Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงราย ผลักดันแพทย์แผนไทย เสริมพลังชุมชนด้วยสมุนไพร

นายก อบจ.เชียงราย ร่วมบรรยายสัมมนาปาฐกถาชีวกโกมารภัจจ์ ครั้งที่ 8 ส่งเสริมแพทย์แผนไทยเพื่อพัฒนาท้องถิ่น

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ณ วิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย มีการจัดกิจกรรมสัมมนาปาฐกถาชีวกโกมารภัจจ์ ครั้งที่ 8 เนื่องในวันสถาปนาวิทยาลัยครบรอบ 22 ปี โดยมี นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) และ ศาสตราจารย์คลินิก ดร.นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “บทบาทของแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล”

ส่งเสริมการบูรณาการแพทย์แผนไทยและการศึกษา

ในงานสัมมนาครั้งนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการระหว่าง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่ได้โอนย้ายมาอยู่ภายใต้การดูแลของ อบจ.เชียงราย โดยปัจจุบันยังประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะ แพทย์แผนไทย ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการดูแลสุขภาพของชุมชน

นางอทิตาธร กล่าวว่า หากมีการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในการผลิตบุคลากรด้านการแพทย์พื้นบ้าน และสนับสนุนให้นักศึกษาที่จบการศึกษาได้กลับมาทำงานในบ้านเกิด จะช่วยส่งเสริมให้เกิดความรู้สึกรักถิ่นฐานและพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

การส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรเพื่อการแพทย์

นอกจากการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์แล้ว นายก อบจ.เชียงราย ยังมีแนวคิดในการ ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ปลูกพืชสมุนไพร เพื่อใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน โดยมีการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

เปิดรับสมัครแพทย์แผนไทยระดับปฏิบัติการ

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการบุคลากรทางการแพทย์ อบจ.เชียงราย ได้เปิดรับสมัครคัดเลือกตำแหน่ง แพทย์แผนไทยระดับปฏิบัติการ โดยไม่จำเป็นต้องสอบแข่งขัน ผู้ที่สนใจสามารถยื่นใบสมัครได้ด้วยตนเองตั้งแต่วันที่ 13 – 19 พฤศจิกายน 2567 ที่กองการเจ้าหน้าที่ ชั้น 3 อบจ.เชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 053-175-352 ในวันและเวลาราชการ

ความร่วมมือในการส่งเสริมการแพทย์และเศรษฐกิจชุมชน

การสัมมนาครั้งนี้ยังได้พูดถึงการสนับสนุนให้ชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้าชุมชน โดยการปลูกพืชสมุนไพรจะไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับจังหวัด ทำให้สินค้าท้องถิ่นของเชียงรายสามารถแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างเต็มศักยภาพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  1. การสัมมนาครั้งนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสอะไร?
    จัดขึ้นเนื่องในวันสถาปนาวิทยาลัยการแพทย์พื้นบ้านและการแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ครบรอบ 22 ปี

  2. เป้าหมายของการบูรณาการแพทย์แผนไทยกับการศึกษาในเชียงรายคืออะไร?
    เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์และสนับสนุนให้นักศึกษาที่จบการศึกษากลับมาทำงานในบ้านเกิด

  3. อบจ.เชียงรายมีแนวทางการพัฒนาชุมชนอย่างไร?
    ส่งเสริมการปลูกพืชสมุนไพรทางการแพทย์และตรวจสอบคุณภาพเพื่อให้สินค้าสามารถเข้าสู่ตลาดโลก

  4. เปิดรับสมัครตำแหน่งแพทย์แผนไทยเมื่อไหร่?
    ตั้งแต่วันที่ 13 – 19 พฤศจิกายน 2567 ที่กองการเจ้าหน้าที่ อบจ.เชียงราย

  5. ใครเป็นผู้บรรยายในงานสัมมนาครั้งนี้?
    นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย และ ศาสตราจารย์คลินิก ดร.นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
HEALTH

กรมการแพทย์แผนไทยฯ คัดเลือก “สมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัด”

 
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2567 มีรายงานจาก คณะอนุกรรมการด้านวิชาการกำหนดชนิดสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัด ได้พิจารณาผ่านแล้ว 57 จังหวัด อยู่ระหว่างการพิจารณา 19 จังหวัด

โดย น.ส.กมลทิพย์ สุวรรณเดช นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า สำหรับแนวทางในการพิจารณาเลือกสมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัด กำหนดให้แต่ละจังหวัดที่รู้ข้อมูลพื้นที่ตัวเองดี คัดเลือกสมุนไพรที่มีค่า มีการพบมาก เป็นพืชเศรษฐกิจ หรือหายาก มีคุณค่าทางวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ อนุกรรมการฯก็จะมาพิจารณาเลือกแล้วให้ข้อมูลทางด้านสารสำคัญ งานวิจัยเข้าไป

อย่างเช่น หัวร้อยรูเป็นสมุนไพรหายากของตรังและใช้ทางยารักษาโรคมะเร็ง มีเฉพาะในธรรมชาติเท่านั้น มีการปลูกที่ยากมาก จึงให้หัวร้อยรูเป็นสมุนไพรอัตลักษณ์ของตรัง ก็มีแผนว่าจะทำอย่างไรให้ลดการเก็บจากธรรมชาติแล้วหันมาส่งเสริมการปลูกทดแทนในธรรมชาติ

 

สมุนไพอัตลักษณ์จังหวัดภาคเหนือ

  • เชียงใหม่   กัญชง
  • แม่ฮ่องสอน  บุกไข่
  • เชียงราย  ส้มป่อย
  • ลำพูน  เปล้าใหญ่
  •  ลำปาง  กวาวเครือ
  • พะเยา  เพชรสังฆาต
  •  แพร่  กลอย
  • น่าน  มะแข่น/มะแขว่น
  • ตาก  ขมิ้นชัน
  •  สุโขทัย  เพกา
  • พิษณุโลก  ส้มซ่า
  • กำแพงเพชร  สมอพิเภก
  • เพชรบูรณ์  ขิง
  • พิจิตร  ฟ้าทะลายโจร

สมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัดภาคกลาง

  • ชัยนาท  มะตูม
  • นครปฐม กระชาย
  •  นนทบุรี หน่อกะลา
  • ปทุมธานี  บัวหลวง
  • พระนครศรีอยุธยา  ผักเสี้ยนผี
  • ลพบุรี  ฟ้าทะลายโจร
  • สมุทรปราการ  เหงือกปลาหมอดอกม่วง
  • สมุทรสาคร  เหงือกปลาหมอดอกขาว
  •  สมุทรสงคราม  เกลือสมุทร
  • สุพรรณบุรี  ว่านพระฉิม
  • อุทัยธานี  คนฑา
  • อ่างทอง  ข่าตาแดง

สมุนไพรอัตลักษณ์ภาคใต้

  • กระบี่  กระท่อม
  • ชุมพร  มะเดื่ออุทุมพร
  • ตรัง หัวร้อยรู และพริกไทย
  • นครศรีธรรมราช  จันทน์เทศ
  • นราธิวาส คนที
  • ปัตตานี  ปลาไหลเผือก
  •  พัทลุง  ไพล
  • ภูเก็ต  ส้มควาย
  • สงขลา  กระท่อม
  • สุราษฎร์ธานี  ขมิ้นชัน

สมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัดภาคตะวันตก

  • กาญจนบุรี  มะขามป้อม
  • ประจวบคีรีขันธ์  ว่านหางจระเข้
  •  ราชบุรี  ขมิ้นอ้อย
  • เพชรบุรี  หัวเข่าคลอน

สมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัดภาคตะวันออก

  • จันทบุรี  กระวาน และพริกไทย
  • ปราจีนบุรี  ฟ้าทะลายโจร

 

น.ส.กมลทิพย์ กล่าวด้วยว่า สมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัดอาจจะมีซ้ำกันได้ เช่น ขมิ้นชัน มีสุราษฎร์ธานีกับตาก ซึ่งมีความแตกต่างกัน โดยที่สุราษฎร์ธานีจะมีสารเคอร์คูมินอยด์สูง แต่ตากจะมีส่วนของน้ำมันหอมระเหยที่สูง  บางจังหวัดก็มี 2 ชนิด เช่น ตรังมีหัวร้อยรูและพริกไทย ซึ่งพริกไทยของตรังมีคุณภาพดีมาก พอๆ กับของจันทบุรี แหล่งพริกไทยสำคัญและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอก็ให้พริกไทยทั้งที่ตรังและจันทบุรี

การส่งเสริมต่อยอดสมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัด  น.ส.กมลทิพย์ กล่าวว่า เมื่อได้ครบแล้ว แต่ละจังหวัดจะกำหนดแผนในการผลิตสมุนไพรชนิดนั้นๆ ให้ได้ตามมาตรฐานของการปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดีให้ได้วัตถุดิบสมุนไพรที่มีคุณภาพ สามารถส่งเสริมในการผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ ที่จะใช้ใน รพ.หรือจำหน่ายให้แก่ประชาชน

โดยการใช้วัตถุดิบสมุนไพรอัตลักษณ์จังหวัดนั้น เช่น ขิง เพชรบูรณ์ประกาศว่าคุณภาพดีที่สุด ผู้ประกอบการก็ไปที่เพชรบูรณ์ก็จะได้ขิงที่มีคุณภาพดีที่สุด เป็นต้น  นอกจากนี้ จะเข้าไปช่วยส่งเสริมในเรื่องของผลิตภัณฑ์หรือสินค้า OTOP ของดีประจำจังหวัดด้วย

 

ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ตามแผนปฏิบัติการด้านสมุนไพรแห่งชาติฉบับที่ 2 พ.ศ. 2566 – 2570 กำหนดค่าเป้าหมาย ขนาดตลาดวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพรของประเทศไทย

  • ปี 2567 จำนวน 63,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10 %  
  • ปี 2568 จำนวน 72,502 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15 %
  • ปี 2569 จำนวน 87,003.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 %  
  • ปี 2570 จำนวน 104,403 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20 % 

และร้อยละความเข้มแข็งของห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain)อุตสาหกรรมสมุนไพรไทย ในปี 2570เพิ่มขึ้น อย่างน้อยร้อยละ 20 จากปี 2565

ซึ่งผลจากการพัฒนา 15 เมืองสมุนไพรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560-2566 เกิดรายได้สะสมจากการขายผลิตภัณฑ์ และบริการที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร รวม 11,783 ล้านบาท แยกเป็น 3 คลัสเตอร์

1.ด้านเกษตรและวัตถุดิบสมุนไพร ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ สุรินทร์มหาสารคาม อุทัยธานี สกลนคร และ สระแก้ว  สร้างรายได้ระดับพื้นที่สะสม 1,837 ล้านบาท

 2.ด้านอุตสาหกรรมสมุนไพร ได้แก่ จังหวัดนครปฐม สระบุรี ปราจีนบุรี และจันทบุรี สร้างรายได้ระดับพื้นที่สะสม 3,720 ล้านบาท

3.ด้านท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ความงามและการแพทย์แผนไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงราย พิษณุโลก อุดรธานี สุราษฎร์ธานี และ สงขลา สร้างรายได้ระดับพื้นที่สะสม 6,226  ล้านบาท

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการแพทย์แผนไทยฯ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News