Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

ศิลปะต้านฝุ่นเชียงราย สร้างหุ่นไล่กา สื่อผลกระทบเผาป่า

เชียงรายเปิดตัว “ศิลป์ ล่องกอง” รวมศิลปิน 18 อำเภอ ร่วมสร้างงานประติมากรรมร่วมสมัย สะท้อนปัญหาหมอกควันและไฟป่า

เชียงราย, 21 มีนาคม 2568 – ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยเมืองเชียงราย กลุ่มศิลปินจากทั้ง 18 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมมือกันจัดแสดงผลงานภายใต้ชื่อ “ศิลป์ ล่องกอง” เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวและผลกระทบของปัญหาไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนือ ผ่านประติมากรรมร่วมสมัย “หุ่นไล่กายักษ์” (Giant Puppet) อันทรงพลังทางศิลปะและความหมาย

กิจกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม โดยโครงการ “ศิลป์ ล่องกอง” ได้รับรางวัลดีเด่นจากการประกวดข้อเสนอโครงการเพื่อพัฒนาเมืองแห่งศิลปะ ปี 2568 และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาศักยภาพชุมชนสู่การเป็นเมืองแห่งศิลปะประจำปี พ.ศ. 2568

หุ่นไล่กายักษ์ สื่อสร้างสรรค์จากรากวัฒนธรรมสู่สังคมร่วมสมัย

ผลงานหุ่นไล่กายักษ์ทั้ง 18 ชิ้น ถูกออกแบบและสร้างสรรค์โดยศิลปินในแต่ละอำเภอ โดยนำองค์ความรู้และศิลปหัตถกรรมท้องถิ่นผสมผสานกับการออกแบบร่วมสมัย เพื่อถ่ายทอดอัตลักษณ์ของชุมชน พร้อมกับส่งสารสังคมในประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาหมอกควัน PM2.5 และไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี

การจัดแสดงเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเมษายน 2568 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาวิกฤตของการเฝ้าระวังปัญหาหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และพื้นที่โดยรอบของภาคเหนือ

ศิลปะเพื่อสิ่งแวดล้อม ก้าวใหม่ของเชียงรายสู่เมืองศิลปะระดับประเทศ

ภายในงาน ยังมีการจัดกิจกรรม Art Workshop ภายใต้ชื่อ “หน้ากากแห่งสายลม” ซึ่งเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมเรียนรู้และสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยตนเอง พร้อมทั้งกิจกรรมเสวนา “วงคุย มุมคิด ฟังเสียงไฟ คุยเรื่องฝุ่น” โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญและศิลปินท้องถิ่นมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ

นางเกษร กำเนิดเพ็ชร รองผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เปิดเผยว่า โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสื่อสารสังคมอย่างสร้างสรรค์ โดยอาศัยพลังจากศิลปินท้องถิ่นเพื่อสะท้อนปัญหาที่ประชาชนต้องเผชิญอย่างใกล้ชิดในชีวิตประจำวัน

การมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่น จุดประกายจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม

ผลงานทั้งหมดได้รับความร่วมมือจากชุมชนในแต่ละอำเภอ ซึ่งได้ให้ข้อมูล วัสดุท้องถิ่น และร่วมแสดงความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ผลงานศิลปะเหล่านี้ไม่เพียงแต่สื่อสารในเชิงสัญลักษณ์ หากยังสะท้อนถึงจิตวิญญาณของผู้คนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาไฟป่าและหมอกควัน

นายกสมาคมขัวศิลปะ ในฐานะผู้สนับสนุนพื้นที่จัดงาน ระบุว่า การใช้หุ่นไล่กา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องพืชผลจากศัตรูพืชในอดีต มาแปลงเป็น “หุ่นไล่กายักษ์” สื่อถึงการเฝ้าระวังและต่อต้าน “ยักษ์ใหญ่” ที่เป็นปัญหาในยุคใหม่อย่างหมอกควัน PM2.5 และการลักลอบเผาป่า ถือเป็นการตีความใหม่ของสัญลักษณ์แบบมีพลัง

ถนนหอศิลป์ กลายเป็นแกลเลอรีกลางแจ้งของศิลปะเพื่อสังคม

หนึ่งในจุดเด่นของโครงการ “ศิลป์ ล่องกอง” คือการนำผลงานหุ่นไล่กายักษ์จำนวน 18 ชิ้น จัดแสดงในพื้นที่สาธารณะตลอดแนวถนนหอศิลป์ ซึ่งไม่เพียงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ชื่นชมงานศิลปะ แต่ยังเปิดพื้นที่ให้เกิดการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และตั้งคำถามถึงบทบาทของศิลปะในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคม

มุมมองที่แตกต่าง: ศิลปะกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม

ฝ่ายสนับสนุน มองว่าการจัดงาน “ศิลป์ ล่องกอง” เป็นการใช้พลังของศิลปะท้องถิ่นในการสร้างจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาเรื้อรังอย่างหมอกควันและการเผาป่า ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการรณรงค์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยเครื่องมือทางวัฒนธรรมเพื่อสื่อสารกับประชาชนในระดับรากหญ้า

อีกมุมหนึ่ง มีความเห็นว่าศิลปะเพียงอย่างเดียวไม่อาจแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างได้ โดยเฉพาะเมื่อเผชิญกับกลไกเศรษฐกิจและความยากจนที่ผลักดันให้ชาวบ้านบางส่วนต้องพึ่งพาการเผาป่าเพื่อเกษตรกรรม การลงทุนในงานศิลปะจึงอาจไม่คุ้มค่าหากขาดนโยบายที่ชัดเจนและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง

สถิติที่เกี่ยวข้องกับข่าว

  • พื้นที่ป่าในจังหวัดเชียงรายได้รับผลกระทบจากการเผาในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ปี 2566 รวมกว่า 15,000 ไร่ (สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย, 2566)
  • ค่าฝุ่นละออง PM2.5 ในอำเภอแม่จัน ช่วงต้นเดือนเมษายน ปี 2567 พุ่งสูงกว่า 165 µg/m³ (กรมควบคุมมลพิษ, 2567)
  • จังหวัดเชียงรายมีศิลปินที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมขัวศิลปะมากกว่า 300 คน จากทั้ง 18 อำเภอ (สมาคมขัวศิลปะ, 2567)
  • โครงการพัฒนาเมืองศิลปะภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยในปีงบประมาณ 2568 ได้รับการสนับสนุนกว่า 120 ล้านบาท ทั่วประเทศ (สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย, 2568)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
  • สมาคมขัวศิลปะ จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย
  • กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE ECONOMY

‘เบียนนาเล่ เชียงราย’ เงินสะพัดกว่า 2.4 หมื่นล้าน นักท่องเที่ยว 2.7 ล้านคน

 

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2567 นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาล โดย กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) มอบหมายให้สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) จัดงานมหกรรมศิลปะนานาชาติไทยแลนด์เบียนนาเล่ เชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 -30 เมษายน2567 โดยได้มีการประชุมเพื่อสรุปผลการดำเนินงาน พบว่า การดำเนินงานเป็นหลักสำคัญในการส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ทั้งด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยว และด้านการส่งเสริมเทศกาล หรือเฟสติวัล ซึ่งจากการเก็บข้อมูล ของ สศร. ร่วมกับ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สรุป ยอดผู้เข้าชมงาน จัดแสดง ใน 3 ส่วนสำคัญ ณ วันที่ 21 เมษายน รวมจำนวน 2,790,964 คน โดยแบ่งเป็นเข้าชมนิทรรศการหลัก แสดงผลงานศิลปะการจัดวางเฉพาะพื้นที่ของศิลปิน 60 คนในเขต อ.เมือง อ.เชียงแสน และอ.แม่ลาว จำนวน 17 จุด จำนวน 714,235 คน ส่วนที่ Pavilion หรือ ศาลา แสดงผลงานนิทรรศการกลุ่มของศิลปิน พิพิธภัณฑ์ และองค์กรต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ 13 แห่ง มีผู้เข้าชมจำนวน 42,893 คน และในส่วน Collateral Events กิจกรรมพิเศษ มีผู้เข้าชม จำนวน 2,033,836 คน มีการเข้าถึงสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ ทาง Facebook Instagram YouTube TikTok จำนวนมากเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นของมิติศิลปะ รวม 22,403,688 ครั้ง และมีการปฏิสัมพันธ์ทางสื่อโซเชียลเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

 

นายประสพ กล่าวอีกว่า ขณะที่การเก็บข้อมูลตัวเลขเชิงเศรษฐกิจ จาก การประมาณการของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พบว่า มีนักท่องเที่ยว ใน จ.เชียงรายเพิ่มมากขึ้น ร้อยละ 11 เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบนไม่ต่ำกว่า 24,000 ล้านบาท เกิดการหมุนเวียนเศรษฐกิจในพื้นที่ ในช่วงการจัดงาน มีการจ้างงาน 8,000 กว่าอัตรา โดยเป็นการจ้างในระบบประกันสังคม 844 อัตรา ชุมชนได้รับประโยชน์จากการจัดงาน 560 ชุมชน มีศิลปินทั้งในและต่างประเทศตั้งใจมาชมงานนี้โดยตรง 1,000 กว่าคน มี สถาบันการศึกษาทุกระดับมาดูงาน เกิน 500 กว่าแห่ง จึงเห็นภาพของจำนวนคนและการเข้าถึงงานเป็นอย่างมาก ซึ่ง นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ในฐานะผู้นำการจัดงาน แสดงข้อคิดเห็นว่า ต่อไป ไม่ต้องมีคำอธิบายแล้วว่า ไทยแลนด์เบียนนาเล่คืออะไร เพราะคนไทยมีความเข้าใจ และเข้าถึงงานศิลปะแล้ว และที่สำคัญ ได้เกิดการทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานรัฐ ศิลปินไทย และต่างชาติ ช่างฝีมือ ลูกมือทำงาน เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ และถ่ายทอดองค์ความรู้ ระหว่างกันทำให้ศิลปิน และชาวชุมชนทุกที่มีความผูกพัน และมีความภูมิใจที่ได้ทำงานศิลปะระดับโลกให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

 

“ผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นเกินความคาดหวัง เกิดผลทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างไรก็ตาม สศร. จะมีการถอดบทเรียนจากการจัดงานครั้งนี้ ไปทำการศึกษาวิจัย เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการจัดงานในครั้งต่อไป ที่ จ.ภูเก็ต ในปี 2568 และจะมีการสรุปข้อมูลภาพรวมอย่างเป็นทางการโดย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. หลังการจัดงาน ในระยะเวลา 3 เดือน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป” ผอ.สศร.

 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

เที่ยวสงกรานต์ เชียงรายเบียนนาเล่สาดศิลป์ สาดสุข ลุ้นรับรางวัล

 

สายอาร์ตห้ามพลาด !! เที่ยวสงกรานต์เชียงราย สนุกสนานสราญศิลป์ ในงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ และร่วมสนุกกับกิจกรรม “สาดศิลป์ สาดสุข สนุกกับเบียนนาเล่”  ลุ้นรับรางวัล สุดชีค Limited Edition มากมาย

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว วธ) เปิดเผยว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่เดินทางมาท่องเที่ยวเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความประทับใจ ในสีสันบรรยกาศ ความรื่นเริง สนุกสนาน การละเล่นและวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละภูมิภาคในประเทศไทย ประกอบกับขณะนี้กระทรวงวัฒนธรรม 

 

โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ร่วมกับจังหวัดเชียงรายได้จัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ หรือไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย ระหว่างวันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567 ซึ่งมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย และมีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมากเกือบ 3,000,000 คนแล้ว จึงเชิญชวนผู้สนใจไปเที่ยวชมต่อจนกว่าจะจบงาน ซึ่งในช่วงวันที่ 6-7 เมษายน จะมีงาน “กวาคีลา : เป่า ร้อง กลอง รำ เปิดโลกวิถีวัฒนธรรมดนตรีชาติพันธุ์เมืองเชียงราย” เป็นกิจกรรมการแสดงดนตรีชาติพันธุ์ ส่วนหนึ่งของการจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ภายใต้ความร่วมมือกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.องอาจ อินทนิเวศ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย   ควบคู่ไปกับนิทรรศการศิลปะจากศิลปินระดับโลก

 

รมว วธ กล่าวต่อว่า เพื่อให้คนเดินทางไปเที่ยวเชียงรายได้มีโอกาสชมงานศิลปะระดับโลกไปพร้อมๆ กับการเที่ยวงานสงกรานต์ที่เชียงราย กระทรวงวัฒนธรรมและจังหวัดเชียงราย จึงจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกลุ้นรับรางวัล โดยขอเชิญผู้ที่เดินทางไปเที่ยวเชียงราย ระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2567 นี้ ไปเชียงราย แล้วอย่าลืมแวะชมงานศิลปะ ในจุดแสดงงานไทยแลนด์เบียนนาเล่เชียงราย แล้วถ่ายภาพ/ถ่ายคลิปที่มีภาพตัวท่านเองคู่กับงานศิลป์ และโพสต์/แชร์บนเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม ตั้งค่าสาธารณะ ติดแฮชแทค ตามนี้ 

#thailandbiennalechiangrai2023
#thailandbiennale
#สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
CULTURE

3 เครือข่ายภาครัฐและเอกชนหนุน พัฒนางานศิลปะร่วมสมัยผ่านนิทรรศการเครือข่าย

 

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนางานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ประจำปี 2567 ระหว่างกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรมกับธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) บริษัท ไอคอนสยาม จำกัดและกลุ่ม Chat Lab โดยมีคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย นางวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล กรรมการผู้จัดการ Retail and Brand ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และนายณัฏฐาปกรณ์ คะปูคำ สถาปนิกผู้แทนกลุ่ม Chat Lab ร่วมลงนามความร่วมมือ 

 

โดยมีนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางลาลีวรรณ กาญจนจารี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม นางสุภัทร กิจเวช ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม คณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ศิลปินและผู้แทนหน่วยงานเครือข่ายที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ศิลปิน แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วม ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ 

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับองค์กรเครือข่ายและศิลปินทุกท่าน ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ตลอดจนความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นจากพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในวันนี้ ระหว่าง กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย และสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายทั้ง 3 หน่วยงานได้แก่ 1. ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด 3. กลุ่ม Chat Lab และการจัดนิทรรศการแสดงผลงานโครงการที่ได้รับการสนับสนุนในปี 2566 จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของรัฐบาล โดยการนำศิลปะร่วมสมัยมาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาความรู้ ความสามารถ และส่งเสริมพลังความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยให้พัฒนาไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้าและบริการบนพื้นฐานของทุนทางสังคมและวัฒนธรรม อันเป็นสิ่งสำคัญที่จะผลักดันและเสริมสร้างอัตลักษณ์ความเป็นไทยให้แพร่หลายในประชาคมโลกและยังเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือเชิงรุก 
ที่สอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต 
 
 
 
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูลประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งทุนที่ให้การส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยแก่ศิลปินและเครือข่ายฯ ทั้งภาครัฐและเอกชนมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561- 2566 โดยได้ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ รวมทั้งสิ้น 162 โครงการ เป็นงบประมาณรวมกว่า 43 ล้านบาท และในปี พ.ศ. 2567 มีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย จำนวนทั้งสิ้น 27 โครงการ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 3,950,000 บาท ครอบคลุม 4 แนวทางหลัก ได้แก่ แนวทางที่ 1 วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย และ/หรือนำงานวิจัยมาประยุกต์ใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม  แนวทางที่ 2 ส่งเสริมสนับสนุนการสร้างสรรค์งานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยเพื่อเป็นการเพิ่มคุณค่า มูลค่าทางเศรษฐกิจ แนวทางที่ 3 สร้างความร่วมมือเครือข่ายเพื่อยกระดับคุณค่าที่หลากหลายทางสังคมและชุมชน  แนวทางที่ 4 ส่งเสริมการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยไทยผ่านสื่อแขนงต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ
 
โครงการที่ได้รับการส่งเสริมล้วนมีแนวทางการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการให้เกิดการมีส่วนร่วมกับเครือข่ายในระดับชุมชน ระดับชาติ และระดับนานาชาติ และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้ง 3 ด้านได้แก่ ด้านสังคม วัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งก่อให้เกิดการบูรณาการส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยเชิงรุกผ่านระบบนิเวศศิลปะ ช่วยยกระดับคุณค่าทางสังคมและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
 
 
ทั้งนี้ นิทรรศการโครงการที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เปิดให้เข้าชมผลงานโดยไม่เสียค่าเข้าชม ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 5 มกราคม 2567  ณ ห้องปฏิบัติการ 1 และ 2 บริเวณชั้น 2 ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ 
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงวัฒนธรรม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE WORLD PULSE

นับถอยหลัง Thailand Biennale 2023 พร้อมโชว์ผลงานสร้างสรรค์ ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก

 

 

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2566 นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานการแถลงข่าวเปิดตัว 20 ศิลปิน ชุดสุดท้ายของ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 โดยมีนางยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย นายประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ และภัณฑารักษ์ พร้อมด้วยศิลปินและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ โรงแรมแสน จังหวัดเชียงราย

 

นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผย การจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ได้คัดเลือกศิลปินจากทุกทวีปทั่วโลก 21 ประเทศ จำนวน 60 คน เข้าร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ในวันนี้เป็นการเปิดตัวศิลปิน 20 คนสุดท้าย ซึ่งจากการติดตามความก้าวหน้าของการเตรียมงาน และการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าการจัดงานมีความพร้อมอย่างมาก ทั้งในด้านสถานที่การจัดงาน และการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินที่เริ่มสร้างผลงานไปตามแผนงาน พร้อมที่จะอวดผลงานแก่ทุกคนตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ถึง 30 เมษายน 2567 นี้ 

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า จากแนวคิดหลักของ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งเกิดมาจากการลงพื้นที่ศึกษา และค้นหาบริบทของเชียงรายมีข้อมูลเกี่ยวกับพระพุทธรูปปางเปิดโลก ที่ประดิษฐาน ณ วัดป่าสัก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพหุวัฒนธรรม ที่แสดงถึงอิทธิพลจากวัฒนธรรมหลากหลายในเอเชียจนเป็นที่มาของแนวคิด The Open World หรือ เปิดโลก ในครั้งนี้ เป็นจุดสำคัญที่เราจะนำเรื่องราวทางศิลปวัฒนธรรมของไทย สอดแทรกไปกับการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปิน ส่งเสริมให้จังหวัดเชียงรายกลายเป็น‘เมืองศิลปะระดับโลก’และเป็นจุดหมายที่นักเดินทางทั่วโลกอยากมาเยี่ยมชมสร้างการบูรณาการ  ระหว่างศิลปะและวัฒนธรรมท้องถิ่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ในการพัฒนาสินค้าและท่องเที่ยวให้ชุมชนเกิดรายได้ผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบของเทศกาลศิลปะนานาชาติ เป็นการตอบสนองนโยบายประเทศไทย ๔.๐ ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของวธ. และการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วย Soft power ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก ดังนั้นตลอดระยะเวลา 5 เดือนของการจัดงาน จังหวัดเชียงรายจะเต็มไปด้วยผลงานศิลปะจากผลงานหลักของ 60 ศิลปิน กิจกรรมคู่ขนาน อาทิ การแสดงดนตรีชาติพันธุ์ ศิลปะการแสดง การฉายภาพยนตร์ กิจกรรมการศึกษา พาวิลเลี่ยน 13 พาวิลเลี่ยน และการเปิดบ้านของศิลปินเชียงรายอีกกว่า 80 หลัง วันนี้จึงเป็นการนับถอยหลังเข้าสู่การจัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023  ขอเชิญชวนชาวไทยร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปิดโลกแห่งการรับรู้ทางศิลปะ เปิดประเทศ และเปิดเมืองเชียงราย เชื่อมโยงศิลปะสู่วิถีชีวิต ร่วมกันบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ครั้งนี้ และร่วมเป็นเจ้าภาพที่ดีไปพร้อม ๆ กับพี่น้องชาวเชียงราย 

 

 

ด้าน นายพุฒิพงศ์  ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ในฐานะเจ้าบ้าน จังหวัดเชียงราย  ได้เตรียมความพร้อมสำหรับการจัดงานในครั้งนี้ทุก ๆ กิจกรรม โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน อาทิ ศิลปินเชียงราย ขัวศิลปะ องค์การบริหารส่วนตำบล หอการค้า ห้างร้าน มูลนิธิ สมาคมต่าง ๆ จนทำให้ขณะนี้พร้อมต้อนรับคณะศิลปิน และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาชมงานในครั้งนี้ ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านสถานที่จัดงานความพร้อมของผู้คนชุมชนโดยมั่นใจว่าหากได้มาเยือนจะหลงรักเชียงราย เพราะนอกจากความสวยงามของธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น น้ำตก ป่าไม้ วัดวาอาราม แหล่งประวัติศาสตร์ รวมถึงวิถีชีวิต จังหวัดเชียงราย  เป็นเมืองสำคัญที่มีความอุดมสมบูรณ์มีศักยภาพด้านทุนทางวัฒนธรรม ที่มีประวัติศาสตร์ อันยาวนาน งดงามด้วยศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นล้านนา มีสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่และเป็นเอกลักษณ์ มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ และที่น่าภูมิใจยิ่ง คือเป็นถิ่นของปราชญ์ของแผ่นดิน และศิลปินหลากสาขา เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ล้วนได้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่มีคุณค่าให้ปรากฏอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เชียงรายได้รับการยอมรับในฐานะ “เมืองศิลปะ” เมืองศิลปิน ถิ่นทองของศิลปะร่วมสมัยอย่างแท้จริง

 

 

ด้านผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ (Artistic Director) คุณกฤติยา กาวีวงศ์ และภัณฑารักษ์ (Curators)  คุณอังกฤษ อัจฉริยโสภณ และคุณมนุพร เหลืองอร่าม เน้นย้ำถึงที่มาของแนวคิด The Open World หรือ เปิดโลก ว่า เกิดขึ้นจากการลงพื้นที่และศึกษาข้อมูลของจังหวัดเชียงรายได้พบข้อมูลเกี่ยวกับพระพุทธรูปปางเปิดโลก   ซึ่งประดิษฐาน ณ วัดป่าสัก สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๑๘๓๘ ในสมัยพญาแสนภู ผู้สร้างเมืองเชียงแสนซึ่งเป็นหลานของพญามังราย โดยพุทธลักษณะสำคัญของพระพุทธรูปปางเปิดโลก ประทับยืนอยู่บนดอกบัว พระหัตถ์ทั้งสองข้างห้อยลงข้างพระวรกาย แบฝ่าพระหัตถ์ทั้งสองไปข้างหน้า เป็นกิริยาทรงเปิดโลกทั้ง 3 ได้แก่ เทวโลก ยมโลก และมนุษยโลก ให้มองเห็นถึงกันหมดด้วยพุทธานุภาพ แสดงให้เห็นถึงปัญญาและการตื่นรู้ จึงกล่าวได้ว่า “เปิดโลก” หรือ The Open world  มีความหมายที่ตรงไปตรงมา แต่สามารถตีความได้แบบปลายเปิด ที่สื่อถึงการเปิดโลกการรับรู้ทางศิลปะที่เชื่อมโยงความจริงในสังคมและนำไปสู่การตั้งคำถามด้วยผลงานศิลปะร่วมสมัยว่าเราจะสามารถจินตนาการถึงความเป็นไปได้ในอนาคตที่ดีกว่าอีกครั้งได้หรือไม่

 

นอกจากนี้“เปิดโลก” หรือ The Open World ยังหมายถึง ความสำคัญของการเรียนรู้จากอดีต ทั้งในแง่มุมทางประวัติศาสตร์อันซับซ้อนของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมของล้านนา ด้านสถาปัตยกรรม วัฒนธรรมและศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ ตลอดจนเรื่องเล่าความเชื่อและมิติอันหลากหลายทางวัฒนธรรม ตลอดจนระบบนิเวศของเมืองในปัจจุบัน โดยเฉพาะชุมชนศิลปินเชียงรายซึ่งมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี โดยมีอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี และอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติผู้มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจที่สำคัญในการกลับมาสร้างสรรค์บ้านเกิดเมืองนอนให้เข้มแข็งและมีศักยภาพความพร้อมในมิติของการเป็นพื้นที่จัดงานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 อีกด้วย

 

ส่วนพาวิลเลี่ยน ซึ่งถือว่าเป็นจุดสำคัญที่พัฒนาเพิ่มเติมจากการจัดงาน 2 ครั้งที่ผ่านมาThailand Biennale, Chiang Rai 2023 มีการแสดงผลงานของพาวิลเลี่ยนที่เข้าร่วม 13 พาวิลเลี่ยน 

1.กลุ่มศิลปินแม่ลาว 

2.กลุ่มศิลปินสีน้ำนานาชาติ (ขัวศิลปะ) 

3.กลุ่มสล่าเมืองพาน 

4.เดอะคาโนปี้ โปรเจกต์  

5.โปรดักชัน โซเมีย 

6.พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยใหม่เอี่ยม 

7.พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่วอร์ซอร์ 

8.พุทธศิลปกรรม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง 

9.แม่ญิงอาร์ตติสคอลเลคทีฟ 

10.รูบาน่า 

11.ศาลาสล่าขิ่น 

12.Korean pavilion 

และ13.PLUVIOPHILE  

 

สำหรับ 20 ศิลปินชุดสุดท้ายใน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ได้แก่ 1. อัลมากุล เมนลิบาเยวา (อัลมาตี/เบอร์ลิน) 2. อริญชย์ รุ่งแจ้ง (กรุงเทพฯ) 3. อัททา ความิ (อักกรา/ลัฟบะระ) 4. ชาไคอา บุคเคอร์ (นิวยอร์ก) 5. เฉิง ซินห้าว (คุนหมิง) 6. กรกฤต อรุณานนท์ชัย (กรุงเทพฯ/นิวยอร์ก) 7. วุธ ลีโน (พนมเปญ) 8. มาเรีย เทเรซา อัลเวซ (เบอร์ลิน/เนเปิลส์) 9. พาโบล บาร์โธโลมิว (นิวเดลี) 10. ปิแอร์ ฮุยจ์ (นิวยอร์ก/ซันดิเอโก) 11. ซาราห์ ซี (นิวยอร์ก) 12. ชิมาบุกุ (นาฮะ) 13. สมลักษณ์ ปันติบุญ (เชียงราย) 4 ทรงเดช ทิพย์ทอง (เชียงราย) 15. ธวัชชัย พันธุ์สวัสดิ์ (เชียงใหม่) 16. โทมัส ซาราเซโน (เบอร์ลิน) 17. เซอริน เชอร์ปา (แคลิฟอร์เนีย/กาฐมาณฑุ) 18. อุบัติสัตย์ (เชียงใหม่) 19. หวัง เหวิน จื้อ (เจียอี้) 20. ซิน หลิว (ลอนดอน)

 

ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandbiennale.org Facebook https://www.facebook.com/thailandbiennale/ และสายด่วนวัฒนธรรม 1765

 

Countdown to the Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 and reveal the final 20 artists who will showcase their creative works aiming to gain global recognition. The exhibition will be held on December 9, 2023 until April 30, 2024.

On November 19, 2023, H.E. Mr. Sermsak Pongpanit, Minister of Culture, presided over the press conference on the final 20 artists of the Thailand Biennale, Chiang Rai 2023. This event was attended by Mrs. Yupha Taweewattanakitborvon, Permanent Secretary for Culture, Mr. Puttipong Sirimart, the Governor of Chiang Rai Province, Mrs. Khunying Patama Leeswadtraku, the Chairperson of the Contemporary Art Promotion Fund, Mr. Prasop
Riang-ngoen, the Director-General of the Office of Contemporary Art and Culture, as well as executives from the Ministry of Culture, artistic directors, curators, artists and representatives from relevant agencies at Sann Hotel, Chiang Rai.

The Minister of Culture said that the 60 artists from 21countries were selected from around the world in order to create their own artworks. Following the on-site visits last week, the festival is making good progress and the venue is well-prepared.  The artists have been actively working on their creations according to the schedule. They are ready to showcase their works to the public from December 9, 2023, to April 30, 2024.

The Minister of Culture stated that the core concept of Thailand Biennale, Chiang Rai 2023, originated from on-site studies and exploration of Chiang Rai’s context, which reveals an information specifically about the Open World Posture Buddha image, located at Wat Pa Sak, which symbolizes the multicultural influence from various Asian cultures and serves as the inspiration for “The Open World” theme. In this edition, it is a crucial point to integrate the cultural narrative of Thailand with the artistic creations of the participating artists, promoting Chiang Rai Province to become a ‘world-class art city’ and a destination that global travelers would want to visit, fostering integration between art and local culture with innovative creativity. This initiative aims to develop products and tourism, generating income for the community through the organization of international art festivals, aligning with Thailand 4.0 policy to promote the creative industry of the Ministry and drive Thailand forward with soft power, making it a global focal point. Therefore, during the 5-month event period, Chiang Rai Province will be filled with artworks from the primary creations of 60 artists, along with collateral events and activities such as traditional music performances, performing arts, film screenings, educational activities, as well as 13 Pavilions, and more than 80 local artists’ open houses. Today marks the countdown to the international contemporary art festival, Thailand Biennale, Chiang Rai 2023. We would like to invite Thai citizens to be part of this event, opening the world to artistic perception, showcasing the country, and connecting Chiang Rai, while linking art to lifestyle. Together, let’s make this a historical event and be good hosts alongside the people of Chiang Rai.

Mr. Puttipong Sirimart, the Governor of Chiang Rai Province states that as the host province, Chiang Rai has prepared thoroughly for the event with the collaboration of various sectors. This includes local artists, cultural organizations, sub-district administrative organizations, chambers of commerce, foundations, and various associations. The community made all-round preparations and is currently ready to welcome artists and tourists in every aspect. The governor is confident that visitors will fall in love with Chiang Rai, which, aside from its nature’s beauty, historical sites and the local way of life, is a city with cultural richness and potential. Chiang Rai has a long history with a diverse Lanna cultural heritage unique architecture, various ethnic groups, and a reputation as a hub for wisdom and a diverse range of artists. Chiang Rai has actively contributed to the continuous creation of valuable artworks, gaining recognition worldwide. Chiang Rai has been recognized as the “City of Art,” a genuine city of contemporary artists, and a true artistic hub.

Miss Gridthiya Gaweewong, Artistic Director, Mr. Angkrit Ajchariyasophon, Curators and Miss Manuporn Luengaram emphasize the origin of the concept of “The Open World”, stating that it emerged from on-site exploration and the study of information about in Chiang Rai. It was discovered that the idea was inspired by the iconic Buddha statue at Wat Pa Sak, known as the Open World Posture Buddha image, which was established in the year 1838 during the reign of Phya Saen Phu, the founder of Chiang Saen city and the grandson of Phaya Mengrai. The Buddha Image stands on a lotus flower, with both hands hanging gracefully on both sides of the body, forming the gesture of opening the world. This symbolic gesture represents the three worlds: the divine world, the celestial world, and the human world. It serves as a visual representation of Buddhist wisdom and awareness, suggesting the opening of the world in all three aspects. The term “The Open World” is considered quite literal, but it can also be interpreted metaphorically to convey the idea of opening up perceptions through art that connects reality in society and leads to questioning through contemporary art. It raises the question of whether, through contemporary art, we can imagine a better future. 

In addition, “The Open World” also signifies the importance of learning from the past, particularly in the intricate historical aspects of Chiang Rai which serves as the birthplace of traditions and cultural heritage in the Lanna region. This encompasses various aspects, including architecture, cultural practices, and diverse art forms, as well as a multitude of cultural beliefs and perspectives. This rich cultural tapestry extends to the present-day urban systems, notably within the artistic communities of Chiang Rai. The artistic community in Chiang Rai, with a solid foundational structure led by renowned artists such as Ajarn Thawan Duchanee and Ajarn Chalermchai Kositpipat, who are globally acclaimed national artists, serves as a crucial model and inspiration. They play a significant role in revitalizing their hometown, making it robust and ready to participate in the multifaceted dimensions of hosting the international contemporary art festival, Thailand Biennale, Chiang Rai 2023.

The pavilions, considered pivotal developments from the past two editions. This edition Thailand Biennale, Chiang Rai 2023  plays a crucial role in the upcoming event. There will be exhibitions from 13 pavilions, featuring diverse and influential artistic groups: 1. **Laos Artists Group** 2. **International Watercolor Artists Group (Art Bridge) ** 3. **Sala Mueang Phan Group** 4. **The Khon Phej Project** 5. **Production S.O.M.A.** 6. **New Energetic Contemporary Art Museum** 7. **New Walsh Gallery Contemporary Art Museum** 8. **Buddhist Arts, Mae Fah Luang University** 9. **Mae Ying Artist Collective** 10. **Rubana** 11. **Sala Salla Kin** 12. **Korean Pavilion** 13. **PLUVIOPHILE**. Each pavilion represents a unique perspective and artistic contribution, making Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 a diverse and enriching cultural experience.

For the final 20 artists in Thailand Biennale, Chiang Rai 2023, namely: 1. Almagul Menlibayeva (Almaty/Berlin) 2. Arin Rungjang (Bangkok) 3. Atta Kwami (Accra/ Loughborough) 4. Chakaia Booker (New York) 5. Cheng Xinhao (Kunming) 6. Korakrit Arunanondchai (Bangkok/ New York) 7. Vuth Lyno (Phnom Penh) 8. Maria Theresa Alves (Berlin/ Naples) 9. Pablo Bartholomew (New Delhi) 10. Pierre Huyghe (New York / San Diego) 11. Sarah Sze (New York) 12. Shimabuku (Naha) 13. Somluk Pantiboon (Chiang Rai) 14. Songdej Thipthong (Chiang Rai) 15. Tawatchai Puntusawasdi (Chiang Mai) 16. Tomás Saraceno (Berlin) 17. Tsherin Sherpa (California/Kathmandu) 18. Ubatsat (Chiang Mai) 19. Wang Wen-Chih (Chiayi) 20. Xin Liu (London)

For more additional details and information at www.thailandbiennale.org Facebook https://www.facebook.com/thailandbiennale/  and  M-Culture Hotline 1765

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News