Categories
WORLD PULSE

องค์กรวิชาชีพสื่อไทยตัดสัมพันธ์ CCJ โต้ข้อกล่าวหาหมิ่นสื่อไทย-ข่าวเท็จชายแดน

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนไทยประกาศ “ระงับสัมพันธ์” CCJ ปมหมิ่นสื่อไทย-ข้อมูลเท็จชายแดน

ประเทศไทย, 31 กรกฎาคม 2568 – จุดเริ่มต้นไฟขัดแย้งชายแดน จุดไฟศรัทธาสื่อระหว่างประเทศ
ในห้วงเวลาที่ปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาทวีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนไทยประกอบด้วย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ และสหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ได้ออกแถลงการณ์สำคัญในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ประกาศ “ระงับความสัมพันธ์” กับ สมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists: CCJ) อย่างเป็นทางการ หลัง CCJ ออกแถลงการณ์กล่าวหาสื่อไทยขาดจริยธรรม และมีการดูหมิ่นต่อเพื่อนร่วมวิชาชีพฝั่งไทย

จุดแตกหัก สื่อไทยลุกขึ้นสู้เพื่อศักดิ์ศรี – CCJ แค่กระบอกเสียงรัฐบาลกัมพูชา

แกนหลักของแถลงการณ์ฝ่ายไทย มีใจความสำคัญคือการปฏิเสธข้อกล่าวหาจาก CCJ ที่ระบุว่าสื่อไทยขาดจริยธรรมในการนำเสนอข่าวสถานการณ์ชายแดน พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าสื่อไทย “ยึดมั่นในจริยธรรม ความเป็นกลาง ไม่ยั่วยุให้เกิดความเกลียดชัง” และให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมสันติภาพโดยไม่ตกเป็นเครื่องมือปลุกปั่นระหว่างชาติ อีกทั้งยังเรียกร้องให้ CCJ หยุดแทรกแซงกิจการภายในของสื่อมวลชนไทย และกลับไปเข้มงวดกับการตรวจสอบข้อมูลข่าวปลอมและข่าวบิดเบือนที่มีต้นตอมาจากฝั่งกัมพูชาเอง

ในแถลงการณ์ยังยกตัวอย่างข้อมูลเท็จที่ถูกเผยแพร่จากกัมพูชา เช่น

  • การกล่าวหาว่าเครื่องบิน F-16 ของไทยทิ้งสารเคมีลงในกัมพูชา
  • ข่าวลือไทยใช้ระเบิด MK ที่มีอานุภาพร้ายแรง
  • ข่าวปลอมเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2
    ซึ่งล้วนเป็น “ข่าวบิดเบือน” ที่สร้างความเข้าใจผิดและบ่อนทำลายบรรยากาศสันติภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ

ประกาศตัดสัมพันธ์ – ส่งสารถึง CCJ ให้ทบทวนจรรยาบรรณตนเอง

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยในฐานะผู้มีข้อตกลงความร่วมมือกับ CCJ ได้ประกาศระงับความสัมพันธ์นี้เป็นการชั่วคราวโดยทันที พร้อมย้ำถึงความตั้งใจดั้งเดิมที่ต้องการให้กลไกความสัมพันธ์ระหว่างสื่อมวลชนมีบทบาทสร้างสรรค์ต่อประชาชนสองประเทศ และขอให้ CCJ กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะองค์กรวิชาชีพที่มีความเป็นอิสระและยึดถือจรรยาบรรณ

ท่าที CCJ โต้กลับ – สื่อไทยรายงานเท็จ ทำลายศรัทธา

ขณะเดียวกัน ฝ่าย CCJ จากพนมเปญ ได้ออกแถลงการณ์โต้กลับ โดยกล่าวหาสื่อไทยบางสำนัก เช่น Khaosod และ The Nation Thailand ว่าเผยแพร่ข้อมูลเท็จและขาดจรรยาบรรณวิชาชีพ อันส่งผลต่อสถานการณ์ชายแดนในช่วงเวลาวิกฤต พร้อมทั้งเรียกร้องให้สื่อไทยปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพด้านสื่อสารมวลชนอย่างเข้มงวดและช่วยกันลดความตึงเครียดด้วยการนำเสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์
นอกจากนี้ CCJ ยังเน้นย้ำเจตนารมณ์ปกป้องเสรีภาพสื่อ พร้อมร่วมต้านข่าวปลอมในทุกมิติ

วิกฤตการณ์ศรัทธาสื่อ – ศึกปากกาและข้อมูลบนเวทีอาเซียน

การปะทะกันทาง “แถลงการณ์” ในครั้งนี้ ไม่ได้สะท้อนเพียงปัญหาข้อเท็จจริงตามแนวชายแดน แต่คือ “วิกฤตความเชื่อมั่น” ระหว่างวิชาชีพสื่อสองประเทศที่เคยร่วมมือกันมาอย่างใกล้ชิด จุดแตกหักเกิดขึ้นเมื่อ CCJ ถูกมองว่าไม่อิสระจากรัฐบาลกัมพูชา ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันความเป็นกลางและการตรวจสอบกันเองอย่างเข้มงวด

ประเด็นที่ต้องจับตา:

  • บทบาทของสื่อในการส่งเสริมสันติภาพหรือยั่วยุความขัดแย้ง
  • การต่อสู้กับข่าวปลอมที่ข้ามพรมแดนและส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
  • อนาคตความร่วมมือขององค์กรวิชาชีพสื่อไทย-กัมพูชา ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรายงานข่าวและภาพลักษณ์ของทั้งสองประเทศในประชาคมอาเซียน
  • การรักษาสมดุลระหว่างเสรีภาพสื่อ ความรับผิดชอบ และจรรยาบรรณ ในยุคที่ข้อมูลเคลื่อนที่รวดเร็วและสามารถบิดเบือนในวงกว้าง

ในท้ายที่สุด เหตุการณ์นี้อาจกลายเป็น “บทเรียนสำคัญ” สำหรับองค์กรสื่อทั่วทั้งภูมิภาค ในการยึดมั่นต่อจริยธรรมวิชาชีพ เคารพเสรีภาพ และใช้บทบาทของสื่อสร้างสรรค์สันติภาพ ไม่ตกเป็นเครื่องมือให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • แถลงการณ์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
  • แถลงการณ์สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
  • แถลงการณ์สมาคมนักข่าวกัมพูชา (Club of Cambodian Journalists)
  • สำรวจข่าวสารจาก Khaosod, The Nation, ช่องทางสื่อไทยและกัมพูชา
  • วิเคราะห์แนวโน้มจากนักวิชาการอาเซียน (อ้างอิง: [Press Freedom Index, RSF 2025], สำนักข่าวอาเซียน, กระทรวงการต่างประเทศ)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

แม่สายน้ำทะลักท่วมตลาด-ชุมชน มทบ.37 ระดมพลพร้อมกู้ภัยเร่งอพยพผู้เปราะบาง

แม่สายวิกฤตหนักน้ำทะลักท่วมตลาด-ชุมชน มทบ.37 ระดมพลพร้อมกู้ภัย เร่งอพยพผู้เปราะบาง

เชียงราย, 28 กรกฎาคม 2568 – แม่สายอ่วม! น้ำหลากทะลักท่วมกลางดึก ประชาชนรีบอพยพ สถานการณ์น้ำท่วมในอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เช้าวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยังคงวิกฤตหนักอีกครั้งหลังจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ต้นน้ำฝั่งรัฐฉานตะวันออก ประเทศเมียนมา ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายเพิ่มสูงอย่างรวดเร็วและไหลทะลักเข้าท่วมชุมชนริมฝั่งอย่างไม่ทันตั้งตัว ทั้งห้าแยกตลาดพลอย (ห้าแยกไข่ดาว) บ้านไม้ลุงขน ตลาดสายลมจอย รวมถึงพื้นที่ชั้นใต้ดินของตลาดและแนวผนังกั้นน้ำชั่วคราวที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้น ถูกมวลน้ำบ่าไหลผ่านจนไร้ผล ประชาชนจำนวนมากต้องขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูงและเร่งอพยพกันท่ามกลางความโกลาหลตั้งแต่กลางดึก

ทหาร-กู้ภัยระดมกำลังฉุกเฉิน ปกป้องชีวิตกลุ่มเปราะบาง

เมื่อเวลา 09.00 น. พลตรี จักรวีร์ เสนีย์วรยุทธ์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37 / ผู้บัญชาการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 37 ได้สั่งการด่วนให้ พันเอก สิงหนาท โลสุยะ เสนาธิการ มทบ.37 นำกำลังทหาร ชุดยานพาหนะ และยุทโธปกรณ์เข้าพื้นที่ประสบภัยทันที โดยแบ่งกำลังออกเป็น 5 ชุดปฏิบัติการรวม 32 นาย พร้อมชุดแพทย์เดินเท้า เข้าช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเปราะบางในตำบลเกาะทรายซึ่งถูกน้ำท่วมอย่างรุนแรง

พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจาก สมาคมปิยะมิตรแม่สายร่วมใจบรรเทาสาธารณภัยและการกุศล และ สมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย ก็ได้สนธิกำลังวางแผนรับมือร่วมกับชุมชน ช่วยเหลือประชาชนที่ติดอยู่ในที่พักอาศัย ขนย้ายของขึ้นที่สูงและอพยพผู้สูงอายุ เด็กเล็ก รวมถึงผู้ป่วยติดเตียง ไปยังศูนย์อพยพที่ปลอดภัยให้เร็วที่สุด

ภาคสนามปฏิบัติการต่อเนื่อง – รายงานสถานการณ์ล่าสุด

ณ เวลา 10.54 น. ระดับน้ำยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องจนถึงสะพานข้ามตลาดสายลมจอย พร้อมไหลทะลักเข้าพื้นที่ชั้นใต้ดินและแนวผนังกั้นน้ำชั่วคราวของชาวบ้านถูกเจาะทะลุเสียหาย ปฏิบัติการของทหารและกู้ภัยจึงเร่งมืออย่างเต็มที่ ทั้งการกรอกกระสอบทรายเสริมแนวป้องกัน การขนย้ายสิ่งของในชุมชนเกาะทราย ซอย 7, 11, 12 และการเร่งระบายน้ำตามจุดที่น้ำไหลบ่าเข้าสู่บ้านเรือน

ในขณะที่สถานการณ์น้ำในแม่น้ำกก บริเวณสะพานท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ แม้จะยังมีฝนตกและท้องฟ้าครึ้ม แต่ระดับน้ำยังคงอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถระบายออกได้ ไม่ส่งผลกระทบถึงพื้นที่เมืองเชียงรายในขณะนี้

การบูรณาการช่วยเหลือ – ติดตามต่อเนื่อง

มณฑลทหารบกที่ 37, ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน และหน่วยงานกู้ภัยต่างๆ ร่วมบูรณาการทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่หยุดยั้ง มีการจัดตั้งกองบัญชาการควบคุมภาคสนาม เร่งอพยพและดูแลกลุ่มเปราะบางตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงประสานศูนย์แพทย์ทหารและหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่ช่วยเหลือผู้ป่วยในพื้นที่เสี่ยง

วิกฤตซ้ำซากกับโจทย์ใหญ่ของแม่สาย

สถานการณ์น้ำท่วมแม่สายปีนี้ สะท้อนถึงความเปราะบางของพื้นที่ชายแดนที่ต้องเผชิญมวลน้ำหลากข้ามพรมแดนจากเมียนมา แม้จะมีการวางแนวป้องกันชั่วคราวและแผนฉุกเฉิน แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันได้

ประเด็นสำคัญที่ชัดเจน:

  • การระดมฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ: การปฏิบัติการของ มทบ.37 และภาคีเครือข่ายทั้งทหาร กู้ภัย และภาคประชาชน เป็นตัวอย่างของการบูรณาการทรัพยากรเพื่อลดการสูญเสียและช่วยเหลือชีวิตประชาชนในห้วงวิกฤต
  • ปกป้องกลุ่มเปราะบาง: การอพยพผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียงออกจากพื้นที่เสี่ยงทันที เป็นมาตรการสำคัญยิ่งที่แสดงถึงความพร้อมและความใส่ใจต่อคุณภาพชีวิตประชาชน
  • การป้องกันแบบเฉพาะหน้า: การกรอกกระสอบทราย ขนของขึ้นที่สูง เร่งระบายน้ำ คือการรับมือเฉพาะหน้าที่จำเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นเพียงการยื้อสถานการณ์ให้ชุมชนมีเวลาตั้งตัวมากขึ้น
  • บทเรียนจากภัยซ้ำซาก: การเกิดน้ำท่วมซ้ำรอยทุกปี ยืนยันถึงความจำเป็นในการวางระบบป้องกันถาวรและพัฒนาโครงสร้างระบายน้ำให้สอดคล้องกับภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากสภาพอากาศและต้นน้ำข้ามแดน

ประเด็นที่ต้องจับตาต่อไป:

  • ความสมบูรณ์ของแนวป้องกันถาวร: หากไม่มีการเร่งสร้างแนวป้องกันน้ำถาวรและระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ แม่สายอาจต้องเผชิญภัยน้ำท่วมซ้ำอีกในอนาคตอันใกล้
  • ระบบแจ้งเตือนและความรู้ชุมชน: แม้จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแล้ว แต่หากการสื่อสารไม่ทั่วถึงหรือชาวบ้านยัง “คาดไม่ถึง” ว่ามวลน้ำจะเข้าท่วม ต้องปรับปรุงช่องทางแจ้งเตือนและเสริมสร้างความรู้ด้านการรับมือภัยพิบัติในพื้นที่เสี่ยง

สรุป: สถานการณ์แม่สายในวันนี้เป็นบททดสอบย้ำเตือนถึงโจทย์ใหญ่ของการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ชายแดน ทั้งความจำเป็นของแนวป้องกันถาวร การพัฒนาระบบรับมือฉุกเฉิน และการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน เพื่อรับมือกับธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นในทุกปี

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • มณฑลทหารบกที่ 37

  • ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 37

  • ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 37

  • สมาคมปิยะมิตรแม่สายร่วมใจบรรเทาสาธารณภัยและการกุศล

  • สมาคมศิริกรณ์เชียงรายบรรเทาสาธารณภัย

  • รายงานสถานการณ์จากภาคสนาม (เวลา 10.54 น. วันที่ 28 กรกฎาคม 2568)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News