Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิดศูนย์บัญชาการ สู้ศึกหมอกควัน PM2.5

เชียงรายลั่น! เอาผิดคนเผาป่า เข้มมาตรการ PM2.5

เชียงราย, 17 กุมภาพันธ์ 2568 – เชียงรายเปิดศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM2.5 เดินหน้าคุมเข้มมาตรการลดปัญหามลพิษ

ผู้ว่าฯ เชียงรายเปิดศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM2.5

วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2568) นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิด ศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM2.5 จังหวัดเชียงรายอาคารศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กองทัพ และภาคประชาสังคมเข้าร่วม

ศูนย์ปฏิบัติการแห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการปัญหาหมอกควันและไฟป่าอย่างเป็นระบบ โดยมีการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานรัฐ เอกชน และภาคประชาชน เน้น การบัญชาการ วางแผน และติดตามมาตรการควบคุมหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ มณฑลทหารบกที่ 37, กอ.รมน. จังหวัดเชียงราย, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย และหน่วยงานอื่น ๆ ประจำการตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

แนวทางแก้ปัญหา PM2.5 และการบังคับใช้กฎหมาย

นายชรินทร์ ทองสุข เน้นย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมแหล่งกำเนิดหมอกควันไฟป่า โดยชี้ว่าปัญหา PM2.5 ไม่ได้เกิดจากจุดความร้อนของไฟป่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงปัจจัยอื่น เช่น ควันดำจากยานพาหนะ และฝุ่นละอองจากพื้นที่ก่อสร้าง ทั้งนี้ จังหวัดเชียงรายจะใช้มาตรการเข้มข้นในการควบคุมการเผาอย่างเคร่งครัด โดยมี แนวทางป้องกันที่ชัดเจน ดังนี้:

  • เพิ่มมาตรการตรวจจับการเผาในที่โล่ง โดยใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมและโดรนตรวจการณ์
  • ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบของ PM2.5 ผ่านช่องทางต่าง ๆ
  • บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง สำหรับผู้ฝ่าฝืนมาตรการห้ามเผา

คนเผาต้องได้รับผลจากการกระทำ เช่น การดำเนินคดีทางกฎหมาย หรือการตัดสิทธิ์จากการรับบริการภาครัฐ” นายชรินทร์กล่าว พร้อมย้ำว่าทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

มาตรการ “เชียงรายฟ้าใส 3 พื้นที่ 3 ช่วงเวลา”

จังหวัดเชียงรายได้ประกาศ มาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ 3 ระดับ ได้แก่ พื้นที่ป่า พื้นที่การเกษตร และพื้นที่เมือง โดยใช้ 3 ช่วงเวลาหลัก เพื่อควบคุมสถานการณ์หมอกควัน:

  1. ช่วงที่ 1: ห้ามเผาในที่โล่งตั้งแต่วันนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมจะได้รับอนุญาต เฉพาะการบริหารจัดการโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น
  2. ช่วงที่ 2: ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568 เป็นช่วงบังคับใช้มาตรการ ห้ามเผาอย่างเด็ดขาด โดยผู้ฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายขั้นสูงสุด
  3. ช่วงที่ 3: หลังวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จะมีการติดตามและประเมินผลมาตรการ รวมถึงกำหนดแนวทางระยะยาวในการป้องกันปัญหาหมอกควัน

ประชาชนสามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วน

เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ศูนย์ปฏิบัติการฯ ได้เปิด สายด่วนรับแจ้งเหตุเผาในพื้นที่ หมายเลข 053-602547 โดยมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่องตลอด 24 ชั่วโมง

ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน

นายชรินทร์ ทองสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ปัญหาฝุ่นควัน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชน เราต้องทำให้ประชาชนตระหนักว่า หมอกควันและฝุ่น PM2.5 เป็นภัยที่กระทบต่อสุขภาพของทุกคน”

นอกจากนี้ จังหวัดเชียงรายยังได้บูรณาการทำงานร่วมกับ กลุ่มเกษตรกร เพื่อให้ความรู้เรื่องการจัดการเชื้อเพลิงอย่างปลอดภัย และสนับสนุนการนำเศษพืชมาใช้เป็นวัตถุดิบเชื้อเพลิงชีวมวล ลดการเผาทำลาย ซึ่งจะช่วยลดปัญหามลพิษในระยะยาว

สรุป

จังหวัดเชียงรายเปิด ศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM2.5 เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษจากไฟป่าและหมอกควันอย่างจริงจัง โดยใช้ มาตรการ “เชียงรายฟ้าใส 3 พื้นที่ 3 ช่วงเวลา” ควบคุมการเผา พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นและให้ประชาชนสามารถแจ้งเหตุเผาผ่านสายด่วน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายมั่นใจว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จังหวัดเชียงรายจะสามารถลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และสร้างอากาศที่บริสุทธิ์ให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชีงราย รวมพลังดับไฟป่า MOU สร้างแนวป้องกัน

เชียงรายลงนาม MOU แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เสริมความร่วมมือทุกภาคส่วน

เชียงราย, 11 กุมภาพันธ์ 2568 – องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่น ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมด้านการอนุรักษ์ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย

พิธีลงนามครั้งนี้จัดขึ้นโดยมี นายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ปฏิบัติหน้าที่ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการองค์การบริหารส่วนจังหวัด และ นางสาวปราณปรียา โพธิเลิศ ผู้อำนวยการกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบจ.เชียงราย นอกจากนี้ยังมี พันจ่าเอก ทวีป เชี่ยวสุวรรณ หัวหน้าฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ นางวรินทร ยานะนวล หัวหน้าฝ่ายสงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ประสบภัย ร่วมลงนาม

ในส่วนของพื้นที่อำเภอแม่สรวย นายศิวกร ใจบุญมี ปลัดอำเภอแม่สรวย ได้กล่าวต้อนรับและสนับสนุนการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประชาชน

ผนึกกำลัง 9 หน่วยงาน ร่วมบูรณาการป้องกันไฟป่า

การลงนามครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหลายหน่วยงานในพื้นที่อำเภอแม่สรวย ได้แก่

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • อำเภอแม่สรวย
  • อุทยานแห่งชาติดอยหลวง
  • เทศบาลตำบลเวียงสรวย
  • องค์การบริหารส่วนตำบลแม่พริก
  • องค์การบริหารส่วนตำบลเจดีย์หลวง
  • องค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ
  • กำนันตำบลแม่พริก
  • กำนันตำบลเจดีย์หลวง

ดำเนินโครงการ 8 จุดสำคัญ ป้องกันปัญหาหมอกควันระยะยาว

โครงการนี้จะดำเนินการในพื้นที่ 8 จุดสำคัญ ของอำเภอแม่สรวย โดยใช้ เครื่องจักรกลของ อบจ.เชียงราย และ อบต.แม่พริก ในการสร้างแนวกันไฟป่า และได้รับการสนับสนุนแรงงานจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันป้องกันการลุกลามของไฟป่าในฤดูแล้ง

โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบจากหมอกควันที่เกิดจากไฟป่า ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชนในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้นการป้องกันและควบคุมไฟป่าอย่างเป็นระบบ

เชียงรายเร่งแผนรับมือปัญหาหมอกควัน เดินหน้าต่อเนื่องในปี 2568

องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงรายได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของชุมชนในการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน โดยจะมีการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบของไฟป่า และให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการป้องกันการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูง

อบจ.เชียงราย ยังมีแผนทำงานร่วมกับ หน่วยงานสิ่งแวดล้อมระดับชาติ เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการหมอกควันที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งวางมาตรการระยะยาวเพื่อควบคุมการเกิดไฟป่าในอนาคต

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาไฟป่าและหมอกควันในเชียงราย

  1. ทำไมจังหวัดเชียงรายจึงเผชิญปัญหาหมอกควันทุกปี?

สาเหตุหลักมาจากไฟป่าที่เกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้ง และการเผาพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศในภูมิภาค

  1. โครงการนี้ช่วยลดปัญหาหมอกควันได้อย่างไร?

การทำแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยงสูงจะช่วยป้องกันการลุกลามของไฟป่า และลดปริมาณหมอกควันที่เกิดจากการเผา

  1. ใครบ้างที่มีส่วนร่วมในโครงการนี้?

ทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันดำเนินโครงการเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ

  1. แนวทางการป้องกันไฟป่าในระยะยาวของเชียงรายคืออะไร?

มีแผนพัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับไฟป่า เพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน และรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชน

  1. ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ได้อย่างไร?

สามารถเข้าร่วมการอบรม และเป็นอาสาสมัครช่วยลาดตระเวนและป้องกันไฟป่าในพื้นที่ของตนเอง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

กองทัพบกที่ 37 เข้มงวดป้องกันไฟป่า-หมอกควันในพื้นที่

มณฑลทหารบกที่ 37 จัดชุดลาดตระเวนและประชาสัมพันธ์งดเผา ป้องกันปัญหาหมอกควันในเชียงราย

เชียงราย,10 กุมภาพันธ์ 2568 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มณฑลทหารบกที่ 37 จัดกำลังชุดปฏิบัติการลาดตระเวน 3 ชุด ลงพื้นที่ในอำเภอแม่จันและอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย เพื่อป้องปรามการเผาป่า และประชาสัมพันธ์มาตรการงดเผาในที่โล่งของจังหวัดเชียงราย พร้อมให้ความรู้ประชาชนเกี่ยวกับแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5

การลาดตระเวนและประชาสัมพันธ์เชิงรุก

ชุดปฏิบัติการลาดตระเวนทั้ง 3 ชุด ได้กระจายกำลังลงพื้นที่ในหมู่ที่ 13 และ 15 ตำบลป่าตึง อำเภอแม่จัน และหมู่ที่ 1 ตำบลตับเต่า อำเภอเทิง ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการลาดตระเวนในพื้นที่ป่า และพื้นที่เกษตรกรรมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการลักลอบเผาป่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้พบปะพูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงประชาสัมพันธ์มาตรการงดเผาในที่โล่งของจังหวัดเชียงราย

มาตรการงดเผาในที่โล่งของจังหวัดเชียงราย

จังหวัดเชียงรายได้ประกาศมาตรการงดเผาในที่โล่ง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ประจำปี 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ตั้งแต่บัดนี้ – 28 กุมภาพันธ์ 2568: ห้ามเผาในที่โล่ง ยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อควบคุมปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยง
  • ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 31 พฤษภาคม 2568: ห้ามเผาในที่โล่งทุกกรณีโดยเด็ดขาด

ความมุ่งมั่นของมณฑลทหารบกที่ 37 ในการแก้ไขปัญหาหมอกควัน

มณฑลทหารบกที่ 37 ยังคงเดินหน้าลาดตระเวนและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันลดปัญหาหมอกควันและมลพิษทางอากาศในพื้นที่ โดย พล.ต. [ชื่อและยศ] ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ได้กล่าวว่า “ปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย กองทัพบกจึงมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเต็มที่”

ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน

มณฑลทหารบกที่ 37 เห็นว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน จะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกคน จึงขอความร่วมมือประชาชนในการงดเผาในที่โล่ง และแจ้งเบาะแสการลักลอบเผาป่าให้กับเจ้าหน้าที่

อนาคตของการแก้ไขปัญหาหมอกควันในเชียงราย

มณฑลทหารบกที่ 37 เชื่อมั่นว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จะทำให้ปัญหาหมอกควันในจังหวัดเชียงรายลดลง และประชาชนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเปิดกิจกรรมหยุดเผา หยุดฝุ่น ต้าน PM 2.5

จังหวัดเชียงรายเดินหน้ามาตรการรณรงค์ป้องกันไฟป่าและฝุ่น PM 2.5

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านห้วยทรายขาว หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ (Kick Off) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ภายใต้แนวคิด “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” โดยมุ่งเน้นสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนถึงความสำคัญของการห้ามเผาในทุกครัวเรือนทั่วจังหวัดเชียงราย พร้อมขยายผลไปทั่วประเทศผ่านการแจกสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เช่น แผ่นพับ โปสเตอร์ และสื่อโซเชียลเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

กิจกรรมครั้งนี้ได้มีการเข้าถึงชุมชนและประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยใช้วิธีการเคาะประตูบ้านเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากไฟป่าและการเผา รวมถึงแนวทางการป้องกันเพื่อช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนการปลูกต้นไม้และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดเพื่อช่วยลดมลพิษจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายได้กำหนดมาตรการหลัก 3 ด้านเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ซึ่งประกอบไปด้วยการส่งเสริมการทำเกษตรแบบไม่ใช้การเผา เช่น การไถกลบตอซัง การทำปุ๋ยหมัก และการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงการใช้มาตรการตัดสิทธิประโยชน์ทางการเกษตร โดยมีการควบคุมการใช้มาตรการต่างๆ ผ่านการร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การใช้มาตรการเข้มงวดและเชิงรุก

จังหวัดเชียงรายยังได้ตั้งทีมเฝ้าระวังในชุมชนเพื่อตรวจสอบและแจ้งเตือนการเกิดมลพิษ พร้อมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในทุกพื้นที่เพื่อให้การจัดการปัญหาหมอกควันและไฟป่ามีประสิทธิภาพสูงสุด ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การลดจุดความร้อนในจังหวัดเชียงรายเป็นผลสำเร็จที่เห็นได้ชัด โดยช่วงสองวันที่ผ่านมาไม่พบจุดความร้อนเลย ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จจากการบังคับใช้มาตรการเหล่านี้

ความสำคัญของการร่วมมือจากประชาชน

อย่างไรก็ตาม ในการแก้ไขปัญหานี้ยังคงต้องพึ่งพาความร่วมมือจากประชาชนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในส่วนของการลดการเผาและการช่วยควบคุมมลพิษจากยานพาหนะและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งยังคงเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนของจังหวัดเชียงราย ในขณะเดียวกันยังได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น

การพัฒนาเชียงรายสู่เมืองท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

จุดมุ่งหมายหลักของการรณรงค์นี้คือการทำให้จังหวัดเชียงรายกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีอากาศบริสุทธิ์ พร้อมด้วยการสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้กับพื้นที่ ผ่านการลดมลพิษและการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เพียงแต่การพัฒนาสภาพแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมให้มีการพัฒนาในทุกด้านเพื่อให้เมืองเชียงรายเป็นที่รู้จักในระดับโลกในฐานะที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีคุณภาพอากาศที่ดีที่สุด

สรุป

การรณรงค์เพื่อป้องกันไฟป่าและมลพิษทางอากาศที่จังหวัดเชียงรายจัดขึ้นในครั้งนี้ เป็นการสร้างการตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและการร่วมมือในการหาทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยการใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับการร่วมมือจากประชาชนในการลดการเผาและการใช้พลังงานสะอาด เพื่อให้เชียงรายกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สะอาดและยั่งยืนต่อไปในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

การประชุมแก้ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไข

การประชุมแก้ปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่น PM 2.5 โดยรองนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล

เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (รมว.มหาดไทย) เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) ซึ่งจัดขึ้นเพื่อติดตามปัญหาหมอกควันจากไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 โดยมีหน่วยงานต่างๆ และผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด ร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นซ์ เพื่อรับมอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว

นายกรัฐมนตรีห่วงใยสถานการณ์หมอกควัน

รองนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์หมอกควันและฝุ่น PM 2.5 และได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแม้ในช่วงที่เดินทางไปต่างประเทศ โดยตลอดระยะเวลาที่นายกรัฐมนตรีอยู่ต่างประเทศ ได้มีการติดต่อประสานงานและเรียกประชุมหารือกับตนเองทุกเวลา เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมรับมือกับปัญหานี้

การแต่งตั้งที่ปรึกษากองบัญชาการปภ.ช.

ในที่ประชุม นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งผู้แทนสำคัญหลายท่านเพื่อเป็นที่ปรึกษาของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม, นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, รวมทั้ง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะรับผิดชอบในการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนรับทราบและเข้าใจสถานการณ์ รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5

สถานการณ์หมอกควันในภาคเหนือ

อนุทินกล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ โดยเฉพาะใน 17 จังหวัดภาคเหนือที่มีการเผาวัชพืชและผลผลิตทางการเกษตรอย่างมาก ซึ่งเป็นพื้นที่ Hotspot ที่มีปัญหาหมอกควันฝุ่น PM 2.5 สูงที่สุด ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ประกาศห้ามเผาและกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อบรรเทาสถานการณ์ โดยใช้ระบบบริหารจัดการแบบ Single Command เพื่อให้การทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานมีความเข้มข้นและมีประสิทธิภาพ

การบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน

รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเกิดผลอย่างแท้จริง โดยให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมมือกันและทำงานอย่างเป็นทีม โดยไม่มุ่งหวังให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ดำเนินการเพียงลำพัง

มูลเหตุสำคัญจากการเผา

อนุทินยังกล่าวต่อว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดหมอกควันและมลพิษ PM 2.5 คือการเผาวัชพืชและซากพืชทางการเกษตร หากไม่ให้ประชาชนเผาทำลายซากพืชเหล่านี้ จะช่วยลดมลพิษได้อย่างมาก โดยการเผานั้นไม่ได้มีแค่ผลกระทบในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย จึงมีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยและประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน

การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเกษตรกร

นายอนุทินกล่าวว่า การเกษตรในพื้นที่ภาคเหนือและทั่วประเทศได้รับการเปลี่ยนแปลง โดยเกษตรกรหันมาผลิตพืชระยะสั้นแทนพืชผลทางการเกษตรระยะยาว เช่น มะม่วง ทุเรียน หรือมังคุด ที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการเก็บเกี่ยว ซึ่งทำให้เกิดการเผาเศษวัชพืชมากขึ้น เนื่องจากพืชผลเหล่านี้ไม่ได้ให้ผลทันที และต้องเร่งปลูกพืชใหม่จึงต้องใช้การเผาเป็นวิธีการจัดการที่สะดวกและรวดเร็ว

แนวทางในการลดมลพิษจากการเผา

สำหรับการลดมลพิษจากการเผา การใช้วิธีการใหม่ๆ เช่น การฝังกลบ หรือการแปรสภาพเศษวัชพืชไปเป็นพลังงานชีวภาพ หรืออาหารสัตว์ รวมทั้งการทำปุ๋ยชีวภาพ เป็นทางเลือกที่รัฐบาลสนับสนุน พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือในด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จำเป็น

ความเสียหายจากหมอกควันและฝุ่น PM 2.5

รองนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความเสียหายจากหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องการการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องมีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือชาวบ้านอย่างรวดเร็ว เมื่อสถานการณ์เริ่มเกิดผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของประชาชน

มาตรการในการช่วยเหลือชาวบ้าน

การใช้เงินช่วยเหลือเป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อชดเชยความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันฝุ่น PM 2.5 โดยรัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยเหลือในระยะยาว รวมทั้งมาตรการในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติในอนาคต

บทสรุป

การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชน เพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดผลสำเร็จในการลดมลพิษและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงมหาดไทย 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเดินหน้ารับมือไฟป่า หมอกควัน เตรียมแผนปี 2568 อย่างเข้มข้น

การประชุมแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เชียงรายเตรียมความพร้อมปี 2568

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2567 นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ ประจำปี 2568 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมี พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมจากศูนย์ปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

แผนการรับมือและแนวทางการปฏิบัติ

การประชุมได้แบ่งแผนดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

  1. ช่วงเตรียมความพร้อม (15 พ.ย. 67 – 28 ก.พ. 68): เตรียมความพร้อมด้านกำลังพล วัสดุอุปกรณ์ และระบบประสานงาน
  2. ช่วงเผชิญเหตุ (1 มี.ค. 68 – 30 เม.ย. 68): ดำเนินการดับไฟป่าในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร และพื้นที่เมือง
  3. ช่วงฟื้นฟู (1 พ.ค. 68 – 30 ต.ค. 68): ฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบและเตรียมป้องกันเหตุซ้ำซาก

พื้นที่เป้าหมายรวมถึงเขตป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ พื้นที่เกษตรกรรม และเขตเมือง โดยเฉพาะ 7 อำเภอชายแดนที่มีหมอกควันข้ามแดน ซึ่งต้องประสานงานผ่านกลไก TBC และศูนย์สั่งการชายแดนเพื่อป้องกันจุดความร้อน (Hot Spot) และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)

รายละเอียดแนวทางการดำเนินงาน

  • การจัดการไฟป่า: มอบหมายให้กรมชลประทานดูแลแหล่งน้ำสำหรับดับไฟ และใช้โดรนเกษตรเพื่อลำเลียงน้ำในพื้นที่เข้าถึงยาก
  • การลดการเผา: ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่สูงและเกษตรกรที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ใช้วิธีการจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรอื่นแทนการเผา พร้อมส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจ
  • การควบคุมฝุ่นในเมือง: ควบคุมฝุ่นจากชุมชน การก่อสร้าง และยานพาหนะ โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยง
  • การปฏิบัติการด้านอากาศ: กองพลทหารราบที่ 7 จ.เชียงใหม่ เป็นจุดระดมพลอากาศยานและสนับสนุนน้ำมันเชื้อเพลิง
  • การทำงานแบบ Single Command: ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นหัวหน้าศูนย์ควบคุมหลัก โดยทหารและตำรวจเป็นหน่วยสนับสนุน

การจัดตั้งศูนย์อำนวยการภาค 3

กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ณ สโมสรยอดทัพบันเทิง กองพลทหารราบที่ 7 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 โดยมอบหมายให้ พลตรีชายแดน กฤษณสุวรรณ เป็นผู้บัญชาการศูนย์ เพื่อประสานงานและปฏิบัติการในพื้นที่ภาคเหนือ

ความสำคัญของการประชุม

การประชุมครั้งนี้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานรับฟังความคิดเห็น ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งบประมาณให้คุ้มค่า และสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงที่เคยเกิดไฟป่าซ้ำซาก การปฏิบัติงานในเวลากลางคืนต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด พร้อมสร้างความร่วมมือกับชุมชนเพื่อป้องกันปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืน

การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายในการเตรียมรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในปี 2568 เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายเร่งรับมือไฟป่า หมอกควัน PM2.5 สร้าง “เชียงรายฟ้าใส”

เชียงรายเตรียมพร้อมรับมือไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ตั้งแนวทาง “เชียงรายฟ้าใส” 3 ระยะ

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมหารือกำหนดแนวทางการขับเคลื่อนมาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สำหรับปี 2568 โดยมีคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พร้อมนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมา และวางแผนการบริหารจัดการปัญหาในปีนี้

แนวทางการขับเคลื่อนมาตรการ “เชียงรายฟ้าใส” จังหวัดเชียงรายได้กำหนดมาตรการสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง โดยแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

  1. ระยะเตรียมความพร้อม
    ระหว่างวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 – 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเน้นการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน การจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยง และการเตรียมชุดปฏิบัติการเผชิญเหตุให้พร้อม
  2. ระยะเผชิญเหตุ
    ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดจากการเผาในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร โดยมุ่งเน้นการเฝ้าระวัง การใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจจับจุดความร้อน (Hotspot) และการจัดการเชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพ
  3. ระยะฟื้นฟู
    ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 30 ตุลาคม 2568 โดยมีเป้าหมายฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน พร้อมทั้งฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน

การดำเนินงานใน 3 พื้นที่เป้าหมาย

  • พื้นที่ป่า: จัดตั้งชุดลาดตระเวนและปฏิบัติการดับไฟป่า พร้อมเพิ่มการตรวจจับจุดเผาไหม้
  • พื้นที่เกษตร: ส่งเสริมการทำเกษตรปลอดการเผา และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุเกษตร
  • พื้นที่เมือง: เพิ่มจุดแจกหน้ากากอนามัยและสถานที่ปลอดฝุ่น PM2.5 พร้อมจัดทำศูนย์ข้อมูลและศูนย์ประชาสัมพันธ์ร่วม

การประชาสัมพันธ์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง นายประเสริฐเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อกฎหมาย สิทธิประโยชน์ มาตรการต่าง ๆ ให้ประชาชนได้รับทราบและเข้าใจ เพื่อป้องกันการละเมิดข้อกำหนดและสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและประชาชน

มาตรการเสริมสร้างความร่วมมือ จังหวัดเชียงรายได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมป่าไม้ กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งของการบริหารจัดการปัญหา นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีตรวจจับจุดความร้อนจากภาพถ่ายดาวเทียม และจัดอบรมเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงเพื่อเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงาน

ผลกระทบและเป้าหมาย ปัญหาไฟป่าและหมอกควันเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ มาตรการ “เชียงรายฟ้าใส” จึงมุ่งหวังลดความรุนแรงของปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

บทสรุป จังหวัดเชียงรายมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 อย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินงานในปีนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นให้กับพื้นที่จังหวัดเชียงรายและภูมิภาคโดยรอบ.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ มอบนโยบายแก้ PM2.5 ยั่งยืน เน้นลดไฟป่าภาคเหนือ

นายกฯ ลงพื้นที่แม่ริมถกแผนป้องกันไฟป่า-ฝุ่น PM 2.5 เน้นมาตรการยั่งยืน

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปยังกองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตรียมแผนป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สำหรับปี 2568 โดยมีนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงผู้แทนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และผู้ว่าราชการจาก 17 จังหวัดภาคเหนือเข้าร่วม

สรุปสถานการณ์ปี 2567

ในที่ประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่รายงานสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี โดยเฉพาะในปี 2567 พบว่ามีการลดลงของจุดความร้อน (Hotspots) พื้นที่เผาไหม้ และจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ที่เข้ารับการรักษา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2566 ความสำเร็จนี้เกิดจากการดำเนินงานเชิงรุกและการใช้หลักการ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” โดยมีการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานในทุกระดับ

นายกฯ เน้นย้ำมาตรการแก้ไขปัญหา

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ระบุว่าการแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย พร้อมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พัฒนาแนวทางการแปรรูปวัสดุทางการเกษตร เพื่อลดการเผาและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร รวมถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต้องจัดทำพื้นที่เฝ้าระวังให้ชัดเจน

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงปัจจัยจากต่างประเทศ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศติดตามสถานการณ์และประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง พร้อมกำชับให้ดูแลสุขภาพของประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน

ตรวจความพร้อมและมอบกำลังใจ

หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีได้ตรวจแถวกำลังพลและความพร้อมของอุปกรณ์ป้องกันไฟป่า พร้อมมอบสิ่งของช่วยเหลือและกล่าวให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง และประสานการทำงานระหว่างหน่วยงานอย่างใกล้ชิด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลจะสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่ายอย่างเต็มที่

นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่เพียงการแก้ปัญหาระยะสั้น แต่ต้องวางรากฐานเพื่อการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาจะเป็นต้นแบบในการสร้างมาตรการที่มีประสิทธิภาพต่อไป

มาตรการระยะยาวและเป้าหมายปี 2568

สำหรับปี 2568 รัฐบาลตั้งเป้าหมายลดจุดความร้อนและค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือให้ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเน้นการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน และการสนับสนุนเทคโนโลยีที่ช่วยลดการเผา พร้อมจัดตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจสำหรับรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

นายกฯ สั่งยกระดับวิกฤตไฟป่า 9 มาตรการ เร่งพิจารณางบกลางให้จังหวัดด่วน

 

เมื่อวันที่ 9 เม.ย.67 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ได้กำชับให้ ‘ยกระดับ’ มาตรการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละออง PM2.5 ในช่วงสถานการณ์วิกฤต โดยให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานผ่าน 9 มาตรการ ประกอบด้วย

 

1.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานทหารระดมลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงรวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ลักลอบเผาป่าทุกกรณี ย้ำทุกกรณีไม่มีการละเว้น
 
2.ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำกับดูแลบังคับกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด
 
3.ให้กระทรวงมหาดไทย สั่งการจังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้านร่วมกับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนเฝ้าระวังเสี่ยงต่อการเผา
 
4.ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประกาศ เขตความร่วมมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน และให้ประกาศเวิร์คฟอร์มโฮมตามความจำเป็น เพื่อผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
 
5.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาตัดสินการรับความช่วยเหลือ การชดเชยต่างๆจากรัฐหากพบว่ามีการเผาในพื้นที่เกษตรกรของเอง
 
6.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพิ่มความถี่ ปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อป้องกันและบรรเทาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน ฝุ่นละอองอย่างเร่งด่วน และร่วมกับรายงานความมั่นคงในจัดหาเฮลิคอปเตอร์ให้เพียงพอต่อการช่วยเหลือการดับไฟป่า
 
7.ให้กระทรวงสาธารณสุขจัดชุดเคลื่อนที่ลงเยี่ยมบ้านดูแลสุขภาพประชาชนอย่างทั่วถึง ทันท่วงทีและสนับสนุนอุปกรณ์ส่วนบุคคล สำหรับกลุ่มเสี่ยง
 
8.ให้สำนักงานงบประมาณ พิจารณางบกลางให้จังหวัดเพื่อให้ทันต่อการแก้ไขปัญหาในช่วงสถานการณ์วิกฤติ ตามความเหมาะสมและจำเป็นเร่งด่วน
 
9.กรณีหมอกควันข้ามแดน ให้กระทรวงการต่างประเทศยกระดับการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้ง พม่า และลาว ให้ลดการเผาป่าอย่างทันทีและตั้ง KPI ให้ชัดเจน
 
นายกรัฐมนตรี เปิดเผยได้ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการทั้ง 9 ข้อนี้ โดยมีพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS SOCIETY & POLITICS

ผบ.ทบ. ขอทุกภาคส่วนสร้างความมั่นคง ปลื้ม กอ.รมน. ขับเคลื่อนงานสังคม

 

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 67 ที่ กอ.รมน. พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ.ในฐานะ รอง ผอ.รมน. ได้เป็นประธานการประชุม หน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ประจำเดือนมีนาคม 67 โดยมีคณะผู้บริหารระดับสูง พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผช.ผบ.ทบ.ในฐานะผช.ผอ.รมน., พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ เสธ.ทบ.ในฐานะ เลขาฯ กอ.รมน. ตลอดจนหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. เข้าร่วมประชุมฯ ในขณะเดียวกัน ผอ.รมน.ภาค และ กอ.รมน.จังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมผ่านระบบทางไกล

 

นางทศยาพร ดิเรกวุฒิ รองโฆษก กอ.รมน. กล่าวว่า ในช่วงแรกของการประชุม หน่วยขึ้นตรง กอ.รมน. ได้รายงานผลการปฏิบัติตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่ได้มอบหมายให้ กอ.รมน. ดำเนินการขับเคลื่อนและบูรณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วยความคืบหน้าในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบทหารกองประจำการแบบสมัครใจที่ผ่านมาพบว่ามียอดผู้สมัครเข้าร่วมโครงการในปีนี้สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

สำหรับการแก้ไขปัญหาคนไร้ที่พึ่ง และการแก้ไขไฟป่าหมอกควันขอให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อมุ่งสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ส่วนการบริหารจัดการที่ดินของกองทัพให้ประชาชนใช้ประโยชน์ ปัจจุบันได้มีการจัดสรรที่ดินในความครอบครองของกองทัพให้ประชาชนใช้ประโยชน์แล้ว 2 พื้นที่ คือ ที่ดินของกองทัพบก หนองวัวซอ โมเดล จ.อุดรธานี และที่ดินของกองบัญชาการกองทัพไทย บริเวณบ้านแก่งประลอมและบ้านพุราด อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี มีประชาชนได้รับประโยชน์จำนวน 519 ราย โดย กอ.รมน. จะเร่งขยายผลการบริหารจัดการที่ดินในความรับผิดชอบของกองทัพเรือและกองทัพอากาศต่อไป

 

รอง ผอ.รมน. ได้มอบนโยบายแนวทางในการปฏิบัติงานในเรื่องการใช้งานยุทโธปกรณ์พิเศษในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเน้นย้ำการปฏิบัติงานให้เป็นเชิงรุกมากกว่าเชิงป้องกัน เพิ่มการเชื่อมโยงระบบยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและให้พิจารณาในส่วนของยุทโธปกรณ์ให้สามารถตอบสนอง และรองรับต่อภารกิจในปัจจุบันและอนาคตได้ เพื่อให้รองรับแผนที่จะมีการปรับลดกำลังพลด้านความมั่นคงภายในปี 2570 และเตรียมส่งต่อความรับผิดชอบงาน ให้มีการมอบอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงมหาดไทย

การขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคงในทุกมิติทั่วประเทศนั้นมีความสำคัญโดย รอง ผอ.รมน. ได้กำชับถึงบทบาทหน้าที่ของ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ว่าต้องเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ โดยมีความเชี่ยวชาญ และสามารถประเมินวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ได้ รวมถึงบทบาทในการประสานงาน บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยให้ กอ.รมน. (ส่วนกลาง) จัดทำคู่มือเพื่อวางแนวทางการปฏิบัติงาน การประเมินผลงาน และกำหนดตัวชี้วัดที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้มีการรับมอบและแบ่งมอบหน้าที่ให้กับ รอง ผอ.รมน.จังหวัด ได้อย่างชัดเจน และช่วยให้การปฏิบัติงานของ กอ.รมน. ในระดับจังหวัดมีประสิทธิผล ช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ว่าราชการจังหวัดในการดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ส่วนสถานการณ์ชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน รอง ผอ.รมน. ขอบคุณ กอ.รมน.ภาค 3 และกองทัพ ที่มีส่วนสำคัญและช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งมอบความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ร่วมกับสภากาชาดไทย และกระทรวงการต่างประเทศ ให้แก่ประชาชนเมียนมาผู้พลัดถิ่นด้วยความเรียบร้อย ถือเป็นบทบาทหน้าที่หนึ่งในการดูแลสันติภาพประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นการส่งความปรารถนาดีของประชาชนไทยต่อประชาชนเมียนมาทุกกลุ่มโดยไม่เลือกปฏิบัติ ในขณะเดียวกันเน้นย้ำให้ กอ.รมน. (ส่วนกลาง) ตลอดจนทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เร่งสร้างการรับรู้ให้ข้อมูลกับสังคมในเรื่องต่างๆ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ครบถ้วนให้กับประชาชนได้ทราบเพื่อลดทอนสิ่งที่ประชาชนเข้าใจผิดหรือมีความสงสัยในประเด็นต่างๆ

 

พล.อ.เจริญชัย ได้กล่าวขอบคุณ กอ.รมน. และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความสำเร็จ จนได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลในการขับเคลื่อนและบูรณาการแก้ไขปัญหา

 

ทั้งนี้ ขอให้ กอ.รมน. ในบทบาทนักประสานงาน อำนวยการ ใช้กลไกการบูรณาการในการขับเคลื่อนแผนงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับสังคม และประเทศชาติ สุดท้ายนี้เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2 เมษายน 2567 ที่ใกล้จะถึงนี้ ขอเชิญชวนกำลังพล ข้าราชการและประชาชนร่วมกันทำความดี ร่วมกิจกรรมบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ที่จัดโดยส่วนราชการต่างๆ ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติฯ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แสดงออกซึ่งความจงรักภักดีโดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News