Categories
WORLD PULSE

‘ไทย’ มีโอกาสเจอฝนถึงเดือน พ.ย. หลังฟิลิปปินส์-เวียดนามยังมี ‘ลานีญา’

ฤดูฝนหนักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ผลกระทบและการเตรียมพร้อมสำหรับปี 2024

สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเนื่องจากปรากฏการณ์ La Nina (ลานีญา)

สำนักข่าว BLOOMBERG รายงานว่าในปี 2024 นี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเผชิญกับฤดูฝนที่หนักกว่าปกติ เนื่องจากปรากฏการณ์ลานีญา ที่กำลังเกิดขึ้น ส่งผลให้น้ำอุ่นเคลื่อนตัวไปทางมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก และนำมาซึ่งฝนตกหนักมากขึ้นในพื้นที่นี้ พยากรณ์อากาศท้องถิ่นคาดการณ์ว่าฝนจะตกหนักจากฟิลิปปินส์ถึงเวียดนามจนถึงเดือนพฤศจิกายน

ผลกระทบต่อภาคเกษตรและอุตสาหกรรมในเวียดนาม

เวียดนามซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการผลิตอย่างมาก ได้รับผลกระทบหนักจากพายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดที่เคยพัดผ่านประเทศนี้ในรอบหลายสิบปี พายุไต้ฝุ่นยางิทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามต้องสูญเสียไปถึง 40 ล้านล้านดอง (ประมาณ 48.3 พันล้านบาท) จากความเสียหายที่เกิดขึ้นในโรงงานที่น้ำท่วม และการเก็บเกี่ยวข้าวและกาแฟที่เสียหาย

ความเสียหายต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ประเทศไทยซึ่งพึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก กำลังเผชิญกับความเสียหายที่สูงถึง 30 พันล้านบาท จากน้ำท่วมในภาคเหนือ รวมถึงเชียงใหม่ที่ต้องอพยพช้างจำนวนประมาณ 100 ตัวจากศูนย์อนุรักษ์

พายุที่รุนแรงในฟิลิปปินส์

ฟิลิปปินส์ซึ่งมีพายุตกลงมาเฉลี่ยประมาณ 9 ครั้งต่อปี ยังกำลังฟื้นตัวจากพายุที่มีความรุนแรงในเดือนที่ผ่านมา เช่น พายุไต้ฝุ่นยางิในเดือนกันยายน และพายุกระท้อนในเดือนตุลาคม

การพยากรณ์สภาพอากาศและความเสี่ยงในอนาคต

ศูนย์พยากรณ์อากาศเฉพาะทางอาเซียนกล่าวว่าปรากฏการณ์ลานีญา คาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ฝนตกหนักกว่าปกติในหลายประเทศในภูมิภาค สิงคโปร์ได้ออกเตือนภัยน้ำท่วมในวันที่ 14 ตุลาคม เนื่องจากช่วงฤดูระหว่างมรสุมทำให้เกิดฟ้าผ่าและฝนตกหนัก

ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การวิจัยจากนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ทะเลอุ่นขึ้นมีแนวโน้มที่จะเพิ่มโอกาสในการเกิดพายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงขึ้นและใกล้เคียงกับชายฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อมากขึ้น “ไซโคลนเขตร้อนจะมีความรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้น” กล่าวโดย Benjamin Horton กรรมการผู้จัดการ Earth Observatory of Singapore

การเตรียมพร้อมและการป้องกันภัยพิบัติ

ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นของไซโคลนในมหาสมุทรแปซิฟิกทำให้ธุรกิจและรัฐบาลในภูมิภาคที่เสี่ยงต่อสภาพอากาศต้องพิจารณาวิธีใหม่ในการป้องกันภัยจากพายุ “ถ้าพายุไต้ฝุ่นยางิพิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าคุณต้องการป้องกันประเทศและเศรษฐกิจของคุณในอนาคต ไม่มีวิธีที่เป็นจริงจังนอกจากต้องเริ่มดำเนินการทันที” กล่าวโดย Bruno Jaspaert ประธาน EuroCham Vietnam

 
กรณีศึกษาจากอุตสาหกรรมในเวียดนาม

อุตสาหกรรมอัมมาตาซิตี้ หาลงในภาคเหนือของเวียดนามเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงการเตรียมพร้อมสำหรับน้ำท่วม อุทยานอุตสาหกรรมนี้ได้ดำเนินการสำรวจความเสี่ยงจากน้ำท่วมอย่างละเอียดก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างและลงทุนในระบบป้องกันน้ำท่วมที่ทันสมัย แม้พายุไต้ฝุ่นยางิจะทำให้โรงงานบางแห่งได้รับความเสียหายจากลมแรง แต่ “โชคดีที่ไม่เกิดน้ำท่วมภายในอุทยาน” กล่าวโดยผู้ดำเนินการ Amata

อนาคตของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ด้วยการคาดการณ์ว่าลานีญา จะส่งผลให้ฝนตกหนักกว่าปกติต่อเนื่องจนถึงปลายปี 2024 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การลงทุนในระบบป้องกันภัยและการปรับปรุงมาตรฐานการก่อสร้างเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคนี้ในระยะยาว

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : www.straitstimes.com

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
MOST POPULAR
FOLLOW ME
Categories
AROUND CHIANG RAI TOP STORIES

ประชุมสถานการณ์น้ำท่วมเชียงรายถือว่าหนักที่สุดในรอบ 80 ปี

 

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมในเขตชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ “ยางิ” ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 80 ปีในพื้นที่ชายแดน โดยน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ชายแดนแม่สาย รวมถึงพื้นที่ตลาดสายลมจอย และบ้านเรือนประชาชนเป็นบริเวณกว้าง

นายสุทธิพงษ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ได้ประสานงานช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งนำเครื่องมือและยุทโธปกรณ์ช่วยเหลือเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัญหาเรื่องกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากส่งผลให้การเคลื่อนย้ายประชาชนที่ติดค้างตามอาคารต่างๆ เป็นไปอย่างลำบาก แต่จนถึงขณะนี้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยออกจากพื้นที่อันตรายได้แล้วประมาณ 80% โดยประชาชนบางส่วนถูกย้ายไปอยู่ในวัดพรหมวิหาร และโรงแรมต่างๆ ที่ถูกใช้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราว

นอกจากนี้ นายสุทธิพงษ์ยังกล่าวถึงการเตรียมการฟื้นฟูว่า มีการจัดเตรียมอาหารและน้ำดื่มเพียงพอเพื่อแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย โดยเจ้าหน้าที่ได้เร่งเข้าไปช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แม้บางพื้นที่จะยังคงมีน้ำท่วมขังอยู่บ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมเริ่มคลี่คลายเนื่องจากมีฝนตกลงมาน้อยลงและระดับน้ำเริ่มลดลง ทั้งนี้คาดว่าหากไม่มีพายุลูกใหม่เข้ามา ภายใน 5 วันข้างหน้าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ในส่วนของระบบเตือนภัยน้ำท่วม นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอพยพออกจากจุดอันตราย แต่ประชาชนบางส่วนไม่สามารถคาดการณ์ความรุนแรงของน้ำท่วมได้เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมมาแล้วหลายครั้งในปีนี้ แต่ครั้งนี้น้ำมาแรงและพนังกั้นน้ำพังทำให้เกิดผลกระทบมากกว่าครั้งก่อน

ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้ใช้เฮลิคอปเตอร์จำนวน 3 ลำเข้าบินตรวจตราและนำเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วม พร้อมทั้งกำลังดำเนินการฟื้นฟูและซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ รวมถึงการประเมินความเสียหายและเตรียมมาตรการป้องกันน้ำท่วมในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
TOP STORIES

สั่งจับตาพายุโซนร้อน “ตาลิม” เตรียมรับมือร่องมรสุมกำลังแรง-ฝนตกหนัก

 

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง พายุโซน “ตาลิม” (TALIM) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ซึ่งขณะนี้ พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “ตาลิม” (TALIM) แล้ว และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยอย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 18-21 ก.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลให้ในระยะนี้ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และมีน้ำป่าไหลหลาก ดังนี้ ภาคเหนือ บริเวณ จังหวัดเชียงใหม่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และจังหวัดเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดหนองคาย บังกาฬ สกลนคร เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี นครพนม มุกดาหาร ชัยภูมิ อุบลราชธานี นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ ภาคกลาง บริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดสระบุรี ภาคตะวันออก บริเวณจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด

นางสาวรัชดา กล่าวว่า จากการที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.)  ได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำจากฝนคาดการณ์โดยกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) พบว่า พายุโซนร้อน “ตาลิม” และร่องมรสุมกำลังแรง คาดการณ์จะช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศได้กว่า 1,426 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 22 ก.ค. 66 โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้อ่างฯ ขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำน้อย โดยอ่างฯ ขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะมีปริมาณน้ำไหลเข้าสูงสุด ได้แก่ เขื่อนสิรินธร 259 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนวชิราลงกรณ 217 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ 195 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนลำปาว 125 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนภูมิพล 117 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อนวชิราลงกรณในภาคตะวันตก ที่สามารถใช้สนับสนุนน้ำต้นทุนให้แก่พื้นภาคกลางเพื่อใช้สำหรับผลักดันน้ำเค็มและผลิตน้ำประปาได้ ถือเป็นผลดีในการช่วยเหลือพื้นที่ตอนกลางของประเทศที่คาดว่าจะมีฝนตกน้อยจากสภาวะเอลนีโญในปีนี้และเสี่ยงเกิดภัยแล้งมากที่สุด 

“พลเอก ประยุทธ์จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือร่องมรสุมกำลังแรงที่เกิดขึ้นและฝนตกหนัก ทั้งการเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก รวมถึงเตรียมความพร้อมบุคลากร และเครื่องจักรเครื่องมือกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ พร้อมวางแผนเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อเก็บกักไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง  และบูรณาการความพร้อมในด้านต่าง ๆ  รวมทั้งเฝ้าติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด เพื่อปรับแผนการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกพื้นที่เป็นไปได้อย่างทันท่วงที” นางสาวรัชดา กล่าว

 

โดยนางสาวชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ลงนามในประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 10 (196/2566) เรื่อง พายุโซนร้อน “ตาลิม” (TALIM) ระบุว่า.. 

 

เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (17 ก.ค. 2566) พายุโซนร้อนกำลังแรง “ตาลิม” (TALIM) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 18.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.4 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนทางตะวันตกเล็กน้อยด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำและขึ้นฝั่งป ระเทศเวียดนามตอนบน ในช่วงวันที่ 18-19 ก.ค. 66

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 17-20 ก.ค. 66 ร่องมรสุมกำลังแรงจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้

จังหวัดที่คาดว่าจะมี “ฝนตกหนักถึงหนักมาก”บางแห่ง มีดังนี้ วันที่ 17 กรกฎาคม 2566

  • ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน น่าน ตาก และกำแพงเพชร
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดอุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลคร นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลาง: จังหวัดอุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่

ตรัง และสตูล

วันที่ 18 กรกฎาคม 2566

  • ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก และ กำแพงเพชร
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดเลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหารมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลาง:จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต
  • กระบี่ ตรัง และสตูล

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 10 (196/2566) เรื่อง พายุโซนร้อน “ตาลิม” (TALIM)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News