกาญจนบุรี

ภาพรวมความเสียหายทั่วประเทศ ปี 2567

ในช่วงกลางปี (ก.ค.–ส.ค.) ทช. รายงาน 7 สายทางได้รับผลกระทบในจังหวัดตาก กาญจนบุรี จันทบุรี และตราด โดย 6 สายทางไม่สามารถสัญจรได้ ขณะที่ทล. รายงานความเสียหาย 10 จุดในเชียงรายและแพร่ โดย 9 จุดไม่สามารถใช้งานได้

ช่วงปลายปี (ต.ค.–ธ.ค.) ความเสียหายขยายวงกว้างไปยังภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา ปัตตานี นราธิวาส และยะลา ทล. รายงานว่า 63 จุดเสียหาย และมี 47 จุดไม่สามารถใช้งานได้ ส่วนทช. รายงาน 97 สายทางได้รับความเสียหายใน 6 จังหวัด โดย 66 สายทางใช้การไม่ได้

ปี 2568 ฟื้นฟูเพื่อป้องกันวิกฤตซ้ำซาก

รัฐบาลได้เตรียมการฟื้นฟูเชิงรุก โดย ครม. ยังอนุมัติงบกลางปี 2567 เพิ่มเติมอีก 3,017 ล้านบาท สำหรับซ่อมแซมความเสียหายในอีก 39 จังหวัดทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีแผนวางระบบบริหารความเสี่ยงและเตรียมพร้อมรับมือภัยธรรมชาติในปี 2568 โดยเน้นการเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น

เชียงรายในฐานะศูนย์กลางฟื้นฟูภาคเหนือ

เชียงรายไม่เพียงได้รับผลกระทบรุนแรงจากภัยธรรมชาติในปีที่ผ่านมา แต่ยังเป็นจังหวัดที่มีบทบาทสำคัญด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจชายแดน การฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานในเชียงรายจึงเป็นประเด็นยุทธศาสตร์ที่ต้องดำเนินการควบคู่กับการส่งเสริมภาคการขนส่ง การท่องเที่ยว และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก

สถิติที่เกี่ยวข้อง (ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2568)

  • จังหวัดเชียงราย ได้รับการจัดสรรงบรวมจาก ทล. และ ทช. เป็น 2 ใน 17 จังหวัด
  • ทล. รายงานความเสียหายในเชียงราย 10 จุด ในช่วง พ.ค.–ธ.ค. 2567
  • ทช. รายงานสายทางเสียหายในเชียงราย 9 สายทาง
  • งบกลางปี 2568 ฟื้นฟู 17 จังหวัด รวมวงเงิน 2,049.69 ล้านบาท (ทล. 1,619.90 ล้านบาท / ทช. 429.79 ล้านบาท)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักนายกรัฐมนตรี (แถลงข่าว ครม. 6 พ.ค. 2568)
  • กระทรวงคมนาคม
  • กรมทางหลวง
  • กรมทางหลวงชนบท
  • สำนักงบประมาณ (สงป.)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย เร่งเคลียร์แม่กก สกัดภัยป้องกันน้ำท่วมซ้ำ

อบจ.เชียงรายเร่งสำรวจ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำแม่กก ป้องกันน้ำท่วมซ้ำรอย

อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่ตรวจสอบเร่งด่วน

เชียงราย,วันที่ 18 เมษายน 2568 – เวลา 09.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มอบหมายให้นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นายวสันต์ วงศ์ดี ผู้อำนวยการสำนักช่าง และนางสาวปราณปรียา โพธิเลิศ ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่สำรวจจุดสนับสนุนการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำบริเวณแม่น้ำกก อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเตรียมการป้องกันปัญหาอุทกภัยอย่างเร่งด่วน

ต้นเหตุการเร่งสำรวจและดำเนินการ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มีข้อสั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย สำรวจสิ่งกีดขวางทางน้ำแม่กก โดยพบสิ่งกีดขวางจำนวน 20 จุด ตั้งแต่สะพานถนนเลี่ยงเมืองตะวันตก ถึงสะพานเฉลิมพระเกียรติ (โรงเรียนเทศบาล 6)

จังหวัดเชียงรายจึงได้จัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 โดยมอบหมายให้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางใน 3 จุดหลัก ได้แก่ โรงแรมเดอะเลเจนด์ ร้านลีลาวดี และเกาะกลางน้ำชุมชนป่าแดง

การดำเนินงานสำรวจและประเมินปัญหาอย่างรอบคอบ

ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้นำทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณภัย ลงสำรวจและเก็บข้อมูลรายละเอียดสภาพพื้นที่อย่างรอบคอบ เพื่อวางแผนและออกแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม โดยเฉพาะการใช้เครื่องจักรกลหนักขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เพื่อการกำจัดสิ่งกีดขวางให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและรวดเร็ว

บูรณาการความร่วมมือท้องถิ่น แก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน

นายจิราวุฒิ แก้วเขื่อน รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้กล่าวว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ได้มีการประสานความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา และช่วยกันดูแลรักษาสภาพลำน้ำในระยะยาว รวมทั้งให้ชุมชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอุทกภัย

ความเชื่อมั่นและการดำเนินงานตามนโยบายจังหวัด

การที่จังหวัดเชียงรายมอบหมายภารกิจสำคัญนี้ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายดำเนินการ เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของหน่วยงานจังหวัดที่มีต่อการบริหารงานของ อบจ.เชียงราย ภายใต้การนำของนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ซึ่งมีนโยบายหลักในการ “กระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน” เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม

จุดวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขในระยะยาว

จากข้อมูลการสำรวจพบว่าสิ่งกีดขวางทางน้ำส่วนใหญ่เกิดจากเศษวัสดุธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างที่ไม่เหมาะสมในพื้นที่ลำน้ำ การแก้ไขในระยะยาวจึงต้องเน้นที่การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น และการสร้างจิตสำนึกของชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของลำน้ำ

สถิติที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการลำน้ำแม่กก

จากรายงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปี 2567 ระบุว่า จังหวัดเชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมบ่อยครั้งในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะลุ่มน้ำกกมีประวัติการเกิดอุทกภัยมากกว่า 3 ครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 10,000 ครัวเรือน และพื้นที่การเกษตรกว่า 20,000 ไร่ (ที่มา: กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, 2567)

ดังนั้น การดำเนินการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยบรรเทาความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยแล้ว ยังเป็นมาตรการป้องกันที่จำเป็นต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวเชียงรายในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

“กันน้ำท่วม” เชียงรายสำรวจ ขุดลอกแม่น้ำกกรับฝน

จังหวัดเชียงรายตรวจสอบโครงการขุดลอกแม่น้ำกกเพื่อป้องกันอุทกภัยในฤดูฝน

เชียงราย,26 มีนาคม 2568 – ที่จุดลงเรือท่าเรือเชียงราย เชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง ตรงข้ามศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นำคณะเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบโครงการขุดลอกแม่น้ำกก เพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยในฤดูฝนนี้

การสำรวจครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ เช่น นายกเทศมนตรีนครเชียงราย รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย และ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย รวมถึงเจ้าหน้าที่จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 15 เชียงราย

แนวทางการขุดลอกแม่น้ำกกเพื่อป้องกันอุทกภัย

นายชรินทร์ ทองสุข เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการสำรวจสภาพปัจจุบันของลำน้ำกกในเชิงลึก รวมถึงการตรวจสอบแนวป้องกันตลิ่งและสภาพการตื้นเขินของแม่น้ำ การขุดลอกแม่น้ำกกเป็นส่วนหนึ่งของแผนป้องกันอุทกภัยในระยะยาว ซึ่งขณะนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก กองทัพบกและกรมชลประทาน ที่เพียงพอในการดำเนินการขุดลอกให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนจะมาถึง

นอกจากนี้ ยังมีการหารือถึงการกำจัดซากต้นไม้ที่ยังคงตกค้างอยู่ในลำน้ำ ซึ่ง องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) จะสนับสนุนเครื่องจักรกลเข้ามาช่วยดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ผลกระทบจากอุทกภัยที่ผ่านมาและการป้องกันในอนาคต

ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2567 จังหวัดเชียงรายเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครเชียงรายและอำเภอแม่สาย ดังนั้น การขุดลอกแม่น้ำกกจะช่วยลดปัญหาการตื้นเขินของลำน้ำ เพิ่มความสามารถในการระบายน้ำ และลดความเสี่ยงจากน้ำท่วมในอนาคต

นายกเทศมนตรีนครเชียงราย กล่าวว่า โครงการขุดลอกแม่น้ำกกนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันอุทกภัย แต่ยังเสริมศักยภาพการขนส่งสินค้าทางน้ำ และกระตุ้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ลุ่มน้ำกก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในจังหวัดเชียงรายโดยรวม

ความเห็นจากทั้งสองฝ่าย

  • ฝ่ายผู้บริหารและหน่วยงานรัฐ : มองว่าการขุดลอกแม่น้ำกกเป็นมาตรการเชิงรุกที่จำเป็นต่อการป้องกันอุทกภัย พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการจะเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ฝ่ายประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ : หลายฝ่ายสนับสนุนโครงการนี้ แต่ก็มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว รวมถึงต้องการให้มีการติดตามผลและประเมินความสำเร็จของโครงการอย่างใกล้ชิด

สถิติที่เกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในเดือนกันยายน 2567: กว่า 15 ตำบล ในอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอแม่สาย (แหล่งข้อมูล: สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย)
  • ความยาวของแม่น้ำกกที่มีการวางแผนขุดลอก: 12 กิโลเมตร (แหล่งข้อมูล: กรมเจ้าท่าภูมิภาค สาขาเชียงราย)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE