Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

น้ำสาย-น้ำรวกวิกฤต! สารหนูพุ่ง มฟล.เตือนภัย

เชียงรายเผชิญวิกฤตแม่น้ำปนเปื้อนสารหนูเกินมาตรฐานสูงสุดถึง 19 เท่า นักวิชาการเตือนส่งผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

เชียงราย, 1 พฤษภาคม 2568 – จากกรณีที่ อาจารย์ ดร.สุรพล วรภัทราทร จากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอแม่สายและอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบว่ามีการปนเปื้อนของ “สารหนู” (Arsenic) ในระดับที่สูงเกินมาตรฐานอย่างมีนัยสำคัญในหลายจุด โดยบางพื้นที่พบค่าที่สูงถึง 0.19 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือเกินกว่าค่ามาตรฐานสูงสุดถึง 19 เท่า สร้างความวิตกกังวลต่อทั้งหน่วยงานรัฐ นักวิชาการ และประชาชนในพื้นที่อย่างมาก

ผลการตรวจเบื้องต้น ภาพรวมการปนเปื้อนในแม่น้ำสายและแม่น้ำรวก

จากการเปิดเผยของโครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในเขตภาคเหนือตอนบน ซึ่งดำเนินงานโดย ผศ.ดร.สุรพล วรภัทราทร ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาฯ ดังกล่าว ได้ทำการเก็บตัวอย่างน้ำจากพื้นที่เสี่ยงจำนวน 9 จุดใน อ.แม่สาย และ อ.เชียงแสน ได้แก่

  1. น้ำสาย บ้านถ้ำผาจม – หัวฝาย อ.แม่สาย = 0.14 mg/L
  2. ลำเหมือง บ้านถ้ำผาจม – หัวฝาย อ.แม่สาย = ไม่เกินมาตรฐาน
  3. น้ำสาย สะพานมิตรภาพที่ 1 อ.แม่สาย = 0.14 mg/L
  4. คลองชลประทาน บ้านเหมืองแดง อ.แม่สาย = 0.18 mg/L
  5. น้ำรวก บ้านเวียงหอม ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย = 0.12 mg/L
  6. น้ำสาย สะพานมิตรภาพที่ 2 อ.แม่สาย = 0.12 mg/L
  7. น้ำรวก บ้านสบรวก อ.เชียงแสน = 0.12 mg/L
  8. น้ำรวกไหลลงแม่น้ำโขง สามเหลี่ยมทองคำ = 0.19 mg/L
  9. แม่น้ำโขง เทศบาลเวียงเชียงแสน = 0.14 mg/L

ทั้งนี้ ค่ามาตรฐานของสารหนูในน้ำตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ต้องไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร หรือ 10 ไมโครกรัมต่อลิตร การตรวจพบที่ 0.19 mg/L ถือว่าเกินกว่ามาตรฐานถึง 19 เท่า

เวทีวิชาการ “รู้ทัน ร่วมมือ รับมือ” กับภัยสุขภาพจากน้ำปนเปื้อน

เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มีการจัดเวทีเสวนาวิชาการหัวข้อ “รู้ทัน ร่วมมือ รับมือ: ภัยสุขภาพจากแม่น้ำปนเปื้อน” เพื่อตอบสนองต่อผลกระทบของแม่น้ำกกที่พบการปนเปื้อนสารหนูใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ (0.026 mg/L) และ อ.เมืองเชียงราย (0.012–0.013 mg/L) ซึ่งล้วนเกินมาตรฐานเช่นกัน

ศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า “แม่น้ำกกคือเส้นเลือดหลักของเชียงราย ปัญหานี้กระทบทั้งสุขภาพและระบบนิเวศ การวิจัยและความร่วมมือทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันและฟื้นฟู”

ความกังวลจากนักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานสุขภาพ

ผศ.ดร.ไกรลักษณ์ ฟักแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ระบุว่า สารหนูเมื่อเข้าสู่ร่างกาย แม้ในปริมาณน้อย แต่หากสะสมในระยะยาวอาจก่อให้เกิดมะเร็งตับ มะเร็งผิวหนัง และส่งผลต่อระบบประสาท เด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง หากได้รับสารหนูอย่างต่อเนื่องจะกระทบพัฒนาการของสมอง

ขณะเดียวกัน รศ.ดร.ระวิวรรณ์ เจริญทรัพย์ รักษาการผู้อำนวยการ MFU Wellness Center ชี้ว่า “ไม่ควรตื่นตระหนก แต่ต้องเฝ้าระวัง หากมีอาการผิดปกติควรพบแพทย์ทันที การหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรงเป็นแนวทางเบื้องต้นที่ดีที่สุดในสถานการณ์ขณะนี้”

ปัญหาจากประเทศเพื่อนบ้าน การทำเหมืองและต้นตอการปนเปื้อน

รายงานจาก อ.แม่สาย เปิดเผยว่า แม่น้ำสายมีต้นน้ำมาจากเมืองสาด ประเทศเมียนมา ห่างจากพรมแดนประมาณ 90 กิโลเมตร มีการดำเนินเหมืองแร่ 4 แห่ง โดยทุนจีน ครอบคลุมทั้งการทำเหมืองทองคำ แมงกานีส และสังกะสี ซึ่งบางแห่งสูบน้ำจากลำน้ำสายโดยตรงเพื่อฉีดพ่นดินหิน ทำให้เกิดการปนเปื้อนโลหะหนักอย่างชัดเจน

ข้อมูลเพิ่มเติมระบุว่า แม่น้ำกกก็มีต้นทางจากเขตว้าแดง (พิเศษที่ 2) ซึ่งมีบริษัทเหมืองแร่ของจีนมากกว่า 23 แห่ง ทำกิจกรรมการทำเหมืองโดยไร้มาตรฐานสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ส่งผลให้ปริมาณสารหนู สารตะกั่ว และโลหะหนักอื่นๆ ไหลลงแม่น้ำกกอย่างต่อเนื่อง

มาตรการรัฐ ยังอยู่ในขั้นประสานงาน-เฝ้าระวัง

นายวรายุทธ ค่อมบุญ นายอำเภอแม่สาย ได้ออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนให้ “งดใช้และงดสัมผัสน้ำจากแม่น้ำสาย” พร้อมส่งตัวอย่างน้ำให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง โดยเน้นว่าการผลิตน้ำประปายังมีมาตรฐานและปลอดภัยเนื่องจากผ่านกระบวนการกรองโลหะหนัก

ในขณะเดียวกัน อำเภอเชียงแสนและท้องถิ่นในเขตริมฝั่งแม่น้ำโขงได้จัดเวรตรวจน้ำและส่งข้อมูลรายงานรายสัปดาห์เพื่อเฝ้าระวังต่อเนื่อง

วิเคราะห์และข้อเสนอแนะ ปัญหาซับซ้อนที่ต้องการการจัดการข้ามพรมแดน

จากข้อมูลทั้งหมดพบว่า “ต้นตอ” ของการปนเปื้อนอาจไม่ได้อยู่ในฝั่งไทยโดยตรง หากแต่เป็นผลจากการดำเนินการของเหมืองในประเทศเพื่อนบ้าน แต่ผลกระทบตกอยู่กับประชาชนไทยทั้งในด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มที่พึ่งพาแม่น้ำในชีวิตประจำวัน

ข้อเสนอเชิงนโยบายเบื้องต้น ได้แก่

  • จัดตั้งกลไกความร่วมมือไทย-เมียนมา ในการควบคุมการทิ้งของเสียลงแม่น้ำ
  • ส่งเสริมเทคโนโลยีบำบัดน้ำเสียในพื้นที่เสี่ยง
  • ตรวจคุณภาพน้ำในพื้นที่เสี่ยงเป็นรายไตรมาส และเปิดเผยต่อสาธารณะ
  • สนับสนุนงบประมาณวิจัย-ติดตามคุณภาพน้ำโดยสถาบันการศึกษาในพื้นที่

สถิติเกี่ยวข้องและแหล่งอ้างอิง

  • ค่ามาตรฐานสารหนูในน้ำดื่ม: ≤ 0.01 mg/L ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
  • แม่น้ำสายตรวจพบสูงสุด: 0.19 mg/L (สถาบันวิจัยภัยพิบัติฯ ม.แม่ฟ้าหลวง, 2568)
  • แม่น้ำกกที่แม่อาย: 0.026 mg/L (สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1)
  • รายงานการวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด (G-Lab, เม.ย. 2568)
  • องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การรับสารหนูสะสมในร่างกายมากเกินไปอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง, ระบบทางเดินปัสสาวะ, ตับ และความผิดปกติทางระบบประสาทในระยะยาว

แม้สถานการณ์ขณะนี้จะยังไม่ถึงขั้นวิกฤตระดับต้องอพยพ แต่หากไม่มีการแก้ไขเชิงระบบและความร่วมมือระหว่างประเทศ เชียงรายอาจต้องเผชิญกับภัยสิ่งแวดล้อมระดับวิกฤตในเวลาไม่นานจากนี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : โครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยและพยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติในเขตภาคเหนือตอนบน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ผลตรวจแม่ “น้ำกก” พบสารหนูต่ำ ชาวบ้านยังผวา เพราะจำนวนปลาลด

วิกฤตมลพิษแม่น้ำกก สารหนูและความท้าทายต่อชุมชนและระบบนิเวศในเชียงราย

เชียงราย, 24 เมษายน 2568 – การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย ได้กลายเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลอย่างกว้างขวางในหมู่ประชาชน เกษตรกร และนักท่องเที่ยว หลังจากการตรวจพบสารโลหะหนักในน้ำและปลา รวมถึงภาพปลาที่มีลักษณะผิดปกติที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต เกษตรกรรม และการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างหนัก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมประมง กระทรวงสาธารณสุข และองค์กรชุมชนได้เร่งดำเนินการตรวจสอบและให้ข้อมูลเพื่อคลายความกังวล พร้อมผลักดันแนวทางการแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขณะที่ชุมชนท้องถิ่นเรียกร้องความชัดเจนและการจัดการปัญหามลพิษข้ามพรมแดนที่อาจมีสาเหตุจากกิจกรรมเหมืองแร่ในประเทศเพื่อนบ้าน

จุดเริ่มต้น ความกังวลจากแม่น้ำกก

แม่น้ำกกเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของชาวเชียงราย ทั้งในด้านการเกษตร การประมง และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2567 หลังเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเดือนกันยายน ชาวบ้านเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของแม่น้ำกก โดยน้ำมีลักษณะขุ่นแดงและมีตะกอนดินปนเปื้อนอย่างต่อเนื่อง ความกังวลทวีคูณเมื่อมีการเผยแพร่ภาพปลาที่มีตุ่มเนื้อสีแดงอมม่วงในโซเชียลมีเดีย ซึ่งถูกอ้างว่าเป็นปลาจากแม่น้ำกก และอาจเกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนสารหนูจากกิจกรรมเหมืองแร่ในฝั่งประเทศเมียนมา

นายวิรัตน์ พรมสอน จากเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า “แม่น้ำกกเป็นสายเลือดของเกษตรกรในเชียงราย เศรษฐกิจของประชาชนและจังหวัดพึ่งพาแม่น้ำนี้อย่างมาก ข่าวร้ายเกี่ยวกับการปนเปื้อนสารโลหะหนักทำให้เรารู้สึกช็อก และจนถึงตอนนี้ เรายังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนจากภาครัฐว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร” ความกังวลนี้สะท้อนถึงความไม่แน่นอนของชุมชนที่ต้องพึ่งพาแม่น้ำกกในชีวิตประจำวัน

เหตุการณ์นี้เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นเมื่อกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานการตรวจพบสารหนูในแม่น้ำกก โดยสงสัยว่าอาจมีสาเหตุจากมลพิษข้ามพรมแดน การค้นพบนี้จุดชนวนให้เกิดการถกเถียงในหมู่ประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้ำ ปลา และพืชผลทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำกก

การตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เพื่อตอบสนองต่อความกังวลของประชาชน สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย นำโดยนายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดเชียงราย ได้ลงพื้นที่สำรวจแหล่งน้ำและตลาดปลาในพื้นที่อำเภอเชียงแสนและอำเภอเมือง พบว่าปริมาณปลาในแม่น้ำกกลดลงอย่างมาก และประชาชนเริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อปลาน้ำจืดจากตลาด ถึงแม้ว่าปลาส่วนใหญ่จะมาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงและไม่ใช่ปลาจากแม่น้ำกกโดยตรง

นายณัฐรัฐเปิดเผยว่า กรณีภาพปลาที่มีตุ่มเนื้อสีแดงอมม่วงนั้น เป็นเคสเก่าที่พบในแม่น้ำโขง ฝั่ง สปป.ลาว เมื่อปี 2567 และมีเพียงตัวอย่างเดียวที่พบลักษณะดังกล่าว ลักษณะตุ่มนี้สอดคล้องกับโรคลิมโฟซิสติส (Lymphocystis Disease) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Iridoviridae สกุล Lymphocystivirus โดยมีปัจจัยกระตุ้นจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิหรือความเครียดของปลา อย่างไรก็ตาม การตรวจสอบล่าสุดเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 บริเวณปากแม่น้ำกก อำเภอเชียงแสน ไม่พบปลาที่มีลักษณะผิดปกติ และยังไม่สามารถเก็บตัวอย่างเพิ่มเติมได้

เพื่อยืนยันความปลอดภัยของปลาในแม่น้ำกก สำนักงานประมงจังหวัดเชียงรายได้เก็บตัวอย่างปลาจากจุดใต้ฝายเชียงราย ส่งตรวจวิเคราะห์หาสารโลหะหนักที่ Central Lab บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2568 ผลการตรวจที่ได้รับเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 ระบุว่า:

  • สารหนู (As): พบในปริมาณ 0.13 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม)
  • ปรอท (Hg): พบในปริมาณ 0.090 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 0.5 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม)
  • แคดเมียม (Cd) และตะกั่ว (Pb): ไม่พบในตัวอย่าง

ผลการตรวจยืนยันว่า ระดับสารโลหะหนักในปลาจากแม่น้ำกกอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ 414) และปลอดภัยสำหรับการบริโภค นายณัฐรัฐยังย้ำว่า ปลาที่จำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่เป็นปลาเลี้ยง เช่น ปลานิลและปลาทับทิม ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากมลพิษในแม่น้ำกก

นอกจากนี้ กรมประมง โดยนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ภาพปลาที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียนั้นเป็นภาพเก่าและไม่ใช่ปลาจากแม่น้ำกก อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาท กรมประมงได้เก็บตัวอย่างปลาในแม่น้ำกก รวมถึงปลานิลแดง ปลากดหลวง และปลาชนิดอื่นๆ ส่งตรวจวิเคราะห์เพิ่มเติม คาดว่าจะทราบผลภายในวันที่ 28 เมษายน 2568

ผลกระทบต่อชุมชนและการท่องเที่ยว

การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชุมชนท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่พึ่งพาแม่น้ำในการทำเกษตรกรรมและการประมง นายทวีศักดิ์ มณีวรรณ์ จากเครือข่ายสิทธิและชุมชน มูลนิธิสายรุ้งแม่น้ำโขง กล่าวว่า ชาวบ้านในชุมชนริมแม่น้ำกกจำนวนมากยังขาดข้อมูลเกี่ยวกับมลพิษในแม่น้ำ และยังคงใช้น้ำจากแม่น้ำกกในการเกษตรและชีวิตประจำวัน “เราไม่รู้ว่าน้ำประปาปลอดภัยหรือไม่ น้ำใต้ดินที่สูบจากริมแม่น้ำกกยังใช้ได้หรือเปล่า ผักที่ปลูกริมน้ำยังกินได้หรือไม่ ชาวบ้านต้องการคำตอบที่ชัดเจนจากหน่วยงานรัฐ”

ในด้านการท่องเที่ยว ปางช้างกะเหรี่ยงรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญริมแม่น้ำกก ได้รับผลกระทบอย่างหนัก นายดา ควานช้าง ตัวแทนปางช้าง เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 80% หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเดือนกันยายน 2567 และข่าวการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกก “เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติมาเยอะมาก แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้านำช้างลงน้ำกก ควานช้างหลายคนต้องพาช้างไปเลี้ยงในป่า และบางคนเลิกเลี้ยงช้างแล้ว”

นายบุญศรี พนาสว่างวงค์ จากเครือข่ายสิทธิชุมชนเชียงราย กล่าวว่า การห้ามชาวบ้านลงน้ำกกทำให้วิถีชีวิตที่ผูกพันกับแม่น้ำถูกตัดขาด “ชาวบ้านต้องใช้น้ำกกในการกิน ใช้ และหาอาหาร ลำพังชาวบ้านช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องการให้หน่วยงานมาตรวจสอบน้ำ ดิน และสุขภาพของชาวบ้านให้ชัดเจน” เขายังระบุว่า มีเด็กในชุมชนบางคนเริ่มมีอาการตุ่มขึ้นตามตัวหลังสัมผัสน้ำกก ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับสารปนเปื้อน แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดมาตรวจสอบอย่างจริงจัง

การตอบสนองจากภาครัฐและชุมชน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ครั้งที่ 3/2568 ว่า รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณรวม 385.454 ล้านบาทเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาได้รับงบประมาณเพิ่มอีก 100 ล้านบาทสำหรับการดูดโคลนทรายในแม่น้ำกก โดยมีเป้าหมายให้การฟื้นฟูเสร็จสิ้นก่อนฤดูฝนเพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

นายภูมิธรรมยอมรับว่า มีความกังวลเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่อาจปนเปื้อนมากับดินโคลน จึงมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำในแม่น้ำสายหลัก เช่น แม่น้ำกก แม่น้ำปิง และแม่น้ำโขง เพื่อยืนยันความปลอดภัยสำหรับการอุปโภคและบริโภค

ในส่วนของชุมชน ดร.จักรกริช ฉิมนอก อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เปิดเผยว่า เครือข่ายองค์กรชุมชนและนักวิชาการจะร่วมกันจัดกิจกรรม “ธาราไร้พรมแดน: เสียงจากแม่น้ำกกและชุมชน” ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ณ ลานกิจกรรมสะพานริมกก-เวียงเหนือรวมใจ ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย กิจกรรมนี้ประกอบด้วยการแสดงศิลปะสด (Performance Art) และเวทีเสวนาชุมชน เพื่อสื่อสารปัญหาความไม่เป็นธรรมเชิงสิ่งแวดล้อมที่ชุมชนริมแม่น้ำกกต้องเผชิญจากมลพิษข้ามพรมแดน

ดร.จักรกริชกล่าวว่า “เราต้องการตั้งคำถามว่า ใครได้รับผลกระทบ และใครมีสิทธิในการตัดสินใจ ชาวบ้านริมแม่น้ำกกต้องแบกรับภาระจากกิจกรรมเหมืองแร่ที่อยู่ห่างไกล งานศิลปะและการเสวนาจะเป็นเวทีให้ชุมชนได้เล่าเรื่องราวของแม่น้ำกก และเรียกร้องสิทธิของธรรมชาติในการจัดการทรัพยากรน้ำข้ามพรมแดน”

การวิเคราะห์ ความท้าทายและโอกาส

การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกสะท้อนถึงความท้าทายที่ซับซ้อนในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และการเมืองระหว่างประเทศ ปัญหานี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของอาหารและน้ำในชุมชนเท่านั้น แต่ยังกระทบต่อเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวและการเกษตร ซึ่งเป็นรากฐานของจังหวัดเชียงราย

มิติสิ่งแวดล้อม การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกกอาจมีสาเหตุจากทั้งปัจจัยทางธรรมชาติและกิจกรรมมนุษย์ เช่น การทำเหมืองแร่ในฝั่งเมียนมา ซึ่งปล่อยสารหนูลงสู่แหล่งน้ำ การที่สารหนูสะสมในดินและน้ำอาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อาหาร โดยเฉพาะปลาและพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวและข้าวโพด ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของเชียงราย นอกจากนี้ ความขุ่นของน้ำและตะกอนดินที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปียังรบกวนระบบนิเวศ โดยแพลงก์ตอนซึ่งเป็นอาหารของปลาไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ส่งผลให้ปริมาณปลาในแม่น้ำลดลงอย่างมาก

มิติสังคม ชุมชนริมแม่น้ำกกเผชิญกับความไม่แน่นอนในวิถีชีวิต การขาดข้อมูลที่ชัดเจนจากหน่วยงานรัฐทำให้ชาวบ้านจำนวนมากยังคงใช้น้ำกกในการเกษตรและชีวิตประจำวัน โดยไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงจากสารปนเปื้อน การที่เด็กในชุมชนมีอาการตุ่มขึ้นตามตัวหลังสัมผัสน้ำกกบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการตรวจสอบสุขภาพของประชาชนอย่างเร่งด่วน

มิติการเมืองระหว่างประเทศ การจัดการมลพิษข้ามพรมแดนเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและเมียนมา การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลทั้งสองฝ่าย รวมถึงการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการควบคุมกิจกรรมเหมืองแร่และการปล่อยมลพิษลงสู่แหล่งน้ำ

อย่างไรก็ตาม วิกฤตนี้เป็นโอกาสให้หน่วยงานรัฐ องค์กรชุมชน และสถาบันการศึกษาในเชียงรายร่วมมือกันพัฒนาแนวทางการแก้ไขที่ยั่งยืน เช่น การจัดตั้งระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำและดินอย่างต่อเนื่อง การให้ความรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากสารปนเปื้อน และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อลดการสะสมของสารหนูในพืชผลและสัตว์น้ำ

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝั่ง

ความกังวลของชุมชนและประชาชน
ชุมชนริมแม่น้ำกกและประชาชนทั่วไปมีความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของน้ำ ปลา และพืชผลที่อาจปนเปื้อนสารหนู การที่ข้อมูลจากหน่วยงานรัฐยังไม่ครอบคลุมและไม่ถึงชุมชนทำให้ชาวบ้านรู้สึกหวาดกลัวและขาดความมั่นใจในการใช้ทรัพยากรจากแม่น้ำกก ความกังวลนี้สมเหตุสมผล เนื่องจากสารหนูสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น (เช่น อาการคลื่นไส้และผื่นผิวหนัง) และระยะยาว (เช่น มะเร็งผิวหนังและความเสียหายต่ออวัยวะภายใน)

การยืนยันความปลอดภัยจากหน่วยงานรัฐ
หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกรมประมงและกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ระดับสารหนูในปลาจากแม่น้ำกกอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย และปลาที่จำหน่ายในท้องตลาดส่วนใหญ่มาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากมลพิษในแม่น้ำ การตรวจสอบคุณภาพน้ำและดินอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดสรรงบประมาณเพื่อฟื้นฟูแม่น้ำกก แสดงถึงความพยายามของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาและสร้างความมั่นใจให้ประชาชน

ทัศนคติเป็นกลาง ความกังวลของชุมชนเป็นสิ่งที่เข้าใจได้และควรได้รับการตอบสนองด้วยข้อมูลที่ชัดเจนและการสื่อสารที่ทั่วถึงจากหน่วยงานรัฐ ขณะเดียวกัน การตรวจสอบและยืนยันความปลอดภัยของหน่วยงานรัฐเป็นขั้นตอนที่จำเป็นในการลดความตื่นตระหนกและปกป้องสุขภาพประชาชน การแก้ไขปัญหาควรเน้นที่การเพิ่มช่องทางการสื่อสารกับชุมชน การตรวจสอบสุขภาพประชาชนอย่างเป็นระบบ และการจัดการมลพิษข้ามพรมแดนอย่างจริงจัง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมั่นใจในความปลอดภัยและความยั่งยืนของทรัพยากรธรรมชาติ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. การปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำ: องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ระดับสารหนูในน้ำดื่มที่ปลอดภัยต้องไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร การได้รับสารหนูในปริมาณสูงอย่างต่อเนื่องอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังและอวัยวะภายใน (ที่มา: WHO, Guidelines for Drinking-water Quality, 2022)
  2. ผลกระทบต่อการเกษตร: รายงานจากสมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา (AAAS) ระบุว่า พื้นที่เพาะปลูกร้อยละ 14–17 ทั่วโลก (ประมาณ 242 ล้านเฮกตาร์) ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนโลหะหนัก โดยสารหนูและแคดเมียมเป็นสารที่พบมากที่สุดในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ที่มา: Science Journal, 2025)
  3. ประชากรที่ได้รับผลกระทบ: การวิจัยจาก AAAS ประมาณการว่า มีประชากร 900 ล้านถึง 1.4 พันล้านคนทั่วโลกอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงจากการปนเปื้อนโลหะหนัก (ที่มา: Science Journal, 2025)
  4. ผลกระทบต่อสัตว์น้ำ: กรมประมงรายงานว่า ปริมาณปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติของประเทศไทยลดลงร้อยละ 20–30 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศและมลพิษในแหล่งน้ำ (ที่มา: รายงานประจำปี 2567, กรมประมง)
  5. ผลกระทบต่อการท่องเที่ยว: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในจังหวัดเชียงรายมีรายได้ลดลงร้อยละ 15 ในปี 2567 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับมลพิษในแหล่งน้ำ (ที่มา: รายงานการท่องเที่ยว, ททท., 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • องค์การอนามัยโลก (WHO)

  • สมาคมเพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แห่งอเมริกา (AAAS)

  • กรมประมง

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

  • https://www.science.org
  • https://www.theguardian.com
  • https://theconversation.com
  • https://phys.org
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แม่สายป่วน น้ำลำสาย พบสารหนูเกิน แต่ ‘ประปา’ ปลอดภัยใช้การได้ปกติ

แม่สายพบสารหนูในลำน้ำสายเกินมาตรฐาน กปภ.ยืนยันน้ำประปายังปลอดภัย พร้อมเฝ้าระวังใกล้ชิด

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – สถานการณ์คุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชนในช่วงต้นเดือนเมษายน หลังจากที่มีการเปิดเผยผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากลำน้ำสาย ซึ่งพบว่ามีการปนเปื้อนของ สารหนู (Arsenic) เกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด

ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยอย่างเป็นทางการโดย การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) สาขาแม่สาย เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 โดยอ้างอิงจากผลการตรวจวิเคราะห์ของ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระด้านการทดสอบคุณภาพน้ำ

ลำน้ำสายพบสารหนูเกินมาตรฐาน – แต่ยังไม่กระทบระบบผลิตน้ำประปา

การเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อทดสอบในครั้งนี้ ดำเนินการเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 โดยเน้นพื้นที่บริเวณลำน้ำสายซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติสำคัญของอำเภอแม่สาย ผลการตรวจพบว่า มีสารหนูในระดับที่สูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข

อย่างไรก็ตาม น้ำประปาที่ประชาชนใช้อุปโภคและบริโภคในปัจจุบัน ผ่านกระบวนการบำบัดและกำจัดโลหะหนักตามมาตรฐานของ กปภ. แล้ว โดยผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำหลังการผลิตระบุว่า ไม่มีการปนเปื้อนของสารหนูหรือโลหะหนักในระดับที่เป็นอันตราย และสามารถใช้งานได้ตามปกติ

กปภ.แม่สายยืนยันน้ำประปาปลอดภัยต่อการบริโภค

การประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่สาย ได้ออกแถลงการณ์เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน โดยยืนยันว่า น้ำประปาที่ผลิตจากโรงงานผลิตน้ำแม่สายผ่านกระบวนการกรองและบำบัดที่ได้มาตรฐานอย่างเข้มงวด และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ยังมีการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำต้นทางอย่างต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินการตามแผนฉุกเฉินหากพบค่าความเสี่ยงสูงขึ้น

สารหนูในลำน้ำสาย ปัจจัยเสี่ยงจากกิจกรรมข้ามพรมแดน

ลำน้ำสายถือเป็นแม่น้ำสำคัญที่ไหลผ่าน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย และเมืองท่าขี้เหล็กของประเทศเมียนมา กิจกรรมทางอุตสาหกรรมและเหมืองแร่จากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของโลหะหนักในแหล่งน้ำธรรมชาติ

สารหนูสะสมในระบบนิเวศ

ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จ.เชียงราย ให้ความเห็นว่า แม้สารหนูในน้ำจะมีระดับเกินมาตรฐานในระยะสั้น แต่หากไม่มีการจัดการต้นเหตุในระยะยาว อาจก่อให้เกิดการสะสมในระบบนิเวศและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีการใช้น้ำจากลำน้ำสายโดยตรง

มาตรการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชน

กปภ.สาขาแม่สายได้ประสานงานกับ ที่ว่าการอำเภอแม่สาย และ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ เพื่อจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูล และระมัดระวังการใช้น้ำจากลำน้ำสายโดยตรง โดยเฉพาะในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เช่น การจับปลาน้ำจืด การเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือการใช้น้ำเพื่อประกอบอาหาร

ขณะเดียวกัน ยังมีการจัดตั้ง จุดแจ้งเตือนคุณภาพน้ำต้นทาง และวางระบบสำรองน้ำไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน หากพบการปนเปื้อนในระดับที่สูงขึ้นในอนาคต

เสียงจากชาวบ้านแม่สายความกังวลที่ต้องการคำตอบระยะยาว

ประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนใกล้ลำน้ำสาย แสดงความกังวลต่อข่าวดังกล่าว แม้จะได้รับคำยืนยันจาก กปภ. ว่าน้ำประปาปลอดภัย แต่หลายครอบครัวยังคงลังเลและต้องการข้อมูลที่ชัดเจนในระยะยาว

ชาวบ้านในพื้นที่แจ้งผ่านนครเชียงรายนิวส์มาว่า อยากให้มีหน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบทุกเดือน และเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างสม่ำเสมอ”

ปัญหาสิ่งแวดล้อมชายแดนกับการบริหารจัดการแบบบูรณาการ

เหตุการณ์ที่แม่สายสะท้อนความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับ การบริหารจัดการน้ำข้ามพรมแดน ซึ่งไม่อาจแก้ไขได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระดับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นของเหมืองแร่และกิจกรรมอุตสาหกรรมที่อยู่ต้นน้ำฝั่งเมียนมา

การมีระบบเฝ้าระวังที่เข้มงวด การเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนอย่างโปร่งใส และการจัดทำข้อตกลงร่วมระหว่างสองประเทศเพื่อควบคุมมลพิษในลำน้ำสาย จึงเป็นแนวทางสำคัญในการป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • วันที่เก็บตัวอย่างน้ำ: 17 กุมภาพันธ์ 2568
  • วันที่ประกาศผลตรวจจากห้องปฏิบัติการกลาง: 9 เมษายน 2568
  • ค่ามาตรฐานสารหนูในน้ำดื่ม (ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข): ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัม/ลิตร
  • ค่าที่ตรวจพบในลำน้ำสาย (เบื้องต้น): เกิน 0.013 มิลลิกรัม/ลิตร (อยู่ในระดับที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพหากบริโภคต่อเนื่อง)
  • จำนวนประชากรที่ใช้น้ำประปาในเขตบริการ กปภ.แม่สาย: ประมาณ 25,400 ครัวเรือน (ข้อมูลจาก กปภ.เชียงราย, 2567)
  • จำนวนระบบผลิตน้ำประปาของ กปภ.สาขาแม่สาย: 3 ระบบหลัก
  • ความถี่การตรวจคุณภาพน้ำประปาในเขตแม่สาย: เดือนละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะในฤดูฝนที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนมากขึ้น

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาแม่สาย
  • บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด
  • ที่ว่าการอำเภอแม่สาย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
  • ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องมาตรฐานคุณภาพน้ำดื่ม พ.ศ. 2560
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

เชียงรายโล่ง! ปลาน้ำกกปลอดภัย สารหนูในตัวปลาต้องใช้นาน 10 ปี

ประมงฯ เชียงรายยืนยัน “ปลาน้ำกกยังปลอดภัยบริโภคได้” แม้พบสารหนูในระดับต่ำ – เตรียมเฝ้าระวังระยะยาว

ประเทศไทย, 10 เมษายน 2568 – ภายหลังมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการพบสัตว์น้ำตายและข่าวสารการปนเปื้อนของโลหะหนักในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงราย ล่าสุด สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย ยืนยันว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสภาพน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยต่อการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำ และปลายังคงสามารถบริโภคได้โดยไม่มีอันตรายในระยะสั้น พร้อมย้ำถึงแผนเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในระยะยาวเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ตรวจสอบคุณภาพน้ำแม่น้ำกก จากภาพข่าวสู่การลงพื้นที่

เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2568 นายณัฐรัฐ พรเดชอนันต์ ประมงจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ได้ลงพื้นที่บริเวณแม่น้ำกก ด้านหน้าสำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย เพื่อเก็บตัวอย่างน้ำและตรวจสอบสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ หลังมีข่าวเผยแพร่ภาพเต่าตายและความกังวลของประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภคปลาจากแม่น้ำสายนี้

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า

  • ลูกปลาวัยอ่อนว่ายน้ำได้ตามปกติ
  • ไม่มีปลาที่แสดงอาการอ่อนแอ สีซีด หรือผิดปกติ
  • ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ (DO) อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม
  • แม้ระดับความขุ่นของน้ำจะเพิ่มขึ้นในช่วงน้ำหลาก แต่ยังไม่ส่งผลร้ายแรงต่อสัตว์น้ำ

ชี้แจงภาพ “เต่านาตาย” ไม่ใช่ผลจากสารพิษ

ประเด็นภาพข่าวเต่าตายที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น นายณัฐรัฐชี้แจงว่า เต่าที่พบเป็น “เต่านา” ซึ่งไม่ควรนำมาปล่อยลงแม่น้ำ เนื่องจากไม่ใช่ถิ่นอาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้ เต่าจึงมีโอกาสจมน้ำตายได้หากไม่มีพื้นที่ขึ้นหายใจที่เพียงพอ โดยสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากความตั้งใจของประชาชนที่ปล่อยสัตว์น้ำเพื่อทำบุญ แต่ไม่ได้ประเมินความเหมาะสมของแหล่งน้ำ

ผลการตรวจวิเคราะห์น้ำ พบ “สารหนู” ในระดับต่ำ

จากการเก็บตัวอย่างน้ำในบริเวณสวนสาธารณะใกล้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พบว่า

  • ตรวจพบสารหนู (Arsenic) ที่ระดับ 0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร
  • แม้จะเกินค่ามาตรฐานของน้ำดื่ม (0.01 มก./ลิตร) เล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าระดับอันตรายสำหรับสัตว์น้ำ
  • ยังไม่พบผลกระทบในลักษณะที่รุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ
  • อย่างไรก็ตาม หากมีการสะสมในตัวปลานานหลายปี อาจส่งผลต่อสุขภาพผู้บริโภค

ยังไม่พบสารพิษในตัวปลาโดยตรง แต่เตรียมตรวจเชิงลึก

ในประเด็นสารพิษสะสมในตัวปลา นายณัฐรัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการเก็บตัวอย่างปลาจากแม่น้ำกกไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเพื่อหาสารหนูโดยตรง แต่มีแผนจะดำเนินการในระยะถัดไปเพื่อยืนยันความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม และจะเร่งประสานกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หรือศูนย์วิจัยประมงในภูมิภาค

ทั้งนี้ แนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ สามารถบริโภคปลาจากแม่น้ำกกได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคซ้ำต่อเนื่องเป็นเวลานาน และควรปรุงสุกก่อนบริโภคเสมอ เพื่อความปลอดภัย

ข้อมูลสัตว์น้ำในพื้นที่ แม่น้ำกกไม่ใช่แหล่งเลี้ยงปลาในกระชัง

ประมงจังหวัดเชียงรายระบุว่า ปัจจุบันแม่น้ำกกไม่ได้เป็นแหล่งเลี้ยงปลาในกระชัง โดยปลาที่จับได้ส่วนใหญ่เป็นปลาธรรมชาติ และมีปริมาณไม่มาก คิดเป็นไม่ถึง 10% ของปลาทั้งหมดที่บริโภคในจังหวัดเชียงราย ส่วนปลาที่บริโภคทั่วไปมาจากแหล่งเพาะเลี้ยงในบ่อดิน อ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำสาธารณะของชุมชน

เตรียมแผนเฝ้าระวังระยะยาว ติดตามต่อเนื่องตลอดฤดูน้ำหลาก

เนื่องจากแม่น้ำกกเป็นแม่น้ำสายหลักของจังหวัดเชียงราย และมีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำตามฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนที่อาจเกิดน้ำหลากและน้ำขุ่นมาก ประมงจังหวัดเชียงรายได้เตรียมแผนเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในระยะยาว ร่วมกับหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม และกรมควบคุมมลพิษ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการหารือกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น จังหวัดพะเยา และหน่วยงานชายแดน เพื่อสำรวจต้นน้ำจากฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำกก และอาจมีส่วนต่อการปนเปื้อนของสารโลหะหนัก

บทวิเคราะห์ แม่น้ำกกในมิติเชิงสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม

แม่น้ำกกมีความสำคัญต่อระบบนิเวศและการดำรงชีวิตของชุมชนในจังหวัดเชียงรายอย่างมาก ทั้งในด้านการประมง การใช้น้ำอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ การพบสารหนูในระดับต่ำเป็นสัญญาณที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

แม้ปลาจะยังบริโภคได้ในขณะนี้ แต่การบริหารจัดการความเสี่ยง และการสื่อสารสาธารณะที่ชัดเจน โปร่งใส เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกเกินเหตุ และในขณะเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจว่ารัฐติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

สถิติที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาข่าว

  • ค่าเฉลี่ยสารหนูในน้ำที่ปลอดภัยต่อการบริโภค: ไม่เกิน 0.01 มก./ลิตร (กรมอนามัย, 2567)
  • ระดับที่พบในแม่น้ำกก: 0.013 มก./ลิตร (ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา, เม.ย. 2568)
  • สัตว์น้ำในแม่น้ำกก: ยังไม่พบอาการผิดปกติจากผลกระทบสารพิษ (สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย, 9 เม.ย. 2568)
  • ปลาที่จับจากแม่น้ำกก: คิดเป็นไม่ถึง 10% ของปลาที่บริโภคในจังหวัดเชียงราย (สถิติประมงภาคเหนือ, 2566)
  • แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำหลักของจังหวัดเชียงราย ที่ใช้ในระบบประปาในบางพื้นที่ และการประมงพื้นบ้าน
  • เชียงรายมีแหล่งเพาะเลี้ยงปลาในบ่อดินและอ่างเก็บน้ำ มากกว่า 3,000 แห่ง ทั่วจังหวัด (กรมประมง, 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานประมงจังหวัดเชียงราย
  • ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา
  • กรมประมง
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  • สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงราย
  • รายงานสถานการณ์สิ่งแวดล้อมภาคเหนือ ปี 2566 – 2567
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

อบจ.เชียงราย ขานรับ ‘น้ำกก’ ปนเปื้อน เร่งตรวจน้ำประปา ไทยเตรียมประสานเมียนมา

เชียงรายเร่งแก้ปัญหาคุณภาพแม่น้ำกก หลังพบสารปนเปื้อนเกินมาตรฐาน ประสานเมียนมาเดินหน้าความร่วมมือ

สถานการณ์ล่าสุด: เจ้าหน้าที่รัฐลงพื้นที่สำรวจคุณภาพน้ำกกอย่างเร่งด่วน

จังหวัดเชียงราย – วันที่ 7 เมษายน 2568 เวลา 14.00 น. นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย พร้อมคณะทำงาน ได้แก่ นายไพรัช มหาวงศนันท์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข, นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ., นายสมยศ กิจดวงดี รองประธานสภา อบต.ริมกก, โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล, อสม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำกกบริเวณบ้านเมืองงิม ตำบลริมกก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อประเมินสถานการณ์คุณภาพน้ำและหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าแม่น้ำกกยังคงอยู่ในเกณฑ์ “พอใช้ถึงเสื่อมโทรม” และยังมีสภาพน้ำขุ่นแดงในหลายจุด ซึ่งเป็นลักษณะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

นายก อบจ. เน้นย้ำมาตรการป้องกันและแจ้งเตือนประชาชน

นางอทิตาธรฯ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ขอความร่วมมือให้งดสัมผัสแม่น้ำกกโดยตรง เพราะอาจเกิดอาการระคายเคือง หรืออาการทางผิวหนังต่าง ๆ ได้ นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่ ว่ามีสารปนเปื้อนหรือไม่ โดยผลการตรวจจะนำมาแจ้งให้ทราบโดยเร็ว”

นายก อบจ. ยังย้ำถึงความสำคัญของการร่วมมือของภาคประชาชน ร้านค้า และสถานประกอบการต่าง ๆ ในการไม่ปล่อยน้ำเสียสู่แหล่งน้ำโดยไม่ได้ผ่านการบำบัด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่มีอาการผิดปกติหลังสัมผัสน้ำ ให้รีบพบแพทย์ทันที

เรียกประชุมด่วนร่วมมหาวิทยาลัยฯ และหน่วยงานรัฐ

ในเวลา 10.00 น. ของวันเดียวกัน นางอทิตาธรฯ ได้เรียกประชุมร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขคุณภาพน้ำแม่น้ำกก ซึ่งผลการประชุมสรุปว่า คุณภาพน้ำในแม่น้ำกกอยู่ในเกณฑ์ “พอใช้ถึงเสื่อมโทรม” จึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการเข้มข้นร่วมกับทุกภาคส่วน

แม่น้ำกกถือเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ไหลผ่านพื้นที่ 6 อำเภอของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย, เวียงชัย, เวียงเชียงรุ้ง, ดอยหลวง, แม่จัน และสิ้นสุดที่แม่น้ำโขงในอำเภอเชียงแสน ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากทั้งในเรื่องการใช้น้ำเพื่อบริโภคและทำการเกษตร

ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งตรวจสอบตลอดเส้นน้ำต้นทางจนถึงชายแดน

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบกิจกรรมตลอดเส้นทางน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำในจังหวัดเชียงใหม่ ไปจนถึงปลายน้ำในเชียงราย เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้สารหนูปนเปื้อนเพิ่มขึ้น

“กิจกรรมที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือแหล่งผลิตน้ำประปาในระดับชุมชน ที่ไม่ใช่การประปาภูมิภาค ซึ่งใช้น้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง เราจะให้ อบจ.เชียงราย และสำนักงานสาธารณสุข เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ ม.ราชภัฏเชียงราย อย่างเร่งด่วน” นายชรินทร์กล่าว

รัฐเมียนมาร่วมมือ ประสานปิดเหมืองทองคำต้นเหตุสารพิษ

การปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำกกมีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับการทำเหมืองทองคำในเมืองสาด และเมืองยอน ประเทศเมียนมา กระทรวงมหาดไทยไทยจึงได้เร่งประสานความร่วมมือกับทางการเมียนมา

โดยนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้นายจักรพงศ์ คำจันทร์ ผู้ว่าการ กปภ. มอบหมายให้นายพงษ์ศักดิ์ เดี่ยววิไล ผอ. กปภ.เขต 9 เข้าหารือกับ นายมีง จอ ลีน กงสุลใหญ่เมียนมา ณ สำนักงานกงสุลใหญ่ เชียงใหม่ เพื่อขอความร่วมมือในการควบคุมกิจกรรมเหมืองแร่ที่อาจเป็นต้นเหตุของสารปนเปื้อน

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า “ปัจจุบันคุณภาพน้ำประปายังคงอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย การประปาส่วนภูมิภาคได้เฝ้าระวังและปรับกระบวนการผลิตน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำประปาไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน”

ชาวบ้านขอความชัดเจนและการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน

ด้านชุมชนริมแม่น้ำกกในหลายพื้นที่ ต่างแสดงความกังวลใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเกี่ยวข้องกับแม่น้ำ เช่น ประมง พืชสวน และท่องเที่ยว ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบโดยตรง

ชาวบ้านตำบลริมกก ให้สัมภาษณ์ว่า “เราหวังให้ภาครัฐหาทางแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด เพราะนอกจากสุขภาพแล้ว รายได้ของคนในชุมชนก็ลดลงทุกวัน”

สถิติและข้อมูลทางวิชาการ

อ้างอิงจากรายงานการตรวจคุณภาพน้ำจากกรมควบคุมมลพิษ (ข้อมูล ณ มีนาคม 2568):

  • สารหนู (As) ตรวจพบ 0.012 – 0.026 มิลลิกรัม/ลิตร (เกินมาตรฐานที่ 0.01)
  • ตะกั่ว (Pb) ตรวจพบสูงสุด 0.076 มิลลิกรัม/ลิตร (เกินมาตรฐานที่ 0.05)
  • ค่าความขุ่น (NTU) สูงสุดที่ 988 NTU (มาตรฐานไม่เกิน 100)
  • แบคทีเรียโคลิฟอร์มรวม พบเกินค่ามาตรฐานใน 3 จุดหลัก
  • คุณภาพน้ำตาม BOD (Biochemical Oxygen Demand) อยู่ในระดับเสื่อมโทรม

ทัศนคติเป็นกลางของทั้งสองฝ่าย

ฝ่ายประชาชน: เรียกร้องให้รัฐเร่งแก้ไขอย่างยั่งยืนและโปร่งใส เพราะส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพ รายได้ และวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน

ฝ่ายภาครัฐ: ยืนยันดำเนินการเร่งด่วนตามมาตรการที่มีอย่างเต็มกำลัง ทั้งในประเทศและประสานความร่วมมือต่างประเทศ โดยเน้นย้ำคุณภาพน้ำประปายังอยู่ในมาตรฐาน และเดินหน้าตรวจสอบตลอดลำน้ำเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมมลพิษ (www.pcd.go.th)
  • องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เชียงราย
  • มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

แม่น้ำกกเริ่มวิกฤต สัตว์น้ำตาย ชาวบ้านคาดสารพิษเกินมาตรฐาน

สารหนูในแม่น้ำกก เกินค่ามาตรฐาน สัตว์น้ำตายปริศนา คนเชียงรายผวา

พบสารพิษในแม่น้ำกก ชาวบ้านไม่กล้าใช้น้ำ

เชียงราย,เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 – สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) หรือ สคพ.1 ได้เผยผลตรวจวิเคราะห์น้ำและตะกอนดินจากแม่น้ำกกในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย พบปริมาณ “สารหนู” เกินมาตรฐานทั้ง 3 จุด

หนึ่งในพื้นที่ตรวจวัดคือบริเวณเชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง บ้านน้ำลัด อ.เมือง จ.เชียงราย พบค่าปนเปื้อน 0.012 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่ค่ามาตรฐานกำหนดไว้ไม่เกิน 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร สังเกตเห็นว่าน้ำในแม่น้ำยังคงมีสีขุ่นแดง และไม่มีชาวบ้านลงเล่นน้ำหรือหาปลาเช่นเคย

เริ่มพบสัตว์น้ำลอยตายริมฝั่ง

ชาวบ้านรายงานว่าพบลูกเต่าน้ำจืดและปลาจำนวนหนึ่งลอยตายเกยฝั่ง ยังไม่มีคำยืนยันถึงสาเหตุที่ชัดเจน แต่ชาวบ้านเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับสารปนเปื้อนดังกล่าว

นายอภิชิต ปันวิชัย อายุ 51 ปี ชาวบ้านชุมชนน้ำลัด ระบุว่า “ปกติพวกเราจะใช้น้ำจากแม่น้ำกกทั้งกิน ทั้งใช้ และทำมาหากินมาตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ไม่มีใครกล้าแตะน้ำอีกเลย แม้กระทั่งการประมงพื้นบ้านก็ต้องหยุดหมด”

เรียกร้องรัฐไทย-เมียนมา ร่วมมือแก้ปัญหา

ประชาชนในพื้นที่ต้องการให้รัฐบาลไทยประสานกับรัฐบาลเมียนมาอย่างเร่งด่วน เพื่อควบคุมและตรวจสอบการทำเหมืองหรือกิจกรรมอื่นๆ ทางตอนเหนือของแม่น้ำ ซึ่งอาจเป็นต้นตอของมลพิษที่ไหลลงสู่แม่น้ำกก

ภาครัฐในพื้นที่ได้รับคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายชรินทร์ ทองสุข ให้เพิ่มความถี่ในการเก็บตัวอย่างน้ำตลอดแนวแม่น้ำกก ตั้งแต่รอยต่อกับ จ.เชียงใหม่ ไปจนถึงปลายน้ำที่ อ.เชียงแสน ก่อนแม่น้ำกกจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง

สั่งตรวจสอบระบบประปาและแหล่งใช้น้ำทุกประเภท

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังมีคำสั่งให้สำนักงานสาธารณสุข การประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมสำรวจแหล่งใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ทั้งอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยให้สรุปภายในวันที่ 9 เมษายน 2568

สคพ.1 แนะนำให้มีการตรวจคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง เดือนละ 1-2 ครั้ง และหากมีอาการผิดปกติหลังสัมผัสน้ำ เช่น ผื่น อาเจียน ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว

กรมควบคุมมลพิษเผยคุณภาพน้ำ “เสื่อมโทรม”

ผลการตรวจวิเคราะห์ของ สคพ.1 ร่วมกับหลายหน่วยงาน พบว่าคุณภาพน้ำแม่น้ำกก ณ จุดตรวจ 3 จุดใน อ.แม่อาย มีค่าคุณภาพน้ำอยู่ในระดับ “เสื่อมโทรม” ได้แก่

  • BOD (สารอินทรีย์ในน้ำเสีย) เกินมาตรฐานทั้ง 3 จุด
  • แบคทีเรียโคลิฟอร์มและฟีคอลโคลิฟอร์ม สูงเกินค่ากำหนด บ่งชี้ถึงน้ำเสียจากชุมชน
  • แอมโมเนีย สูงจากการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์
  • ค่าความขุ่น สูงถึง 988 NTU ที่ชายแดนไทย-พม่า (มาตรฐานไม่เกิน 100 NTU)

พบสารหนูและตะกั่วเกินมาตรฐาน

  • ตะกั่ว (Pb) พบเกินมาตรฐานในจุดที่ติดชายแดน มีค่า 0.076 มิลลิกรัมต่อลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 0.05)
  • สารหนู (As) พบเกินทุกจุด ตรวจพบสูงสุด 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 0.01)

การได้รับสารหนูและตะกั่วอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาท ระบบขับถ่าย และเสี่ยงเป็นมะเร็งในระยะยาว

คำเตือนต่อประชาชน

กรมควบคุมมลพิษแจ้งเตือนประชาชนให้ หลีกเลี่ยงการดื่มหรือสัมผัสน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประเมินความเสี่ยง และปรับระบบการบำบัดน้ำประปาให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด

ความเห็นจากสองฝ่ายแบบเป็นกลาง

ฝ่ายชาวบ้าน: ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หวั่นผลกระทบต่อวิถีชีวิตและสุขภาพของลูกหลานในอนาคต

ฝ่ายรัฐ: ยืนยันเร่งแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ พร้อมประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน

สถิติและแหล่งข้อมูลอ้างอิง

  • ค่า BOD แม่น้ำกก เฉลี่ย 5.2 มก./ลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 4)
  • ปริมาณสารหนูเฉลี่ย 0.012-0.026 มก./ลิตร (มาตรฐานไม่เกิน 0.01)
  • รายงานคุณภาพน้ำปี 2567 จากกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าแม่น้ำกกอยู่ในลำดับที่ 8 จาก 10 แหล่งน้ำที่เสื่อมโทรมที่สุดในภาคเหนือ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • กรมควบคุมมลพิษ (www.pcd.go.th)
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่
  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘น้ำกก’ ระดับพอใช้ – เสื่อมโทรม ผู้ว่าฯ เชียงราย สั่งเฝ้าระวังด่วน!

ผู้ว่าฯ เชียงรายเรียกประชุมด่วนแก้ปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก หลังพบสารหนูเกินมาตรฐาน

เชียงราย, 6 เมษายน 2568 – นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเร่งด่วนเมื่อวันนี้ (6 เมษายน 2568) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำแม่น้ำกก หลังได้รับรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงราย ซึ่งพบว่าแม่น้ำกกอยู่ในเกณฑ์ “พอใช้ ถึง เสื่อมโทรม” และมีสารหนูเกินมาตรฐานในบางจุด ส่งผลให้ต้องขอความร่วมมือประชาชนงดสัมผัสหรือบริโภคน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง จนกว่าคุณภาพน้ำจะดีขึ้น

รายงานผลการตรวจคุณภาพน้ำ

นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) รายงานผลการลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างน้ำเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 เพื่อวิเคราะห์คุณภาพน้ำผิวดินของแม่น้ำกกในจังหวัดเชียงราย โดยมีการตรวจวัดโลหะหนักและสารไซยาไนด์ เพื่อหาความปนเปื้อนของสารมลพิษ ผลการตรวจพบว่า:

  • คุณภาพน้ำโดยรวม: แม่น้ำกกอยู่ในเกณฑ์ “พอใช้ ถึง เสื่อมโทรม” โดยมีค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์เกินมาตรฐาน บริเวณบ้านโป่งนาคำ ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย แสดงถึงการปล่อยน้ำเสียจากแหล่งชุมชนและกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่ผ่านการบำบัดลงสู่แหล่งน้ำ
  • แบคทีเรีย: ปริมาณแบคทีเรียเกินมาตรฐานในทั้ง 3 จุดที่ตรวจวัด
  • สารหนู: พบปริมาณเกินมาตรฐาน ดังนี้
    • บ้านโป่งนาคำ: 0.013 มิลลิกรัมต่อลิตร (mg/L)
    • สะพานข้ามแม่น้ำกก ตำบลดอยฮาง: 0.012 mg/L
    • สะพานแม่ฟ้าหลวง หน้าศาลากลางจังหวัด: 0.011 mg/L

นายอาวีระระบุว่า ค่าสารหนูที่ตรวจพบเกินมาตรฐานเล็กน้อย (มาตรฐานน้ำผิวดินกำหนดไว้ที่ 0.01 mg/L) ซึ่งในมุมมองของนักสิ่งแวดล้อมถือว่าเป็นปัญหาที่ยังไม่รุนแรงมากนัก อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำที่มีสารหนูและแบคทีเรียเกินมาตรฐานไม่เหมาะสำหรับการบริโภคโดยไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพหากสัมผัสโดยตรง เช่น อาการระคายเคือง ผื่นคัน หรือท้องเสีย

แนวทางแก้ไขและคำแนะนำ

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้สั่งการในที่ประชุม ดังนี้:

  1. เพิ่มความถี่ในการตรวจสอบ: ขอให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เพิ่มการเก็บตัวอย่างน้ำเดือนละ 1-2 ครั้ง ตลอดลำน้ำกกตั้งแต่รอยต่อจังหวัดเชียงราย ผ่านอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเวียงชัย อำเภอเวียงเชียงรุ้ง อำเภอดอยหลวง อำเภอแม่จัน จนถึงอำเภอเชียงแสนที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและคลายความกังวลของประชาชน
  2. สำรวจการใช้น้ำ: มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจการใช้ประโยชน์จากแม่น้ำกกในด้านต่าง ๆ เช่น การผลิตน้ำประปา การเกษตร อุตสาหกรรม หรือกิจกรรมท่องเที่ยว โดยให้รายงานผลภายในวันพุธที่ 9 เมษายน 2568 เพื่อนำข้อมูลไปวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
  3. ประชาสัมพันธ์: กำชับให้หน่วยงานสร้างความเข้าใจกับประชาชนในทุกพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยใกล้แม่น้ำกก ขอให้งดลงเล่นน้ำหรือสัมผัสน้ำโดยตรง จนกว่าคุณภาพน้ำจะกลับสู่ระดับปลอดภัย

นายชรินทร์ กล่าวว่า “ถึงคุณภาพน้ำจะอยู่ในเกณฑ์พอใช้ถึงเสื่อมโทรม แต่ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าน้ำประปาที่ผ่านกระบวนการผลิตยังปลอดภัยต่อการใช้งาน ส่วนผู้ที่สัมผัสหรือดื่มน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรงอาจได้รับผลกระทบ จึงขอให้งดกิจกรรมดังกล่าวไปก่อน”

การรับประกันความปลอดภัยของน้ำประปา

เวลา 15.30 น. สำนักข่าวนครเชียงรายนิวส์ได้สอบถามนายทวีศักดิ์ สุขก้อน ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย ถึงผลกระทบจากคุณภาพน้ำแม่น้ำกก นายทวีศักดิ์ยืนยันว่า การประปาส่วนภูมิภาคได้เริ่มกระบวนการบำบัดน้ำเพิ่มเติมตั้งแต่ทราบผลการตรวจคุณภาพน้ำจากอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำประปาที่ส่งถึงประชาชนในเขตอำเภอเมืองเชียงรายยังคงปลอดภัยตามมาตรฐานสากล “เราได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปรับกระบวนการบำบัดให้เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมั่นใจ” นายทวีศักดิ์กล่าว

ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยังขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประปาส่วนภูมิภาค ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและอำเภอ เทศบาล สำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ พร้อมทั้งขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. คุณภาพน้ำแม่น้ำกก: จากรายงานของกรมควบคุมมลพิษ ปี 2567 พบว่าแม่น้ำกกในบางช่วงมีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม โดยมีค่า BOD (Biochemical Oxygen Demand) สูงถึง 3-5 mg/L ซึ่งเกินมาตรฐานน้ำผิวดินที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2 mg/L (ที่มา: รายงานสถานการณ์มลพิษน้ำ, กรมควบคุมมลพิษ, 2567)
  2. การปนเปื้อนสารหนู: องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การสัมผัสสารหนูเกิน 0.01 mg/L ในระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งผิวหนังและระบบประสาท (ที่มา: WHO Arsenic Fact Sheet, 2023)
  3. การใช้น้ำในเชียงราย: ข้อมูลจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติระบุว่า แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำดิบหลักสำหรับการผลิตน้ำประปาในเขตอำเภอเมืองเชียงราย คิดเป็นร้อยละ 60 ของปริมาณน้ำที่ใช้ทั้งหมด (ที่มา: รายงานทรัพยากรน้ำ, สทนช., 2567)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • การประปาส่วนภูมิภาค สาขาเชียงราย
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • องค์การอนามัยโลก
  • สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

‘บุญส่ง’ เตือนเชียงรายสั่งเฝ้าระวัง ภัยสารพิษอันตราย ‘แม่น้ำกก’

อำเภอเมืองเชียงรายออกหนังสือเร่งด่วนเตือนประชาชนริมแม่น้ำกก หลังพบสารหนูและตะกั่วปนเปื้อนเกินมาตรฐาน

เชียงราย, 5 เมษายน 2568 – นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย ได้ออกหนังสือเร่งด่วนระดับ “ด่วนที่สุด” ที่ ชร 0118.3/63 ลงวันที่ 5 เมษายน 2568 ถึงนายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในเขตพื้นที่ติดแม่น้ำกก เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ระวังการใช้น้ำจากแม่น้ำกก หลังพบการปนเปื้อนของสารโลหะหนักจำพวกสารหนู (Arsenic) และสารตะกั่ว (Lead) เกินค่ามาตรฐานน้ำผิวดิน จากผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำในพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำกก

ที่มาของปัญหาและการตรวจสอบ

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากรายงานเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าแม่น้ำกกในพื้นที่ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ มีสีขุ่นผิดปกติและมีตะกอนดินปนเปื้อนจำนวนมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายจึงสั่งการให้สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ประสานงานกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เพื่อลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำผิวดิน และดำเนินการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำตามมาตรฐานแหล่งน้ำผิวดิน รวมถึงการตรวจวัดโลหะหนักและสารพิษ เช่น สารไซยาไนด์

ตัวอย่างน้ำผิวดินที่เก็บได้ถูกส่งไปยังกรมควบคุมมลพิษเพื่อวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ โดยผลการตรวจสอบเบื้องต้นจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ซึ่งได้รับการแจ้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ระบุว่า น้ำในแม่น้ำกกบริเวณตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย มีการปนเปื้อนของสารหนูและสารตะกั่วในระดับที่เกินค่ามาตรฐานที่กำหนดสำหรับน้ำผิวดิน โดยค่ามาตรฐานของสารหนูอยู่ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร (mg/L) และสารตะกั่วอยู่ที่ 0.05 mg/L แต่ผลการตรวจพบระดับที่สูงกว่านี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมหากมีการสัมผัสหรือบริโภคโดยตรง

หนังสือแจ้งเตือนและแนวทางปฏิบัติ

จากผลการตรวจสอบดังกล่าว นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย ได้ออกหนังสือเร่งด่วนถึงหน่วยงานท้องถิ่นในเขตอำเภอเมืองเชียงรายที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำกก เพื่อให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่โดยทันที ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เสียงตามสาย หอกระจายข่าว หรือสื่อออนไลน์ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์และปฏิบัติตามแนวทางป้องกันภัยจากน้ำปนเปื้อน ดังนี้:

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง
    • ขอให้งดการสัมผัสน้ำหรือประกอบกิจกรรมทางน้ำในช่วงฤดูร้อน เช่น การเล่นน้ำหรือการจับสัตว์น้ำ
    • หากจำเป็นต้องสัมผัสน้ำ ขอให้ล้างร่างกายด้วยน้ำสะอาดทันทีหลังสัมผัส และระวังไม่ให้น้ำเข้าสู่ร่างกายผ่านทางอาหารหรือการดื่ม
  2. กลุ่มเสี่ยงให้หลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด
    • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการแพ้รุนแรง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำจากแม่น้ำกกโดยสิ้นเชิง เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือผลกระทบต่อสุขภาพ
  3. น้ำประปายังปลอดภัยต่อการใช้งาน
    • ผู้ใช้น้ำประปาในเขตอำเภอเมืองเชียงรายสามารถวางใจได้ เนื่องจากการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงรายได้ยืนยันว่า กระบวนการผลิตน้ำประปามีระบบบำบัดที่ได้มาตรฐานตามองค์การอนามัยโลก (WHO) และมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำประปายังคงปลอดภัยสำหรับการอุปโภคและบริโภค
  4. การเฝ้าระวังอาการผิดปกติ
    • หากประชาชนมีการบริโภคหรือสัมผัสน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง และเกิดอาการผิดปกติ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน อาการทางประสาทและกล้ามเนื้อ (เช่น ชักหรือสั่น) นอนไม่หลับ หรือท้องเสีย ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

นายอำเภอเมืองเชียงรายเน้นย้ำว่า การแจ้งเตือนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน และขอให้หน่วยงานท้องถิ่นดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง โดยระบุในหนังสือว่า “จึงเรียนมาเพื่อทราบและพิจารณาดำเนินการ”

ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากสารปนเปื้อน

สารหนูและสารตะกั่วเป็นโลหะหนักที่มีพิษรุนแรงต่อร่างกาย หากสัมผัสในระยะสั้นอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง ผื่นคัน หรือท้องเสีย แต่หากสะสมในร่างกายเป็นเวลานานอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด หรือมะเร็งตับ ในกรณีของสารหนู และอาจส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ หรือชัก ในกรณีของสารตะกั่ว ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) การบริโภคสารหนูในปริมาณ 100 มิลลิกรัมอาจถึงแก่ชีวิตได้ ขณะที่ตะกั่วในระดับสูงอาจทำให้เสียชีวิตจากพิษเฉียบพลัน

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพ โดยขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่เชื่อมโยงกับการสัมผัสน้ำจากแม่น้ำกกในเขตอำเภอเมืองเชียงราย แต่ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

สาเหตุที่อาจเกี่ยวข้อง

การปนเปื้อนของสารหนูและตะกั่วในแม่น้ำกกอาจมีสาเหตุจากกิจกรรมเหมืองแร่ในเขตเมืองสาด รัฐฉานใต้ ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นบริเวณต้นน้ำของแม่น้ำกก สารหนูเป็น “เพื่อนแร่” (Associated Mineral) ที่มักพบร่วมกับแร่ทองคำตามธรรมชาติ และการทำเหมืองทองคำหากไม่มีการจัดการน้ำเสียอย่างเหมาะสม อาจปล่อยสารพิษลงสู่แหล่งน้ำได้ รายงานจากสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) สันนิษฐานว่า การขุดเหมืองและการปล่อยตะกอนดินจากฝั่งเมียนมาอาจเป็นต้นตอของปัญหานี้ ซึ่งสอดคล้องกับการที่น้ำในแม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติในช่วงฤดูแล้ง

การดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงรายได้ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยผลการวิเคราะห์คุณภาพน้ำจากกรมควบคุมมลพิษ ซึ่งคาดว่าจะได้รับภายใน 1-2 สัปดาห์ จะเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดมาตรการแก้ไขเพิ่มเติม ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาคสาขาเชียงรายได้เพิ่มการตรวจสอบคุณภาพน้ำดิบที่ใช้ผลิตน้ำประปา เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสารพิษปนเปื้อนในระบบ

นอกจากนี้ อำเภอเมืองเชียงรายได้กำชับให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ติดตามสถานการณ์ในชุมชน และรายงานหากพบปัญหาสุขภาพหรือสิ่งผิดปกติจากประชาชน เพื่อให้หน่วยงานสาธารณสุขสามารถเข้าไปดำเนินการได้ทันท่วงที

ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม

แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำสำคัญของประชาชนในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองเชียงรายที่มีชุมชนตั้งอยู่ริมน้ำจำนวนมาก ประชาชนใช้แม่น้ำนี้เพื่อการเกษตร การประมง และบางส่วนใช้อุปโภคในครัวเรือน การปนเปื้อนของสารพิษอาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต โดยเฉพาะเกษตรกรที่ต้องพึ่งพาน้ำจากแม่น้ำกกในการชลประทาน หากน้ำไม่สามารถใช้งานได้ อาจเพิ่มต้นทุนในการหาแหล่งน้ำทดแทน

ด้านสิ่งแวดล้อม สารหนูและตะกั่วที่ปนเปื้อนในน้ำอาจสะสมในห่วงโซ่อาหาร เช่น ปลาและสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของชุมชน ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาวหากมีการบริโภคสัตว์น้ำจากแม่น้ำกกในช่วงนี้

แนวทางแก้ไขและความท้าทาย

การแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำกกมีความท้าทาย เนื่องจากต้นตออาจอยู่ในเขตประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของหน่วยงานไทย การเจรจาระหว่างประเทศจึงเป็นแนวทางระยะยาวที่จำเป็น เพื่อให้มีการจัดการมลพิษจากเหมืองแร่ในฝั่งเมียนมาอย่างเหมาะสม ส่วนในระยะสั้น หน่วยงานไทยมุ่งเน้นการแจ้งเตือนและป้องกันผลกระทบต่อประชาชน รวมถึงการตรวจสอบระบบน้ำประปาและแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่

นายบุญส่ง ตินารี กล่าวว่า “เรากำลังทำทุกอย่างเพื่อปกป้องประชาชน แต่การแก้ปัญหาที่ต้นตอต้องอาศัยความร่วมมือระดับนานาชาติ ซึ่งอาจใช้เวลา ระหว่างนี้เราจะดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนให้ดีที่สุด”

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. การปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำไทย: กรมทรัพยากรน้ำบาดาลระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) พบแหล่งน้ำบาดาลในภาคเหนือปนเปื้อนสารหนูเกินมาตรฐาน 12 แห่ง ส่วนใหญ่เกิดจากธรรมชาติและมลพิษจากมนุษย์ (ที่มา: รายงานคุณภาพน้ำบาดาล, 2567)
  2. มลพิษในแม่น้ำสายหลักของไทย: กรมควบคุมมลพิษรายงานว่า ในปี 2567 แม่น้ำสายหลักในประเทศไทย 22 สาย มีคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม 8 สาย โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการปนเปื้อนโลหะหนัก (ที่มา: รายงานสถานการณ์มลพิษน้ำ, 2567)
  3. ผลกระทบต่อสุขภาพจากสารหนู: องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ทั่วโลกมีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำดื่มปนเปื้อนสารหนูมากกว่า 140 ล้านคน โดยในเอเชียพบมากที่สุด (ที่มา: WHO Arsenic Fact Sheet, 2023)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • อำเภอเมืองเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่)
  • กรมควบคุมมลพิษ
  • กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
  • องค์การอนามัยโลก
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

พบแม่น้ำกกที่แม่อายปนเปื้อนสารหนู เชียงรายเตือน เลี่ยงใช้น้ำโดยตรง

สสจ.เชียงรายเตือนประชาชนเลี่ยงใช้น้ำแม่น้ำกก หลังพบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐาน

เชียงใหม่, 5 เมษายน 2568 – สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงราย ออกคำแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง หลังมีการตรวจพบสารหนู (Arsenic) ปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในบริเวณต้นน้ำที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำกกไหลจากเมียนมาเข้าสู่ประเทศไทย ขณะนี้ผลการตรวจคุณภาพน้ำในเขตจังหวัดเชียงรายยังอยู่ระหว่างการรอผลอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดย สสจ.เชียงรายระบุว่า ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อสุขภาพในพื้นที่ แต่ได้ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปฏิบัติตามแนวทางป้องกันเพื่อความปลอดภัย

ความเป็นมาของปัญหา

แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ไหลผ่านอำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเข้าสู่จังหวัดเชียงราย โดยผ่านอำเภอเมืองเชียงรายและอำเภอเชียงแสน ประชาชนในพื้นที่ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำนี้ทั้งเพื่อการเกษตร การท่องเที่ยว และการผลิตน้ำประปา อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (สคพ.1) เชียงใหม่ ได้เก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำกกบริเวณอำเภอแม่อาย หลังพบว่าน้ำมีสีขุ่นผิดปกติและมีตะกอนดินปนเปื้อนจำนวนมาก ซึ่งต่างจากช่วงฤดูแล้งปกติที่น้ำมักใสสะอาด

ผลการตรวจสอบเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 โดยนายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการ สคพ.1 ระบุว่า น้ำในแม่น้ำกกบริเวณบ้านแก่งตุ้ม อำเภอแม่อาย ซึ่งเป็นจุดแรกที่แม่น้ำไหลจากเมียนมาเข้าสู่ไทย มีค่าสารหนูสูงถึง 0.026 มิลลิกรัมต่อลิตร (mg/L) เกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 0.01 mg/L กว่าสองเท่า นอกจากนี้ยังตรวจพบสารหนูในจุดอื่น ๆ เช่น บ้านท่าตอน (0.012 mg/L) และบ้านผาใต้ (0.013 mg/L) ซึ่งทั้งหมดเกินค่ามาตรฐานเช่นกัน

นอกจากสารหนูแล้ว ยังพบสารตะกั่ว (Lead) ในระดับ 0.076 mg/L ที่จุดบ้านแก่งตุ้ม ซึ่งเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ที่ 0.05 mg/L รวมถึงค่าความขุ่นสูงถึง 988 NTU (หน่วยวัดความขุ่น) ซึ่งสูงเกินกว่าค่ามาตรฐานทั่วไปที่ 100 NTU อย่างมาก ส่งผลให้แหล่งน้ำอยู่ในเกณฑ์ “เสื่อมโทรม” และไม่เหมาะสำหรับการอุปโภคหรือบริโภค

สาเหตุที่อาจเกี่ยวข้อง

นายอาวีระระบุว่า สารหนูและตะกั่วที่พบในแม่น้ำกกอาจมีที่มาจากการทำเหมืองแร่ทองคำในเขตเมืองสาด รัฐฉานใต้ ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่บริเวณต้นน้ำของแม่น้ำกก โดยสารหนูถือเป็น “เพื่อนแร่” (Associated Mineral) ที่มักพบร่วมกับแร่ทองคำตามธรรมชาติ การขุดเหมืองและกระบวนการแยกแร่อาจปล่อยสารหนูและโลหะหนักอื่น ๆ ลงสู่แหล่งน้ำ หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม น้ำเสียจากเหมืองอาจไหลลงสู่แม่น้ำกกและส่งผลกระทบข้ามพรมแดนมาถึงไทย

รายงานจากชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงเหมืองฝั่งเมียนมาเผยว่า มีการขุดเปิดหน้าดินในบริเวณกว้างและปล่อยตะกอนดินลงสู่แม่น้ำ ซึ่งสอดคล้องกับภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมเหมืองขนาดเล็กที่ดำเนินการโดยนักธุรกิจภายใต้การอนุญาตของกองกำลังทหารว้า (United Wa State Army – UWSA) ความขุ่นของน้ำและการปนเปื้อนของสารพิษจึงอาจเป็นผลโดยตรงจากกิจกรรมดังกล่าว

ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

สารหนูเป็นโลหะหนักที่มีพิษรุนแรง หากสัมผัสในระยะสั้นอาจทำให้เกิดผื่นคัน ระคายเคืองผิวหนัง หรือท้องเสีย หากสะสมในร่างกายเป็นเวลานานอาจนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนัง มะเร็งปอด หรือมะเร็งตับได้ ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) การบริโภคสารหนูในปริมาณ 100 มิลลิกรัมสามารถถึงแก่ชีวิตได้ ขณะที่ตะกั่วส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ และในกรณีรุนแรงอาจนำไปสู่การชักหรือเสียชีวิต

นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย กล่าวว่า “ประชาชนที่สัมผัสน้ำโดยตรงบางรายเริ่มมีอาการผื่นแดงและคัน ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับสารปนเปื้อนในน้ำ เรากำลังเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนระวังการใช้น้ำจากแม่น้ำกกในช่วงนี้” ด้านนางสาวสมพร เพ็งค่ำ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาระบบประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน (CHIA Platform) เรียกร้องให้มีการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะสารปรอท (Mercury) ในปลานักล่าที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำกก เนื่องจากอาจมีการสะสมของสารพิษในห่วงโซ่อาหาร ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้บริโภค

การตอบสนองของหน่วยงานในเชียงราย

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย (สสจ.เชียงราย) ได้ออกคำแนะนำ 4 ข้อสำหรับประชาชนในพื้นที่ ดังนี้:

  1. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกโดยตรงในช่วงนี้ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ
  2. ผู้ที่ใช้น้ำประปาในเขตเทศบาลนครเชียงรายสามารถใช้ได้ตามปกติ เนื่องจากมีระบบบำบัดน้ำที่มีมาตรฐาน
  3. หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นคัน ท้องเสีย หรือสัมผัสน้ำโดยตรง ควรรีบพบแพทย์
  4. ติดตามข้อมูลจากหน่วยงานราชการอย่างใกล้ชิด และงดแชร์ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน

สสจ.เชียงรายระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่เชื่อมโยงกับสารปนเปื้อนในเขตจังหวัดเชียงราย แต่ได้ประสานกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เพื่อรอผลการตรวจตัวอย่างน้ำ 3 จุดในเขตเมืองเชียงราย ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายในสองสัปดาห์ หรือราววันที่ 18 เมษายน 2568

นายแพทย์ธวัชชัย ปานทอง สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า “เรากำลังเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกหน่วยงานกำลังดำเนินการเต็มที่เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา หากผลตรวจในเชียงรายพบสารปนเปื้อนเกินมาตรฐาน เราจะมีมาตรการเพิ่มเติมทันที”

การดำเนินการของหน่วยงานในเชียงใหม่

ในจังหวัดเชียงใหม่ นายอาวีระ ภัคมาตร์ ผู้อำนวยการ สคพ.1 เปิดเผยว่า หลังการตรวจพบสารหนูและตะกั่วเกินมาตรฐาน ได้แจ้งเตือนประชาชนในอำเภอแม่อายให้งดเล่นน้ำและบริโภคน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง รวมถึงประสานกับหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบระบบประปาหมู่บ้านที่ใช้น้ำดิบจากแม่น้ำกก ซึ่งอาจมีระบบกรองที่ไม่สามารถกำจัดโลหะหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางสลีลญา คำภาแก้ว นายอำเภอแม่อาย ระบุว่า “เราได้แจ้งกำนันและผู้ใหญ่บ้านให้ประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนแล้ว และในวันที่ 8 เมษายนนี้ จะมีการประชุมใหญ่ระดับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การประปาส่วนภูมิภาค และสาธารณสุขจังหวัดเข้าร่วม”

ความท้าทายและแนวทางแก้ไข

ปัญหาการปนเปื้อนในแม่น้ำกกมีความซับซ้อน เนื่องจากต้นตออาจอยู่ในเขตเมียนมา ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจการควบคุมของหน่วยงานไทย พันโท บุญโรจน์ กองแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าตอน อำเภอแม่อาย กล่าวว่า “เราเชื่อว่าสาเหตุมาจากเหมืองทองในรัฐฉาน แต่การแก้ไขต้องอาศัยการเจรจาระดับรัฐบาล ซึ่งท้องถิ่นอย่างเรามีอำนาจจำกัด ถึงแม้จะเคยรณรงค์เรื่องมลพิษข้ามแดน เช่น ไฟป่า แต่ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจน”

นายอาวีระเสนอแนวทางระยะสั้น เช่น การสื่อสารแจ้งเตือนประชาชน การจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพัฒนาแผนลดมลพิษ และการตรวจสอบระบบประปา ส่วนระยะยาวต้องมีการประสานความร่วมมือกับเมียนมาเพื่อจัดการแหล่งกำเนิดมลพิษ ซึ่งอาจต้องใช้เวลานานและต้องพึ่งพาความร่วมมือระหว่างประเทศ

ผลกระทบต่อชุมชนและการเกษตร

แม่น้ำกกเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนในเชียงรายและเชียงใหม่ โดยเฉพาะเกษตรกรที่ใช้น้ำเพื่อการชลประทาน หากน้ำปนเปื้อนสารพิษในระยะยาว อาจส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรและความปลอดภัยของอาหาร เช่น ข้าว ผัก และสัตว์น้ำ นายสมชาย บุญมา เกษตรกรจากอำเภอเมืองเชียงราย กล่าวว่า “ถ้าน้ำใช้ไม่ได้ เราก็ต้องหาแหล่งน้ำใหม่ ซึ่งเพิ่มต้นทุนให้ชาวนา หวังว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาได้เร็ว ๆ”

ด้านการท่องเที่ยว ซึ่งแม่น้ำกกเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อน เช่น การล่องแพและเล่นน้ำ ก็อาจได้รับผลกระทบ พันโท บุญโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทุกวันนี้ไม่มีใครกล้าเล่นน้ำแล้ว ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อ การท่องเที่ยวในท่าตอนอาจซบเซาไปเลย”

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  1. ปริมาณน้ำในแม่น้ำกก: จากข้อมูลกรมชลประทาน ในช่วงฤดูแล้ง (มีนาคม-เมษายน) ปริมาณน้ำในแม่น้ำกกเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ลดลงจากฤดูฝนที่สูงถึง 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (ที่มา: รายงานสถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน, 2567)
  2. การปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำไทย: กรมทรัพยากรน้ำบาดาลระบุว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) พบแหล่งน้ำบาดาลในภาคเหนือปนเปื้อนสารหนูเกินมาตรฐาน 12 แห่ง ส่วนใหญ่เกิดจากธรรมชาติและมลพิษจากมนุษย์ (ที่มา: รายงานคุณภาพน้ำบาดาล, 2567)
  3. ผลกระทบสุขภาพจากสารหนู: องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ทั่วโลกมีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำดื่มปนเปื้อนสารหนูมากกว่า 140 ล้านคน โดยในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พบมากที่สุด (ที่มา: WHO Arsenic Fact Sheet, 2023)

ทัศนคติเป็นกลางต่อความเห็นทั้งสองฝ่าย

กรณีการปนเปื้อนในแม่น้ำกกนำมาซึ่งมุมมองที่แตกต่างกันในสังคม ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่า การตรวจพบสารหนูและการออกคำเตือนของหน่วยงานรัฐเป็นการดำเนินการที่ทันท่วงทีและแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะในเชียงรายที่ยังไม่พบผลกระทบรุนแรง การที่น้ำประปาในเมืองยังปลอดภัยยิ่งเป็นหลักประกันว่า สถานการณ์ยังควบคุมได้ และประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติหากปฏิบัติตามคำแนะนำ

ในทางกลับกัน บางฝ่ายมองว่านี่เป็นสัญญาณของปัญหามลพิษข้ามแดนที่รัฐบาลไทยยังแก้ไขไม่ได้ การที่ต้นตออาจมาจากเหมืองในเมียนมาทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพของการเจรจาระหว่างประเทศ และการตรวจสอบที่ล่าช้าอาจทำให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเผชิญความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเกษตรกรและชุมชนที่พึ่งพาแม่น้ำกก ซึ่งอาจได้รับผลกระทบระยะยาว

จากมุมมองที่เป็นกลาง การตอบสนองของหน่วยงานทั้งในเชียงใหม่และเชียงรายแสดงถึงความพยายามในการปกป้องประชาชน แม้จะยังมีข้อจำกัดในการจัดการต้นตอของปัญหา การรอผลตรวจในเชียงรายและการประชุมในวันที่ 8 เมษายนจะเป็นตัวชี้วัดว่า มาตรการต่อไปจะครอบคลุมเพียงใด ขณะที่ข้อกังวลของฝ่ายที่สองก็สมเหตุสมผล เนื่องจากมลพิษข้ามแดนเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและต้องใช้ความร่วมมือระดับนานาชาติ การแก้ไขจึงควรดำเนินควบคู่ไปกับการสื่อสารที่ชัดเจน เพื่อลดความตื่นตระหนกและสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่าย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1
  • กรมชลประทาน
  • กรมทรัพยากรน้ำบาดาล
  • WHO
  • สำนักข่าวชายขอบ
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News