Categories
SOCIETY & POLITICS

กสศ.เดินหน้าดัน Thailand Zero Dropout ช่วยเด็กนอกระบบกลับสู่การเรียนรู้

กสศ. จัดสัมมนาพิเศษ ชูแนวทาง “Thailand Zero Dropout” สร้างโอกาสให้เด็กนอกระบบ

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้จัดสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “Exclusive Seminar ถอดรหัสการช่วยเหลือเด็กนอกระบบ ข้อค้นพบจากชีวิตจริงและปมปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้” ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีสื่อมวลชนและผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาเข้าร่วมฟังข้อค้นพบจากโครงการ “Thailand Zero Dropout” ที่ดำเนินงานในปี 2567 เพื่อกำหนดทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในปี 2568

ผลสำเร็จจากโครงการ Thailand Zero Dropout ปี 2567

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. เปิดเผยว่า ในปี 2567 สามารถติดตามเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษากลับเข้าสู่เส้นทางการเรียนรู้ได้จำนวน 304,082 คน จากจำนวนเด็กที่ไม่มีรายชื่อในระบบทั้งหมดกว่า 1 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนธันวาคม 2567 พบว่ายังมีเด็กนอกระบบการศึกษาอยู่กว่า 982,304 คน ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มอายุ:

  1. เด็กก่อนวัยเรียนภาคบังคับ 279,296 คน
  2. เด็กในวัยเรียนภาคบังคับ 387,591 คน
  3. เด็กหลังวัยเรียนภาคบังคับ 315,417 คน

การแก้ปัญหาต้องเน้นสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เด็กและเยาวชนกลับเข้าสู่ระบบการเรียนรู้ พร้อมป้องกันไม่ให้เด็กหลุดออกจากเส้นทางการศึกษากลางคัน

หัวใจของการแก้ปัญหา: ใช้ทั้งสมองและหัวใจ

ดร.ไกรยส ระบุว่า เพราะมองหาจึงมองเห็น” เป็นแนวคิดสำคัญของโครงการ โดยการทำงานต้องใช้ทั้ง การวิเคราะห์ข้อมูล และ ความเข้าใจเชิงลึก ถึงปัญหาที่เด็กแต่ละคนเผชิญ เพื่อสร้างแนวทางที่เหมาะสมกับบริบทชีวิตของเด็ก ทั้งยังเน้นย้ำว่า การศึกษาคือกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาความยากจนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ยูเนสโก ได้ประเมินว่า หากประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมาย “Thailand Zero Dropout” ได้สำเร็จ จะช่วยเพิ่ม GDP ประเทศได้ถึงปีละ 1.7% ซึ่งถือเป็นตัวเลขสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ

มาตรการสำคัญของโครงการ

โครงการใช้กลไกการทำงานเชิงพื้นที่ (Area Based) โดยมี Case Manager หรือผู้ดูแลรายกรณีทำหน้าที่ค้นหาเด็กนอกระบบและเชื่อมโยงกับหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อพาเด็กกลับเข้าสู่การเรียนรู้ สำหรับกลุ่มที่ยังไม่พร้อมจะได้รับการดูแลฟื้นฟูจนสามารถกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้ นอกจากนี้ยังมีการขยายรูปแบบการศึกษาให้ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับความหลากหลายของเด็ก เช่น

  1. โรงเรียนมือถือ (Mobile School)
  2. การเรียนรู้ผ่านศูนย์การเรียนในท้องถิ่น
  3. การสะสมหน่วยกิตผ่านระบบ Credit Bank
  4. การบูรณาการการเรียนรู้ร่วมกับสถานประกอบการ

มิติที่ซับซ้อนของปัญหาเด็กนอกระบบ

รศ.ดร.ลือชัย ศรีเงินยวง อนุกรรมการ กสศ. กล่าวว่า ปัญหาเด็กนอกระบบการศึกษามีความซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับปัจจัยหลายด้าน เช่น วงจรครอบครัว ความเหลื่อมล้ำในสังคม หรือปัญหาบาดแผลทางจิตใจ การแก้ไขปัญหาจำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน และสร้างพื้นที่ที่เด็กสามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีเงื่อนไข

คุณนเรศ สงเคราะห์สุข รองผู้จัดการโครงการฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบการศึกษาต้องปรับตัวให้ยืดหยุ่นมากขึ้น พร้อมสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” เพื่อรองรับเด็กกลุ่มนี้ในระยะยาว

8 มาตรการสำคัญเพื่อแก้ปัญหาเด็กนอกระบบ

คุณพัฒนพงษ์ สุขมะดัน ผู้ช่วยผู้จัดการ กสศ. ได้สรุปแนวทาง 8 มาตรการที่เป็นหัวใจของโครงการ ได้แก่

  1. สร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษา เช่น ทุนเสมอภาค
  2. ขยายการจัดการศึกษา 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ
  3. จัดตั้งศูนย์การเรียนตามมาตรา 12
  4. ลดอุปสรรคและปรับการเรียนรู้ให้ยืดหยุ่น
  5. สร้างตำบลต้นแบบ Zero Dropout
  6. ใช้เทคโนโลยีช่วยการเรียนรู้ เช่น โรงเรียนมือถือ
  7. พัฒนาระบบสะสมหน่วยกิต (Credit Bank)
  8. บูรณาการเรียนรู้บนเส้นทางอาชีพ

อนาคตของเด็กไทย: ความหวังที่ยั่งยืน

โครงการ “Thailand Zero Dropout” ถือเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยเปิดโอกาสให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ ซึ่งจะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับทั้งเด็กและประเทศ

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI FEATURED NEWS

CPCRT มอบทุนการศึกษา หนุนโอกาสเด็กเชียงราย ปีที่ 18

เครือเจริญโภคภัณฑ์มอบโอกาสการศึกษาในโครงการ “น้ำใจนี้จากพี่สู่น้อง” ปีที่ 18

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ธุรกิจ CPCRT เครือเจริญโภคภัณฑ์ ดำเนินโครงการ “น้ำใจนี้จากพี่สู่น้อง” ปีที่ 18 เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษาสำหรับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ โรงเรียนบ้านห้วยสัก (ประชานุกูล) อำเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

ในกิจกรรมครั้งนี้ คุณวุฒิชัย โวหารคล่อง ผู้จัดการทั่วไปศูนย์ฟาร์มโปรเชียงราย ธุรกิจพืชครบวงจร เป็นตัวแทนมอบทุนการศึกษา 10 ทุนให้แก่นักเรียนที่มีความประพฤติดีและมีจิตอาสา พร้อมทั้งพนักงานจิตอาสา CSR SPIRIT จากศูนย์ฟาร์มโปรเชียงราย ธุรกิจพืชครบวงจร ข้าวขนส่ง และบริการ ร่วมสนับสนุนด้วยการมอบเมล็ดพันธุ์ผักสวนครัวเพื่อส่งเสริมโครงการอาหารกลางวันของโรงเรียน สนับสนุนอุปกรณ์กีฬาเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ออกกำลังกายและพัฒนาทักษะด้านกีฬา

นอกจากนี้ คณะผู้บริหารและจิตอาสาได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียนที่ได้รับทุนการศึกษา เพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่และมอบกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป โดยโครงการนี้ยังมุ่งเน้นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนรอบสถานประกอบการ

ในปี 2567 โครงการ “น้ำใจนี้จากพี่สู่น้อง” ดำเนินการมอบทุนการศึกษาในพื้นที่รอบสถานประกอบการ 23 แห่ง ใน 16 จังหวัด รวม 203 ทุน ซึ่งไม่เพียงแต่สนับสนุนการศึกษา แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา พร้อมส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมในชุมชน

การสร้างอนาคตผ่านการศึกษา

โครงการ “น้ำใจนี้จากพี่สู่น้อง” ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การมอบทุนการศึกษา แต่ยังรวมถึงการส่งเสริมทักษะชีวิตของนักเรียน ด้วยการสนับสนุนอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น อุปกรณ์กีฬา เมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว เพื่อสร้างผลผลิตเข้าสู่โครงการอาหารกลางวัน ช่วยให้นักเรียนได้รับสารอาหารที่เพียงพอและเสริมสร้างสุขภาพที่ดี

ความมุ่งมั่นของเครือเจริญโภคภัณฑ์

ตลอดระยะเวลา 18 ปีที่ผ่านมา โครงการ “น้ำใจนี้จากพี่สู่น้อง” ได้สะท้อนถึงความตั้งใจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ในการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสการศึกษาที่เท่าเทียม โครงการนี้ยังเป็นพื้นที่สำหรับพนักงานจิตอาสาในการมีส่วนร่วมกับชุมชน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงเดินหน้าส่งมอบโอกาสและสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในสังคม ผ่านการสนับสนุนโครงการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและการพัฒนาชุมชนต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

อบจ.เชียงรายมอบทุน ช่วยเด็กขาดทุนทรัพย์ 210 ราย

อบจ.เชียงรายจัดมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือให้เยาวชนในพื้นที่ ปีงบประมาณ 2567

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายก อบจ.เชียงราย พร้อมคณะผู้บริหารได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือสำหรับนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนหรือด้อยโอกาสในพื้นที่เขต อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ลาว และอำเภอเวียงชัย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและส่งเสริมโอกาสให้เยาวชนได้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม

วัตถุประสงค์ของโครงการ

นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ กล่าวว่า การดำเนินโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในปีงบประมาณ 2567 นี้ เป็นไปตามนโยบายของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาและนักเรียนที่ยากจนและด้อยโอกาสในจังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยรายจ่ายเกี่ยวกับทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือด้านการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561

นอกจากการช่วยลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวแล้ว โครงการนี้ยังมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนที่ขาดแคลน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างสรรค์สังคมที่เท่าเทียมในระยะยาว

รายละเอียดการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ

ในปีงบประมาณ 2567 อบจ.เชียงราย ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 5,000,000 บาท เพื่อดำเนินโครงการทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือ โดยในพิธีมอบทุนครั้งนี้ มีตัวแทนจากสถานศึกษาในพื้นที่เข้าร่วมรับทุนสำหรับนักศึกษาและนักเรียนจำนวนทั้งสิ้น 210 ราย แบ่งเป็น

  • ทุนการศึกษา จำนวน 97 ราย
  • เงินช่วยเหลือ จำนวน 113 ราย

ผู้แทนที่ร่วมมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในพิธีครั้งนี้ ประกอบด้วยนายญาณาฤทธิ์ หนสมสุข รองปลัด อบจ.เชียงราย นางนภาภัณฑ์ ต่วนชะเอม เลขานุการ อบจ. นายณรงศักดิ์ ขันทะ หัวหน้าฝ่ายกีฬา กองการท่องเที่ยวและกีฬา และนายประพันธ์ คมสาคร หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม พร้อมทั้งผู้แทนสถานศึกษาในเขต อำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ลาว และอำเภอเวียงชัย

ความสำคัญของการศึกษากับการพัฒนาเยาวชน

โครงการทุนการศึกษานี้เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนและส่งเสริมให้เยาวชนในพื้นที่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างทั่วถึง ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเสริมสร้างศักยภาพของเยาวชนให้เติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในอนาคต ทั้งนี้ นางอทิตาธร ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาที่เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของชุมชนในภาพรวม

“การสนับสนุนการศึกษาไม่ได้เป็นเพียงการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับเยาวชนที่อาจไม่มีทรัพยากรเพียงพอในการศึกษา ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้พวกเขาเติบโตขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของจังหวัดเชียงรายและประเทศชาติ” นางอทิตาธร กล่าว

แผนดำเนินงานในอนาคต

นอกจากการมอบทุนการศึกษาในเขตอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอแม่ลาว และอำเภอเวียงชัยแล้ว อบจ.เชียงราย ยังมีแผนดำเนินโครงการมอบทุนการศึกษาและเงินช่วยเหลือในพื้นที่อำเภออื่น ๆ ต่อไป เพื่อให้เยาวชนในจังหวัดเชียงรายได้รับการสนับสนุนอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือในระยะสั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเยาวชนในระยะยาว และเป็นการสนับสนุนเป้าหมายของจังหวัดเชียงรายในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน

อบจ.เชียงรายยังมุ่งหวังว่า โครงการนี้จะเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ในการดำเนินโครงการที่สร้างประโยชน์แก่ชุมชนและสังคมอย่างแท้จริง

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงราย เพิ่มประสิทธิภาพการออมทุนลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน

 

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2567 ที่โรงแรมเชียงรายแกรนด์รูม ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดงานมหกรรมการออมทุนชุมชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เนื่องในวันคล้ายวันก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิต ครบรอบ 50 ปี โดยมีนางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการ พัฒนาการอำเภอ นักวิชาการพัฒนาชุมชนจังหวัด อำเภอ คณะกรรมการเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตระดับอำเภอและสมาชิก กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต 18 อำเภอ กว่า 70 คน เข้าร่วม

 

 

นางอำไพ บัวระดก พัฒนาการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเป็นองค์กรการเงินสำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้ส่งเสริมให้ประชาชนมารวมตัวกันออมเงินตามศักยภาพของตนเอง ซึ่งเป็นการสร้างหลักประกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สมาชิกในครัวเรือน ช่วยเหลือคนในชุมชน โดยในปีนี้เป็นปีการก่อตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ครบรอบ 50 ปี กรมการพัฒนาชุมชน เป็นองค์กรที่เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ และการมีส่วนร่วมของชุมชน ตามภารกิจของกรมการพัฒนาชุมชน และภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชน แก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน และกล่าวต่อไปว่าปัจจุบันจังหวัดเชียงราย มีกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ทั้งสิ้น 610 กลุ่ม สมาชิก 71,741 ราย เงินสัจจะสะสม 710,475,737 บาท (เจ็ดร้อยสิบล้านสี่แสนเจ็ดหมื่นห้าพันห้าร้อยสามสิบเจ็ดบาทถ้วน)
 
 
นางอุบลรัตน์ พ่วงภิญโญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เป็นองค์กรการเงินที่สำคัญของกรมการพัฒนาชุมชน ที่เป็นองค์กรส่งเสริมให้ประชาชนมารวมตัวกันออมเงิน ตามศักยภาพของตนเอง สร้างหลักประกัน สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สมาชิกในครัวเรือน รวมถึงช่วยเหลือคนในชุมชน สอดคล้องกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกัน และการมีความรู้ควบคู่คุณธรรม โดยยึดหลักคุณธรรม 5 ประการ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความรับผิดชอบ ความเห็นอกเห็นใจ ความไว้วางใจกัน ตลอดจนวิถีการดำรงชีวิตของคนในชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นต่อไป
 
 
จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มอบเกียรติบัตรให้แก่กลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตดีเด่น และสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์ เพื่อการผลิตดีเด่น จำนวน 35 ราย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่สมาชิกออมทรัพย์ นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมรณรงค์ให้กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รับสมัครสมาชิกเพิ่ม ประชาสัมพันธ์เพิ่มเงินสัจจะสะสม 50บาท หรือฝากเงินสัจจะสะสมพิเศษ จำนวน ๕o บาทขึ้นไป เวทีเสวนา ในหัวข้อ “ความสำเร็จของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต” 
 
 
บูธนิทรรศการแสดงถึงความสำเร็จของการดำเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รวมถึงจัดคลินิกให้คำแนะนำเรื่องการจัดทำบัญชี การดำเนินกิจกรรมเครือข่ายฯ การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงิน และบูธภาคีเครือข่ายจากสถาบันการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย มูลนิธิไทยเครดิต ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และบริษัทไทยประกันชีวิต
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News