Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ม.แม่ฟ้าหลวง จุดเทียนรำลึก ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว

นักศึกษาเมียนมาร์ ม.แม่ฟ้าหลวง จัดพิธีจุดเทียนรำลึกผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวเมียนมาร์-ไทย

เชียงราย, 29 มีนาคม 2568 – ชมรมนักศึกษาเมียนมาร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย จัดพิธีจุดเทียนรำลึกเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ขนาด 7.7 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นในเมียนมาร์ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนในทั้งสองประเทศ

พิธีจุดเทียนรำลึก แสดงออกถึงความห่วงใยและกำลังใจ

พิธีจุดเทียนรำลึกจัดขึ้นในเวลา 18.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์อารยธรรมลุ่มน้ำโขง ภายในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง โดยมีนักศึกษา คณาจารย์ ผู้บริหาร และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง เพื่อร่วมแสดงความเสียใจและไว้อาลัยต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้

ในพิธีมีการกล่าวคำรำลึกโดย ศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา วงศ์เกษมจิตต์ รองศาสตราจารย์ นพ.ปรีชา สุนทรานันท์ และ ดร.สืบสกุล กิจนุกร ซึ่งได้กล่าวถึงความสำคัญของการร่วมมือและการให้กำลังใจแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ นอกจากนี้ยังมีการอ่านบทกวีเพื่อแสดงความอาลัย รวมถึงการร้องเพลงปลอบขวัญเพื่อส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ประสบภัยทั้งในเมียนมาร์และไทย

นักศึกษาเมียนมาร์ร่วมไว้อาลัยและให้กำลังใจ

นักศึกษาเมียนมาร์ที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ร่วมกันจุดเทียนและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ขณะที่บางส่วนได้แบ่งปันเรื่องราวและความรู้สึกเกี่ยวกับครอบครัวและบ้านเกิดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

หนึ่งในนักศึกษากล่าวว่า

เหตุการณ์นี้สร้างความเจ็บปวดอย่างมากต่อพวกเรา ครอบครัวและเพื่อนบ้านที่อยู่ในเมียนมาร์กำลังเผชิญกับความยากลำบาก แต่การที่ทุกคนมารวมตัวกันในวันนี้ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพัง”

การระดมความช่วยเหลือเพื่อผู้ประสบภัย

นอกเหนือจากการจัดพิธีจุดเทียนรำลึกแล้ว มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงยังได้จัดตั้ง ศูนย์รับบริจาค เพื่อรวบรวมสิ่งของจำเป็นและเงินบริจาคสำหรับส่งไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยมีการประสานงานกับองค์กรด้านมนุษยธรรมและหน่วยงานในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เบื้องต้นมีการจัดเตรียมสิ่งของจำเป็น เช่น

  • อาหารแห้ง
  • น้ำดื่ม
  • ยารักษาโรค
  • เสื้อผ้า
  • ผ้าห่ม และอุปกรณ์ยังชีพ

ประชาชนที่ต้องการร่วมบริจาคสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย หรือผ่านทางเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

ความเสียหายจากแผ่นดินไหวในเมียนมาร์และไทย

จากรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) ระบุว่า แผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ครั้งนี้ มีศูนย์กลางอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสกาย (Sagaing) ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างในหลายพื้นที่ของเมียนมาร์ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

  • เมียนมาร์: มีรายงานผู้เสียชีวิตกว่า 150 ราย และบาดเจ็บหลายร้อยราย บ้านเรือนและโบราณสถานหลายแห่งได้รับความเสียหาย
  • ไทย: ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ อาคารสูงบางแห่งได้รับความเสียหายเล็กน้อย และมีรายงานแรงสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ในหลายจังหวัด

ความคิดเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับการรับมือภัยพิบัติ

ในส่วนของการรับมือภัยพิบัติ มีความคิดเห็นที่หลากหลายจากทั้งนักวิชาการและประชาชน

  • ฝ่ายที่เห็นด้วย ระบุว่าการจัดงานรำลึกเช่นนี้ช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกัน การรวบรวมความช่วยเหลืออย่างรวดเร็วจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฝ่ายที่เห็นต่าง ให้ความเห็นว่า ควรมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อลดความเสียหายและการสูญเสียในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมการศึกษาด้านการป้องกันภัยพิบัติให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง

สถิติที่เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวและแหล่งอ้างอิง

  • สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS): รายงานแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ ความลึก 16 กิโลเมตร
  • ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ: รายงานแรงสั่นสะเทือนที่รับรู้ได้ใน 57 จังหวัดของประเทศไทย
  • กระทรวงมหาดไทยเมียนมาร์: รายงานผู้เสียชีวิตกว่า 150 ราย และผู้บาดเจ็บมากกว่า 300 ราย
  • ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย: รวบรวมข้อมูลผู้ได้รับผลกระทบในกลุ่มนักศึกษาเมียนมาร์ในไทย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS)
  • ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
  • กระทรวงมหาดไทยเมียนมาร์
  • ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติจังหวัดเชียงราย
  • มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

ร่วมน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

มทบ.37 ร่วมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 มณฑลทหารบกที่ 37 นำโดย พล.ต. บุญญฤทธิ์ เกษตรเวทิน ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและประชาชนชาวเชียงราย ร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะ เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2567 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS อำเภอเมืองเชียงราย เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระราชดำริในการคิดค้นโครงการฝนหลวงขึ้น เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งและช่วยเหลือพสกนิกร

พระราชดำริอันยิ่งใหญ่ในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญของประเทศไทย เนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปี แห่งการกำเนิดโครงการฝนหลวง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีพระราชดำริที่จะคิดค้นวิจัยหาวิธีการทำฝนหลวง เพื่อแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากของเกษตรกรและประชาชนที่ประสบภัยแล้ง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็น “วันพระบิดาแห่งฝนหลวง”

โครงการฝนหลวง พระราชทาน

โครงการฝนหลวงเป็นโครงการอันเกิดจากพระราชดำริ ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้งที่เกิดจากความแปรปรวนของสภาพอากาศ โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการดัดแปรสภาพอากาศให้เกิดฝนตกตามต้องการ โครงการนี้ได้สร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทย

ความสำคัญของโครงการฝนหลวง

โครงการฝนหลวงมีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง เพราะช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตทางการเกษตรและคุณภาพชีวิตของประชาชน นอกจากนี้ โครงการฝนหลวงยังเป็นตัวอย่างของการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวง

การดำเนินงานของโครงการฝนหลวงนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน โดยมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจสอบสภาพอากาศและการปฏิบัติการทำฝนหลวง ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความสามารถของบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

บทบาทของมณฑลทหารบกที่ 37

มณฑลทหารบกที่ 37 ได้ให้การสนับสนุนโครงการฝนหลวงมาโดยตลอด โดยเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการฝนหลวง เช่น การร่วมปฏิบัติการทำฝนหลวง การให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการฝนหลวงแก่ประชาชน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การสืบสานพระราชปณิธาน

การจัดงานวันพระบิดาแห่งฝนหลวงในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นการส่งเสริมให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงความสำคัญของโครงการฝนหลวง และร่วมกันสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ต่อไป

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มณฑลทหารบกที่ 37

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News