Categories
HEALTH

“กิ๋นสุก เป๋นสุข” รับหน้าร้อน! สธ.เตือน 5 โรค ควบคู่ทลายแก๊งค์หมู

การบริโภคอาหารสุก ทางเลือกเพื่อสุขภาพที่ปลอดภัยในช่วงหน้าร้อน

ในช่วงฤดูร้อนของประเทศไทย อุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากอาหารที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะอาหารดิบหรือเนื้อสัตว์ที่มาจากแหล่งที่ไม่ได้รับการรับรอง กรณีการจับกุมผู้ลักลอบเคลื่อนย้ายซากสุกรในกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 และคำเตือนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายเกี่ยวกับโรคที่มากับฤดูร้อน สะท้อนถึงความสำคัญของการบริโภคอาหารที่ปรุงสุกและการเลือกวัตถุดิบที่สะอาด แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน โดยเน้นการปรับเปลี่ยนเมนูดิบให้เป็นเมนูสุก เพื่อรักษารสชาติและความปลอดภัย

ความเสี่ยงจากอาหารไม่ปลอดภัย กรณีซากสุกรที่ไม่ทราบแหล่งที่มา

เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.1 บก.ปทส.) ร่วมกับกรมปศุสัตว์ เข้าจับกุมนายธนะพล อายุ 41 ปี ในข้อหาลักลอบเคลื่อนย้ายซากสุกรโดยไม่ได้รับอนุญาต ณ โรงชำแหละซากสุกรไม่มีชื่อ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร พบของกลางเป็นซากสุกร 1,800 กิโลกรัมจากทั้งหมด 7,500 กิโลกรัม ที่ไม่มีเอกสารรับรองแหล่งที่มา ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 ในพื้นที่ที่ถูกประกาศเป็นเขตเฝ้าระวังโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ผู้ต้องหามีความผิดตามมาตรา 65 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

การตรวจสอบพบว่าโรงชำแหละดังกล่าวดำเนินการโดยไม่ถูกสุขอนามัย ซากสุกรบางส่วนถูกวางบนพื้นโดยไม่มีภาชนะปกป้อง ส่งผลให้เกิดกลิ่นเหม็นรบกวนและอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรค สร้างความเดือดร้อนแก่ชุมชนโดยรอบ กรณีนี้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงของการปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น ซาลโมเนลลา อีโคไล หรือพยาธิ ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้บริโภคที่ได้รับเนื้อสัตว์จากแหล่งที่ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะในเมนูที่ใช้เนื้อดิบ เช่น ลาบดิบ หรือก้อยดิบ

ความอร่อยไม่ต้องดิบก็เป็นเอกลักษณ์ที่น่าลิ้มลอง และเป็นที่น่าจดจำ

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” ซึ่งริเริ่มโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย ร่วมกับสำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ และนักศึกษาปริญญาโท สาขาการจัดการนวัตกรรมการสื่อสาร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) รุ่นที่ 6 มุ่งส่งเสริมให้ประชาชนหันมาบริโภคอาหารที่ปรุงสุก เพื่อลดความเสี่ยงจากเชื้อโรคที่อาจมากับอาหารดิบ โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี แคมเปญนี้ไม่ห้ามการบริโภคอาหารดิบโดยสิ้นเชิง แต่เน้นให้ประชาชนลองปรับเปลี่ยนเมนูดิบให้เป็นเมนูสุก เพื่อรักษารสชาติที่คุ้นเคยและยกระดับความปลอดภัย

ตัวอย่างเมนูที่แคมเปญนำเสนอ เช่น จิ้นส้มหมกไข่ ซึ่งปกติเป็นแหนมที่หมักดิบ แต่เมื่อนำมาอบหรือนึ่งจนสุก จะได้รสชาติเปรี้ยวเผ็ดที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ หรือลาบสุกที่ใช้เนื้อวัวหรือหมูย่างก่อนคลุกเคล้ากับเครื่องเทศและสมุนไพร เมนูเหล่านี้ยังคงความหอมและรสชาติเข้มข้นไว้ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนจากเนื้อดิบ การเลือกวัตถุดิบจากแหล่งที่ได้รับการรับรอง เช่น ตลาดที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของอาหาร

เฝ้าระวังโรคในช่วงหน้าร้อน คำเตือนจากสาธารณสุข

นพ.เอกชัย คำลือ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ออกมาเตือนประชาชนเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 ถึงภัยสุขภาพในช่วงหน้าร้อน โดยระบุ 5 โรคที่พบบ่อย ได้แก่ โรคอุจจาระร่วง ไทฟอยด์ อาหารเป็นพิษ อหิวาตกโรค และไวรัสตับอักเสบเอ โรคเหล่านี้ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งมักพบในอาหารดิบหรืออาหารที่เก็บรักษาไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและพยาธิ

คำแนะนำจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายสอดคล้องกับโพสต์บนแพลตฟอร์ม X จากบัญชี @ddc_riskcom เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2568 ที่แนะนำให้ประชาชนยึดหลัก “สุก ร้อน สะอาด” เพื่อป้องกันโรคอุจจาระร่วงและอาหารเป็นพิษในช่วงฤดูร้อน การปรุงอาหารให้สุกด้วยความร้อนที่เหมาะสม เช่น ต้ม ย่าง หรือนึ่ง สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่กระทบต่อรสชาติหรือคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร

กินอาหารสุกไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ต้องเสียรสชาติที่คุ้นเคย

แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” เน้นย้ำว่าการบริโภคอาหารสุกเป็นเรื่องง่ายและไม่จำเป็นต้องสูญเสียรสชาติที่ทุกคนชื่นชอบ การปรับเปลี่ยนเมนูดิบให้เป็นเมนูสุกสามารถทำได้โดยไม่ยุ่งยาก เช่น การย่างเนื้อแทนการใช้ดิบ การนึ่งหรืออบส่วนผสมแทนการหมัก ซึ่งยังคงความหอมของเครื่องเทศและสมุนไพรไว้ได้อย่างครบถ้วน ตัวอย่างเช่น จิ้นส้มหมกไข่ที่อบจนสุกจะมีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น หรือน้ำพริกอ่องที่ใช้หมูสับปรุงสุก ซึ่งยังคงความเผ็ดจัดจ้านตามสูตรดั้งเดิม

นอกจากนี้ การเลือกวัตถุดิบที่สะอาดและมีแหล่งที่มาชัดเจน เช่น เนื้อสัตว์ที่ผ่านการตรวจสอบจากกรมปศุสัตว์ หรือผักที่ล้างสะอาดก่อนปรุง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากเชื้อโรค แคมเปญนี้ยังเชิญชวนให้ประชาชนแชร์เมนูสุกที่ทำเองผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยแฮชแท็ก #กิ๋นสุกเป๋นสุข #สุกอร่อยปลอดภัย และ #ลดดิบเพิ่มสุข เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคในวงกว้าง

ในช่วงหน้าร้อนที่ความเสี่ยงจากอาหารไม่ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น การเลือกกินอาหารสุกไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันโรคที่มากับอาหาร เช่น อุจจาระร่วงหรืออาหารเป็นพิษ แต่ยังเป็นการดูแลสุขภาพในระยะยาว กรณีการลักลอบเคลื่อนย้ายซากสุกรที่ไม่ทราบแหล่งที่มาเป็นเครื่องเตือนใจว่า การเลือกวัตถุดิบที่ปลอดภัยและการปรุงอาหารให้สุกเป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ แคมเปญ “กิ๋นสุก เป๋นสุข” จึงเป็นแนวทางที่ทั้งง่ายและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมสุขภาพที่ดี โดยไม่ต้องละทิ้งความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการจัดการนวัตกรรมการสื่อสาร สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) รุ่นที่ 6

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย สร้างคุณภาพชีวิตยั่งยืนในโรงเรียนภาคเหนือ

โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” โรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคเหนือ สร้างคุณภาพชีวิตยั่งยืน

เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” โรงเรียนต้นแบบในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 ภายใต้พระราชดำริของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับการต่อยอดและขยายผลต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารให้กับโรงเรียนในพื้นที่สูงและชุมชนใกล้เคียง รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตนักเรียนให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนและมีสุขภาพแข็งแรง

จุดเริ่มต้นของโครงการ

ด้วยสภาพพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย โดยเฉพาะโรงเรียนในพื้นที่สูง ยังคงประสบปัญหาขาดแคลนแหล่งอาหารที่เพียงพอสำหรับนักเรียน กองทัพภาคที่ 3 จึงได้รับพระราชดำริให้ดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อสร้างแหล่งอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการ พร้อมทั้งส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษ การเลี้ยงสัตว์ และการประยุกต์ใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ในปีงบประมาณ 2567 โครงการครอบคลุมโรงเรียนจำนวน 117 แห่ง และเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่งในปีงบประมาณ 2568 รวมเป็น 121 โรงเรียน ได้แก่

  1. โรงเรียนบ้านแม่แสะ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
  2. โรงเรียนแม่จะเราวิทยาคม ตำบลแม่จะเรา อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก
  3. โรงเรียนโมโกรวิทยาคม ตำบลโมโกร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
  4. โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 22 ตำบลแม่นาเติง อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

กระบวนการดำเนินโครงการ

โครงการแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ดังนี้:

  1. การวางแผนและสำรวจข้อมูล

    • สำรวจข้อมูลและวางแผนการดำเนินงานร่วมกับโรงเรียน
    • จัดทำแผนงานและงบประมาณที่สอดคล้องกับความต้องการของโรงเรียน
  2. การดำเนินการตามแผนงาน

    • ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์โดยใช้พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และพันธุ์ปลาจากโครงการทหารพันธุ์ดี และศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ
    • บันทึกสถิติและผลการดำเนินงาน
  3. การพัฒนาเพื่อความยั่งยืน

    • ประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ
    • แก้ไขปัญหาและพัฒนาความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง

ความสำเร็จและผลกระทบเชิงบวก

โครงการ “ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย” ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร โรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ โดยมีผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจในหลายด้าน:

  • นักเรียนได้รับสารอาหารครบถ้วน ส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาพร่างกายและจิตใจ
  • ชุมชนรอบโรงเรียนได้แหล่งเรียนรู้ด้านการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ปลอดภัย
  • เพิ่มความมั่นคงทางอาหารในระดับท้องถิ่น
  • สร้างความยั่งยืนในสังคมตามพระราชดำริ

เป้าหมายในอนาคต

โครงการมุ่งเน้นการขยายผลและสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยตั้งเป้าหมายให้ชุมชนและโรงเรียนสามารถพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ที่นำไปสู่การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

โครงการนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นคงทางอาหาร แต่ยังสะท้อนถึงพระมหากรุณาธิคุณและความใส่พระทัยในคุณภาพชีวิตของเด็กและชุมชนไทยบนพื้นที่สูง เพื่ออนาคตที่ดีและยั่งยืนของสังคมไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News