Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

มูลนิธิกาญจนบารมีคัดกรองมะเร็งเต้านมกลุ่มเสี่ยงทั่วไทย

 

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 มูลนิธิกาญจนบารมีได้จัดกิจกรรมคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยใช้เครื่องเอกซเรย์เต้านมเคลื่อนที่ ณ เทศบาลตำบลป่าก่อดำ อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย โดยมีนายประสงค์ หล้าอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีผู้แทนจากมูลนิธิกาญจนบารมี รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นายอำเภอแม่ลาว นายกเทศมนตรีตำบลป่าก่อดำ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ อาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายประสงค์กล่าวว่า ปัจจุบันมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในสตรีไทย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของผู้หญิงในประเทศไทย อัตราผู้ป่วยและการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ในระยะที่โรคลุกลามไปแล้ว ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างยากลำบาก ดังนั้นการตรวจพบให้ได้เร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถรักษาได้ทันเวลา ลดอัตราการเสียชีวิต และเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของผู้ป่วย

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อให้สตรีกลุ่มเสี่ยงและด้อยโอกาสได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างทั่วถึง โดยมีรถตรวจคัดกรองเคลื่อนที่ 4 คัน ประกอบด้วย รถเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) 2 คัน รถตรวจและสอนการตรวจเต้านมโดยแพทย์ 1 คัน และรถนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมอีก 1 คัน โดยการสนับสนุนจากบุคลากรทางการแพทย์ทั้งจากมูลนิธิกาญจนบารมี และโรงพยาบาลในจังหวัดเชียงราย กิจกรรมนี้จะดำเนินการระหว่างวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ถึง 17 ธันวาคม 2567 รวมระยะเวลา 20 วัน

การคัดกรองมะเร็งเต้านมที่มูลนิธิกาญจนบารมีจัดขึ้นนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ให้สตรีไทยใส่ใจตรวจสุขภาพตนเองอย่างสม่ำเสมอ โดยการตรวจคัดกรองที่แนะนำประกอบด้วย 3 วิธี ได้แก่ การตรวจเต้านมด้วยตนเอง การตรวจโดยบุคลากรทางการแพทย์ และการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านม (Mammogram) ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการตรวจหามะเร็งในระยะเริ่มแรก ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดอัตราการเสียชีวิต

นอกจากนี้ ข้อมูลจากกรมอนามัยเผยว่า ในปี 2567 สตรีไทยอายุ 30-70 ปี ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเขตรับผิดชอบ คิดเป็นร้อยละ 51.93 แต่ยังคงมีช่องว่างที่ต้องเร่งผลักดันให้สตรีกลุ่มเสี่ยงสามารถเข้าถึงการตรวจได้มากขึ้น กิจกรรมนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้หญิงในพื้นที่ห่างไกล ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชนในจังหวัดเชียงราย

นายประสงค์กล่าวทิ้งท้ายว่า การป้องกันมะเร็งเต้านมไม่เพียงแต่จะช่วยลดการสูญเสียชีวิต แต่ยังช่วยให้สตรีไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การตรวจคัดกรองเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรค ดังนั้นทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันผลักดันให้ประชาชนได้รับการตรวจสุขภาพอย่างทั่วถึง เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงการรักษาและได้รับการดูแลที่เหมาะสม

ทั้งนี้ มูลนิธิกาญจนบารมีจะยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมคัดกรองมะเร็งเต้านมต่อไปในปีถัดๆ ไป เพื่อสร้างความตระหนักรู้และลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ให้ได้มากที่สุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : มูลนิธิกาญจนบารมี

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
SOCIETY & POLITICS

6 หน่วยงาน MOU ร่วมมือ จัดบริการตรวจมะเร็งเต้านม

 

วันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่ โรงแรมอมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานและสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านวิชาการ ระหว่าง 6 หน่วยงาน ได้แก่ มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กรมการแพทย์ และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พร้อมเปิดการประชุมเครือข่ายการให้บริการตรวจการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1/BRCA2 สำหรับผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงแบบครบวงจร

         นายสันติ กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นปัญหาสำคัญลำดับต้นๆ ของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งเต้านมที่ทำให้ผู้หญิงไทยต้องเสียชีวิตมากเป็นอันดับหนึ่ง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนดให้ “มะเร็งครบวงจร” เป็น 1 ในนโยบายการดำเนินงาน ปี 2567 เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่ครอบคลุมทุกมิติอย่างเป็นระบบ ทั้งการส่งเสริมป้องกัน คัดกรอง ตรวจวินิจฉัย รักษา ดูแลฟื้นฟูกายใจ รวมถึงมีการสร้างเครือข่ายการทำงานด้านโรคมะเร็งให้เกิดการดูแลแบบครบวงจร ซึ่งจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำให้การตรวจทางพันธุกรรมทำได้ง่ายขึ้นและมีค่าใช้จ่ายถูกลง สามารถใช้ผลการตรวจไปเป็นแนวทางการวางแผนป้องกันหรือรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตได้

         นายสันติ กล่าวต่อว่า แม้การตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน BRCA1/BRCA2 จะถูกกำหนดให้เป็นสิทธิประโยชน์ของคนไทยทุกคน ทุกสิทธิ ที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม รวมถึงญาติสายตรงซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมชนิดถ่ายทอดทางพันธุกรรม ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566 แต่พบว่ายังมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมกลุ่มเสี่ยงอีกจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงบริการนี้ เพราะการส่งตรวจจำกัดอยู่เฉพาะในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลศูนย์มะเร็งหรือโรงเรียนแพทย์ ในขณะที่โรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลชุมชนอีกหลายแห่ง อย่างเช่น โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง ก็มีศักยภาพที่จะให้คำปรึกษาและเก็บตัวอย่างเพื่อส่งตรวจ รวมถึงให้การดูแลผู้ป่วย ซึ่งการลงนามความร่วมมือของทั้ง 6 หน่วยงานในวันนี้ จะทำให้เกิดรูปแบบการบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่การประเมินความเสี่ยง การให้คำปรึกษาก่อนตรวจ การตรวจ การให้คำปรึกษาหลังตรวจ การรักษา ติดตาม ป้องกัน ช่วยให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึงครอบคลุมมากขึ้น ที่สำคัญคือประชาชนไม่ต้องเสียเงินค่าตรวจ ถ้าแพทย์พิจารณาแล้วว่าเข้าเกณฑ์ได้รับการตรวจยีน 

          ด้าน นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการลงนามครั้งนี้ ทั้ง 6 หน่วยจะร่วมกันพัฒนารูปแบบความร่วมมือที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมมีการเชื่อมโยงบริการของหลายหน่วยงานอย่างไร้รอยต่อ และใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงจะร่วมกันพัฒนาด้านวิชาการให้เกิดองค์ความรู้ต่างๆ และสร้างความพร้อมในการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูงและญาติสายตรงเข้าถึงบริการได้มากขึ้น ผู้ที่ตรวจพบมียีนกลายพันธุ์จะได้รับการเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ซึ่งการรักษาจะเกิดผลสำเร็จมากกว่า ตลอดจนได้ข้อมูลคำแนะนำถึงทางเลือกอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง

         ทั้งนี้ ในส่วนของการประชุมฯ ประกอบด้วยกิจกรรม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การอภิปรายเกี่ยวกับการเตรียมบุคลากร การขึ้นทะเบียนหน่วยตรวจ/หน่วยบริการให้คำปรึกษา การจ่ายเงินค่ารักษา การตรวจหา การกลายพันธุ์ฯ การให้คำปรึกษา การวางแผนรักษา การติดตามการรักษา โดยมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข จากโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลเอกชน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เข้าร่วมประชุม จำนวนกว่า 200 คน นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการความเชื่อมโยงการดำเนินงาน จากหน่วยงานเครือข่ายภาครัฐ อาทิ กรมการแพทย์ โรงสมเด็จพระยุพราชปัว จังหวัดน่าน และหน่วยงานภาคเอกชน

          “ทุกโรงพยาบาล ที่แพทย์วินิจฉัยแล้ว อยู่ในกลุ่มต้องส่งตรวจการกลายพันธุ์ของผู้ป่วย ญาติ ก็ส่งได้ทันที ตอนนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดบริการแล้วที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 8 อุดรธานี และสถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เพียงยกโทรศัพท์หาที่เบอร์ 042207364-6 ต่อ 312, 316, 322 หรือ 02-9510000 ต่อ 98095, 98096 หรืออีเมล rmscudonthani8@gmail.com” นายแพทย์ยงยศ กล่าวทิ้งท้าย


เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กระทรวงสาธารณสุข

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News