เมื่อวันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความเคลื่อนไหวของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน พ.ค.นี้ ปรากฏว่าสำนักงานเลขาวุฒิสภาได้รับการจัดสรรงบประมาณร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานไปประชุมทวิภาคและไปเยือนต่างประเทศของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) จำนวน 81 ล้านบาท
จากการตรวจสอบปรากฏว่ามี กมธ.สามัญ วุฒิสภา หลายคณะ มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไปศึกษาดูงาน อาทิ กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน โดยมีกำหนดการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและไปเยือนต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐคาซัคสถาน และจอร์เจีย ระหว่างวันที่ 2-9 พ.ค.
กมธ.ท่องเที่ยว ที่มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐโครเอเชีย มอนเตเนโกร บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ระหว่างวันที่ 14-23 พ.ค. กมธ.แรงงาน ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นประธาน มีกำหนดการเยือนนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-3 พ.ค. โดยเดินทางร่วมกับ กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม วุฒิสภา ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นประธาน
ส่วน กมธ.การศึกษา ที่มี นายตวง อันทะไชย เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนเมืองกุ้ยหลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-16 พ.ค. และเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักร สวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ในส่วนการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักรสวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-3 มิ.ย.นั้น กมธ.ได้รับเชิญจากกองทุน Robbo ให้ไปศึกษาดูงานด้านการศึกษา และการวิจัยที่มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ณ Aalto University และศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา
ขณะที่ กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาเตรียมความพร้อมในการเดินทางไปประชุมทวิภาคี ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐสโลวีเนีย และสาธารณรัฐโครเอเชีย กมธ.ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ มีกำหนดเยือนประเทศเยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และสวีเดน ระหว่างวันที่ 19-30 เม.ย.นี้
พล.อ.บุญสร้างชี้แจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ เขาไปได้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณเพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต ไม่ได้มากมายอะไร เพียงแต่จำนวนคนมันเยอะ ไม่ใช่เรื่องทุจริตอะไร ตนมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว คนปกติทั่วไปเขาไม่คิดอะไร เพราะเป็นงบปกติมาตั้งนานแล้ว ช่วงโควิด-19 ก็ไม่ได้มีการเบิกใช้ ดังนั้น อย่ามองว่าพวกเราไปเที่ยวทิ้งทวน
“ที่ผ่านมา ส.ว.ไม่อยากไปดูงานต่างประเทศก็เพราะกลัวข้อครหาเช่นนี้ ทำให้เวลาพิจารณาออกกฎหมาย บางทีก็ออกมาอย่างห่วยๆ ไม่มีข้อมูล ไม่ดูของจริง งบประมาณดังกล่าวเป็นงบไปสร้างทวิภาคีกับประเทศต่างๆ โดยการพบปะกับ ส.ว.แต่ละประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน” พล.อ.บุญสร้างกล่าว
เมื่อถามว่า ส.ว.ชุดนี้จะหมดวาระในเดือน พ.ค.นี้ การไปหาข้อมูลต่างประเทศจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า มนุษย์เราไม่ใช่จะหาวันนี้แล้วได้ใช้พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ข้อมูลที่จะนำมาเป็นการสร้างความรอบรู้ที่จะใช้ในอนาคต เป็นการลงทุนด้านสติปัญญาที่สามารถทำได้ทั้งชีวิต ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องไปเที่ยว เราเน้นไปดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ บางคนอายุ 70-80 ปี เขาไม่ได้อยากไปเที่ยว
“ผมเชื่อว่าเราสามารถชี้แจงสังคมได้ เราไม่ได้เห็นแก่เงิน หรือเห็นแก่กิน วัยนี้ก็อยากอยู่กับลูกกับหลาน แม้บางคนสังขารจะไม่ไหว แต่สมองก็ยังดีทำงานได้ ยืนยันว่าพวกเราไปทำงานจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยว คณะของผมไปดูงานที่จอร์เจีย กำหนดเป็นเวลา 9 วัน และในรอบ 5 ปี เราเดินทางไปดูงานต่างประเทศเพียง 2 ครั้ง คิดเป็น 1% เท่านั้น จะบอกว่าพวกเราแก่แล้วไม่ต้องไปมันไม่ได้ เพราะคนแก่สมองยังใช้งานได้” พล.อ.บุญสร้างกล่าว
ด้าน นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยมานานแล้วและไม่เห็นด้วยมาตลอด แต่การเดินทางไปดูงานต่างประเทศครั้งนี้ไม่ได้ไปทั้งหมด มีเพียงบางคณะและบางคนก็ไม่ไป และได้ส่งเงินคืนคลังไปแล้ว เช่น ตน นายสถิต ลิ่มพงษ์พันธุ์ นายคำนูณ สิทธิสมาน ที่ไม่ได้ไป เป็นต้น เหตุที่ตนไม่เห็นด้วยเพราะเข้าใจว่าเป็นการเมืองที่ต้องระมัดระวัง การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เมื่อเราจะตรวจคนอื่นไม่ให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ตนยืนยันหลักการนี้มาตลอด
นายเสรีกล่าวว่า ส่วนเหตุผลว่าไปดูงานนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะ ส.ว.จะหมดวาระเดือนหน้านี้แล้ว จะไปดูอะไร ตอนตนทำรายงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศเคยเสนอว่าควรจะยกเลิกการตั้งงบประมาณให้ ส.ว.ไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งมีบางส่วนที่เห็นด้วย แต่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
“เมื่อ ส.ว.ชุดนี้เข้ามาใหม่ๆ ผมก็เคยเสนอว่าไม่ควรไปดูงานต่างประเทศ แม้จะอ้างว่าได้ประโยชน์อะไรก็ตามแต่สังคมข้างนอกเขามองว่าเราไปเที่ยว ไม่ได้มองว่าไปดูงานจริง แล้วเราจะทำทำไม แต่ปัญหาคือเมื่อมีการตั้งงบประมาณให้เขา เขาก็เอาไปใช้แล้วเราจะไปตั้งให้ทำไม ประเพณีนี้ควรจะเลิกได้แล้ว เพราะคนเขาด่าทุกปี ดังนั้น ใครจะไปก็ต้องระวังและเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องชี้แจงกันเอาเอง ให้สังคมเข้าใจด้วยว่ามี ส.ว.ไม่ได้ไปด้วย ไม่ใช่เหมารวมหมด” นายเสรีกล่าว
นายเสรีกล่าวอีกว่า ส่วนที่อ้างว่า ส.ว.ทำงานมา 5 ปีไม่ได้เดินทางไปไหนเลย โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 เรื่องนี้ไม่เกี่ยว ไม่ต้อง 5 ปีหรอก ทำงานตลอดชีวิตก็ไม่ควรเอาเงินประเทศไปใช้ หากอยากจะไปก็ควรใช้เงินส่วนตัว ไม่มีใครเขาว่า เป็น ส.ว.มีเงินเดือนเยอะแยะก็ควรจะเอาเงินส่วนตัวไปจะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน ปัญหามันอยู่ที่ว่ามีการเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้ ยิ่งไปตอนช่วงจะหมดวาระแบบนี้ยิ่งเป็นปัญหาหลัก ตนเคยเตือนไปแล้วว่าจะโดนตรวจสอบและเป็นประเด็น แต่เขาไม่สนใจก็เลยปล่อยไป อุตส่าห์พยายามให้ภาพ ส.ว.ชุดนี้มันดี ด้วยการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ให้เห็นว่า ส.ว.ยังมีประโยชน์ แต่ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็ระมัดระวังกันเองแล้วกัน