Categories
ECONOMY

เชียงรายเปิดประตูยาง นำร่องส่งตรงจีน ภาษีเหลือศูนย์ ดันคุณภาพชีวิตเกษตรกร

เชียงรายเตรียมเป็นประตูการค้าผ่านโขง เจรจาจีนซื้อตรงยางพารา 300 ตัน ลดภาษีเหลือ 0% สร้างจุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมยางพาราไทย

เชียงราย, 1 กรกฎาคม 2568 – สถานการณ์การส่งออกยางพาราของไทยกำลังเปลี่ยนผ่านจุดสำคัญ หลังเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศเปิดเผยความคืบหน้าการเจรจาโรงงานจีน เตรียมนำร่องซื้อยางพาราจากเกษตรกรไทยโดยตรง 300 ตัน พร้อมสิทธิประโยชน์ภาษี 0% ผ่านลุ่มแม่น้ำโขงเข้าสู่มณฑลยูนนาน จีน เสริมบทบาทเชียงรายในฐานะ “จุดยุทธศาสตร์การค้าภาคเหนือ” สะท้อนนัยยะเชิงโครงสร้างต่อเศรษฐกิจทั้งจังหวัดและประเทศ

จุดเริ่มเปลี่ยนสมดุลการค้าชายแดนเหนือ

จุดเด่น ของโครงการนี้คือการส่งออกยางโดยตรงผ่าน “ด่านเชียงของ” จังหวัดเชียงราย ลดต้นทุนภาษีจาก 20% เหลือ 0% สอดคล้องกับกลุ่มประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง เช่น เมียนมา สปป.ลาว กัมพูชา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบโลจิสติกส์ที่เคยเน้นภาคใต้ ซึ่งแต่เดิมพ่อค้าจีนรับยางผ่าน 6 ด่านหลักในภาคใต้ของไทย ต้องแบกภาษีนำเข้าราว 7,500 บาท/ตัน รวมถึงภาษีแวตและค่าขนส่งที่สูงขึ้น ส่งผลให้ยางจากเชียงรายและภาคเหนือกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้เปรียบเชิงภาษีและโลจิสติกส์

ปัจจุบัน เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางระดับประเทศมีสมาชิกกระจายทั่วประเทศ โดย ภาคเหนือและอีสาน เป็นกลุ่มใหญ่ เมื่อรวมศักยภาพการรวมกลุ่ม เกษตรกรไทยจะมีโอกาสขายยางในราคาดีขึ้น ลดการถูกกดราคาจากโรงงาน หรือหักค่าหัวคิวจากพ่อค้าคนกลาง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการผลักดันโดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และกระทรวงเกษตรฯ

บทบาทใหม่ “เชียงรายฮับยางไทย” ผลักดันเศรษฐกิจชุมชน

เชียงรายในฐานะ “ประตูการค้าภาคเหนือ” กำลังขยายบทบาทจากเดิมที่เป็นจุดผ่านแดนสำคัญ สู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมแปรรูปยางในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมทั้งเครือข่ายเกษตรกร ระบบขนส่งทางน้ำผ่านโขง และความร่วมมือระดับนโยบายกับจีนโดยตรง

ประเด็นสำคัญ ที่ตามมาคือ หากโครงการนี้นำร่องสำเร็จ ราคายางในพื้นที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้น เกษตรกรได้รับผลตอบแทนสูง ลดแรงกดดันจากภาวะราคาตกต่ำ ส่วนผู้ประกอบการในภาคใต้ที่เคยได้เปรียบด้านโรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ อาจต้องปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงของเส้นทางและรูปแบบการค้าระหว่างประเทศ

อีกด้านหนึ่ง โรงงานแปรรูปขนาดใหญ่ในจีนและลาวที่เคยลงทุนเพื่อรองรับยางจากภูมิภาคนี้อาจมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลจีนสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานเข้ามาลงทุนร่วมกับท้องถิ่น ส่งเสริมการขยายกำลังผลิตและสร้างโอกาสการจ้างงานใหม่ในภาคเหนือ

วิเคราะห์ผลกระทบและอนาคตอุตสาหกรรมยางพารา

การเปลี่ยนแปลงเส้นทางการส่งออกยางผ่านเชียงราย นอกจากจะลดภาษีให้เกษตรกร ยังเปิดโอกาสการรวมกลุ่มขนาดใหญ่ สร้างอำนาจต่อรองในการกำหนดราคายางกับต่างประเทศ ลดการผูกขาดโดยนายหน้า การดำเนินโครงการนี้ยังมีส่วนช่วยให้การตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานยางพาราไทยโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งจีนให้ความสำคัญกับคุณภาพยางพาราไทยมากกว่ายางจากประเทศอื่นในอาเซียน

ขณะเดียวกัน ภาครัฐต้องเดินหน้าแก้ไขอุปสรรคเชิงระบบ เช่น การสนับสนุนค่าขนส่ง โครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ในภาคเหนือ และการดูแลมาตรฐานการผลิตและแปรรูปยางให้สอดคล้องกับตลาดจีน เพื่อรักษาความได้เปรียบเชิงคุณภาพ

ความท้าทาย คือภาคเอกชนและชุมชนจะต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ขยายเครือข่ายความร่วมมือ ทั้งในด้านการผลิต การตลาด และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางอย่างครบวงจร เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานรากเชียงราย ขยายโอกาสการส่งออกไปยังตลาดจีนและประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างยั่งยืน

สรุป

ความคืบหน้าการส่งออกยางผ่านเชียงราย ไม่เพียงเปลี่ยนสมดุลทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมยางไทย แต่ยังตอกย้ำบทบาทของเชียงรายในฐานะ “ศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ของภาคเหนือ” เปิดประตูใหม่สู่ตลาดจีนโดยตรง เสริมรายได้เกษตรกร กระตุ้นการจ้างงาน และสร้างโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก :

  • ประชาชาติธุรกิจ
  • สำนักงานการยางแห่งประเทศไทย
  • สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  • China Daily
  • World Bank Thailand Economic Monitor
 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
ECONOMY

การค้าชายแดนไทยขยายตัวต่อเนื่อง 1.4 แสนล้าน ตอบโจทย์ส่งออก

การค้าชายแดนและผ่านแดนขยายตัวต่อเนื่อง ยางพาราไทยทำยอดส่งออกสูง แม้อุปสรรคจากอุทกภัย

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 นายนพดล คันธมาศ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยข้อมูลการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของไทยในเดือนกันยายน 2567 พบว่ามีมูลค่ารวม 148,535 ล้านบาท ขยายตัว 1.7% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยมีการส่งออกมูลค่า 85,540 ล้านบาท หดตัว 2.3% และนำเข้า 62,995 ล้านบาท ขยายตัว 7.7% ทั้งนี้ ไทยได้ดุลการค้า 22,545 ล้านบาท นับเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการส่งออกยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางที่ยังเติบโตได้ดี

สรุปการค้า 9 เดือนแรกของปี 2567


ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มูลค่าการค้ารวมของการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนทั้งสิ้น 1,373,906 ล้านบาท ขยายตัว 6.5% โดยมีการส่งออกมูลค่า 794,999 ล้านบาท ขยายตัว 5.2% และการนำเข้ามูลค่า 578,907 ล้านบาท ขยายตัว 8.3% ไทยได้ดุลการค้ารวม 216,091 ล้านบาท

การค้าชายแดนกับเพื่อนบ้าน


สำหรับการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย เมียนมา ลาว และกัมพูชา เดือนกันยายน 2567 มีมูลค่ารวม 77,144 ล้านบาท ขยายตัว 1.9% โดยมีการส่งออก 46,555 ล้านบาท หดตัว 3.3% และการนำเข้า 30,589 ล้านบาท ขยายตัว 10.9% ซึ่งไทยได้ดุลการค้า 15,965 ล้านบาท สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดีเซล 2,296 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ 1,469 ล้านบาท และแผงวงจรไฟฟ้า 1,317 ล้านบาท

การค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม


มูลค่าการค้าผ่านแดนในเดือนกันยายน 2567 รวม 71,391 ล้านบาท ขยายตัว 1.6% โดยการส่งออก 38,985 ล้านบาท หดตัว 1% และการนำเข้า 32,405 ล้านบาท ขยายตัว 4.9% การค้าผ่านแดนไปจีนมีมูลค่าสูงสุดที่ 39,215 ล้านบาท หดตัว 5.5% รองลงมาคือ สิงคโปร์ 9,192 ล้านบาท ขยายตัว 0.6% และเวียดนาม 5,851 ล้านบาท หดตัว 6.2% สินค้าส่งออกผ่านแดนสำคัญ ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ 10,551 ล้านบาท ทุเรียนสด 7,387 ล้านบาท และยางแท่ง TSNR 3,529 ล้านบาท

ผลกระทบจากอุทกภัยในลาว


ทั้งนี้ นายนพดลระบุว่าสถานการณ์อุทกภัยใน สปป.ลาว จาก “พายุไต้ฝุ่นยางิ” ทำให้ถนนทางไปด่านโมฮานชายแดนลาว-จีนถูกตัดขาด ส่งผลให้การส่งออกชายแดนไปลาวและจีนลดลง โดยเฉพาะสินค้าผลไม้สดอย่างมังคุดและทุเรียน ผู้ประกอบการบางรายจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่น เช่น รถไฟ เรือ หรือด่านโหย่วอี้กวนทางด้านจังหวัดนครพนมแทน เพื่อให้สินค้าถึงจุดหมายปลายทางตามเวลา

การส่งเสริมและสนับสนุนการค้าชายแดน


กรมการค้าต่างประเทศยังคงเดินหน้าสนับสนุนและอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อแก้ไขอุปสรรคที่เกิดขึ้น พร้อมผลักดันให้การค้าชายแดนและผ่านแดนเติบโตอย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมการค้าต่างประเทศ

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News