Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

‘เชียงราย’ ทดสอบเตือนภัยมือถือ Cell Broadcast ครั้งแรกไทย

เชียงรายนำร่องทดสอบระบบเตือนภัย Cell Broadcast ครั้งแรกในประเทศไทย

เชียงราย 3 พฤษภาคม 2568 – จังหวัดเชียงรายร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และผู้ให้บริการโทรคมนาคม จัดทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Cell Broadcast) ครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย

จุดเริ่มต้นของระบบเตือนภัยแห่งอนาคต

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดการทดสอบระบบ Cell Broadcast อย่างเป็นทางการ ที่ห้องประชุมธรรมลังกา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมีนางสินีนาฏ ทองสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงราย รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

การทดสอบครั้งนี้ดำเนินการโดยความร่วมมือจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.), กรมประชาสัมพันธ์ และบริษัทผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ได้แก่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (NT), บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (AIS)

จังหวัดเชียงรายได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสี่จังหวัดที่ร่วมทดสอบระบบในครั้งนี้ ร่วมกับจังหวัดสุพรรณบุรี อุบลราชธานี และสงขลา ซึ่งดำเนินการพร้อมกันเวลา 13.00 น.

Cell Broadcast สู่ความปลอดภัยอย่างแท้จริง

การทดสอบส่งข้อความแจ้งเตือนประเภท “National Alert” จำนวน 1 ครั้ง ระยะเวลาแสดงผลบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ 10 นาที ครอบคลุมรัศมี 2 กิโลเมตรรอบศาลากลางจังหวัดเชียงราย ข้อความที่ส่งระบุว่า:

“ทดสอบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โปรดอย่าตื่นตระหนก This is a test message from Department of Disaster Prevention and Mitigation (DDPM). No action required.”

จากการรายงานผล พบว่าโทรศัพท์มือถือที่ใช้เครือข่าย AIS ได้รับข้อความเป็นลำดับแรก ตามมาด้วย True และ NT ตามลำดับ โดยใช้เวลาส่งไม่ถึง 1 นาที ถือว่าการทดสอบผ่านไปได้ด้วยดี

ประชาชนเชียงรายรับทราบอย่างทั่วถึง

จากการสอบถามประชาชนในชุมชนน้ำลัด และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ศาลากลางเชียงราย ทุกฝ่ายได้รับข้อความแจ้งเตือนตามที่กำหนดไว้ ประชาชนส่วนใหญ่รับทราบล่วงหน้าว่าจะมีการทดสอบ เพราะมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนอื่อตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น กลุ่มไลน์ หน่วยงานราชการ และใบปลิวที่แจกในพื้นที่ ทำให้ไม่มีความตื่นตระหนกเกิดขึ้น

ปัญหาเล็กน้อยที่ต้องปรับปรุง

นายชรินทร์ ทองสุข เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากการทดสอบพบปัญหาบางประการ เช่น โทรศัพท์บางรุ่นไม่สามารถเก็บข้อความแจ้งเตือนไว้ได้ บางเครื่องที่เก่าหรือไม่ได้อัปเดตระบบ ก็ไม่สามารถรับข้อความได้ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะถูกส่งไปให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแก้ไขในขั้นตอนต่อไป

กรมปภ.พร้อมเดินหน้าขยายผล

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ผลการทดสอบระบบ Cell Broadcast ครั้งแรกนี้ถือว่าน่าพอใจมาก เพราะสามารถส่งข้อความถึงประชาชนได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ในอนาคตกรมฯ จะมีการทดสอบเพิ่มอีกในพื้นที่ขนาดกลางและใหญ่ เพื่อให้ระบบมีความพร้อมใช้งานจริงในสถานการณ์ฉุกเฉินทุกรูปแบบ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว และโรคระบาด

Cell Broadcast เทคโนโลยีเพื่ออนาคต

ระบบ Cell Broadcast เป็นระบบส่งข้อความแจ้งเตือนภัยแบบเรียลไทม์ถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยไม่จำเป็นต้องทราบหมายเลขโทรศัพท์ผู้รับ แตกต่างจากระบบ SMS ที่ต้องส่งรายบุคคล ระบบนี้เหมาะสมสำหรับสถานการณ์ที่ต้องแจ้งเตือนประชาชนอย่างเร่งด่วนในพื้นที่เสี่ยง

จุดแข็งของระบบ Cell Broadcast คือการส่งข้อความที่รวดเร็ว เข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน มีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับการเตือนภัยธรรมชาติร้ายแรง เช่น แผ่นดินไหว น้ำป่าไหลหลาก พายุ และเหตุฉุกเฉินอื่นๆ

การวิเคราะห์ความพร้อมใช้ของระบบ

อย่างไรก็ตาม การทดสอบในครั้งนี้เผยให้เห็นปัญหาเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของโทรศัพท์มือถือบางรุ่น ซึ่งอาจกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญได้หากนำไปใช้งานจริง รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งแก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว รวมถึงปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวเข้าใจระบบนี้อย่างชัดเจน และสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

สถิติที่เกี่ยวข้องกับระบบแจ้งเตือนภัย

จากข้อมูลของ International Telecommunication Union (ITU) และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุว่า การใช้ระบบ Cell Broadcast ช่วยลดเวลาการแจ้งเตือนภัยจากเดิมที่ใช้ระบบ SMS จาก 10-15 นาที เหลือเพียงไม่ถึง 1 นาที ซึ่งเพิ่มโอกาสรอดชีวิตของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงได้มากถึง 50% นอกจากนี้ รายงานจาก ITU ในปี 2024 ยังระบุว่า ประเทศที่มีระบบ Cell Broadcast ครอบคลุมพื้นที่กว่า 90% มีอัตราการเสียชีวิตจากภัยธรรมชาติลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 30-40%

จังหวัดเชียงรายจะเป็นต้นแบบสำคัญในการใช้เทคโนโลยี Cell Broadcast เพื่อนำไปสู่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริงในอนาคตอันใกล้นี้

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
  • กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
  • สำนักงาน กสทช.
  • International Telecommunication Union (ITU) Report 2024
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
NEWS UPDATE
Categories
SOCIETY & POLITICS

‘แพทองธาร’ ล้อมวงเปิดอก รับฟังข้อเสนอจิตอาสา หลังวิกฤตน้ำท่วมเชียงราย

 

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 11.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในงาน “ประสานพลัง ประสานใจ” โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต. ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวแทนจิตอาสา ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยนายกฯ กล่าวว่า ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ เพราะทราบตั้งแต่ต้น ทุกคนที่อยู่หน้างานโดยตรงได้เข้าช่วยเหลือทันที นี่คือสิ่งที่คนหน้างานตรงนั้นเข้าไปก่อนถือว่าช่วยพี่น้องประชาชนได้อย่างมากมายรวมถึงจิตอาสาวันนี้ที่ได้มาคุยกันอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายจริงๆ ทั้งภาคเอกชน รัฐบาล จิตอาสา ประชาชน หน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ต้องขอบพระคุณมากๆ และของช่วยเหลือที่หลั่งไหลเข้าไปในพื้นที่ผู้ประสบภัยเยอะ ฝ่ายหน้างานบอกว่า เรื่องของอาหารการกินค่อนข้างพอ แต่เราก็มาย้อนดูว่าเราจะทำอะไรเพิ่มเติมได้อีก ซึ่งตอนนี้ทราบอยู่แล้วน้ำมาจากทางภาคเหนือ และค่อยๆย้ายจากภาคเหนือไปภาคอีสาน ฉะนั้นวันนี้ขอให้ทุกคนมีข้อมูลอะไรที่อยากจะบอกทางรัฐบาลให้ซัพพอร์ตอย่างไร ทุกคนพร้อมและยินดีที่จะช่วยเหลือกัน มีอะไรที่อยากให้รัฐบาลปรับปรุงตรงไหนขอให้แชร์กันในวันนี้เลย เดินเข้ามาบอกได้เลยว่าทำอะไรให้พี่น้องประชาชนบ้าง ประชาชนต้องการอะไรบ้าง ขอให้แชร์กันแบบเปิดพื้นที่

จากนั้นนายกฯพูดคุยหารือร่วมกับคณะจิตอาสา 12 องค์กร และภาคเอกชน โดยตัวแทนสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย กล่าวขอบคุณนายกฯ พร้อมมีข้อเสนอจากที่ได้ลงพื้นที่และคุยกับชาวบ้านในระยะต่อไปเฟสที่ 3 คือการป้องกันปัญหาในระยะยาวไม่ให้น้ำเข้าแม่สายอีก อยากเสนอให้มีการทำเขื่อนริมแม่น้ำแม่สาย โดยใช้เข็มตอกสองฝั่ง ทำเป็นเขื่อนด้านบนเพื่อให้รถวิ่งริมแม่น้ำได้ เป็นการใส่เกาะชั้นที่ 1 มีแนวประมาณ 2 กิโลเมตรจากด่านศุลกากรแม่สายที่ 1 ยาวจนถึงด่านศุลกากรแม่สายด่านที่ 2 อาจใช้งบประมาณไม่เยอะสามารถทำได้รวดเร็วเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในครั้งหน้า

ด้านนายกฯ กล่าวว่า ทราบว่าเจ็ตสกีสำคัญมากจึงได้คุยกับรองนายกรัฐมนตรีว่าเราจำเป็นต้องจัดซื้ออะไรเพิ่มหรือไม่ เพราะบางทีเครื่องมือใหญ่ๆเรือใหญ่ๆเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านไม่ได้ แต่เจ็ตสกีสามารถเข้าไปได้ คนอายุมาก หรือคนป่วยติดเตียงก็จะได้รับตัวออกมาได้

ด้านทีมตอบโต้ภัยพิบัติ RDAT มูลนิธิสยามนนทบุรี กล่าวว่า ขอสะท้อนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นปัญหาคือเราไม่มีการรายงานตัวแบบออนไลน์เป็นกู้ภัยแห่งชาติ โดยมีหน่วยงานต่างๆอยู่ในแอพพลิเคชั่นดังกล่าว ให้รัฐบาลเป็นแกนกลางสั่งการ ซึ่งจะทำงานได้ง่ายไม่ต้องเสียเวลาไปรายงานตัวกับอำเภอ จังหวัด แล้วนั่งรองาน เพราะการรายงานใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะได้เข้าพื้นที่ทำงาน ดังนั้นควรจะมีแอพพลิเคชั่นกลางในการจ่ายงานและการขอความช่วยเหลือผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งวันนี้เทคโนโลยีสามารถทำทุกอย่างได้แล้วควรจะพัฒนาในเรื่องนี้ และหากมีแล้วก็ต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบ

ขณะที่ประธานมูลนิธิเพชรเกษม กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนกลุ่มอาสาสมัคร เนื่องจากพวกเราเป็นแขนขาของรัฐบาลอย่างแท้จริง และสิ่งหนึ่งที่อยากได้โดยเป็นการขอความอนุเคราะห์จากรัฐบาล คือให้ยกเว้นภาษีองค์กรการกุศล เนื่องจากเป็นองค์กรที่ทำเพื่อประเทศชาติ โดยให้รัฐบาลพิจารณาว่าองค์กรไหนเข้าเกณฑ์ และขอให้ช่วยประสานงานแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในการที่ทีมอาสาสมัครเข้าไปช่วยเหลือประชาชน จึงขอให้บูรณาการอาจจะทำเป็นเลนให้เจ้าหน้าที่ 1 เลน และขอให้ดูแลอาสาสมัครที่ลงไปปฎิบัติหน้าที่และเกิดอุบัติเหตุ

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯเน้นย้ำคือการช่วยเหลือชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ และได้รับรายงานเรื่องโคลน จึงได้ประสานงานกองทัพไทย และ 3 เหล่าทัพ ให้เข้าไปดำเนินการหน้างาน ซึ่งบ้านเรือนที่โดนโคลนจำนวน 500-1,000 หลังคาเรือน

นายศุภชัย เจียรวนนท์ กล่าวว่า สิ่งที่เราต้องรีบทำเป็นเรื่องของสุขภาพของผู้ประสบอุทกภัย นอกจากเรื่องอาหารแล้วต้องมีเรื่องยาป้องกันโรคต่างๆตนยินดีและเต็มที่ และตนก็ทราบการติดขัดเรื่องการสื่อสาร เราจะเข้าไปช่วยอย่างเต็มที่ เชื่อว่าทั้งเครือข่ายทรูและ AIS จะรีบเข้าไปศึกษาจุดยุทธศาสตร์และนำสัญญาณเข้าไป

ด้านกู้ภัยคนแม่สาย กล่าวว่า การแจ้งเตือนของทางผู้ใหญ่บ้านไม่ทั่วถึง บางครั้งแจ้งเตือนบ่อยจนชาวบ้านไม่แน่ใจว่าน้ำจะขึ้นจริงหรือไม่ จนไม่มีความน่าเชื่อถือ พอน้ำมาจริงๆเราตั้งตัวไม่ทัน ขณะเดียวกันทีมงานกู้ภัยในอำเภอแม่สาย เครื่องมือไม่ครบ ในวันที่น้ำมาเราเข้าหน้างานอย่างเต็มกำลัง แต่ช่วยเหลือได้แค่ 40% ไม่มีเจ็ตสกี ไม่มีอุปกรณ์ที่จะอพยพคนออกมาทันที ต้องรออีก 1 วัน

นายกฯ กล่าวสรุปในช่วงท้ายว่า ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามา เชื่อว่าทุกคนทุกหน่วย ได้ทำแต่ละส่วนต่างกันไป แต่ทุกส่วนคือสิ่งสำคัญ สิ่งที่รัฐบาลตั้งใจคืออยากให้ความทุกข์ของพี่น้องประชาชนสั้นที่สุด อย่างตอนเยียวยา ดินโคลนถล่ม เราอยากให้ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพเดิมให้เร็วที่สุด และคนที่หน้าหน้างานที่ดูแลขาดไม่ได้ทั้งหมด เป็นศูนย์รวมน้ำใจของคนไทย เพื่อช่วยคนไทยด้วยกันเอง อันนี้คือสิ่งสำคัญต้องขอบคุณทุกท่านอีกครั้ง วันนี้เรามาร่วมกันด้วยความที่เรามีจิตใจตรงกันนั่นคือจิตใจที่จะช่วยเหลือเพื่อนคนไทยด้วยกัน ฉะนั้นไม่มีใครมากไปกว่ากันหรือน้อยไปกว่ากัน ทุกคนตั้งใจที่จะช่วยจริงๆ แน่นอนทุกคนที่ส่งกำลังใจอย่างน้อยๆเป็นสิ่งดี เป็นเรื่องดีที่ทำให้ทุกคนมีกำลังใจทำงานต่อไป

“ขอให้กำลังใจหน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ผ่านมาต้องเหนื่อยกันมากและขอให้มีกำลังใจสู้ต่อ และแน่นอนภาคเอกชนทั้งหมดที่ช่วยส่งของยังไม่ขาดสาย ทั้งเรื่องสุขาและอีกหลายบริษัทที่มาช่วยเหลืออย่างเต็มที่ น้ำใจของคนไทยยังอยู่ทั่วทั้งแผ่นดินไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี พระราชทานกระแสความห่วงใยมาตั้งแต่วันแรกๆ ถือว่าอย่างน้อยๆภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น แต่คนไทยยังรักกันและยังโชคดี”

จากนั้น นายกฯได้ออกมายังบริเวณ เสาธงหน้าตึกสันติไมตรี เพื่อรับมอบสิ่งของอุปโภค บริโภค อาหารแห้ง จากภาคเอกชน อาทิ เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) มูลนิธิเอสซีจี SC ASSET กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ บริษัท แสนสิริ จํากัด (มหาชน), ก่อนเดินเยี่ยมชมรถลำเลียงอุปกรณ์ของเหล่าทัพ พร้อมให้กำลังใจกำลังพลของเหล่าทัพที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน จากนั้นนายกฯได้เดินมายังสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และกล่าวขอบคุณความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอีกครั้งว่า ขอขอบคุณทุกความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและจิตอาสา ที่ทำให้เห็นว่าประเทศเราแม้มีภัยภิบัติแต่ยังโชคดีที่คนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รัฐบาลจะทำหน้าที่ประสานพลังให้ประชาชนทั้งประเทศ วันนี้ที่เรามาร่วมกันเป็นภารกิจที่ทุกคนร่วมใจและอยากเยียวยาให้พี่น้องที่ประสบภัยตอนนี้มีความทุกข์ให้น้อยที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักนายกรัฐมนตรี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News