Categories
ENVIRONMENT

สวนนงนุชพัทยานั่งแท่นที่ปรึกษาภูมิทัศน์เมืองให้รัฐบาลบรูไน รับฉลองครองราชย์ 60 ปี

สวนนงนุชพัทยา “ส่งออกความเชี่ยวชาญ” นั่งที่ปรึกษาภูมิทัศน์ให้รัฐบาลบรูไนฯ ปรับโฉมเมืองรับฉลองครองราชย์ 60 ปี

ชลบุรี/บันดาร์เสรีเบกาวัน — บนผืนดินเขตร้อนของเกาะบอร์เนียว คณะทำงานจากเมืองพัทยาเดินสำรวจแนวถนนสายหลัก ละแวกสวนสาธารณะ และพื้นที่สีเขียวสำคัญในกรุงบันดาร์เสรีเบกาวันอย่างเป็นระบบ ระหว่างวันที่ 17–20 สิงหาคม 2568 ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่ทริปดูงาน แต่คือ “งานจริง” ที่รัฐบาลบรูไนดารุสซาลามเชิญ สวนนงนุชพัทยา ไปทำหน้าที่ ที่ปรึกษาด้านภูมิทัศน์และพัฒนาพื้นที่สีเขียว เพื่อยกระดับภาพลักษณ์เมืองและความพร้อมด้านสิ่งแวดล้อม ก่อนพิธีเฉลิมฉลอง ครองราชย์ครบ 60 ปี ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนฯ ซึ่งกำหนดจัดในปี พ.ศ. 2570

ภารกิจนำโดย นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา พร้อมคณะผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิทัศน์และพฤกษศาสตร์ ได้รับการต้อนรับโดย นายยาง เบอร์โฮมัต ดาโต๊ะ เสรี เซเตีย อาวัง ฮาจี มูฮัมหมัด จูอันดา บิน ฮาจี อับดุล ราชิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนา (Ministry of Development) และผู้บริหารระดับสูงของบรูไนฯ จุดประสงค์ตรงกัน—รีดีไซน์เมือง” ให้สวยงาม เป็นระเบียบ และเป็นมิตรต่อผู้คน ภายใต้กรอบความร่วมมือที่ตั้งชื่อเรียบง่ายแต่กินใจว่า “Friendship Garden” หรือ “สวนแห่งมิตรภาพ”

“Friendship Garden” จากแนวคิดสู่แผนปฏิบัติ 12 ถนนหลัก–4 สวนสาธารณะ–1 สวนสัตว์–1 สวนพฤกษศาสตร์

สาระการทำงานที่สรุปร่วมกันในเบื้องต้นสะท้อน “โจทย์ครบวงจร” ของการพัฒนาพื้นที่สีเขียวระดับเมือง ได้แก่

  • ปรับปรุงภูมิทัศน์ถนนสายหลักอย่างน้อย 12 สาย: เลือกชนิดไม้ที่เหมาะกับอากาศชื้นร้อนและสภาพดิน เพิ่มร่มเงาแต่ไม่บดบังทัศนวิสัย ออกแบบคอร์ริดอร์สีเขียวที่ต่อเนื่อง (green corridor) และกำหนดจุดพักสายตา/จุดพักคน
  • พัฒนาพื้นที่สาธารณะ “แกนกลางเมือง” 4 แห่ง: ปรับฟังก์ชันสวนสาธารณะให้รองรับครอบครัว ผู้สูงวัย และการละหมาดกลางแจ้ง ปรับระบบทางเดิน–จักรยานให้เข้าถึงได้จริง
  • ยกเครื่องสวนสัตว์และสวนพฤกษศาสตร์: เสริมบทบาทด้านการอนุรักษ์ การเรียนรู้สาธารณะ และเส้นทางตีความธรรมชาติ (interpretive trail) ที่เล่าเรื่องพืชพรรณเขตร้อนและภูมิปัญญาอาเซียน
  • พัฒนาคนก่อนพัฒนาพื้นที่: เปิดช่องให้บุคลากรกรมสิ่งแวดล้อมของบรูไนฯ มาฝึกปฏิบัติงานที่สวนนงนุชพัทยา—เรียนรู้ตั้งแต่เพาะชำ คัดเลือกพันธุ์ ปลูก–ตัดแต่ง–บำรุงรักษา ไปจนถึงวางแผนบูรณะเชิงระบบ

สิ่งที่สาธารณชนจับต้องได้ในช่วงเริ่มต้น คือภาพการร่วม ปลูกต้นไม้เชิงสัญลักษณ์ ระหว่างคณะไทย–บรูไนฯ เพื่อประกาศความร่วมมือระยะยาว ก่อนปิดท้ายภารกิจด้วยการจัดทำ “แนวทางปฏิบัติ” (implementation note) ส่งให้รัฐบาลบรูไนฯ ใช้เป็นกรอบออกแบบเชิงพื้นที่ต่อไป

ทำไม “สวนนงนุชพัทยา” ถึงถูกวางใจให้ทำงานเมืองในอาเซียน

ชื่อของสวนนงนุชไม่ใช่ผู้เล่นใหม่ในเวทีนานาชาติ จุดแข็งที่ต่างประเทศให้การยอมรับประกอบด้วย

  1. ฐานความรู้พฤกษศาสตร์และคอลเลกชันพันธุ์ไม้ขนาดใหญ่
    สวนนงนุชสะสมและแลกเปลี่ยนพันธุ์ไม้จากหลากถิ่นกำเนิดมายาวนาน มีบทบาทในเครือข่ายอนุรักษ์ทั้งไม้ปาล์ม ไซแคด และไม้วงศ์อื่นๆ การคุมคุณภาพ nursery, การเพาะเลี้ยง, และการจัดการแปลงภาคสนาม ทำให้ “ความสวย” ของภูมิทัศน์ยืนบน “วิทยาศาสตร์ของพืช” ไม่ใช่แค่จินตนาการ
  2. ผลงานออกแบบภูมิทัศน์ที่เป็นระบบ
    จาก “สวนท่องเที่ยว” สู่ “โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว” (green infrastructure) สวนนงนุชชำนาญการบูรณาการองค์ประกอบแข็ง (hardscape) กับองค์ประกอบพืช (softscape) ให้ใช้งานได้จริง ดูแลง่าย และยั่งยืนในงบประมาณรัฐ
  3. พรีเมียมคิวเรชันด้านพันธุ์พืชหายาก
    ในเชิงการสื่อสาร หน่วยงานเคยเผยแพร่กรณีศึกษาการอนุรักษ์พันธุ์พืชเฉพาะถิ่นและหายากเพื่อนำมาเป็น “ตัวแทนเรื่องเล่า” ให้สาธารณชนสัมผัสบทบาทสวนพฤกษศาสตร์ยุคใหม่—การอนุรักษ์ควบคู่การเรียนรู้ (หมายเหตุ: ตัวเลขอายุและรอบการออกผลของบางชนิดพืชเป็นข้อมูลจากการสื่อสารของสวนนงนุชฯ เอง ต้องตรวจสอบเชิงวิชาการประกอบก่อนใช้นโยบาย)

กล่าวโดยสรุป ความงาม–ความรู้–ความสามารถในการส่งต่อความรู้” คือสามขายึดที่ทำให้เอกชนไทยรายนี้กลายเป็น “ที่ปรึกษาได้” เมื่อประเทศเพื่อนบ้านต้องการยกระดับพื้นที่สีเขียวในเมือง

งานภูมิทัศน์ = งานเมือง = งานคุณภาพชีวิต

การปรับภูมิทัศน์ ไม่ใช่แค่ “จัดสวน” แต่คือการลงทุนใน คุณภาพชีวิต–สุขภาพเมือง–ภาพลักษณ์ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบรูไนฯ เตรียมฉลองวาระสำคัญระดับชาติเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในปี 2570

  • คุณภาพชีวิตและสุขภาพ: ร่มเงาที่ดีช่วยลด “อุณหภูมิเกาะความร้อน” (urban heat island) เส้นทางสีเขียวที่ต่อเนื่องสนับสนุนการเดินและจักรยาน ส่งผลต่อสุขภาพกายและใจ
  • เศรษฐกิจเมืองและการท่องเที่ยว: ภูมิทัศน์ที่มีเอกลักษณ์และกิจกรรมสาธารณะที่ดี ดึงดูดนักท่องเที่ยว–การจัดงาน–กิจกรรมชุมชน เพิ่มการใช้จ่ายในเศรษฐกิจท้องถิ่น
  • ความทรงจำร่วมของสังคม: สวนสาธารณะคือ “ลานกลาง” ที่คนทุกวัยใช้ร่วมกันได้ เป็นเวทีให้ภาคประชาชนมีบทบาทกับเมืองของตน

บรูไนฯ วางบทเรียนเหล่านี้ไว้ในแผนงาน ขณะที่ฝ่ายไทยเสนอ “เครื่องมือดำเนินงาน” เช่น catalog พันธุ์ไม้ ที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมและการบำรุงรักษา, คู่มือมาตรฐานงานดูแล (maintenance SOP), และ ปฏิทินฤดูกาล สำหรับการปลูก–ตัดแต่ง–ให้น้ำ–ป้องกันศัตรูพืชอย่างปลอดสาร ตามแนวคิด “ถูกต้น–ถูกที่–ถูกเวลา”

เมื่อถนน–สวน–สถาบัน เชื่อมเป็นเรื่องเดียว

พิธีเฉลิมฉลองครองราชย์ 60 ปี ต้องการ “เวทีของเมือง” ที่เป็นหน้าต่างสู่สายตาโลก ภูมิทัศน์จึงไม่ใช่เพียงฉากหลัง หากคือ ตัวละครหลัก ที่เล่าเรื่องอัตลักษณ์บรูไนฯ—วัฒนธรรมมลายูอิสลามราชวงศ์ (MIB), ความเคร่งครัดแต่เรียบง่าย, และความพิถีพิถันในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติ

ถนนหลัก 12 สาย ที่จะถูกปรับภูมิทัศน์ให้เป็น “ทางเดินของเรื่อง” (narrative path) นำสายตาจากสนามบินสู่ศูนย์กลางเมือง ผ่านสวนสาธารณะ 4 แห่ง ที่ชุบชีวิตด้วยกิจกรรมตลอดวัน ไปจนถึง สวนพฤกษศาสตร์ และ สวนสัตว์ ที่อธิบายความหลากหลายของผืนป่าบอร์เนียว การออกแบบที่ดีทำให้ผู้มาเยือน “อ่านเมืองได้” โดยไม่ต้องใช้คำอธิบายมาก

ความท้าทายที่ต้องวางแผน ให้สวย “วันแรก” และสวย “ทุกวัน”

งานเมืองที่ดีไม่ได้จบที่พิธีเปิด สิ่งที่ทีมที่ปรึกษาและรัฐบาลเจ้าของพื้นที่ต้องคุยกันตั้งแต่ต้น คือ ต้นทุนบำรุงรักษา และ ตัวชี้วัดผลลัพธ์ ที่ตรวจวัดได้จริง ตัวอย่างเช่น

  • แผนบำรุงรักษา 3–5 ปี: วางงบและคนให้พอ—กำลังคนสวน, รถ–เครื่องมือ, งบพืชสำรอง–น้ำ–ปุ๋ยอินทรีย์
  • ตัวชี้วัดเมืองสีเขียว: พื้นที่ร่มเงาเฉลี่ยในคอร์ริดอร์, จำนวนผู้ใช้สวน (ผ่านเซ็นเซอร์/การสำรวจ), สัดส่วนพืชพื้นถิ่นเทียบพืชต่างถิ่น, ระยะเวลา “ซ่อม–เปลี่ยน” ที่สั้นลงเมื่อเกิดเหตุ
  • การมีส่วนร่วมภาคประชาชน: กลไก “เพื่อนสวน” (Friends of the Park) อาสาสมัครโรงเรียน–ชุมชน ช่วยดูแล/เฝ้าระวัง พร้อมกิจกรรมเรียนรู้พืชพรรณเป็นรายเดือน

สำหรับไทย ภารกิจนี้ชี้ให้เห็นโอกาสของอุตสาหกรรม บริการองค์ความรู้ (knowledge service export) ที่ซ่อนอยู่—จากพัทยาสู่บันดาร์เสรีเบกาวัน ไทยไม่ได้ “ส่งออกต้นไม้” แต่ “ส่งออกวิธีคิด–วิธีทำงานสวนเมือง”

เชื่อมต่อภูมิภาคมิติความร่วมมือไทย–บรูไนฯ และอาเซียน

การยอมรับของรัฐบาลบรูไนฯ สะท้อนความไว้วางใจต่อศักยภาพภาคเอกชนไทย และเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในมิติที่จับต้องได้—สิ่งแวดล้อม เมือง และชุมชน ความร่วมมือนี้ยังสอดรับกรอบความร่วมมืออาเซียนที่ให้ความสำคัญกับเมืองยั่งยืน การปรับตัวต่อสภาพอากาศ และสีเขียวเมือง (urban greening) การมี “โครงการที่เห็นผล” ก่อนวาระสำคัญระดับชาติ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ทั้งสองประเทศ

ไทม์ไลน์คร่าวๆ สู่ปี 2570 จากแบบร่างสู่เมืองที่พร้อมต้อนรับโลก

  1. ไตรมาส 3/2568: สำรวจพื้นที่–วิเคราะห์ข้อมูล–ข้อเสนอแนวคิดหลัก (concept) รายจุด
  2. ไตรมาส 4/2568–ไตรมาส 1/2569: ออกแบบรายละเอียด–จัดทำแบบปลูก–กำหนดสเปกพันธุ์ไม้และระบบน้ำ–คำนวณบำรุงรักษา
  3. ไตรมาส 2–4/2569: เริ่มงานก่อสร้าง/ปรับปรุงเฟสแรกในคอร์ริดอร์สำคัญและสวนศูนย์กลางเมือง พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้แก่บุคลากร
  4. ต้นปี 2570: เก็บงานรายละเอียด–ทดสอบระบบรดน้ำ–ไฟ–ป้ายตีความ–ทางเดิน/จักรยาน ก่อนเข้าสู่ช่วง “ใช้งานจริง” รับงานเฉลิมฉลอง

(ไทม์ไลน์ข้างต้นเป็นกรอบเชิงหลักการ อาจปรับตามแผนงานของรัฐบาลบรูไนฯ)

มุมมองเชิงนโยบายบทเรียนที่ไทยควรเก็บเกี่ยว

  • Soft Power จาก “ภูมิทัศน์และความรู้”: ไทยสามารถใช้เอกชน–สถาบันความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ เป็นทูตเชื่อมความร่วมมือในภูมิภาค ควบคู่ท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ
  • ยกระดับมาตรฐานสวนสาธารณะไทย: นำบทเรียนการกำหนดตัวชี้วัดเมืองสีเขียว–การมีส่วนร่วม–การบำรุงรักษา ไปใช้กับเมืองไทยเอง สร้างมาตรฐานเดียวกันข้ามจังหวัด
  • ต่อยอดเศรษฐกิจสร้างสรรค์สีเขียว: บ่มเพาะธุรกิจออกแบบ–เพาะชำ–วิจัยพืช–สตอรีเทลลิง เพื่อเป็น “ชุดบริการครบ” ที่ขายได้ในตลาดภูมิภาค

จากพัทยาถึงบันดาร์เสรีเบกาวัน—สวนแห่งมิตรภาพที่งอกงาม

โครงการ Friendship Garden ทำให้เห็นว่าภูมิทัศน์ไม่ได้เป็นแค่ภาพสวย แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของคุณภาพชีวิตและศักดิ์ศรีของเมือง เมื่อ สวนนงนุชพัทยา นำความเชี่ยวชาญไปผสานกับโจทย์เมืองของบรูไนฯ เราได้เห็น “ห่วงโซ่คุณค่า” ที่โยงคนสวน นักพฤกษศาสตร์ วิศวกรเมือง ไปจนถึงครอบครัวที่พาเด็กๆ มาเล่นในสวน—ทุกคนคือเจ้าของเมือง ความร่วมมือครั้งนี้จึงมิได้จบลงที่การปลูกต้นไม้หนึ่งต้น แต่เริ่มต้น “ปลูกความสัมพันธ์” ที่จะเติบโตเข้มแข็งไปพร้อมกับเมืองในวาระเฉลิมฉลองครองราชย์ 60 ปี ที่กำลังจะมาถึง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สวนนงนุชพัทยา (Nong Nooch Tropical Garden, Pattaya)
  • กระทรวงการพัฒนา (Ministry of Development), รัฐบรูไนดารุสซาลาม
  • กรมสิ่งแวดล้อม รัฐบรูไนดารุสซาลาม —
  • สำนักงานโครงการฉลองวาระครองราชย์ 60 ปี (ข้อมูลสำนักรัฐบาลบรูไนฯ)
  • เอกสารแนะนำด้านสวนพฤกษศาสตร์/ภูมิทัศน์ของสวนนงนุชพัทยา
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TRAVEL

ศรัทธาผนึกท่องเที่ยว สวนนงนุชพัทยานำบุญสู่ 9 วัด เสริมเสน่ห์ชลบุรีช่วงเข้าพรรษา

สวนนงนุชพัทยาจัดพิธี “หล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน” สืบสานศรัทธาพุทธบูชาและวัฒนธรรมไทย สร้างสีสันท่องเที่ยวชลบุรีช่วงเข้าพรรษา

ชลบุรี, 26 มิถุนายน 2568 – ท่ามกลางบรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลเข้าพรรษา สวนนงนุชพัทยา จังหวัดชลบุรี ได้จัดงาน “หล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน” อย่างยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน – 4 กรกฎาคม 2568 ณ สวนลอยฟ้า สวนนงนุชพัทยา เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและชาวไทยที่มาร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนา โดยกิจกรรมนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญของภาคตะวันออกที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดชลบุรีทั้งด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

สืบสานศรัทธา – รวมใจถวายเทียนพรรษา 9 วัดสำคัญ

พิธีหล่อเทียนพรรษาในครั้งนี้ จัดขึ้นโดยมีนายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุชพัทยา ร่วมกับนายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารท้องถิ่น แขกผู้มีเกียรติจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติร่วมงานกันอย่างคึกคัก ภายในพิธีได้รับความเมตตาจากพระครูเกษมกิตติโสภณ เจ้าอาวาสวัดสามัคคีบรรพต เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ประกอบพิธีกรรมและประพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมกิจกรรม

นายกัมพล ตันสัจจา เผยถึงความตั้งใจของการจัดงานว่า “กิจกรรมหล่อเทียนพรรษาเป็นประเพณีที่สวนนงนุชพัทยาสืบสานต่อเนื่องทุกปี เพื่อส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้หยั่งรากลึกในจิตใจประชาชน และสร้างแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมไทยให้แก่เยาวชน นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในบุญกุศลอันยิ่งใหญ่”

พลังศรัทธาเชื่อมโยงวัด 9 แห่ง – ส่งต่อคุณค่าจากคนสู่ชุมชน

สำหรับเทียนพรรษาที่ร่วมหล่อในงาน จะถูกนำไปถวายยังวัดสำคัญ 9 แห่งในพื้นที่ ได้แก่

  1. วัดญาณสังวรารามวิหาร
  2. วัดสัตหีบ
  3. วัดสามัคคีบรรพต
  4. วัดนาจอมเทียน
  5. วัดอัมพาราม
  6. วัดบางเสร่คงคาราม
  7. วัดเขาคันธมาทน์
  8. วัดหนองจับเต่า
  9. วัดทรัพย์นาบุญญาราม

โดยมีผู้นำชุมชนท้องถิ่น นายอนุศักดิ์ พิริยอมร นายอำเภอสัตหีบ, นายสมบัติ แก้วปทุม นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว, นายธณพง โคตรมณี นายกเทศมนตรีตำบลเขาชีจรรย์, นางสาวระพีพรรณ รัตนเหลี่ยม นายกเทศมนตรีตำบลนาจอมเทียน ร่วมในพิธี

จุดเชื่อมต่อศรัทธาและวัฒนธรรม – ส่งเสริมท่องเที่ยวไทยสู่สากล

กิจกรรมหล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิม หากแต่ยังถือเป็นโอกาสสำคัญในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของจังหวัดชลบุรีในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะเมืองพัทยาที่เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ซึ่งการบูรณาการกิจกรรมศาสนาเข้ากับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ส่งผลให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับอัตลักษณ์ไทยแท้ สร้างความประทับใจและประสบการณ์ใหม่ที่ไม่เหมือนใคร

วิเคราะห์ผลลัพธ์ – พลังบุญสร้างสุข ปลุกท่องเที่ยวไทยช่วงพรรษา

การจัดพิธีหล่อเทียนพรรษา 9 วัด 9 วัน ของสวนนงนุชพัทยาในปีนี้ นับเป็นการผสมผสานคุณค่าทางศาสนา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของประเพณีและจริยธรรม พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่อย่างมีส่วนร่วม นอกจากนี้ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการขยายผลไปสู่แหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ทั่วประเทศ ตอกย้ำภาพลักษณ์ของพัทยาและชลบุรีในฐานะเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สวนนงนุชพัทยา
  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News