Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

นายกนกมอบทุน เรียนได้ทุกที่ เลี้ยงชีพได้ที่เชียงราย

อบจ.เชียงราย เดินหน้านโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส

เชียงราย, 20 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) เดินหน้าสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ ผ่านโครงการ “ส่งน้องเรียน” ตามนโยบาย “อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้ สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้” โดยมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้แก่นักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาส เพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาสู่ความสำเร็จในอนาคต

อบจ.เชียงราย มอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือแก่นักเรียนในพื้นที่

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 เวลา 09.30 น.โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาส ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมีนางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ.เชียงราย นายอับดุลกอเด็ร โกบยาหยัง ผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.เชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ และนางน้ำผึ้ง สาธรรม รองผู้อำนวยการโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ร่วมเป็นผู้แทนในการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือดังกล่าว

โครงการนี้ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก อบจ.เชียงราย ภายใต้การดำเนินงานของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตามแนวทางที่กำหนดใน พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และเป็นไปตาม ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาและการให้ความช่วยเหลือนักเรียนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561 เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนและนักศึกษาได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม

ช่วยลดภาระผู้ปกครอง เพิ่มโอกาสทางการศึกษา

การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือนักเรียนและนักศึกษาที่มีฐานะยากจนหรือด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ให้ได้รับการศึกษาโดยไม่มีอุปสรรคทางด้านค่าใช้จ่าย โดยทุนการศึกษาที่มอบให้ในปีนี้มีทั้งหมด 250 ทุน แบ่งออกเป็นทุนละ 10,000 – 30,000 บาท ขึ้นอยู่กับระดับการศึกษาและความจำเป็นของแต่ละบุคคล รวมถึงการให้เงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับครอบครัวที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

นอกจากนี้ โครงการยังมุ่งเน้นการสนับสนุนด้าน ทุนการศึกษาแบบต่อเนื่อง เพื่อให้นักเรียนและนักศึกษาที่ได้รับทุนสามารถศึกษาต่อจนจบหลักสูตรที่กำหนด และสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการประกอบอาชีพและเลี้ยงชีพตนเองในอนาคตได้

ส่งน้องเรียน” โครงการที่สร้างความเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา

อบจ.เชียงรายเล็งเห็นว่า การสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โครงการ “ส่งน้องเรียน” จึงถูกจัดขึ้นเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับนักเรียนและนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยมุ่งเน้นให้พวกเขาสามารถเรียนจบและเข้าสู่ตลาดแรงงานได้อย่างมีคุณภาพ

จากข้อมูลของ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ปี 2566) พบว่า จังหวัดเชียงรายมีอัตราการออกจากระบบการศึกษาก่อนวัยอันควรสูงถึง 8.5% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในภาคเหนือ ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้เกิดปัญหาดังกล่าวคือ ปัญหาความยากจนของครอบครัว และการขาดทุนทรัพย์ในการศึกษา ดังนั้นการสนับสนุนทุนการศึกษาของ อบจ.เชียงราย จึงเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถศึกษาต่อได้จนจบการศึกษา

สถิติและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษาในไทย

จากข้อมูลของ ธนาคารโลก (World Bank, 2566) ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาเพียง 49% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ที่ 55% โดยปัจจัยหลักที่ส่งผลต่ออัตราการเข้าเรียนที่ต่ำคือ ปัญหาค่าใช้จ่ายทางการศึกษา และ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) เปิดเผยว่า เด็กไทยที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน มีโอกาสเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาเพียง 22% เมื่อเทียบกับเด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีซึ่งมีโอกาสศึกษาต่อสูงถึง 78%

บทสรุปและแนวทางในอนาคต

การสนับสนุนทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่ยากจนของ อบจ.เชียงราย เป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดช่องว่างทางการศึกษาและเพิ่มโอกาสให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับ แนวทางการจัดสรรงบประมาณภาครัฐ ว่าควรเพิ่มการสนับสนุนทุนการศึกษาหรือพัฒนาสถาบันการศึกษาให้สามารถรองรับนักเรียนได้มากขึ้น

ทั้งนี้ อบจ.เชียงรายยืนยันว่า จะดำเนินโครงการลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนารูปแบบการช่วยเหลือเพื่อให้ครอบคลุมเยาวชนในพื้นที่มากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันให้โครงการนี้เป็นต้นแบบสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ ทั่วประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :  องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / สำนักงานสถิติแห่งชาติ (2566) / ธนาคารโลก (World Bank, 2566) / สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2566) / องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (2567)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายลุย พัฒนาบุคลากร เครื่องจักรกล

อบจ.เชียงรายจัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เสริมทักษะสู่การทำงานอย่างมืออาชีพ

เชียงราย, 17 มีนาคม 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) จัดโครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดโครงการ แทน นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย ซึ่งมอบหมายให้ดำเนินการ

หลักสูตรและเป้าหมายของโครงการ

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อ เพิ่มทักษะและประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร อบจ.เชียงราย ให้สามารถ ใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเครื่องจักรที่ใช้ในภารกิจสำคัญขององค์กร โดยในปีนี้มุ่งเน้นที่หลักสูตร การใช้งานและการบำรุงรักษาเครื่องจักรกลและยานพาหนะเบื้องต้น รถขุดสะเทินน้ำสะเทินบก และรถเครน”

เป้าหมายของการอบรม

  • พัฒนาทักษะของบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมืออาชีพ
  • เพิ่มประสิทธิภาพการใช้และบำรุงรักษาเครื่องจักรกลหนักของ อบจ.เชียงราย
  • รองรับภารกิจเร่งด่วน เช่น การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, การพัฒนาแหล่งน้ำ, และการก่อสร้างเส้นทางคมนาคม
  • กระจายบุคลากรและเครื่องจักรไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในจังหวัดอย่างทั่วถึง

ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 47 คน ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเครื่องจักรกลหนัก และ เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมบำรุง

โยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบาย 7 เรือธงของ อบจ.เชียงราย ซึ่งให้ความสำคัญกับ การกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน เพื่อให้สามารถ รองรับภารกิจและแก้ไขปัญหาฉุกเฉินของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ:

  1. การขุดเจาะน้ำบาดาล – เพื่อเพิ่มแหล่งน้ำสะอาดให้ประชาชน
  2. การสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน – เพื่อจัดการน้ำในพื้นที่แล้งซ้ำซาก
  3. การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร – สนับสนุนภาคเกษตรกรรม
  4. เครื่องจักรกลสำหรับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย – เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ
  5. พัฒนาเส้นทางเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและแหล่งท่องเที่ยว – ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

เสียงสะท้อนจากทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายที่สนับสนุนโครงการ

  • เจ้าหน้าที่ภาคสนามมองว่า การอบรมช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้ดีขึ้น ลดการสึกหรอของอุปกรณ์ และช่วยให้เครื่องจักรมีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
  • ผู้นำท้องถิ่นชื่นชมโครงการว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่ห่างไกล โดยเฉพาะการซ่อมบำรุงถนน และการสร้างแหล่งน้ำ

ฝ่ายที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับโครงการ

  • บางกลุ่มมองว่าจำนวนเครื่องจักรกลของ อบจ.เชียงราย อาจยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของทุกพื้นที่ ควรมีแผนการจัดสรรที่เป็นระบบมากขึ้น
  • เจ้าหน้าที่บางรายระบุว่าควรเพิ่มหลักสูตรการซ่อมบำรุงเชิงลึก เพื่อให้สามารถซ่อมเครื่องจักรได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการซ่อมจากศูนย์กลาง

สรุป

โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ อบจ.เชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้น การพัฒนาทักษะบุคลากรให้สามารถใช้งานและบำรุงรักษาเครื่องจักรกลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ชนบท และการรับมือกับภารกิจฉุกเฉิน

แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการยอมรับว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาจังหวัด แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความเพียงพอของเครื่องจักรและการเพิ่มหลักสูตรอบรมที่ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงแผนการจัดสรรงบประมาณและการขยายโครงการในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  / ศูนย์เครื่องจักรกลดอยเขาควาย  / สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเชียงราย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

ซ่อมใหม่ “สะพานฮาแหล่จะ” แลนด์มาร์คเชียงราย เริ่มมีนา 68

อบจ.เชียงราย ร่วมลงนาม MOU ดำเนินโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ เชื่อมบ้านแคววัวดำ – บ้านผาเสริฐ

เชียงราย, 28 กุมภาพันธ์ 2568 – ผู้าื่อข่าวรายงานว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อดำเนินโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ เชื่อมระหว่างบ้านแคววัวดำ หมู่ 12 ตำบลแม่ยาว และบ้านผาเสริฐ หมู่ 6 ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยมีภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมี นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย, นายปิยพันธุ์ ธนะโสภณ ประธานคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ, นายอภิรักษ์ อินต๊ะวัง นายกเทศมนตรีตำบลแม่ยาว, นายเอื้ออังกูร เทพสมรส นายกเทศมนตรีตำบลดอยฮาง และ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นที่ปรึกษาโครงการ

วัตถุประสงค์ของโครงการ

การซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะเป็นไปเพื่อฟื้นฟูการใช้งานให้สามารถใช้สัญจรได้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน

ปัจจุบันทางคณะกรรมการโครงการได้คัดเลือก บริษัท บีเทคกรุ๊ป จำกัด เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างภายใต้งบประมาณ 6,170,000 บาท ซึ่งได้รับเงินบริจาคจากเอกชน 2 แห่ง ได้แก่:

  1. สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 โครงการ “ช่อง 8 ปันน้ำใจ” จำนวน 6,000,000 บาท
  2. โรงแรมโฆษะขอนแก่น และกลุ่ม Kosa Group จำนวน 170,000 บาท

รายละเอียดของการก่อสร้าง

โครงการนี้ประกอบด้วย:

  • การสร้างสะพานแขวนใหม่โดยใช้โครงสร้างลวดสลิงเดิม
  • การสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งเพื่อป้องกันน้ำกัดเซาะ
  • การปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เอื้อต่อการเดินทางและการท่องเที่ยว

โครงการคาดว่าจะเริ่มต้นก่อสร้างภายในเดือนมีนาคม 2568 และแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2568 หากไม่มีอุปสรรคใดๆ

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม

เมื่อโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะเสร็จสมบูรณ์ คาดว่าจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ต้องเดินทางไกลขึ้นเนื่องจากสะพานพัง รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของตำบลแม่ยาวและตำบลดอยฮาง โดยเฉพาะธุรกิจท้องถิ่น ร้านอาหาร และสินค้า OTOP ที่จะได้รับประโยชน์จากการที่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้น

ประโยชน์ของโครงการ

  • อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน: สะพานแขวนฮาแหล่จะเป็นเส้นทางหลักของชาวบ้านจากตำบลแม่ยาว, ตำบลดอยฮาง และตำบลห้วยชมภู ที่ต้องใช้ในการเดินทางไปทำงาน, ไปโรงเรียน และไปยังสถานพยาบาล
  • ลดระยะทางการเดินทาง: สะพานช่วยร่นระยะทางไปกลับได้ถึง 10 กิโลเมตร ทำให้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น
  • ส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว: คณะกรรมการโครงการตั้งเป้าหมายให้สะพานฮาแหล่จะเป็น แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัดเชียงราย ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนและสร้างรายได้ให้กับชุมชน

ความเป็นมาของสะพานแขวนฮาแหล่จะ

สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2541 ด้วยเงินทุนสนับสนุนจากสถานทูตญี่ปุ่น เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชนบทไทย โดยสะพานเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งพืชผลทางการเกษตรและการเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ของชุมชน

อย่างไรก็ตาม สะพานได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือนกันยายน พ.ศ. 2567 ที่ระดับน้ำในแม่น้ำกกเพิ่มสูงขึ้นจนสะพานพังเสียหาย ไม่สามารถใช้สัญจรได้ ส่งผลให้ประชาชนต้องใช้เส้นทางอ้อมที่มีระยะทางไกลขึ้นและอาจมีอันตรายในการเดินทาง

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

การซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะครั้งนี้เป็นความร่วมมือจากจิตอาสา 100% จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนในพื้นที่ โดยคณะกรรมการโครงการและผู้เกี่ยวข้องต่างมุ่งมั่นให้สะพานกลับมาใช้งานได้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

ทางคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้ และมั่นใจว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จตามกำหนด และสะพานแขวนฮาแหล่จะจะกลับมาเป็นเส้นทางหลักที่ปลอดภัยและเป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาในจังหวัดเชียงรายต่อไป

ข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง:

  • สะพานแขวนฮาแหล่จะ ถูกสร้างขึ้นในปี 2541 และใช้สัญจรมากกว่า 1,000 คน/วัน ก่อนจะได้รับความเสียหายจากอุทกภัย
  • งบประมาณโครงการซ่อมสร้างสะพานแขวนฮาแหล่จะ 6,170,000 บาท ได้รับการสนับสนุนจาก 2 องค์กรเอกชน
  • สะพานแห่งนี้ช่วยร่นระยะทางเดินทางของประชาชนในพื้นที่ได้ถึง 10 กิโลเมตร
  • การซ่อมแซมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน กรกฎาคม 2568 และคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น 20-30% ในปีแรกหลังเปิดใช้งาน

อ้างอิง: ข้อมูลจากคณะกรรมการโครงการซ่อมสร้างสะพานฮาแหล่จะ, องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย และเทศบาลตำบลแม่ยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งอบรมดูแลสุขภาพจิต ผู้ใช้ยา รับมือปัญหาชุมชน

เชียงรายเปิดอบรมดูแลสุขภาพจิตผู้ใช้สารเสพติดในชุมชน เสริมศักยภาพบุคลากรรับมือปัญหา

เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ 2568 –    โรงแรม เอ็ม บูทีค รีสอร์ท เชียงราย นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย รักษาราชการแทนปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ใช้สารเสพติดในชุมชนอย่างเหมาะสม ภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อการปฏิบัติงานในศูนย์คัดกรองยาเสพติด โดยมีบุคลากรผู้รับผิดชอบงานยาเสพติดและสุขภาพจิตจากสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่จังหวัดเชียงรายเข้าร่วม

ปัญหายาเสพติดในเชียงราย: ความท้าทายที่ต้องรับมือ

นายญาณาฤทธิ์กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงรายยังคงเป็นเรื่องสำคัญ โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้ยาเสพติดมากกว่าผู้ติดยาเสพติด ซึ่งเมื่อมีการเสพยาเสพติดในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอน คลุ้มคลั่ง ขาดสติ หวาดระแวง และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำร้ายตัวเองและผู้อื่น

อบจ.เชียงราย มุ่งมั่นแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างบูรณาการ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหายาเสพติด จึงมีนโยบายในการส่งเสริมการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง โดยได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) โครงการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานทางการแพทย์ สถานพยาบาล หน่วยงานทางปกครอง หน่วยงานท้องถิ่น และหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุม

อบจ.เชียงราย มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพผู้ป่วยแบบบูรณาการ โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชนอย่างครอบคลุม เพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่ประชาชน การอบรมบุคลากรที่ดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ใช้สารเสพติดในชุมชนในครั้งนี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง และให้การช่วยเหลือหลังการบำบัดรักษา โดยการประคับประคอง ให้คำแนะนำ คำปรึกษา เสริมสร้างกำลังใจและสร้างแรงจูงใจ ทั้งผู้ป่วยและครอบครัว ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ

การอบรม: เพิ่มศักยภาพบุคลากรดูแลผู้ใช้สารเสพติดในชุมชน

การอบรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการดูแลสุขภาพจิตสำหรับผู้ใช้สารเสพติดในชุมชนอย่างเหมาะสม โดยจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์จำแนกระดับความรุนแรงของผู้ป่วย การวางแผนการดูแล หรือการส่งต่อที่เหมาะสม รวดเร็ว และปลอดภัย รวมถึงการเพิ่มศักยภาพสำหรับบุคลากรในการปฏิบัติงานในศูนย์คัดกรองยาเสพติด

การอบรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพูนความรู้และทักษะให้กับบุคลากร แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการกลับไปเสพยาเสพติดซ้ำ ก่อความรุนแรงซ้ำ รวมถึงปัญหาด้านสังคมที่เกี่ยวข้องกับการติดยาเสพติด และสร้างความสงบสุขให้แก่ชุมชน

อบจ.เชียงราย หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การอบรมในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อบุคลากรที่ปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพจิตผู้ใช้สารเสพติดในชุมชน และเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในจังหวัดเชียงรายอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

เชียงรายเร่งเครื่องพัฒนาบุคลากร สู่การทำงานมืออาชีพรับใช้ประชาชน

เชียงรายเร่งพัฒนาบุคลากร เสริมศักยภาพการทำงานสู่มืออาชีพ

เชียงราย, 7 กุมภาพันธ์ 2568 –   ณ ห้องประชุมธรรมปัญญา ชั้น 2 อบจ.เชียงราย] นายรามิล พัฒนมงคลเชฐ ปลัด อบจ.เชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.เชียงราย มอบหมายให้นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพ ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีคณะวิทยากรและผู้เข้าอบรมจากหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมโครงการ

การบรรยายช่วงเช้า: แผนพัฒนาท้องถิ่นและการบริหารสัญญา

ในช่วงเช้าของการอบรม นายสุกรรณ์ คำภู ผอ.กลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่น ได้บรรยายในหัวข้อ “การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น และการจัดทำโครงการ” โดยเน้นถึงความสำคัญของการวางแผนพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และการจัดทำโครงการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมา นางฐิรญาภัทร์ ธีติโรจนกาญจน์ ผอ.กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อ “สังเกตการบริหารสัญญา การลดความเสี่ยงของงานก่อสร้าง” โดยให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารสัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในงานก่อสร้าง

การบรรยายช่วงบ่าย: การบริหารสัญญาและการใช้เงินสำรองจ่าย

ในช่วงบ่าย ผอ.กองคลัง อบจ.เชียงราย ได้บรรยายในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสัญญาและการเงิน ได้แก่

  1. การบริหารสัญญา
  2. การแจ้งหยุดงาน การแจ้งเข้างาน การแก้ไขสัญญาจ้าง
  3. การตรวจรับโครงการ
  4. แนวทางการใช้เงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินและความจำเป็นเร่งด่วน

โดยเน้นถึงความสำคัญของการบริหารสัญญาอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นไปตามระเบียบ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการและประชาชน

อบจ.เชียงราย มุ่งพัฒนาบุคลากรให้เป็นมืออาชีพ

อบจ.เชียงราย เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ ที่มีภารกิจในการพัฒนาครอบคลุมทั้งจังหวัดเชียงราย การจัดบริการสาธารณะและกิจกรรมสาธารณะให้เกิดการตอบสนองความต้องการของประชาชน บุคลากรจึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนภารกิจขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนด

ดังนั้น อบจ.เชียงราย จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ ประสบการณ์ และขีดความสามารถในการทำงานที่ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาบุคลากรให้ครอบคลุมทุกประเภท ทุกระดับ ให้ทำงานอย่างมืออาชีพ มีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพ ปฏิบัติงานได้ตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง สามารถประกันคุณภาพของงานที่ทำได้ รวมทั้งมีไหวพริบในการจัดการ แก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และทำงานอย่างจริงจังโดยมุ่งมั่นตั้งใจให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด

โครงการพัฒนาศักยภาพการทำงานอย่างมืออาชีพในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ อบจ.เชียงราย ในการพัฒนาบุคลากร เพื่อยกระดับการทำงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างดีที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘อทิตาธร’ ชี้แจงภาพกับ ‘อนุทิน’ ยันไปแจกการ์ดเชิญแต่งงานให้ลูกสาว

อทิตาธร วันไชยธนวงค์ ปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย พร้อมชี้แจงภาพร่วมเฟรมกับอนุทิน

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 18.00 น. ณ วัดห้วยปลากั้ง ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้ทำการติดตามกิจวัตรประจำวันส่วนตัวของ ว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ ซึ่งทราบมาว่าจะเข้ามาสวดสวดมนต์และทำสมาธิที่วัดห้วยปลากั้ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต 

อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวจึงขอสัมภาษณ์หลังมีประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้คือ ภาพถ่ายที่ปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของนายอนุทิน พร้อมข้อความว่า
ให้การต้อนรับและแสดงความยินดีเบื้องต้นกับทีมงานผู้ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ. เชียงราย ที่แวะมาสวัสดีปีใหม่และตรุษจีนที่กระทรวงมหาดไทย”

ภาพดังกล่าวนำไปสู่การตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับจุดยืนทางการเมืองของ นางอทิตาธร วันไชยธนวงค์ หลังเสร็จศึกเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางหารได้รับการเลือกตั้ง 261,301 คะแนน ในการชิงแบบพรรคอิสระ ทให้เกิดคำถามจากประชาชนในชาวเชียงราย

อทิตาธร เปิดใจถึงภาพถ่ายกับอนุทิน และเหตุผลของการเดินทางไปกระทรวงมหาดไทย

ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สัมภาษณ์อทิตาธรถึงประเด็นดังกล่าว โดยเธอชี้แจงว่า การเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพาลูกสาว (น้องป่าน)ไปแจกการ์ดงานแต่งงาน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม 2568

ที่จริงตามมารยาทต้องเชิญผู้ใหญ่อย่างน้อยสองเดือนล่วงหน้า แต่เพราะติดช่วงเลือกตั้ง ทำให้ไม่มีเวลาทำหน้าที่แม่เลย หลังเลือกตั้งเสร็จ จึงรีบไปเชิญผู้ใหญ่ที่กระทรวง”

นอกจากนี้ อทิตาธรยังเปิดเผยว่า ได้ใช้โอกาสดังกล่าวหารือกับนายอนุทินเกี่ยวกับปัญหาสำคัญของจังหวัดเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาน้ำท่วมและถนนการเกษตร ซึ่งได้รับคำมั่นจากรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการช่วยเหลือ

หารือปัญหาเยียวยาน้ำท่วมและโครงสร้างพื้นฐาน

ในโอกาสเดียวกัน อทิตาธรได้ใช้โอกาสนี้ นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเชียงราย โดยเฉพาะเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังมีประชาชนจำนวนมาก ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาท จากทางรัฐบาล

“พี่ได้แจ้งกับท่านรัฐมนตรีถึงปัญหาที่ค้างคาอยู่ เช่น ถนนบ้านฟาร์มเมืองงิมที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และสะพานที่พังในอำเภอเวียงแก่นและอำเภอเทิงซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าเกษตร”

อทิตาธรเปิดเผยว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านเมตตาจะเดินทางมา ตรวจ ราชการ รับฟังข้อมูลที่เชียงราย ใน อาทิตย์หน้า และจะหาแนวทางช่วยเหลือ ชาวเชียงราย และจะหาแนวทางแก้ไขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

แผนงานหลังเลือกตั้ง เตรียมพบกระทรวงอื่นๆ

อทิตาธรระบุว่า หลังจากเข้าพบกระทรวงมหาดไทยแล้ว ก็มีวางแผนที่จะ เดินทางไปพบกระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องกับเชียงราย เช่น

  • กระทรวงเกษตรฯ: หารือเรื่องการแก้ปัญหาวัชพืชและการเผาไหม้
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ: พูดคุยเรื่องไฟป่าและ PM 2.5
  • กรมโยธาธิการฯ: วางแผนแก้ไขโครงสร้างพื้นฐานและระบบน้ำ

“พี่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเชียงราย ก็จะเดินหน้าทำงานต่อทันที”

เหตุผลที่เลือกไปกระทรวงมหาดไทยหลังวันเลือกตั้ง

เมื่อถูกถามว่าทำไมจึงเลือกเดินทางไปกระทรวงมหาดไทยในวันถัดจากการเลือกตั้ง อทิตาธรตอบว่า เป็นเรื่องของเวลาที่จำกัด เพราะต้องเตรียมงานแต่งของลูกสาว และลูกสาวเองก็สอบถามตลอดว่าจะเชิญผู้ใหญ่ตอนไหน

ลูกสาวยังพูดติดตลกเลยว่า รอหลังเลือกตั้งแล้วผลออกก่อนก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่าแพ้เลือกตั้งจะได้ไม่ต้องพิมพ์การ์ดเยอะ”

ยืนยันจุดยืน “อิสระ” ไม่สังกัดพรรคการเมือง

สำหรับคำถามที่ว่าการปรากฏตัวร่วมกับนายอนุทินจะสะท้อนถึงการสังกัดพรรคการเมืองหรือไม่ อทิตาธรได้ย้ำชัดว่า

ยังเป็นอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด นอกจากฟังเสียงของประชาชน และมีอิสระทางความคิด”

ทางด้านอทิตาธรยังอธิบายเพิ่มเติมว่า การเป็นอิสระทำให้สามารถเข้าถึงและทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ง่ายขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเชียงราย

รัฐบาลเป็นรัฐบาลผสม มีรัฐมนตรีจากหลายพรรค ถ้าจำกัดตัวเองอยู่กับพรรคใดพรรคหนึ่ง จะทำให้การประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนยากขึ้น”

อทิตาธรได้ฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า

“พี่นกอยากให้ทุกคนมั่นใจว่า เราจะทำงานเพื่อพัฒนาเชียงรายต่อไป และไม่อยากให้เกิดความขัดแย้งหรือความแตกแยกทางการเมือง เราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างอนาคตของจังหวัด” ย้ำอีกครั้งว่า การเลือกตั้งจบแล้ว และสิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การพัฒนาจังหวัดเชียงรายให้ก้าวไปข้างหน้า

สร้างความเข้าใจกับประชาชนเชียงราย

อทิตาธรฝากข้อความถึงประชาชนเชียงรายว่า ความตั้งใจในการพัฒนาจังหวัดยังเหมือนเดิม และขอให้ทุกคนมั่นใจว่าจะทำงานเพื่อผลประโยชน์ของเชียงรายอย่างเต็มที่

พี่นกไปทุกกระทรวงและพูดคุยกับทุกพรรค ที่สามารถช่วยเหลือและแก้ปัญหาให้เชียงรายได้ ขอให้ทุกคนมั่นใจในตัวพี่ค่ะ”

สรุปข่าว

  • อทิตาธร วันไชยธนวงค์ เริ่มปฏิบัติธรรม 10 วัน หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย
  • ชี้แจงว่า ภาพถ่ายกับอนุทิน เป็นเพียงการเข้าพบเพื่อเชิญร่วมงานแต่งของลูกสาว และหารือปัญหาน้ำท่วม
  • ยืนยันว่า ยังคงเป็นนักการเมืองอิสระ ไม่สังกัดพรรคใด
  • เตรียมเข้าพบ กระทรวงอื่นๆ เพื่อผลักดันโครงการพัฒนาเชียงราย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย อทิตาธร – สลักจฤฎดิ์ เดินหน้าขอคะแนน

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย “ทักษิณ” อู้กำเมืองปลุกใจ ปราศรัยคึกคักก่อนเลือกตั้ง ส่วนอีกฝาก “อทิตาธร” ลงพื้นที่หาเสียงเข้มข้น 

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย โดยมีไฮไลต์สำคัญที่สนาม สิงห์ เชียงราย สเตเดียม ซึ่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาช่วยหาเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย พรรคเพื่อไทย โดยมีประชาชนมารอต้อนรับอย่างคึกคัก

อย่างไรก็ตาม กำหนดการปราศรัยของ นายทักษิณ มีการเลื่อนออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้ 09.30 น. เป็น 12.00 น. เมื่อขึ้นเวที นายทักษิณ ได้เริ่มต้นปราศรัยด้วย ภาษาเหนือ (อู้กำเมือง) กล่าวคำขอโทษชาวเชียงรายที่รอท่ามกลางแดดร้อน พร้อมขอบคุณที่อดทนรอ

เชียงรายเปลี่ยนแปลงน้อย ท้องถิ่นต้องร่วมพัฒนา”

นายทักษิณ กล่าวว่า หลังจาก หายไป 17 ปี คิดว่าเชียงรายจะมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อกลับมา พบว่ายังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก จึงขอให้ประชาชนร่วมมือกันผลักดันให้เชียงรายเติบโต พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะสร้างโอกาสให้เต็มที่ และท้องถิ่นต้องเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา

ฐานรากของประเทศกำลังสึกหรอนายทักษิณ อธิบายว่า การที่ตนให้ความสำคัญกับ การเมืองท้องถิ่น มากขึ้น เป็นเพราะท้องถิ่นคือ หัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก โดยเปรียบเทียบว่า ปัญหาทางเศรษฐกิจขณะนี้ไม่เหมือน วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540 ที่เป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มธุรกิจระดับบน แต่ครั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจที่เปรียบเหมือนเสาเข็มบ้านกำลังพังลง จึงต้องอาศัยพลังจากท้องถิ่นและรัฐบาลทำงานเป็นทีม

ตรุษจีนนี้ “ใส่เสื้อแดง กินส้ม”

เนื่องจากวันปราศรัยตรงกับช่วงเทศกาลตรุษจีน นายทักษิณ ได้พูดถึงประเพณีจีน โดยถามประชาชนว่า “ตรุษจีนนี้ชอบใส่เสื้อสีอะไร?” ซึ่งชาวเชียงรายตอบว่า “สีแดง” และถามต่อว่า “คนจีนชอบกินอะไร?” ทุกคนตอบว่า “ส้ม” ก่อนจะกล่าวติดตลกว่า

ตรุษจีนนี้ ขอให้พี่น้องใส่เสื้อแดงแล้วกินส้ม จะได้เจริญรุ่งเรือง

ซึ่งประชาชนบางส่วนตะโกนกลับว่า “คายขว้างแล้วเจ้า” หมายถึง ทิ้งไปแล้ว” ซึ่งนายทักษิณตอบกลับว่า “โอ้! ดีจัง

อยากใช้งานผมหรือไม่ ใช้ให้เต็มที่”

ในช่วงท้ายของการปราศรัย นายทักษิณ กล่าวอ้อนขอคะแนนเสียงให้กับ นางสลักจฤฎดิ์ และทีมผู้สมัคร ส.จ. พรรคเพื่อไทย โดยกล่าวว่า

อยากจะใช้งานผมหรือไม่? ใช้ให้เต็มที่เลย ตราบใดที่ผมยังแข็งแรง ยังไม่เป็นอัลไซเมอร์ ผมจะทำงานให้ประเทศและประชาชนเต็มที่

พร้อมย้ำให้ประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยแบบจัดเต็ม และอวยพรให้ทุกคนโชคดีในวันปีใหม่จีน

กำหนดการเดินสายหาเสียงต่อเนื่อง

หลังจากปราศรัยที่เชียงราย นายทักษิณ เดินทางต่อไปยัง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วย นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร หาเสียงเลือกตั้ง นายก อบจ.เชียงใหม่ และเข้าพักค้างคืน ก่อนเดินทางไป จังหวัดลำพูน ในวันถัดไป

อีกฟากผู้สมัครจัดแผนปราศรัยใหญ่ 30 มกราคม ก่อนศึกเลือกตั้ง

จากข้อมูลที่ได้รับ วันที่ 30 มกราคม 2568 จะเป็นวันสำคัญของการหาเสียงครั้งสุดท้าย โดยอทิตาธร วันไชยธนวงศ์มีกำหนดการจัด เวทีปราศรัยใหญ่ ก่อนเลือกตั้งที่ สนามกีฬากลาง อบจ.เชียงราย

โดยช่วงเช้า ทีมงานของนางอทิตาธร จะเดินสายหาเสียงที่ อำเภอเทิง และมีการนัดรวมตัวกันของผู้สนับสนุนจำนวนมากก่อนเข้าสู่เวทีใหญ่ในช่วงค่ำ

ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนผู้เข้าร่วมปราศรัย นั้นขึ้นอยู่กับหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น กระแสการตอบรับของประชาชน นโยบายของแต่ละผู้สมัคร รวมถึงทิศทางทางการเมืองระดับประเทศที่ส่งผลต่อท้องถิ่น

อทิตาธร” ลั่น! เชียงรายต้องไปต่อ ไม่เป็นเบี้ยทางการเมือง

นางอทิตาธร กล่าวย้ำว่า เชียงรายต้องการผู้นำที่มาจากประชาชนจริงๆ ไม่ใช่เพียง ตัวแทนของพรรคการเมืองระดับประเทศ พร้อมแสดงจุดยืนว่าหากได้รับเลือกตั้ง จะทำงานเพื่อท้องถิ่นเชียงรายโดยไม่อยู่ภายใต้อำนาจทางการเมืองระดับชาติ

เธอยังระบุว่า เชียงรายต้องไปต่อ ไม่ใช่แค่สนามเล่นของพรรคการเมืองใหญ่ แต่ต้องเป็นของประชาชนทุกคน”

แนวโน้มและกระแสตอบรับของประชาชน

ศึกเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย ในปีนี้ถือเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่ง เนื่องจากเป็นสนามที่พรรคการเมืองใหญ่ให้ความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันอย่างเต็มตัว และมีนายทักษิณ ชินวัตร ลงมาช่วยหาเสียงด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม กระแสของกลุ่มผู้สนับสนุนที่เปลี่ยนแปลงท่าที และการที่มีผู้สมัครอิสระที่ได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่มากขึ้น อาจส่งผลให้ผลการเลือกตั้งมีความไม่แน่นอนสูง

การเลือกตั้งครั้งนี้ ภายใต้กฎหมายและความเป็นธรรม

ในระหว่างการหาเสียง ทุกพรรคการเมืองและผู้สมัครต้องปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด โดย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกประกาศเตือนว่า หากพบการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเสียง ใช้อิทธิพล หรือกระทำผิดกติกาใดๆ อาจถูกพิจารณาให้ “ใบแดง” หรือ “ใบเหลือง” ได้

ผู้สมัครทั้งหมด รวมถึงผู้ช่วยหาเสียง จะต้องดำเนินกิจกรรมภายใต้กฎหมายเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม

FAQ: คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย

  1. การเลือกตั้ง อบจ. เชียงราย มีความสำคัญอย่างไร?
    เลือกตั้ง อบจ. เป็นการเลือกผู้นำท้องถิ่นที่มีอำนาจจัดสรรงบประมาณพัฒนาจังหวัด
  2. ทักษิณให้ความสำคัญกับท้องถิ่นมากขึ้นเพราะอะไร?
    เขามองว่าท้องถิ่นเป็นหัวใจสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจฐานราก
  3. พรรคเพื่อไทยมีโอกาสชนะการเลือกตั้งหรือไม่?
    การแข่งขันยังคงดุเดือด ต้องรอดูผลโหวตของประชาชน
  4. นโยบายของนางสลักจฤฎดิ์มีอะไรเด่น?
    เน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการท่องเที่ยวเชียงราย
  5. การเลือกตั้งครั้งนี้มีผลต่อการเมืองระดับประเทศอย่างไร?
    เป็นการวัดกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งทั่วไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI EDITORIAL

ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง อบจ.เชียงราย พุ่งสูงถึง 71 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง อบจ. ปี 2568 สูงถึง 3.5 พันล้านบาท ประชาชนควรออกมาใช้สิทธิ

จากรายงานของ Rocket Media Lab ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในข้อบัญญัติงบประมาณประจำปี 2568 ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ทั่วประเทศ ซึ่งไม่รวมงบประมาณของ อบจ. แม่ฮ่องสอน และอีก 4 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร บึงกาฬ เลย และสมุทรสาคร ที่ไม่ได้ตั้งงบประมาณสำหรับการเลือกตั้งไว้ พบว่า ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ รวมทั้งค่าจัดการเลือกตั้งและค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ มีมูลค่ารวมสูงถึง 3,563,810,232 บาท

รายละเอียดค่าใช้จ่าย

  • ค่าใช้จ่ายการเลือกตั้งในจังหวัดเชียงราย
    จังหวัดเชียงรายใช้งบประมาณรวมทั้งหมด 71 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการจัดการเลือกตั้ง 34,948,553 บาท และค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ 36,051,447 บาท เมื่อนำมาคำนวณเทียบกับประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในจังหวัดเชียงรายที่มีจำนวน 176,685 คน พบว่าต้นทุนเฉลี่ยต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ที่ 401.85 บาทต่อคน
  • งบประมาณเลือกตั้งระดับประเทศ
    ค่าใช้จ่ายการจัดการเลือกตั้งในปีนี้สูงถึง 3.5 พันล้านบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายหลายด้าน เช่น การจัดตั้งหน่วยเลือกตั้ง ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ การพิมพ์บัตรเลือกตั้ง และการประชาสัมพันธ์

ผลกระทบจากการลาออกก่อนครบวาระ

ในปี 2568 มีเพียง 17 จังหวัดที่ต้องจัดการเลือกตั้งนายก อบจ. เนื่องจากบางพื้นที่ได้เลือกตั้งไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกรณีที่นายก อบจ. ลาออกก่อนครบวาระ เช่น จังหวัดปทุมธานี ที่ใช้งบประมาณในการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปี 2567 จาก 79 ล้านบาท เป็น 89 ล้านบาท สะท้อนถึงภาระงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอันเป็นผลจากการลาออกดังกล่าว

อัตราการใช้สิทธิเลือกตั้งและเป้าหมายในปี 2568

ในการเลือกตั้ง อบจ. ปี 2563 พบว่า อัตราการใช้สิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศอยู่ที่ 62.25% เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ตั้งเป้าไว้ที่ 65% ปีนี้ กกต. ย้ำให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เงินภาษีที่ใช้ไปในกระบวนการเลือกตั้งเกิดประโยชน์สูงสุด

จังหวัดงบการจัดการเลือกตั้ง 68 (บาท)ค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง (บาท)งบจัดการเลือกตั้ง68+ค่าตอบแทน (บาท)ประชากรผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (คน)งบต่อหัวรวมหมายเหตุ
นครราชสีมา78,098,000110,000,000188,098,000365,192515.07 
เชียงราย34,948,55336,051,44771,000,000176,685401.85 
นครศรีธรรมราช42,150,00034,028,00076,178,000212,271358.87 
บุรีรัมย์50,800,00047,980,00098,780,000432,622228.33 
ร้อยเอ็ด17,938,60040,912,20058,850,800262,516224.18 
สมุทรปราการ120,000,00033,000,000153,000,000752,019203.45 
กำแพงเพชร60,000,000 60,000,000303,089197.96ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
สงขลา34,000,00040,500,00074,500,000407,945182.62 
ระยอง50,000,00020,000,00070,000,000385,091181.78 
น่าน18,000,00020,000,00038,000,000209,669181.24 
กระบี่10,000,00015,000,00025,000,000142,114175.92 
นครนายก15,160,00010,000,00025,160,000157,102160.15 
ชลบุรี40,000,00050,000,00090,000,000570,120157.86 
ชุมพร12,320,00015,300,00027,620,000183,361150.63 
สกลนคร24,563,10224,220,35048,783,452331,807147.02 
สุรินทร์46,370,00015,000,00061,370,000433,837141.46 
ขอนแก่น40,000,00052,000,00092,000,000654,181140.63 
นราธิวาส31,700,00036,569,40068,269,400506,704134.73 
นครสวรรค์20,000,00035,000,00055,000,000411,154133.77 
เชียงใหม่50,000,00050,000,000100,000,000791,945126.27 
ศรีสะเกษ26,000,00044,000,00070,000,000588,876118.87 
นครพนม20,484,41022,015,59042,500,000401,623105.82 
ลพบุรี15,000,00025,000,00040,000,000389,684102.65 
ตาก12,550,00015,750,00028,300,000279,832101.13 
ตรัง28,000,00022,000,00050,000,000517,53096.61 
ปทุมธานี49,000,00040,000,00089,000,000948,93593.79 
ฉะเชิงเทรา29,374,30025,279,50054,653,800587,34293.05 
อุดรธานี41,200,00040,600,00081,800,000906,43790.24 
พิจิตร19,047,00018,953,00038,000,000428,97488.58 
กาฬสินธุ์15,300,00023,000,00038,300,000435,26187.99 
มหาสารคาม17,418,00032,582,00050,000,000572,94487.27 
มุกดาหาร17,000,0002,500,00019,500,000225,05286.65 
สุโขทัย11,000,00016,920,00027,920,000324,79585.96 
ตราด6,700,0007,300,00014,000,000168,30483.18 
พิษณุโลก11,800,00017,000,00028,800,000362,86079.37 
อุตรดิตถ์13,500,00013,000,00026,500,000335,29279.04 
ภูเก็ต8,000,00011,200,00019,200,000243,73378.77 
กาญจนบุรี15,000,00015,000,00030,000,000389,78676.97 
สระบุรี34,000,00018,000,00052,000,000690,99475.25 
แพร่12,500,00017,200,00029,700,000394,80675.23 
ปราจีนบุรี30,000,0008,000,00038,000,000517,46273.44 
หนองคาย30,145,00014,589,40044,734,400611,65173.14 
จันทบุรี10,000,00019,000,00029,000,000420,69468.93 
ชัยภูมิ43,269,62430,595,32673,864,9501,225,77960.26 
สุราษฎร์ธานี57,090,00012,910,00070,000,0001,168,95559.88 
ราชบุรี19,000,00021,000,00040,000,000675,46059.22 
พระนครศรีอยุธยา40,000,00039,500,00079,500,0001,347,31059.01 
ปัตตานี19,102,40030,472,60049,575,000840,26359.00 
เพชรบูรณ์30,188,00043,000,00073,188,0001,277,45857.29 
อำนาจเจริญ20,000,00013,271,48033,271,480598,45155.60 
ประจวบคีรีขันธ์18,500,00013,000,00031,500,000606,83751.91 
พะเยา13,000,00013,000,00026,000,000509,85750.99 
ลำปาง50,000,0005,000,00055,000,0001,096,74450.15 
นครปฐม25,000,00027,000,00052,000,0001,085,48547.90 
เพชรบุรี18,000,00017,000,00035,000,000785,37544.56 
อุบลราชธานี15,701,00048,000,00063,701,0001,459,56243.64 
สุพรรณบุรี20,000,00023,000,00043,000,000999,75443.01 
สมุทรสาคร15,000,000 15,000,000367,83440.78ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
ชัยนาท8,000,00010,000,00018,000,000459,36239.18 
สระแก้ว13,247,65013,452,35026,700,000690,27038.68 
นนทบุรี50,500,00032,000,00082,500,0002,142,23538.51 
ยะลา25,000,00023,000,00048,000,0001,260,36538.08 
สตูล8,650,0008,100,00016,750,000442,90237.82 
ยโสธร12,231,35016,260,72028,492,070772,26536.89 
บึงกาฬ7,639,880 7,639,880261,95529.16ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
อ่างทอง6,900,0005,000,00011,900,000409,31029.07 
สมุทรสงคราม7,000,0005,000,00012,000,000413,72829.00 
หนองบัวลำภู15,000,00015,000,00030,000,0001,057,06028.38 
ลำพูน8,500,00012,700,00021,200,000918,76123.07 
อุทัยธานี13,000,00011,710,00024,710,0001,114,80122.17 
พังงา2,500,0007,000,0009,500,000479,10719.83 
พัทลุง10,000,00011,000,00021,000,0001,116,32018.81 
เลย21,000,000 21,000,0001,259,95516.67ไม่ตั้งงบค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งไว้
สิงห์บุรี4,000,0006,000,00010,000,000678,73214.73 
ระนอง4,700,0005,600,00010,300,000840,62912.25 
แม่ฮ่องสอน   1,493,0420.00ไม่มีการตั้งงบประมาณในการจัดการเลือกตั้งไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณ อบจ. ปี 2568

ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ

จากข้อมูลของ Rocket Media Lab พบว่าการจัดการเลือกตั้งที่มีค่าใช้จ่ายสูงสะท้อนถึงความสำคัญของการใช้สิทธิเลือกตั้ง เพื่อให้เงินภาษีที่ถูกใช้นั้นเกิดความคุ้มค่า และแสดงออกถึงความรับผิดชอบของประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ การเลือกตั้งที่โปร่งใสและมีส่วนร่วมจากประชาชนในทุกระดับจะช่วยสร้างความมั่นใจในกระบวนการประชาธิปไตย

สรุป

การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้มีงบประมาณรวมกว่า 3.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งไม่เพียงแค่ช่วยสร้างความโปร่งใส แต่ยังสะท้อนถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / Rocket Media Lab 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ศึกเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย “ทักษิณ” เตรียมลุยโค้งสุดท้ายเข้มข้น!

การหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย 2568 เข้มข้นในโค้งสุดท้าย

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) ระหว่างนางสลักจฤฎดิ์ ติยะไพรัช อดีตนายก อบจ.เชียงราย ภรรยาของนายยงยุทธ ติยะไพรัช แกนนำพรรคเพื่อไทย และนางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ อดีตนายก อบจ.เชียงราย กำลังเข้มข้นในโค้งสุดท้าย โดยนางสลักจฤฎดิ์และทีมงานได้ลงพื้นที่หาเสียงอย่างหนัก จัดเวทีปราศรัยใหญ่และย่อยทุกอำเภอในจังหวัด บางวันเปิดเวทีปราศรัยมากถึง 3-4 จุด

นายทักษิณ ชินวัตร เตรียมช่วยหาเสียง

ในวันที่ 29 มกราคม 2568 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเชียงรายเพื่อช่วยหาเสียงให้นางสลักจฤฎดิ์ โดยจะขึ้นเวทีปราศรัย 3 จุดสำคัญ ได้แก่ อำเภอแม่สรวย อำเภอพาน และสนามฟุตบอลเชียงรายยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสนามกีฬาประจำจังหวัด ทั้งนี้ นายทักษิณเคยเดินทางมาช่วยหาเสียงในพื้นที่เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา

นโยบายเชียงรายโมเดล เน้นช่วยเหลือประชาชน

นายยงยุทธ ติยะไพรัช ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง กล่าวว่า การหาเสียงครั้งนี้แตกต่างจากรูปแบบเดิม โดยเน้นนำเสนอนโยบายที่จับต้องได้ เช่น เชียงรายโมเดลที่เชื่อมโยงการพัฒนาจังหวัดกับส่วนกลางและรัฐบาล เน้นการช่วยเหลือด้านเกษตรกรรมและการแก้ปัญหาหนี้สินของเกษตรกร อาทิ การสร้างตลาดกลาง (Marketplace) สำหรับเกษตรกรในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น น้ำตกและภูเขา โดยเกษตรกรสามารถขายสินค้าเกษตรได้โดยไม่คิดค่าพื้นที่ และส่งเสริมการขายแบบ Farm to Table เชื่อมโยงผลิตผลจากเกษตรกรถึงผู้บริโภคโดยตรง พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้ลดต้นทุนการผลิต

อบจ.เชียงรายต้องปรับตัวสู่ยุคใหม่

นายยงยุทธระบุว่า อบจ. ต้องไม่เพียงคิดถึงการสร้างถนน แต่ควรสนับสนุนการพัฒนาสาธารณสุข การศึกษา และส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาแก่ประชาชนและนักศึกษาในจังหวัด นอกจากนี้ยังต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง

เวทีปราศรัยในโค้งสุดท้าย

นอกจากนโยบายที่เน้นจับต้องได้ การหาเสียงยังมีการดึงบุคคลสำคัญมาช่วยเสริม เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาช่วยหาเสียงและขึ้นเวทีปราศรัยในวันนี้

การเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงรายในครั้งนี้ถือเป็นการวัดพลังทางการเมืองระหว่างฝ่ายต่าง ๆ โดยจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 08.00-17.00 น. ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิ์และเตรียมพร้อมใช้สิทธิ์ได้ที่หน่วยเลือกตั้งใกล้บ้าน.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายเปิดระบบ Telemedicine ลดเวลาเดินทาง เข้าถึงหมอทุกพื้นที่

อบจ.เชียงรายเปิดตัว Telemedicine ลดเวลาการเดินทางและประหยัดค่าใช้จ่ายผู้ป่วยในชนบท

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุมธรรมรับอรุณ ชั้น 2 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย เป็นประธานในการแถลงข่าวเปิดตัวระบบแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญเพื่อยกระดับบริการสาธารณสุขในพื้นที่ชนบท โดยมีตัวแทนจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย (สสจ.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

เป้าหมายหลักของ Telemedicine

ระบบแพทย์ทางไกลนี้จะช่วยลดการเดินทางของประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือพื้นที่สูง โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตชนบทและผู้ป่วยที่เดินทางลำบาก เช่น ผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง ระบบนี้มีการติดตั้งเครื่องตรวจร่างกายปฐมภูมิแบบดิจิทัลในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จำนวน 75 แห่ง ซึ่งสามารถตรวจวัดอาการเบื้องต้นและเชื่อมต่อกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาลกลางผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

สาธิตการใช้งานจริง

ในงานเปิดตัวได้มีการสาธิตการใช้งานเครื่องตรวจร่างกายปฐมภูมิแบบดิจิทัลที่เชื่อมต่อกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยมีการตรวจผู้ป่วยชายอายุ 59 ปี ซึ่งเพิ่งผ่านการผ่าตัดมะเร็งตับอ่อนเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา การสาธิตครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลเพื่อมารับการรักษา แต่สามารถใช้บริการตรวจรักษาและรับคำปรึกษาจากแพทย์ผ่านระบบ Telemedicine ที่ รพ.สต. ใกล้บ้านได้

คุณสมบัติของเครื่องตรวจ Telemedicine

นางอทิตาธร อธิบายว่าเครื่องนี้สามารถตรวจวัดได้ทั้งการเต้นของหัวใจ การตรวจช่องอก หู และตา พร้อมส่งข้อมูลมายังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังช่วยลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางของผู้ป่วย บริการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบาย “โฮงยาใกล้บ้าน อยู่ที่ไหนก็ใกล้หมอ”

การพัฒนาระบบบริการทางการแพทย์ในอนาคต

นายก อบจ.เชียงราย ระบุว่าหากการทดลองใช้ในระยะแรกสำเร็จและได้รับการตอบรับดี อบจ.เชียงรายอาจพิจารณาขยายโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น พร้อมทั้งมุ่งเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และ อสม. ในพื้นที่เพื่อให้บริการเป็นไปอย่างราบรื่นและทั่วถึง

Telemedicine กับการพัฒนาระบบสุขภาพในระดับโลก

การใช้บริการแพทย์ทางไกล หรือ Telemedicine ได้รับความนิยมในหลายประเทศ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 เทคโนโลยีนี้ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถรับบริการสุขภาพผ่านการสื่อสารแบบเรียลไทม์ ลดข้อจำกัดด้านสถานที่และเวลา ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า Telemedicine เป็นหนึ่งในวิธีการที่หลายประเทศนำมาใช้เพื่อให้บริการสาธารณสุขในช่วงที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่

ข้อดีของ Telemedicine

  • ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
  • ลดความแออัดในโรงพยาบาล
  • เพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่ห่างไกล
  • สนับสนุนการดูแลผู้ป่วยที่มีข้อจำกัดในการเดินทาง

ความสำคัญต่อประชาชนในพื้นที่ห่างไกล
ระบบ Telemedicine ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกล ให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

สรุป

โครงการ Telemedicine ที่ริเริ่มโดย อบจ.เชียงราย เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชนบท ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพและสนับสนุนการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่เท่าเทียม นับเป็นก้าวสำคัญของจังหวัดเชียงรายในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างระบบสุขภาพที่ยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย / เชียงรายทูเดย์ แม็กกาซีนข่าว

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News