Categories
TOP STORIES

ชมกัปตัน ‘จักรี’ ฝนหลวงกล้าหาญ ปลดกระเช้าช่วย ฮ. ดับไฟป่าลำพูน

วินาทีชีวิต! กัปตันจักรีตัดสินใจเฉียบขาด ปลดกระเช้าตักน้ำกู้ภัย ฮ. ฝนหลวง

การตัดสินใจในเสี้ยววินาทีเพื่อรักษาความปลอดภัยและปฏิบัติภารกิจดับไฟป่า

ลำพูน, 7 มีนาคม 2568 – กัปตันจักรี ผู้บังคับอากาศยาน Bell 407 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้รับเสียงชื่นชมจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากตัดสินใจปลดกระเช้าตักน้ำกลางอากาศเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจทำให้เฮลิคอปเตอร์ตกน้ำ ขณะทำภารกิจดับไฟป่าในพื้นที่ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน

เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่เฮลิคอปเตอร์ของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กำลังตักน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่สาร ตำบลศรีบัวบาน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน เพื่อนำไปดับไฟป่าที่กำลังลุกลามในเขตพื้นที่ป่าไม้ของจังหวัดลำพูน แต่ระหว่างที่เครื่องกำลังยกตัวขึ้น ปรากฏว่ากระเช้าตักน้ำได้ไปติดกับอวนดักปลาของชาวบ้าน ทำให้เครื่องไม่สามารถยกตัวขึ้นได้ตามปกติ

ด้วยสถานการณ์ฉุกเฉิน กัปตันจักรีจึงตัดสินใจปลดสายเคเบิลของกระเช้าตักน้ำออกจากตัวเฮลิคอปเตอร์ทันที เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เครื่องเสียการทรงตัวและตกลงไปในน้ำ ซึ่งการตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนี้ช่วยป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้

แผนการกู้คืนกระเช้าตักน้ำจากอ่างเก็บน้ำแม่สาร

ภายหลังจากเฮลิคอปเตอร์สามารถยกตัวขึ้นได้อย่างปลอดภัย ทางหน่วยกู้ภัยและนักประดาน้ำจาก หน่วยกู้ภัยภาค 5 กู้ภัยเพชรเกษม กู้ภัยอมรินทร์ใต้ ลำพูน และทีมเทวฤทธิ์ ได้รับการประสานให้งมค้นหากระเช้าตักน้ำที่จมอยู่ในอ่างเก็บน้ำแม่สาร ซึ่งมีความลึกประมาณ 10 เมตร การค้นหาดำเนินไปอย่างระมัดระวังจนกระทั่งสามารถนำกระเช้าตักน้ำขึ้นมาได้สำเร็จ

เสียงชื่นชมและความสำคัญของภารกิจดับไฟป่า

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดับไฟป่าและการปฏิบัติภารกิจทางอากาศ เนื่องจากนักบินที่ทำภารกิจเหล่านี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน พื้นที่ปฏิบัติการที่เป็นภูเขาสูง และความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวินาที

กัปตันจักรี ได้แสดงให้เห็นถึง ความกล้าหาญและสติปัญญาในการตัดสินใจที่แม่นยำ เพื่อรักษาความปลอดภัยของตนเอง ทีมงาน และอากาศยาน รวมถึงป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชนและทรัพย์สินในพื้นที่

ไฟป่าในลำพูน: สถานการณ์และความเสียหาย

ปัญหาไฟป่าในจังหวัดลำพูน โดยเฉพาะในเขตอำเภอแม่ทา เป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นทุกปี ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษพบว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ลำพูนเพิ่มขึ้นเกินค่ามาตรฐานในช่วงเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นผลมาจากการเผาป่าและการลุกลามของไฟป่า

จากสถิติของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในปี 2567 พบว่า ไฟป่าในภาคเหนือมีพื้นที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 1.2 ล้านไร่ และมีจุดความร้อน (Hotspot) มากกว่า 10,000 จุด โดยเฉพาะในจังหวัดลำพูน เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติอยู่เป็นจำนวนมาก

การสนับสนุนจากภาครัฐและแนวทางแก้ไขปัญหาไฟป่า

รัฐบาลไทยได้ประกาศมาตรการเร่งด่วนในการควบคุมไฟป่า โดยมีการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและโดรนในการเฝ้าระวัง รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อลดการเผาป่า นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ให้สามารถดำเนินภารกิจดับไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากนี้ ประชาชนและอาสาสมัครในพื้นที่ยังมีบทบาทสำคัญในการป้องกันไฟป่า โดยการแจ้งเตือนจุดเกิดเหตุไฟป่า และร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดับไฟ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง

มุมมองของประชาชนต่อภารกิจเสี่ยงอันตรายของนักบิน

ประชาชนทั่วไปต่างแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจทีมงานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รวมถึงหน่วยดับไฟป่าที่ทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและความปลอดภัยของชุมชน

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ ความเสี่ยงของนักบินและเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ที่ต้องปฏิบัติภารกิจในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย บางฝ่ายเสนอให้มีการปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย และเพิ่มงบประมาณในการจัดหาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเพื่อสนับสนุนภารกิจเหล่านี้ เช่น การใช้เครื่องบินดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือการใช้ระบบเติมน้ำอัตโนมัติที่ลดความเสี่ยงของนักบิน

สรุป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกัปตันจักรีและเฮลิคอปเตอร์ Bell 407 สะท้อนให้เห็นถึง ความเสียสละและความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและความปลอดภัยของประชาชน แม้ว่าภารกิจดับไฟป่าจะเต็มไปด้วยความท้าทายและอันตราย แต่ก็เป็นหน้าที่สำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

จากกรณีนี้ ยังเป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับ ความสำคัญของการเตรียมความพร้อมและมาตรการความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจทางอากาศ ซึ่งควรได้รับการพัฒนาและสนับสนุนให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรับมือกับปัญหาไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS UPDATE

“พัชรวาท” สั่ง ปิดป่า – ยกระดับคุมจุดความร้อน 17 จังหวัดภาคเหนือ

 

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2567  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุม ผ่านระบบ VDO Conference ติดตามการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับ 17 จังหวัดภาคเหนือ สั่งการยกระดับมาตรการที่เข้มงวด ปรับรูปแบบ การจัดกำลังดับไฟป่า “ปิดป่า” ห้ามบุคคลเข้าพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่สถานการณ์รุนแรง บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานปฏิบัติการด้วยความ “แม่นยำ รวดเร็ว ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ” ประกอบด้วย 6 มาตรการสำคัญ ได้แก่

 

1) ปรับรูปแบบการจัดกำลังดับไฟป่า ด้วยยุทธวิธีผสมผสานทั้งการตรึงพื้นที่ด้วยจุดเฝ้าระวัง โดยให้วอร์รูมบัญชาการชุดปฏิบัติการดับไฟป่าตลอดเวลาที่มีการเข้าพื้นที่
 
2) ติดตามสถานการณ์จุดความร้อน เมื่อพบต้องเร่งเข้าปฏิบัติการควบคุมสถานการณ์โดยทันที แต่ต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ และงดการใช้อาสาสมัครที่ไม่ได้รับการฝึกปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสีย
 
3) สนับสนุนและบูรณาการทำงานอย่างเต็มที่เป็นหนึ่งเดียว กับศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลาง
 
4) “ปิดป่า” ห้ามมิให้บุคคลเข้าไปในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ และป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่สถานการณ์รุนแรง บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างเด็ดขาด ยกระดับการจับกุมดำเนินคดีกับผู้ลักลอบจุดไฟเผาป่า
 
5) พื้นที่เกษตร ต้องติดตามเฝ้าระวังประสานงานกับฝ่ายปกครองอย่างใกล้ชิด เพื่อลดและควบคุมไม่ให้เกิดการเผาและหากเกิดต้องควบคุมให้ได้โดยเร็ว
 
6) สื่อสาร แจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างทั่วถึง ทันท่วงทีเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่รวดเร็ว ถูกต้อง สร้างความรู้ ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ปฏิบัติตนตามคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม
กระทรวงเกษตรฯ สั่งลุยสยบ PM 2.5 เชียงใหม่ ใช้เทคนิคเด็ด “โปรยน้ำและน้ำแข็งแห้ง”
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เผยถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอื่นในภาคเหนือ การปฏิบัติการในครั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ได้ใช้ “เทคนิคลดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำและโปรยน้ำแข็งแห้งเพื่อเป็นการเจาะช่องบรรยากาศให้สามารถระบายฝุ่นละอองขึ้นต่อไปได้ ” สำหรับผลการปฏิบัติในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 4 – 10 มีนาคม 2567 พบว่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก บริเวณ จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ น่าน มีแนวโน้มลดลง
กรมควบคุมโรคแนะ 3 แนวทางคนไทย “รู้-ลด-เลี่ยง” ฝุ่น PM 2.5
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำ 3 แนวทางรับมือและป้องกันฝุ่น PM 2.5 เพื่อให้คนไทยนำไปปรับใช้เพื่อรับมือกับ “ฝุ่น” ที่นับวันก็ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ได้แก่
 
• รู้ : ตรวจสอบสภาพอากาศทุกครั้งก่อนเดินทางออกจากบ้าน ผ่านการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในแอปพลิเคชัน Air4thai และเพจคนรักอนามัย ใส่ใจอากาศ PM 2.5 หรือติดตามข่าวสารตามช่องทางต่าง ๆ ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข
• ลด : การสร้างมลพิษ ลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละออง PM 2.5 เช่น จุดธูป เผากระดาษ
ปิ้งย่างที่ทําให้เกิดควัน การเผาใบไม้ เผาขยะ เผาพืชผลทางการเกษตร เป็นต้น รวมถึงการติดเครื่องยนต์ในบ้านเป็นเวลานาน
• เลี่ยง : หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่ที่มีฝุ่นละอองสูง การอยู่กลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมนอกอาคารเป็นเวลานานในช่วงที่ฝุ่นละออง PM 2.5 มีปริมาณมากกว่า 26 – 37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป โดยปราศจากอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละอองในอากาศ
 
 

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News