Categories
AROUND CHIANG RAI ENVIRONMENT

ภัยพิบัติถล่มภูชี้ฟ้า! ดินสไลด์ตัดขาดถนน 1093 แขวงทางหลวงเร่งกู้ หินยักษ์ขวาง

ภัยพิบัติถล่มภูชี้ฟ้าดินสไลด์ตัดขาดถนน 1093! แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 เร่งกู้สถานการณ์ เปิดเส้นทาง 1 เลนแล้ว หินยักษ์หนักเท่าตึก 3 ชั้นรอเคลียร์!

เชียงราย, 14 กรกฎาคม 2568 – ภูชี้ฟ้า จังหวัดเชียงราย หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่โหยหาความงามของทะเลหมอกยามเช้าตรู่ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งสำคัญ เมื่อฝนกระหน่ำหนักส่งผลให้เกิดดินสไลด์ขนาดใหญ่ พัดพาก้อนหินยักษ์และต้นไม้ลงมาขวางถนนหลวงหมายเลข 1093 เส้นทางหลักสู่ยอดภูชี้ฟ้า ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิงเป็นเวลาหลายชั่วโมง

นายอนุศิลป์ ตันหล้า หัวหน้าหน่วยบำรุงทางภูชี้ฟ้า แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดของการแก้ไขสถานการณ์ที่ท้าทายนี้ ซึ่งไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยว แต่ยังเผยให้เห็นถึงความเปราะบางทางธรณีวิทยาของพื้นที่ที่มีความสำคัญทางการท่องเที่ยวแห่งนี้

นายอนุศิลป์ ตันหล้า หัวหน้าหน่วยบำรุงทางภูชี้ฟ้า แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2

การรับมือกับหินยักษ์ภารกิจข้ามเดือนและความท้าทายทางธรณีวิทยา

ทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่จากแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 ได้ระดมกำลังและเครื่องจักรหนักเข้าพื้นที่ ร่วมกับทหารจากกองกำลังผาเมือง และความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อเร่งดำเนินการตัดต้นไม้และเคลียร์ดินที่สไลด์ลงมา เบื้องต้นสามารถเปิดเส้นทางการสัญจรได้แล้ว 1 ช่องจราจร บรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่ยังคงติดค้างได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญคือก้อนหินขนาดมหึมาที่ตกลงมาขวางถนน ซึ่งมีขนาดประมาณ 3-4 เมตร สูง และ 2-3 เมตร กว้าง ตามรายงานจากพื้นที่ หรือตามการประเมินของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่ระบุว่าสูงถึง 10 กว่าเมตร กว้าง 6-8 เมตร ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข

สถานการณ์หินยักษ์ที่ขวางเส้นทางเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย นายอนุศิลป์ยืนยันว่า จากการประเมินเบื้องต้น ก้อนหินดังกล่าวมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากเกินกว่าที่จะสามารถใช้รถเครนยกออกไปได้ทั้งหมด ทางแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 จึงได้ประสานงานเพื่อนำรถแบคโฮติดหัวเจาะเข้ามาดำเนินการสกัดก้อนหินให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายออกไป

“เรากำลังประสานงานกับรถแบคโฮติดหัวเจาะเพื่อขึ้นมาดำเนินการ ตอนนี้ก็เปิดให้รถผ่านได้ 1 ช่องจราจรไปก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน” นายอนุศิลป์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในระยะสั้น

คาดการณ์ว่ากระบวนการนี้อาจต้องใช้เวลาดำเนินการอย่างน้อย 1 สัปดาห์หากสามารถใช้เครนยกได้ แต่หากต้องทำลายหินเป็นชิ้นเล็ก อาจใช้เวลานานถึง 1 เดือน เนื่องจากยังพบหินขนาดใหญ่อื่นๆ อีก 2-3 ก้อนในบริเวณใกล้เคียง

ผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและแผนการซ่อมแซม

นอกจากก้อนหินยักษ์แล้ว ยังพบรอยแยกบนผิวถนนยาวประมาณ 20 เมตร ซึ่งเกิดจากแรงกระแทกของหินที่ตกลงมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ประเมินแล้วว่ายังไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานในระยะสั้น รถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังสามารถผ่านไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม การซ่อมแซมในระยะยาวเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับผิวจราจรและโครงสร้างพื้นฐานบริเวณดังกล่าว จำเป็นต้องรอการอนุมัติงบประมาณการก่อสร้างก่อน ซึ่งอาจใช้เวลาในการดำเนินการระบบราชการตามปกติ

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเตือนผู้ขับขี่ให้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อผ่านบริเวณดังกล่าว และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสภาพเส้นทางอย่างสม่ำเสมอ

ถนนหมายเลข 1093 จากยุทธศาสตร์การรบสู่เส้นทางท่องเที่ยวอันงดงาม

ถนนหมายเลข 1093 ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางสัญจรธรรมดา แต่ยังเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาคนี้ ในอดีตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2527 ถนนเส้นนี้เคยเป็น “ถนนสายยุทธศาสตร์ทางการรบ” ที่ใช้ในการปราบปรามการเคลื่อนไหวของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (ผกค.) การเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยียนประชาชนและเจ้าหน้าที่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระบรมราชินีนาถในปี พ.ศ. 2525 ได้นำมาซึ่งสันติภาพและการพัฒนาชุมชนตามแนวชายแดนในที่สุด

ปัจจุบัน ถนน 1093 ได้เปลี่ยนบทบาทจากถนนแห่งความขัดแย้งมาเป็น “ถนนสายยุทธศาสตร์ทางการท่องเที่ยว” อย่างสมบูรณ์ เส้นทางที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปตามแนวเทือกเขาดอยผาหม่นนี้ เป็นแกนหลักที่เชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวสำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ภูชี้ฟ้า ภูชี้ดาว ภูชี้เดือน ดอยผาหม่น และดอยผาตั้ง ซึ่งแต่ละแห่งล้วนมีทิวทัศน์อันงดงามของทะเลหมอก พระอาทิตย์ขึ้น และแนวเทือกเขาสลับซับซ้อนทั้งฝั่งไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รวมถึงแม่น้ำโขงที่ไหลเป็นแนวกั้นดินแดน

การเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายสู่ภูชี้ฟ้า สามารถทำได้หลายเส้นทาง โดยเส้นทางหลักที่แนะนำคือผ่านอำเภอเทิง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1020, 1021, 1155 และ 1093 ระยะทางรวมประมาณ 110-112 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง แม้ถนนส่วนใหญ่จะเป็นลาดยางสภาพดี แต่ช่วงท้ายของเส้นทางเมื่อเข้าใกล้ภูชี้ฟ้าจะเริ่มคดเคี้ยวและชันมาก ผู้ขับขี่ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในหน้าฝนที่ถนนอาจลื่นได้

ธรณีวิทยาภูชี้ฟ้าความงามที่ซ่อนเร้นและความเสี่ยงจากธรรมชาติ

เหตุการณ์ดินสไลด์ครั้งนี้เป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความเปราะบางทางธรณีวิทยาของภูชี้ฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกหล่อหลอมมาจากการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาอันยาวนานและซับซ้อน ภูชี้ฟ้ามีลักษณะเป็นหน้าผาชันที่เกิดบนเขาเควสตา ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่ลาดเอียงตามแนวเอียงของชั้นหินที่รองรับอยู่ข้างใต้

หินในบริเวณนี้ประกอบด้วยกลุ่มหินตะกอนและหินตะกอนกึ่งหินแปร ซึ่งมีอายุทางธรณีกาลเก่าแก่มาก ย้อนไปราว 355-250 ล้านปี หรืออยู่ในยุคคาร์บอนิเฟอรัส-เพอร์เมียน ชนิดหินหลักที่พบในภูชี้ฟ้าได้แก่ หินปูน, หินฟิลไลต์, หินชีสต์, หินทรายแป้ง, หินทราย, หินกรวดมน และหินดินดาน

การมีซากดึกดำบรรพ์จำพวกเซฟาโลพอด, ฟอแรม, แบรคีโอพอด และออสทราคอดในหินเหล่านี้ ช่วยยืนยันอายุและสภาพแวดล้อมการกำเนิดของหิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสภาพแวดล้อมทางทะเล ภูมิประเทศที่เป็นเอกลักษณ์ของภูชี้ฟ้า ทั้งรูปทรงคล้ายนิ้วชี้ฟ้าและหน้าผาที่สูงชัน ล้วนเป็นผลมาจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก โดยเฉพาะการที่แผ่นเปลือกโลกอินเดียชนกับแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียเมื่อประมาณ 40 ล้านปีที่แล้ว

การทำความเข้าใจประวัติทางธรณีวิทยาอันเก่าแก่และซับซ้อนนี้ ไม่เพียงเพิ่มมิติทางความรู้ให้กับการท่องเที่ยว แต่ยังช่วยให้เราตระหนักถึงความเสี่ยงที่มาพร้อมกับความงามของธรรมชาติ

ข้อเสนอเชิงนโยบายและการรับมือในระยะยาว

เหตุการณ์ดินสไลด์ครั้งนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการวางแผนและบริหารจัดการพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีความเปราะบางทางธรณีวิทยาอย่างยั่งยืน เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยให้กับทั้งนักท่องเที่ยวและชุมชนท้องถิ่น

การสำรวจและประเมินความเสี่ยงเชิงรุกจึงมีความสำคัญ โดยจำเป็นต้องจัดทำแผนที่ธรณีวิทยาและธรณีเทคนิคโดยละเอียด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรธรณี ควรทำงานร่วมกับแขวงทางหลวงและหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อจัดทำแผนที่แสดงพื้นที่เสี่ยงดินสไลด์ รอยเลื่อน และโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่อาจเป็นอันตรายในบริเวณถนน 1093 และพื้นที่ภูชี้ฟ้าทั้งหมด

การติดตั้งระบบเตือนภัยล่วงหน้าก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณา โดยติดตั้งระบบตรวจวัดปริมาณน้ำฝน ความชื้นในดิน และการเคลื่อนตัวของมวลดินในพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนและอพยพประชาชนได้ทันท่วงทีในกรณีที่คาดว่าจะเกิดดินสไลด์ ควบคู่ไปกับการตรวจสอบสภาพพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอ

มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่สำคัญ ได้แก่ การเสริมความมั่นคงของไหล่ทางและลาดชัน การปรับปรุงระบบระบายน้ำ และการจัดทำแผนฉุกเฉินและเส้นทางเลี่ยง หน่วยงานท้องถิ่นและแขวงทางหลวงควรร่วมกันจัดทำแผนฉุกเฉินสำหรับการรับมือกับภัยพิบัติ และประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยงที่ปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านทราบ

การให้ความรู้และสร้างความตระหนักแก่ประชาชน ผ่านการเผยแพร่ข้อมูลความเสี่ยงและข้อควรปฏิบัติ รวมถึงการฝึกอบรมชาวบ้านในการรับมือภัยพิบัติ จะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างชุมชนที่มีความพร้อมรับมือกับภัยธรรมชาติ

สถานการณ์ปัจจุบันและการติดตามข่าวสาร

ขณะนี้ ทหารจากกองกำลังผาเมืองได้เข้าร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นและชาวบ้านเพื่อช่วยเคลียร์ทางหลวง 1093 ที่กิโลเมตรที่ 68 บริเวณบ้านร่มฟ้าทอง และ ด้วยการสนับสนุนจากแขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2 ได้นำเครื่องจักรเข้ามาช่วย และขณะนี้สามารถเปิดเส้นทางให้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ผ่านได้ 1 ช่องจราจรแล้ว

การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าจากการสไลด์ของหินยักษ์เป็นภารกิจเร่งด่วนที่ต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมาก แต่การวางแผนเชิงรุกและนโยบายที่ครอบคลุมในระยะยาวจะเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความงดงามทางธรรมชาติของภูชี้ฟ้าให้คงอยู่คู่กับประเทศไทยต่อไป

นักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางไปภูชี้ฟ้าควรติดตามข่าวสารและสภาพเส้นทางอย่างสม่ำเสมอ ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ และพิจารณาเส้นทางเลี่ยงในกรณีที่มีความจำเป็ต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • นายอนุศิลป์ ตันหล้า หัวหน้าหน่วยบำรุงทางภูชี้ฟ้า แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2
  • Chiang Rai Times – “Landslide Blocks The Road Heading To Phu Chi Fa In Chiang Rai” (14 กรกฎาคม 2568)
  • รายงานจากพื้นที่โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและชาวบ้านบริเวณเกิดเหตุ
  • กองกำลังผาเมือง (Pha Muang Task Force)
  • แขวงทางหลวงเชียงรายที่ 2, กรมทางหลวง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ลงพื้นที่น้ำท่วมบ้านปางหัด อ.เวียงแก่น ส่งมอบถังเก็บน้ำช่วยเหลือชาวบ้าน

 

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยคณะสภาเยาวชน อบจ.เชียงราย และทีมงาน ซึ่งประกอบด้วย นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการนายก อบจ.เชียงราย, นางนิตยา ยาละ สมาชิกสภา อบจ. เชียงราย เขตอำเภอเวียงแก่น และ นายวิชาญ กาวี ปลัดอำเภอเวียงแก่น ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านปางหัด ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เพื่อส่งมอบ ถุงยังชีพ และอุปกรณ์สนับสนุนด้านการเกษตรให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก

ของที่มอบในครั้งนี้ประกอบด้วย ถังเบ๊าท์เพื่อการเกษตรขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 4 ใบ และ ถังสแตนเลสสำหรับสำรองน้ำดื่มขนาด 2,000 ลิตร จำนวน 1 ใบ โดยเป็นการตอบสนองต่อความต้องการเร่งด่วนของชาวบ้านที่ร้องขอความช่วยเหลือเข้ามาเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567

 

การสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวในระหว่างการลงพื้นที่ว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายพร้อมสนับสนุนอุปกรณ์และเครื่องจักรเพื่อช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม รวมถึงการจัดส่ง รถฉีดน้ำแรงดันสูง และ รถตัก พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความชำนาญในการดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ่งจะเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ให้ได้เร็วที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมพร้อมในการสนับสนุนด้านการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภาครัฐ เพื่อช่วยบรรเทาภาระที่ชาวบ้านต้องเผชิญจากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

การสนับสนุนจากภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในงานนี้ สภาเยาวชน อบจ. เชียงราย ยังได้แสดงความขอบคุณต่อผู้สนับสนุนจากภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการจัดหาถังเบ๊าท์และถังสแตนเลสสำหรับการเก็บน้ำในราคาพิเศษ โดยเฉพาะร้าน เชียงรายค้าถัง ที่สนับสนุนถังเบ๊าท์ขนาด 1,000 ลิตรในราคาพิเศษ และห้าง ดูโฮมเชียงราย ที่สนับสนุนถังสแตนเลสขนาด 2,000 ลิตร พร้อมการติดตั้งวาล์วสำหรับกรอกน้ำดื่ม ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่มีแหล่งน้ำสำรองเพียงพอในช่วงวิกฤตน้ำท่วม

 

สถานการณ์น้ำป่าที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง

พื้นที่บ้านปางหัด ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น ได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลากเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ ชาวบ้านจึงต้องการการสนับสนุนทั้งในด้านอาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์เพื่อการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน การส่งมอบถุงยังชีพและอุปกรณ์ในครั้งนี้จึงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย

 

การประสานงานและความร่วมมือในการฟื้นฟู

นายก อบจ.เชียงรายยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการขนส่งถังเบ๊าท์และถังสแตนเลสครั้งนี้ ได้รับการประสานงานจาก สำนักช่าง และ กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ที่ได้จัดส่งรถบรรทุกและทีมงานเข้ามาช่วยในการขนส่ง

 

การเชิญชวนให้ร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูน้ำท่วม

นอกจากนี้ สภาเยาวชน อบจ.เชียงรายยังเปิดรับการสนับสนุนจากผู้ใจบุญและหน่วยงานต่างๆ ที่ต้องการเข้าร่วมในการช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้ โดยสามารถประสานงานผ่านทาง สภาเยาวชน อบจ.เชียงราย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการส่งต่อความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต่อไป

 

สรุป

การลงพื้นที่บ้านปางหัดของทีมงาน อบจ.เชียงราย และสภาเยาวชนในครั้งนี้ เป็นการแสดงถึงความร่วมมือในการช่วยเหลือฟื้นฟูชุมชนหลังเกิดน้ำท่วม ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งการสนับสนุนในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในทันที แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ศูนย์เยาวชนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย – CR – PAO Youth Center

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เดินหน้าสร้างฝายฯ แก้ไขภัยแล้ง ผนึกกำลัง ทต.ม่วงยาย และอบต.ปอ

 

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 เวลา 11.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมด้วยนายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขานุการ นายก อบจ.เชียงราย นางนิตยา ยาละ สมาชิกสภา อบจ.เชียงราย อ.เวียงแก่น สิบเอกวิมล รู้ทำนอง ผอ.กองยุทธศาสตร์และงบประมาณ รักษาราชการแทน ผอ.กองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หัวหน้าส่วนราชการ และบุคลากรกองป้องกันฯ อบจ.เชียงราย ลงพื้นที่บ้านยายเหนือ ต.ม่วงยาย อ.เวียงแก่น ร่วมสร้างฝายชะลอและฝายดักตะกอน

 

เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัญหาอุทกภัย ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำ คืนความชุ่มชื้นสู่ระบบนิเวศในพื้นที่ โดยมีนายอภิธาร ทิพย์ตา นายก ทต.ม่วงยาย นายนรเศรษฐ์ กมลาสน์กมุท นายก อบต.ปอ ผู้นำท้องที่ ร่วมให้การต้อนรับ และร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัญหาอุทกภัยอย่างมีส่วนร่วม และอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำจังหวัดเชียงราย ระหว่าง อบจ.เชียงราย ทต.ม่วงยาย และ อบต.ปอ
 
.
โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งปัญหาอุทกภัยอย่างมีส่วนร่วมและอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำจังหวัดเชียงรายระหว่าง อบจ.เชียงราย ทต.ม่วงยาย และ อบต.ปอ จัดทำขึ้นเพื่อสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปัญหาอุทกภัยอย่างมีส่วนร่วม และอนุรักษ์ฟื้นฟูพื้นที่ต้นน้ำจังหวัดเชียงราย โดยตระหนักถึงความมั่นคงยั่งยืน และดุลยภาพของระบบนิเวศ วัฒนธรรมล้านนา รวมทั้งให้ความสำคัญต่อการผสมผสานเทคนิควิทยาพื้นบ้าน จารีตประเพณี ศักยภาพ องค์ความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย ได้ขับเคลื่อนและขยายผลการดำเนินงานตั้งแต่ปีงบประมาณ 2562 จนถึงปัจจุบัน เกิดความร่วมมือกันจากหลากหลายองค์กรและภาคีเครือข่าย ทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หมู่บ้านและชุมชน ด้วยการ
 
 
บูรณาการร่วมกันทั้งแผนงานโครงการ งบประมาณ และบุคลากร โดยมีแผนปฏิบัติงานสำคัญได้แก่
การสร้างฝายชะลอความชุ่มชื้น การแสวงหาแนวทางการผลิตอาหารปลอดภัย และเกษตรกรรมยั่งยืน การขยายตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News