Categories
AROUND CHIANG RAI CULTURE

“พิสันต์” วัฒนธรรมเชียงราย ชวนหิ้วปิ่นโต กินข้าวรักษ์โลก

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรายจัดกิจกรรม “ข้าวห่อรักษ์โลก” รณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก หันมาใช้ภาชนะย่อยสลายได้ ตามแนวนโยบายสิ่งแวดล้อมของจังหวัด

เชียงราย, 13 พฤษภาคม 2568 – สำนักงานวัฒนธรรมเชียงรายรวมพลัง “หิ้วปิ่นโต–ลดพลาสติก” สู่การเปลี่ยนพฤติกรรมยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย จัดกิจกรรม “ข้าวห่อรักษ์โลก” ณ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย โดยมีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เป็นผู้นำกล่าวเปิดกิจกรรม พร้อมเชิญชวนบุคลากรในสำนักงานร่วมกัน “ไม่ใช้ถุงพลาสติก” และ “หิ้วปิ่นโต” หรือภาชนะที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ภายใต้การนำของนายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ที่มุ่งสู่ “เชียงรายสีเขียว” ด้วยแนวทางลดขยะต้นทางผ่านการเปลี่ยนพฤติกรรมของหน่วยงานภาครัฐ และประชาชนในทุกระดับ

จุดเริ่มต้นของแนวคิด “ข้าวห่อรักษ์โลก”

นายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรม “ข้าวห่อรักษ์โลก” ในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การเชิญชวนให้บุคลากรเลิกใช้ถุงพลาสติก แต่เป็นการส่งเสริม “วัฒนธรรมการกินอย่างยั่งยืน” โดยผนวกแนวคิดด้านวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน ผ่านการรับประทานอาหารกลางวันในรูปแบบที่ลดการสร้างขยะ พร้อมทั้งเป็นต้นแบบให้หน่วยงานราชการอื่นๆ นำไปปรับใช้

เขาระบุว่า “ข้าวห่อรักษ์โลก คือกิจกรรมเล็กๆ ที่สร้างพลังเปลี่ยนแปลงได้อย่างยิ่งใหญ่ เราต้องเริ่มจากตัวเองก่อนที่จะขยายไปสู่สังคมโดยรวม”

ภาชนะย่อยสลายได้–ปิ่นโต–ใบตอง แทนถุงพลาสติก

ในกิจกรรมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่แต่ละคนได้นำอาหารที่เตรียมมาเอง บรรจุในภาชนะที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้ เช่น ปิ่นโต กล่องอาหารแบบปลอดสาร ภาชนะไม้ไผ่ และแม้กระทั่งใบตอง ซึ่งเป็นวัสดุพื้นถิ่นของล้านนา โดยเน้นแนวทาง “Zero Waste Lunch” หรืออาหารกลางวันที่ไม่ก่อให้เกิดขยะพลาสติกและโฟมแม้แต่ชิ้นเดียว

การลดการใช้ถุงพลาสติกไม่เพียงแต่ช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องจัดการเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิตและทำลายถุงพลาสติก รวมถึงลดการสะสมของขยะในแหล่งธรรมชาติ เช่น แม่น้ำ ป่าไม้ และพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของจังหวัดเชียงราย

ผลกระทบของพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่ควรมองข้าม

จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ในแต่ละปีประเทศไทยมีการใช้ถุงพลาสติกมากกว่า 45,000 ล้านใบ โดยเฉพาะจากภาคธุรกิจร้านสะดวกซื้อและแผงอาหารริมทาง ขณะที่อัตราการย่อยสลายของพลาสติกใช้เวลา 400-1,000 ปี ทำให้พลาสติกจำนวนมากกลายเป็น “ขยะตกค้าง” ในสิ่งแวดล้อม และส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศทั้งบกและทะเล

โดยจังหวัดเชียงรายมีปริมาณขยะมูลฝอยเฉลี่ยประมาณ 0.96 กิโลกรัม/คน/วัน ซึ่งหากจำแนกประเภทขยะพบว่ามี “ขยะพลาสติก” อยู่ในสัดส่วนกว่า 17.3% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากบรรจุภัณฑ์อาหารและถุงพลาสติกใช้ครั้งเดียว【ที่มา: สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 เชียงใหม่】

ขยายผลสู่แผนรณรงค์ระยะยาว

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย เตรียมขยายกิจกรรม “ข้าวห่อรักษ์โลก” ไปยังเครือข่ายวัฒนธรรมตำบล หน่วยงานวัฒนธรรมอำเภอ และสถานศึกษาในพื้นที่ พร้อมส่งเสริมกิจกรรม “อิ่มพอดี–ลดขยะ–คืนชีวิตให้โลก” โดยมีเป้าหมายลดปริมาณขยะจากพลาสติกลงอย่างน้อย 20% ภายในปี 2570

นอกจากนี้ ยังวางแผนพัฒนาคู่มือกิจกรรมรักษ์โลกในบริบทวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อเผยแพร่สู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชนต่างๆ โดยตั้งเป้าให้ทุกหน่วยงานสามารถนำไปจัดกิจกรรมได้ด้วยตนเอง

ชการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต้องเริ่มที่ “แบบอย่าง”

กิจกรรม “ข้าวห่อรักษ์โลก” แสดงให้เห็นว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนในเรื่องสิ่งแวดล้อม ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากโครงการใหญ่ แต่สามารถเริ่มจากกิจกรรมในระดับหน่วยงาน ที่สะท้อนเจตนารมณ์และแบบอย่างที่ดี

ในทางจิตวิทยาสังคม การเห็นผู้อื่นทำ “สิ่งที่ถูกต้อง” ซ้ำๆ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบในทางบวก ยิ่งผู้ปฏิบัติคือบุคลากรภาครัฐที่มีบทบาทในชุมชน ก็ยิ่งส่งผลให้ประชาชนเกิดแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน

สถิติและข้อมูลประกอบ

ประเภทข้อมูล

ตัวเลข/รายละเอียด

จำนวนถุงพลาสติกที่ใช้ในไทย

> 45,000 ล้านใบ/ปี

อัตราการย่อยสลายของพลาสติก

400–1,000 ปี

ปริมาณขยะมูลฝอยเฉลี่ย จ.เชียงราย

0.96 กก./คน/วัน

สัดส่วนขยะพลาสติก

17.3%

เป้าหมายลดขยะพลาสติก จ.เชียงราย

-20% ภายในปี 2570

จำนวนเจ้าหน้าที่ร่วมกิจกรรม “ข้าวห่อรักษ์โลก”

30 คน (เบื้องต้น)

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : 

  • สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย (13 พฤษภาคม 2568)
  • กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  • สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 เชียงใหม่
  • ข้อมูลสนับสนุนจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (2566)
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ENVIRONMENT

นักวิจัยญี่ปุ่นพัฒนาพลาสติกย่อยสลายในทะเล ลดมลพิษไมโครพลาสติก

นักวิจัยญี่ปุ่นพัฒนาพลาสติกย่อยสลายได้ในทะเล ลดปัญหาขยะไมโครพลาสติก

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 คณะนักวิจัยที่นำโดย ทาคุโซะ ไอด้า จากศูนย์วิทยาศาสตร์สสารใหม่เกิดขึ้น (CEMS) ภายใต้สถาบันวิจัยริเค็น ประเทศญี่ปุ่น ได้พัฒนาพลาสติกชนิดใหม่ที่แข็งแรงทนทานและสามารถย่อยสลายได้ในน้ำทะเล ซึ่งเป็นการค้นพบที่อาจช่วยลดปัญหามลพิษจากไมโครพลาสติกในมหาสมุทร รายงานผลการทดลองนี้ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Science เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ปัญหาไมโครพลาสติกและการพัฒนาวัสดุทางเลือก

ไมโครพลาสติกเป็นพลาสติกขนาดเล็กกว่า 5 มม. ที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของพลาสติกทั่วไปและไม่สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ พลาสติกเหล่านี้เป็นอันตรายต่อระบบนิเวศทางทะเลและอาจเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์

แม้ว่าพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลหรือย่อยสลายได้ เช่น พลาสติก PLA จะมีอยู่แล้ว แต่ปัญหาหลักคือเมื่อพลาสติกดังกล่าวหลุดรอดไปในทะเล มันไม่สามารถย่อยสลายได้ในน้ำ เนื่องจากไม่ละลายน้ำ ทำให้เกิดปัญหาไมโครพลาสติกสะสมในธรรมชาติ

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ทีมวิจัยจึงพัฒนาพลาสติกซูปราโมเลกุล (Supramolecular Plastics) ซึ่งมีโครงสร้างที่ยึดติดกันด้วยพันธะเคมีแบบย้อนกลับได้ (Reversible Interactions) โดยใช้โมโนเมอร์ไอออนิก 2 ชนิด ได้แก่ โซเดียมเฮกซะเมตาฟอสเฟต ซึ่งเป็นวัตถุเจือปนอาหาร และโมโนเมอร์กวานิดิเนียมไอออนที่สามารถย่อยสลายได้ด้วยแบคทีเรีย

ขั้นตอนการพัฒนาและคุณสมบัติพิเศษ

นักวิจัยค้นพบว่า การเชื่อมโยงโครงสร้างพลาสติกผ่าน “สะพานเกลือ” (Salt Bridges) ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับพลาสติก แม้ว่าสะพานเกลือดังกล่าวจะคงตัวในสภาพปกติ แต่เมื่อสัมผัสกับอิเล็กโทรไลต์ในน้ำทะเล โครงสร้างของพลาสติกจะอ่อนตัวลงและเริ่มย่อยสลาย

การทดสอบในเบื้องต้นพบว่า เมื่อพลาสติกชนิดใหม่นี้สัมผัสกับน้ำทะเล จะย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ในไม่กี่ชั่วโมง และสามารถรีไซเคิลได้ง่าย โดยนักวิจัยสามารถนำโซเดียมเฮกซะเมตาฟอสเฟตกลับมาใช้ใหม่ได้ถึง 91% และกวานิดิเนียมได้ 82% นอกจากนี้ ในการทดสอบในดิน แผ่นพลาสติกสามารถย่อยสลายได้ภายใน 10 วัน และยังช่วยเติมฟอสฟอรัสและไนโตรเจนให้กับดินคล้ายกับปุ๋ยธรรมชาติ

การใช้งานและอนาคตของพลาสติกชนิดใหม่

พลาสติกซูปราโมเลกุลชนิดใหม่นี้มีความแข็งแรงและปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดพิษ รวมถึงสามารถหลอมและขึ้นรูปได้ที่อุณหภูมิ 120°C นอกจากนี้ นักวิจัยยังสามารถปรับแต่งคุณสมบัติของพลาสติกให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น พลาสติกแข็งทนต่อรอยขีดข่วน พลาสติกที่ยืดหยุ่นคล้ายซิลิโคน หรือพลาสติกที่รับน้ำหนักได้มาก

พลาสติกเหล่านี้ยังเหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรม 3D Printing และการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากสามารถย่อยสลายในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เช่น น้ำทะเล

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

ความสำเร็จของพลาสติกชนิดใหม่นี้อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมพลาสติกทั่วโลก โดยช่วยลดมลพิษจากไมโครพลาสติกและสนับสนุนการรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติในการลดขยะพลาสติกและปกป้องระบบนิเวศทางทะเล

ทาคุโซะ ไอด้า กล่าวว่า “เราสร้างพลาสติกชนิดใหม่ที่แข็งแรง เสถียร รีไซเคิลได้ และไม่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติก ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในความพยายามแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก”

พลาสติกชนิดใหม่นี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ในด้านนวัตกรรมวัสดุที่สามารถใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมได้อีกด้วย

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : riken

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News