Categories
ENVIRONMENT

อิสราเอลกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศ เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง

คนอิสราเอลส่วนใหญ่กังวลเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลสำรวจเผย

เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2567 The Jerusalem Post รายงานว่าผลสำรวจล่าสุดจาก สถาบันวิจัยนโยบายสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเบนกูเรียนแห่งเนเกฟ (BGU) เปิดเผยว่า คนอิสราเอลส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการศึกษานี้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนจำนวน 1,180 คน เกี่ยวกับความรู้และทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ การสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน 2024 โดยมี ดร.โยสซี เดวิด และ ดร.อัฟเนอร์ กรอส เป็นผู้วิจัย

คนอิสราเอลพร้อมปรับพฤติกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

จากผลสำรวจพบว่า หนึ่งในสาม ของผู้เข้าร่วมยินดีที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม โดย 36% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าพร้อมลดการบริโภคอาหารที่มาจากสัตว์, 33% พร้อมเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น, 24% ยินดีลดการเดินทางด้วยเครื่องบิน และเพียง 13% ยอมจ่ายภาษีที่สูงขึ้นเพื่อสนับสนุนการปกป้องสิ่งแวดล้อม

ความกังวลเรื่องมลพิษทางอากาศและภัยธรรมชาติ

คนอิสราเอลส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับ มลพิษทางอากาศ ที่เกิดจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังมีความกังวลต่อภัยธรรมชาติ เช่น ไฟป่า คลื่นความร้อน และน้ำท่วม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศเช่นกัน

ทามาร์ แซนด์เบิร์ก หัวหน้าสถาบันวิจัยนโยบายสภาพภูมิอากาศแห่งชาติและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า “ดูเหมือนว่าประชาชนจะพร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากกว่าที่รัฐบาลคาดคิด”

ความเชื่อเกี่ยวกับผลกระทบจากมนุษย์ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แม้ว่าคนส่วนใหญ่เชื่อว่ามนุษย์เป็นสาเหตุหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อว่ามีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลกระทบด้วย 62% ของผู้ตอบเชื่อว่ามีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแฝงอยู่เบื้องหลังการกล่าวอ้างเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, 58% เชื่อว่ามีผลประโยชน์ทางการเมือง และ 40% เชื่อว่าวงการวิทยาศาสตร์ยังมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้

คนอิสราเอลเชื่อมั่นในวิทยาศาสตร์มากกว่าสื่อสังคมออนไลน์

ผลสำรวจยังพบว่า คนอิสราเอล 63% เชื่อมั่นในข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จากนักวิจัยมากกว่าข้อมูลที่มาจากสื่อสังคมออนไลน์ โดย 59% ให้ความสำคัญกับคำแนะนำจากเพื่อนและครอบครัว ขณะที่ 40% แสดงความเชื่อมั่นต่อกระทรวงสิ่งแวดล้อม และเพียง 14% เชื่อมั่นในสื่อสังคมออนไลน์

ดร.กรอส อธิบายว่า “ข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ และความสามารถของข้อมูลเหล่านี้ในการเปลี่ยนทัศนคติของสาธารณชน”

ความแตกต่างทางเพศและการเมืองในการตอบสนองต่อปัญหาสภาพภูมิอากาศ

ผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและนโยบายที่ส่งเสริมการลดผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศมากกว่าผู้ชาย นอกจากนี้ กลุ่มผู้สนับสนุนทางการเมืองฝ่ายซ้ายยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพภูมิอากาศมากกว่าฝ่ายขวา แต่ความแตกต่างระหว่างกลุ่มการเมืองในอิสราเอลนั้นยังไม่ชัดเจนเท่ากับในประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา

ดร.เดวิด กล่าวว่า “ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าประเด็นปัญหาสภาพภูมิอากาศในอิสราเอลยังไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเต็มที่ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองสามารถร่วมมือกันเพื่อสร้างนโยบายที่แข็งแกร่งในการแก้ไขปัญหา”

ประชาชนเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง

ผลสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า คนอิสราเอลส่วนใหญ่เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น ภัยคุกคามต่อมนุษยชาติ และรัฐบาลควรดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหา แซนด์เบิร์ก สรุปว่า “ข้อสรุปของเราคือ ไม่เพียงแต่เป็นไปได้ แต่ยังจำเป็นที่ต้องคิดหามาตรการเพิ่มเติมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะประชาชนกำลังรอการเรียกร้องให้ลงมือปฏิบัติทั้งในระดับบุคคลและระดับชุมชน”

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : The Jerusalem Post

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
EDITORIAL

ยุทธศาสตร์พัฒนายั่งยืนเสริมสร้างสังคมไทยมั่นคง

ความสำคัญของการพัฒนายั่งยืนต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เน้นย้ำว่าการเดินหน้ายุทธศาสตร์พัฒนายั่งยืนเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างเศรษฐกิจและสังคมไทยให้มั่นคงในระยะยาว การพัฒนาที่ยั่งยืนไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ยังคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคตอย่างสมดุล

ยุทธศาสตร์การพัฒนายั่งยืน: แนวทางและเป้าหมาย

การพัฒนายั่งยืนต้องไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่าการพัฒนาเศรษฐกิจควรคำนึงถึงการลดภาระทางสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ทรัพยากร การนำแนวคิดยั่งยืนและจริยธรรมเข้าสู่กระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะเป็นสิ่งเร่งด่วน เพื่อให้การพัฒนาสามารถตอบสนองความต้องการของสังคมได้อย่างแท้จริง

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประเทศไทย

รายงาน IPCC Climate ของสหประชาชาติ ระบุว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าประเทศอื่น แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกลับรุนแรงมาก

มาตรการบรรเทาภัยพิบัติด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน

การนำแนวคิดยั่งยืนมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจช่วยบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาทรัพยากรป่าไม้ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ช่วยลดความเสี่ยงจากดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก นอกจากนี้ ภาคการผลิตควรเน้นการผลิตที่ยั่งยืน ลดการปล่อยของเสียและมลพิษ รวมถึงการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก

 
การสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน

ภาครัฐมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและสร้างกลไกส่งเสริมการลงทุนในด้านสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนทางการเงินสำหรับโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการลงทุนในหุ้นกลุ่ม ESG เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืน นอกจากนี้ สถานประกอบการต่างๆ ควรบริหารองค์กรตามแนวคิด ESG เพื่อสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

การลดความเหลื่อมล้ำและการสร้างความมั่นคงทางอาหาร

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและเพิ่มความเหลื่อมล้ำในสังคม ประเทศไทยต้องดำเนินมาตรการเพื่อลดความยากจนและสร้างความมั่นคงให้กับประชากรที่เปราะบาง การลงทุนในเทคโนโลยีด้านพลังงานหมุนเวียนและการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น

อนาคตของการพัฒนายั่งยืนในประเทศไทย

ประเทศไทยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเป็น 40% ภายในปี พ.ศ.2573 ซึ่งการดำเนินการตามแผนงานระดับชาติและการทำบัญชีก๊าซเรือนกระจกเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุเป้าหมายนี้ อย่างไรก็ตาม การลดก๊าซเรือนกระจกและการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมต้องเกิดขึ้นพร้อมกับการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสังคมไทยที่มั่นคงในระยะยาว

บทสรุป

การเดินหน้ายุทธศาสตร์พัฒนายั่งยืนเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้สำหรับประเทศไทยในปัจจุบันและอนาคต การร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำพาประเทศไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและสามารถรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
EDITORIAL

บทความ : เกษตรกรไทยและผลกระทบ ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

อุณหภูมิที่สูงขึ้นสร้างความเสียหายต่อมูลค่าการผลิตทางการเกษตรของครัวเรือนแล้ว โดยเฉพาะครัวเรือนที่ไม่มีระบบชลประทานหรือมีพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ แต่การทำกิจกรรมการเกษตรหลากหลายประเภท เช่น ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ และประมง หรือการปลูกพืชผสมผสานหลายชนิด จะช่วยบรรเทาผลกระทบได้ ทั้งนี้ ถึงแม้มนุษยชาติจะควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกได้ มูลค่าผลผลิตทางการเกษตรของไทยจะยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องไป ดังนั้น เราควรเร่งสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าถึงระบบชลประทาน ส่งเสริมการทำเกษตรผสมผสาน และพัฒนาวิธีการเกษตรที่ยั่งยืน จึงจำเป็นต้องมีการปรับตัวและการสนับสนุนจากภาคเอกชนและภาครัฐอย่างเร่งด่วน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลให้ปริมาณฝนตกในประเทศไทยมีความผิดปกติ ปี พ.ศ. 2567 มีปริมาณน้ำฝนสะสมต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ และอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยรายปีเพิ่มสูงทำลายสถิติทุกปี โดยข้อมูลแสดงแนวโน้มสภาวะอากาศร้อนจัดอุณหภูมิสูงสุดเกิน 43 องศาเซลเซียสเกิดขึ้นเพียงไม่กี่จังหวัดตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเดือนเมษายน 2567 มีรายงานอุณหภูมิสูงเกิน 43 องศาเซลเซียส ถึง 16 จังหวัด

 

ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) และ เอลนีโญ (El Niño) จะยังคงมีบทบาทสำคัญต่อไปสำหรับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสภาพภูมิอากาศในประเทศ และสร้างผลกระทบเกิดขึ้นทั่วโลกในรูปแบบต่างกัน ปรากฏการณ์เอลนีโญในปี 2567 เป็นปัจจัยทำให้อุณหภูมิในประเทศไทยและทั่วโลกเพิ่มสูงสุดและเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะภัยแล้ง ขณะที่ปรากฏการณ์ลานีญากลับมาช่วยให้ฝนชุ่มฉ่ำในช่วงกลางปี 2567 แต่ก็นำไปสู่น้ำท่วมฉับพลันและรุนแรงในหลายจังหวัด

 

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้การจัดสรรน้ำสำหรับชลประทานในภาคการเกษตรมีความเสี่ยงและการแข่งขันมากขึ้น ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จึงเน้นย้ำถึงความจำเป็นของกลยุทธ์การปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะครัวเรือนเกษตรกรที่มีอนาคตเปราะบางต่อความยากจน

 

งานวิจัย Impacts of Climate Change and Agricultural Diversification on Agricultural Production Value of Thai Farm Households ได้รับทุนวิจัยจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิชาการ Climatic Change และ ได้รับการอ้างอิงในบทความ Telegraph โดยงานวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลสำรวจครัวเรือนเกษตรกรในช่วงปี ค.ศ. 2006-2020 (พ.ศ. 2550-2563) และใช้การวิเคราะห์ทางเศรษฐมิติและสถิติแสดงว่า “อุณหภูมิที่สูงขึ้นได้สร้างความเสียหายต่อมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรแล้ว และ การกระจายความเสี่ยงด้านการเกษตร เช่น การทำเกษตรหลายประเภทหรือปลูกพืชผสมผสาน ช่วยบรรเทาผลกระทบได้”

 

ดังนั้น ข้อพิจารณาเชิงนโยบายสำหรับอนาคตของครัวเรือนเกษตรกรไทยที่ไม่ค่อยจะสดใส ก็คือ ควรได้รับความใส่ใจจากรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาวิธีการเกษตรที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรมและบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

การพิจารณาแนวทางนโยบายโดยเร่งด่วน คือ ช่วยเหลือการปรับตัวให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ผลาญแต่งบประชาสัมพันธ์ที่เกษตรกรได้รับประโยชน์แค่หลักหมื่นราย จากเกือบ 8 ล้านครัวเรือนเกษตรกร  หรือ การใช้งบประมาณในกระทรวงเกรดเอที่มีข่าวความขัดแย้งและการทุจริตเกิดขึ้นเสมอมา

 

ในขณะเดียวกัน นโยบายที่ระดับท้องถิ่นช่วยสนับสนุนได้ คือ การปรับตัวได้อย่างยั่งยืน โดยจูงใจและสนับสนุนให้กระจายความเสี่ยง โดยควรกำหนดเป้าหมายสำคัญที่เกี่ยวข้อง เช่น การลดความยากจน การพัฒนาอย่างยั่งยืน และความยืดหยุ่นต่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะเป็น “ผลงานรัฐบาล” ทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในมิติที่กว้างขึ้น ตามแนวทาง Sustainable Development Goals (SDGs)

 

ทั้งนี้ Goal 13: Climate action ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้ระบุไว้และสามารถแปลใจความเป็นไทยว่า:

“ควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบ ทุกคนในทุกประเทศของทุกทวีปจะได้รับผลกระทบในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพราะภัยพิบัติรุนแรง หรือ cataclysm ทางสภาพภูมิอากาศกำลังคืบคลานเข้ามา และเรายังไม่พร้อมรับมือ” (Take urgent action to combat climate change and its impacts. Every person, in every country in every continent will be impacted in some shape or form by climate change. There is a climate cataclysm looming, and we are underprepared for what this could mean.)

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

หมายเหตุ: สรุปจากบทความต้นฉบับ “ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการกระจายความเสี่ยงต่อมูลค่าผลผลิตของครัวเรือนเกษตรกรไทย” เผยแพร่บนเว็บไซต์ “เศรษฐสาร” คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News