Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายจัดสัมมนาพัฒนาเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมผลักดัน

เชียงรายขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน รองนายกฯ ร่วมสัมมนาพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อเข้าร่วมการสัมมนาวิชาการภายใต้โครงการ “เสริมสร้างความยั่งยืนของการพัฒนาและนครเชียงรายในอนาคต” ณ โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงราย รีสอร์ท โดยมีผู้ร่วมงานสำคัญ ได้แก่ ร.ต.อ.ธนรัช จงสุทธานามณี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายวันชัย จงสุทธานามณี นายกเทศมนตรีนครเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจในพื้นที่ และสื่อมวลชน

วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการสัมมนา

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนในจังหวัดเชียงราย โดยมุ่งเน้นการสร้างแนวทางพัฒนาที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) และยกระดับจังหวัดเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค

การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

การสัมมนาได้เปิดพื้นที่ให้ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิชาการ และภาคประชาชน ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับศักยภาพของจังหวัดเชียงรายในด้านต่างๆ เช่น

  • การส่งเสริมการท่องเที่ยว
  • การพัฒนาการค้าชายแดน
  • การเชื่อมโยงความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

โดยมีเป้าหมายให้เชียงรายเป็นเมืองต้นแบบที่สมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม พร้อมพัฒนาศักยภาพเขตเศรษฐกิจพิเศษให้รองรับความต้องการของประชาชนในระยะยาว

แผนฟื้นฟูหลังอุทกภัยและการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสภาพพื้นที่ของจังหวัดเชียงรายภายหลังการเกิดอุทกภัยที่ผ่านมา โดยการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทางในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และเสนอแผนงานต่อจังหวัดเชียงรายและรัฐบาล

แนวทางพัฒนานครเชียงรายในอนาคต

การสัมมนาเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาเชียงรายในฐานะเมืองต้นแบบที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาที่สมดุลระหว่างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ

  • การพัฒนาการค้าชายแดนและการเชื่อมโยงในระดับภูมิภาค
  • การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
  • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ข้อเสนอและความร่วมมือ

ข้อเสนอที่ได้จากการสัมมนาจะถูกนำไปพิจารณาและดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายในระยะยาว โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนและการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

การสัมมนาครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการวางแผนพัฒนาเชียงรายให้เติบโตเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่างๆ เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับชาวเชียงราย.

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : เทศบาลนครเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
FOLLOW ME
MOST POPULAR
Categories
AROUND CHIANG RAI NEWS UPDATE

สะพานข้ามแม่น้ำกกแม่จัน-ดอยหลวง คืบหน้า 56% เสร็จเม.ย. 68

กรมทางหลวงชนบทเร่งสร้างสะพานข้ามแม่น้ำกก เชื่อม อ.แม่จัน-อ.ดอยหลวง ร่นระยะทางกว่า 25 กิโลเมตร ยกระดับเศรษฐกิจเชียงราย

กรมทางหลวงชนบท (ทช.) เดินหน้าก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำกก เชื่อมต่อระหว่างอำเภอแม่จันและอำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางของประชาชน ลดต้นทุนการขนส่ง และยกระดับเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยโครงการดังกล่าวได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง ล่าสุดมีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 56 คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2568

ลดระยะทางเดินทาง เพิ่มประสิทธิภาพคมนาคม

นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า สะพานข้ามแม่น้ำกกดังกล่าวเป็นโครงการสำคัญที่ช่วยลดระยะทางการเดินทางจากเดิมกว่า 25 กิโลเมตร ช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมในพื้นที่ โดยจุดเริ่มต้นของโครงการอยู่ที่ถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4004 บริเวณบ้านผ่านศึก หมู่ที่ 10 ตำบลท่าข้าวเปลือก อำเภอแม่จัน และสิ้นสุดที่บ้านวังเขียว หมู่ที่ 8 ตำบลหนองป่าก่อ อำเภอดอยหลวง

รายละเอียดโครงการ

โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำกกประกอบด้วยสะพานคอนกรีตเสริมเหล็กความยาว 160 เมตร ผิวจราจรกว้าง 9 เมตร พร้อมถนนแอสฟัลต์ติกคอนกรีตต่อเชื่อมสะพานความยาว 2,522 เมตร กว้าง 6 เมตร รวมความยาวตลอดโครงการ 2,682 เมตร ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 59.590 ล้านบาท

สะพานนี้ไม่เพียงช่วยให้การเดินทางสะดวกสบายขึ้น แต่ยังเชื่อมต่อถนนสาย ชร.4004 กับถนนหลวงหมายเลข 1271 ทำให้การเดินทางจากชุมชนสู่ท่าเรือเชียงแสนและอำเภอดอยหลวงเป็นไปอย่างรวดเร็ว

ยกระดับเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่

โครงการนี้ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการขนส่งผลผลิตทางการเกษตร เช่น ข้าวเหนียวเขี้ยวงูเชียงราย ข้าวโพด ยางพารา และผลิตภัณฑ์ในชุมชน ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้เกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่

นอกจากนี้ สะพานยังช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเดินทางไปยังสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล วัดพระพุทธบาทผาเรือ และโรงเรียนผ่านศึกสงเคราะห์ 2 ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

แผนงานและความคืบหน้า

ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างคานอัดแรง (I-GIRDER) พื้นสะพาน และถนนเชิงลาด โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2568 เมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ สะพานนี้จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจของประชาชนในอำเภอแม่จันและอำเภอดอยหลวง

ความสำคัญต่อชุมชน

นอกจากช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจแล้ว โครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมความเจริญในพื้นที่ โดยเฉพาะชุมชนริมฝั่งแม่น้ำกก ซึ่งเป็นแหล่งเกษตรกรรมและแหล่งผลิตสินค้าชุมชนที่สำคัญ

กรมทางหลวงชนบทยืนยันว่าจะดำเนินโครงการนี้อย่างเต็มที่เพื่อส่งมอบโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ ช่วยพัฒนาชุมชนและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI SOCIETY & POLITICS

เชียงรายประชุมร่วมฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ กระตุ้นเศรษฐกิจยั่งยืน

การประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูจังหวัดเชียงรายหลังภัยพิบัติ: ร่วมมือสร้างนวัตกรรมเชิงนโยบาย

เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.) ได้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อจัดทำ ข้อเสนอนวัตกรรมเชิงนโยบาย สำหรับฟื้นฟูจังหวัดเชียงรายหลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ โดยการประชุมจัดขึ้นที่ โรงแรมแกรนด์ วิสต้า จ.เชียงราย มี นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน พร้อมด้วย นายดำรงค์ศักดิ์ ยอดทองดี รองผู้ว่าราชการจังหวัด ร่วมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

ความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) ร่วมกับ The Active ภายใต้องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ThaiPBS) และ หอการค้าจังหวัดเชียงราย ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ โดยเน้นการสร้างนวัตกรรมเพื่อการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติภายใต้แนวคิด Build Back Greener Chiang Rai: RESILIENCE DEVELOPMENT WHITE PAPER การประชุมครั้งนี้มุ่งหวังที่จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกโดยใช้แนวทางที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน

ผลกระทบจากอุทกภัยต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน

จากเหตุการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา จังหวัดเชียงราย ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจที่ต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้เกิดความเสียหายทั้งในภาคการค้า การลงทุน ปศุสัตว์ เกษตรกรรม และสุขภาวะของประชาชน ความเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงรายจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้กลับมาเป็น ประตูสู่การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว และโลจิสติกส์ ได้อย่างเต็มศักยภาพโดยเร็วที่สุด

การเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและการฟื้นฟู

ในการประชุมครั้งนี้ นางอทิตาธร วันไชยธนวงศ์ ได้เน้นถึงความสำคัญของการ บูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเสนอให้มีการออกแบบและปรับปรุงผังเมือง การจัดการเส้นทางน้ำ และการดูแลป่าไม้ เพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติในอนาคต

แนวทางการแก้ไขระยะสั้นและระยะยาว

สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น นางอทิตาธรแนะนำให้ใช้แนวทาง Social Impact Tourism หรือ การท่องเที่ยวเพื่อสังคม โดยการเชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมจังหวัดเชียงราย เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนท้องถิ่น

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาว นางอทิตาธรเสนอให้จัดตั้ง ศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSSS) เพื่อให้เกิดความเป็นเอกภาพในการจัดการปัญหาภัยพิบัติและสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

บทบาทของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการฟื้นฟูจังหวัดเชียงราย

การประชุมครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเสนอแนวทางในการฟื้นฟู โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง เช่น การปรับปรุงระบบสื่อสาร การพัฒนาโครงข่ายการคมนาคม และการส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่น

บทสรุป

การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูและพัฒนา จังหวัดเชียงราย ให้กลับมามีศักยภาพอีกครั้ง โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งนี้ นายก อบจ. เชียงรายย้ำว่า การร่วมมือกันของทุกหน่วยงาน จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความยั่งยืนในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : อบจ.เชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานเชียงราย เปิดฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2

เมื่อวันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ อาคารศาลาอเนกประสงค์ วัดป่าหวายขุมเงิน หมู่ 15 ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้มีการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการก่อสร้างศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ซึ่งจัดโดย บริษัท เชียงราย เอเวชั่น โฮลดิ้ง จำกัด ร่วมกับ บริษัท ธารา คอนซัลแตนท์ จำกัด ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.

การเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน

การประชุมครั้งนี้มีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน โดยมีหน่วยงานราชการ ประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่โดยรอบโครงการเข้าร่วมอย่างคับคั่ง รวมถึง นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ผู้แทนจากหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมและอาชีวอนามัย และตัวแทนจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

การชี้แจงข้อมูลโครงการและผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ในที่ประชุม บริษัทที่ปรึกษาได้ชี้แจงรายละเอียดของโครงการ MRO รวมถึงการพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน โดยเน้นไปที่การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการตรวจสอบและติดตามผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจได้ว่าโครงการจะดำเนินไปอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ

ความวิตกกังวลของประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม

ในการประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อโครงการ โดยส่วนใหญ่แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาเรื่องเสียง แรงสั่นสะเทือน การระบายน้ำ และการบริหารจัดการของเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ ศูนย์ซ่อมอากาศยาน นอกจากนี้ ยังมีความห่วงใยเกี่ยวกับผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบ ซึ่งประชาชนหลายคนได้ขอให้มีการปรับปรุงและแก้ไขโครงการให้คำนึงถึงผลกระทบในระยะยาวอย่างจริงจัง

การสร้างความเข้าใจและความร่วมมือในชุมชน

นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการระบายน้ำและมาตรการป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การสร้างความเชื่อมั่นและทัศนคติที่ดีต่อโครงการจะนำไปสู่การพัฒนาโครงการอย่างโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับของชุมชน ทั้งนี้ ทชร. มีแนวทางที่จะปรับปรุงโครงการให้ตอบสนองต่อข้อกังวลและความต้องการของประชาชน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย

ความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาโครงการ MRO นี้ โดยการประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ ทอท. จะนำข้อเสนอแนะและความคิดเห็นของทุกฝ่ายมาพิจารณาเพื่อปรับปรุงโครงการให้เหมาะสมและตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และการพัฒนาทางเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงราย

อนาคตการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน MRO ที่จะเกิดขึ้น ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาที่จะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในท้องถิ่นและสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ การดำเนินโครงการนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค และจะช่วยให้จังหวัดเชียงรายกลายเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

ศูนย์ซ่อมอากาศยานเชียงราย สร้างงานและเสริมเศรษฐกิจภาคเหนือ ครบวงจร

โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานสนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย: โอกาสใหม่ในการสร้างเศรษฐกิจภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 นาวาอากาศตรี สมชนก เทียมเทียบรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ได้เปิดเผยถึงโครงการสำคัญในพื้นที่จังหวัดเชียงราย คือโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO – Maintenance, Repair, and Overhaul) ซึ่งเป็นโครงการร่วมกันระหว่างเชียงรายเอเวชั่นโฮลดิ้ง (CAH) และผู้ผลิตอากาศยานอันดับหนึ่งของจีน คือ AVIC (Aviation Industry Corporation of China) ปัจจุบัน AVIC อยู่ในอันดับที่สามของโลกในอุตสาหกรรมการบิน โดยโครงการนี้ตั้งเป้าหมายเป็นแหล่งซ่อมบำรุงอากาศยานที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียและสร้างงานกว่า 400 อัตราให้กับคนในพื้นที่

รับฟังความคิดเห็นประชาชนชาวเชียงราย

ซึ่งในวันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2567 เวลา 08.30 – 12.00 น. ทางโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) จะมีการให้ประชาชนชาวเชียงรายเข้ามาร่วมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 2 รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ในการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จัดที่อาคารอเนทประสงค์ วัดป่าหวายขุมเงิน หมู่ที่ 15 บ้านป่ากุ๊ก ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สำหรับโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย สำหรับความคืบหน้าของโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน ที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายมีดังนี้ 

  1. แบบการก่อสร้างได้รับการรับรองจากสำนักงานการบินพบเรือนแห่งประเทศไทย “เรียบร้อย”
  2. พื้นที่ก่อสร้างได้รับการถมและบดอัด “เรียบร้อย” ดูจาก Google map จะเห็นพื้นที่สีขาวขนาดใหญ่ด้านทิศเหนือของท่าอากาศยาน
  3. รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะกรรมการกำกับโครงการ PPP ศูนย์ซ่อมอากาศยานที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย “เรียบร้อย”ในปี 2567

ที่ผ่านมานี้ และ การดำเนินการต่อไปก็คือ “การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ”ซึ่งจะทำประชาพิจารณ์ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้“

 

เป้าหมายของโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน

นาวาอากาศตรีสมชนกกล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเหนือ โดยเฉพาะการสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่มีความสามารถในการรับซ่อมเครื่องบินทุกขนาดจากหลากหลายสายการบินทั่วโลก ซึ่งนอกจากจะเป็นโอกาสในการสร้างงานแล้ว ยังจะช่วยเสริมศักยภาพการขนส่งทางอากาศและการเติบโตของธุรกิจการบินในประเทศไทย

โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานนี้จะตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 80 ไร่ในบริเวณทางทิศเหนือของสนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โดยมีการวางแผนก่อสร้างอาคารซ่อมบำรุงเครื่องบินขนาดใหญ่, อาคารสำนักงาน, ศูนย์ฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุง และอาคารที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ รวมถึงยังมีการสร้างโรงเก็บเครื่องบิน (Hangar) ที่สามารถรองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ได้ เช่น โบอิ้ง 737 และแอร์บัส A320 ซึ่งเครื่องบินทั้งสองรุ่นนี้ถือเป็นเครื่องบินโดยสารหลักที่ใช้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การสร้างงานและเสริมศักยภาพช่างซ่อมบำรุง

การสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในครั้งนี้คาดว่าจะสร้างงานในด้านเทคนิค เช่น ช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน, ช่างไฟฟ้า และเจ้าหน้าที่แผนกวิศวกรรม รวมถึงตำแหน่งในด้านการวางแผนการซ่อมบำรุง คาดว่าจำนวนแรงงานที่ต้องการในขั้นต้นจะอยู่ที่ 400 คน โดยทางบริษัทเชียงรายเอเวชั่นโฮลดิ้งได้เตรียมโครงการฝึกอบรมช่างซ่อมบำรุงรุ่นใหม่ที่สามารถปฏิบัติงานในศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานแห่งนี้ได้ โดยผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรและใบอนุญาตที่ได้รับการยอมรับทั้งในระดับประเทศและสากล

นอกจากนี้ การสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานนี้ยังเป็นการเตรียมความพร้อมให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการซ่อมบำรุงเครื่องบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้กับช่างซ่อมบำรุงที่จบการศึกษาใหม่และผู้ที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพให้ได้มีโอกาสพัฒนาทักษะและประสบการณ์ในสาขางานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน

ศูนย์ซ่อมอากาศยานที่เกิดขึ้นจึงเป็นที่สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับจังหวัดเชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง

โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ

จะเป็นแหล่งผลิตทรัพยากรบุคคลในส่วนของช่างซ่อมบำรุงอากาศยานเพราะตามมาตรฐานการบินแล้ว ช่างซ่อมบำรุงอากาศยานจะต้องมีสถานที่ในการปฏิบัติงานเพื่อเก็บประสบการณ์ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสอบ License ช่างซ่อมบำรุงอากาศยานเพราะตามมาตรฐาน ICAO ที่กำหนดใน Annex 1 คนที่จะสอบใบอนุญาตช่างซ่อมบำรุงอากาศยานได้ต้อง

  1. จบหลักสูตรที่ CAA ของรัฐรับรองและทำงานเก็บประสบการณ์ 2 ปีจึงจะสอบบอนุญาตช่างซ่อมบำรุงอากาศยานได้
  2. ถ้าไม่จบหลักสูตรที่ CAA รัฐรับรอง ต้องทำงานเก็บประสบการณ์ 2 ปีจึงจะสอบบอนุญาตช่างซ่อมบำรุงอากาศยานได้

จากมาตรฐานจึงเห็นว่า ศูนย์ซ่อมอากาศยานจึงสำคัญมากในการพัฒนา สร้างบุคลากรด้านช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน ขณะที่ EASA ที่ทางไทยเดินตามก็จะมีรายละเอียดที่มากกว่าและไปในแนวเดียวกันคือ จบหลักสูตรที่ CAAT รับรองและต้องผ่านการทำงานเก็บประสบการณ์

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและการพัฒนาเมืองอากาศยาน (Aerotropolis)

โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองเชียงรายให้เป็นศูนย์กลางอากาศยาน (Aerotropolis) ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ โดยศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานจะเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ผลิตอะไหล่เครื่องบิน, บริษัทโลจิสติกส์ และบริษัทบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากจะเสริมสร้างศักยภาพในการขนส่งอากาศของไทยแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและภูมิภาคโดยรอบ

นอกจากนี้ การที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงรายตั้งอยู่ใกล้กับจีน ทำให้การขนส่งสินค้าและบริการระหว่างประเทศเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) เช่น จีนตอนใต้, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจในระดับภูมิภาค

ข้อสรุป

โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) ที่สนามบินแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ไม่เพียงแต่สร้างงานและเพิ่มศักยภาพให้กับแรงงานในพื้นที่ แต่ยังเปิดโอกาสให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการซ่อมบำรุงอากาศยานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โครงการนี้ยังคาดว่าจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจเชิงบวกในระยะยาว โดยเฉพาะการพัฒนาเมืองเชียงรายให้กลายเป็นเมืองอากาศยานที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาค

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : ทีมข่าวนครเชียงรายนิวส์

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News