Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

สทท.เสนอ ‘เที่ยวคนละครึ่ง’ กระตุ้นท่องเที่ยวไทยหลังน้ำท่วม

สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ เสนอ “เที่ยวคนละครึ่ง” ฟื้นฟูท่องเที่ยวไทยหลังน้ำท่วม

วันที่ 9 ตุลาคม 2567 นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในจังหวัด เชียงใหม่ และ เชียงราย ที่เคยสร้างรายได้ท่องเที่ยวสูงสุดถึง เดือนละ 7,000 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาท ตามลำดับ ส่งผลให้รายได้จากการท่องเที่ยวในภาคเหนือหายไปมากกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นวิกฤติครั้งใหญ่สำหรับการท่องเที่ยวไทยในช่วงปลายปีนี้

เร่งกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ เสนอ “เที่ยวคนละครึ่ง” วงเงิน 5,000 ล้านบาท

เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ นายชำนาญเผยว่า สทท. เตรียมเสนอโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่คาดว่าจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท โดยจะให้สิทธิ์เงินสนับสนุนคนละ 2,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขการเข้าพักในโรงแรมอย่างน้อย 3 วัน 4 คืน มาตรการนี้จะช่วยสร้างความตื่นตัวให้กับคนไทยหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2567 หากไม่มีมาตรการนี้ อาจส่งผลให้รายได้รวมจากการท่องเที่ยวไม่ถึง 900,000 ล้านบาท ตามเป้าที่รัฐบาลตั้งไว้

ภาพลักษณ์เชียงใหม่เสียหายหนัก กระทบการท่องเที่ยวอย่างหนัก

นายพัลลภ แซ่จิว รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุดส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ที่ได้รับความเสียหายหนัก ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติยกเลิกการเดินทาง แม้แต่คนไทยยังเปลี่ยนแผนไปเที่ยวที่อื่น ส่งผลให้รายได้ที่เคยเฉลี่ยอยู่ที่ 6,000 ล้านบาทต่อเดือน ลดเหลือเพียง 200 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งหมายความว่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท ได้เกิดขึ้นภายใน 10 วัน โดยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอย่าง อำเภอแม่แตง และ อำเภอแม่ริม เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ และคาดว่าจะลากยาวอีกอย่างน้อย 15 วัน

ภาคการเกษตรเสียหายหนักถึง 24,553 ล้านบาท

นอกจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว ภาคการเกษตร ยังเป็นอีกภาคส่วนที่ได้รับความเสียหายรุนแรง โดยจากการประเมินพบว่ามูลค่าความเสียหายในภาคเกษตรสูงถึง 24,553 ล้านบาท คิดเป็น 82.3% ของมูลค่าความเสียหายทั้งหมดใน 33 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ รองลงมาคือ ภาคบริการ ที่มีมูลค่าความเสียหาย 5,121 ล้านบาท และ ภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่า 171 ล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 30,000 ล้านบาท

สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดเชียงราย เสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท

สำหรับจังหวัดที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 6,412 ล้านบาท รองลงมาคือ จังหวัดพะเยา และ จังหวัดสุโขทัย ขณะที่จังหวัด เชียงใหม่ มีความเสียหายประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง เนื่องจากยังคงมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ซึ่งทำให้การฟื้นฟูต้องใช้เวลาและงบประมาณเพิ่มเติม

ข้อเสนอแนะเพื่อการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในระยะยาว

นอกจากมาตรการระยะสั้นอย่าง “เที่ยวคนละครึ่ง” นายชำนาญยังเสนอแนวทางการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในระยะกลางและยาว โดยเน้นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยวผ่านการตั้ง คณะกรรมการพัฒนาสินค้าท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาความปลอดภัย ความยั่งยืน และการสร้างเรื่องราว (Storytelling) ให้กับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ รวมถึงการเสริมความแข็งแกร่งให้กับสินค้าและบริการในภาคท่องเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่และเพิ่มความหลากหลายในการท่องเที่ยวไทย

ภาพรวมเศรษฐกิจท่องเที่ยวปี 2567 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้า

สำหรับภาพรวมรายได้จากการท่องเที่ยวตลอดปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 2.7-2.8 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35.5-36.5 ล้านคน และในปี 2568 สทท. ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.9-3.1 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นระดับสูงสุดใหม่ (New High) จากการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38-40 ล้านคน อย่างไรก็ตาม หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมอาจทำให้เป้าหมายนี้ไม่สามารถบรรลุได้

บทสรุป: สทท. เดินหน้าผลักดัน “เที่ยวคนละครึ่ง” เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว

การเร่งออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดย โครงการเที่ยวคนละครึ่ง คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเดินทางในช่วงปลายปีนี้ หากได้รับการอนุมัติจากภาครัฐ เชื่อว่าคนไทยจะพร้อมใช้สิทธิ์และออกเดินทางไปยังจังหวัดต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยหลังน้ำท่วม

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์ / DoiTung Club

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
ECONOMY

รัฐบาลเดินหน้าฟื้นฟูประเทศ 3 เดือน ลดรายจ่าย กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

 

เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา เสริมขีดความสามารถให้กับประชาชนผ่านการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าในระหว่างที่รัฐบาลกำลังดำเนินการโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ในช่วงไตรมาส 4 โครงการนี้จะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ เพิ่มช่องทางการซื้อขาย ซึ่งเป็นการบรรเทาค่าใช้จ่ายที่ประชาชนจับต้องได้ในช่วงเวลานี้ จัดทำ 3 โครงการร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน


     นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ได้จัดทำโครงการฯ ด้วยแนวความคิดตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือแบ่งเบา ผู้ประกอบการรายเล็ก เติมเงินในกระเป๋าให้กับประชาชน และลดภาระค่าครองชีพครั้งใหญ่ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะขับเคลื่อนโครงการฯ กำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 สิงหาคม – 20 พฤศจิกายน 2567 แบ่งเป็น 3 โครงการ ดังนี้ 


 1. ลดต้นทุนผู้ประกอบการรายเล็ก จะร่วมกับภาครัฐทุกกระทรวง ทำการลดค่าเช่าร้านค้า ค่าเช่าแผงตลาด กว่า 30,000 แผง โดยมีตลาดที่อยู่ในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตลาดในสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่สำคัญ รวมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ เจรจากับกระทรวงมหาดไทยใช้ศาลากลางจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์ประสานงาน มีพาณิชย์จังหวัดขับเคลื่อน และใช้สถานที่ท่องเที่ยว ตลาดใหญ่ ต่างๆ ทั่วประเทศ กระทรวงกลาโหมมีพื้นที่ 3,000 กว่าแห่งที่สามารถเข้าไปใช้ได้ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขายสินค้าเป็นกรณีพิเศษกระทรวงสาธารณสุขจะใช้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ลงพื้นที่ประสานงานท้องที่ และสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีรถธงฟ้า จะส่งเสริมให้ประชาชนขายผ่านรถพุ่มพวง โดยจะส่งสินค้า อาทิ หมู ไก่ น้ำตาล น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน


 2. จัดตลาดนัดพาณิชย์ทั่วประเทศ กำหนดไว้ 4 รูปแบบ คือ 
1) ตลาดพาณิชย์ ให้ผู้ประกอบการรายเล็ก โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 76 จังหวัด จะร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนจัดหาพื้นที่จำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันในราคาถูก อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ทั้ง 76 จังหวัด ระยะเวลา 3 เดือน 
2) ตลาดนัดพาณิชย์บวกการจำหน่ายสินค้าธงฟ้า เพื่อช่วยผู้ประกอบการรายเล็กได้ขายสินค้าและให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าราคาถูก กำหนดจัดในสถานที่ต่าง ๆ เช่น ศาลากลางจังหวัด สถานที่ท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน มหาวิทยาลัย ลานหน้าห้างค้าส่ง-ปลีก ลานหน้าห้างท้องถิ่น หมู่บ้านจัดสรร 
3) ตลาดพาณิชย์ บวกธงฟ้า และหอการค้าแฟร์ จะเป็นงานใหญ่ ลดทั้งจังหวัด 
4) ตลาดพาณิชย์เคลื่อนที่ บวกรถโมบายธงฟ้า จะส่งเข้าถึงพื้นที่ชุมชนห่างไกลทั่วประเทศ


    3. ร่วมมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่ จัดมหกรรมลดราคาสินค้าครั้งใหญ่ ภายใต้ Campaign “ลดกระหน่ำทั้งประเทศ” และในช่วงเทศกาล โดยมีผู้ประกอบการเอกชนพร้อมที่จะเข้าร่วมโครงการส่วนนี้กับรัฐบาล 
ประเมินลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้ 7,000 ล้านบาท


    หลังจากวันที่ 20 สิงหาคม 2567 จะเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ กระทรวงต่างๆ ภาคเอกชนและสมาคมต่างๆ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้า ยูนิลิเวอร์ ไทยเบฟเวอเรจ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยให้ไม่กระทบกับร้านค้ารายย่อย และจะดึงร้านค้ารายย่อยให้มีส่วนร่วมในโครงการฯ “ประเมินขั้นต้นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท จะเป็นพื้นฐานก่อนโครงการดิจิทัลวอลเล็ตออก ให้ประชาชนสามารถเพิ่มการลงทุน ค้าขายได้ทั่วประเทศ ถือเป็นมติให้ดำเนินการและกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานทั้งหมด” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าว

 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News