Categories
AROUND CHIANG RAI ECONOMY

เชียงราย-กัวลาลัมเปอร์ บินตรง 4 เดือนผู้โดยสาร เกือบหมื่นคน

เชียงรายดัน “ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง” สู่ศูนย์กลางการบินภูมิภาค เสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยวและการค้าชายแดน

เชียงราย, 4 มีนาคม 2568 – ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) กำลังเดินหน้าขยายศักยภาพสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือตอนบน ล่าสุดเที่ยวบิน กัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย – กัวลาลัมเปอร์ (AK871-872) ซึ่งเป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศเพียงเส้นทางเดียวของสนามบินเชียงรายในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา ได้ทำการบินเที่ยวสุดท้ายเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 หลังจากเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2567 โดยให้บริการนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศ เช่น ไทย มาเลเซีย จีน และอินโดนีเซีย เป็นระยะเวลา 4 เดือน มีผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกเชียงรายรวมเกือบ 10,000 คน

ตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่ เส้นทางบินนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีผู้โดยสารจองเต็มทุกเที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออก สะท้อนถึงความต้องการเส้นทางบินตรงระหว่างเชียงรายกับเมืองหลักในต่างประเทศ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านภาคการท่องเที่ยว การค้า และบริการของจังหวัดเชียงราย

ศักยภาพของท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

นาวาอากาศตรี สมชนก ศรีปัญญา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เปิดเผยว่า ทชร. ซึ่งเป็นท่าอากาศยานระดับภูมิภาค (Regional Airport) พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาคเหนือตอนบน รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต ขับเคลื่อนควบคู่ไปกับจังหวัดเชียงรายตามเจตนารมณ์

สนามบินเป็นกลไกในการผลักดันเศรษฐกิจของจังหวัด”

ปัจจุบัน ทชร.มีความสามารถรองรับผู้โดยสารได้ปีละ 3 ล้านคน และมีศักยภาพก้าวสู่การเป็นท่าอากาศยานที่มีมาตรฐานระดับสากล โดยมีแผนดำเนินการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน รวมถึงพัฒนาพื้นที่ภายในสนามบินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบิน ศูนย์กระจายสินค้าทางอากาศ และโครงการเชื่อมโยงสนามบินกับภูมิภาคจีนตอนใต้และประเทศลุ่มแม่น้ำโขง

เส้นทางบินระหว่างประเทศ กัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย กับโอกาสในอนาคต

สายการบินไทยแอร์เอเชียเตรียมกลับมาเปิดให้บริการเส้นทางบินตรงระหว่าง กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย – เชียงราย อีกครั้งในช่วงฤดูหนาวปลายปี 2568 โดยคาดว่าจะมีให้บริการ 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ (เฉพาะวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์)

เส้นทางบินดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียและนักเดินทางจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และจีนตอนใต้ ที่สามารถเดินทางต่อมายังเชียงรายได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายอย่างมีนัยสำคัญ

แผนการพัฒนาท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย

เพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสารและเส้นทางบินระหว่างประเทศ ทอท. ได้เร่งดำเนินโครงการพัฒนาระยะที่ 1 ของสนามบินเชียงราย ซึ่งประกอบด้วย

  • ก่อสร้างระบบทางขับขนานด้านทิศเหนือ – เปิดให้บริการแล้ว
  • ปรับปรุงพื้นที่หัวทางวิ่งด้าน 03 และ 21 – แล้วเสร็จสมบูรณ์
  • ขยายถนนทางเข้า-ออกสนามบิน – อยู่ระหว่างการลงนามสัญญาของผู้รับจ้าง
  • ก่อสร้างอาคารรับรองบุคคลสำคัญ (VIP/VVIP) – อยู่ระหว่างออกแบบ
  • ก่อสร้างอาคารสำนักงาน ทชร. – อยู่ระหว่างการจัดทำแบบก่อสร้าง
  • ก่อสร้างอาคารดับเพลิง-กู้ภัยท่าอากาศยาน – อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำข้อกำหนดด้านเทคโนโลยี

ศักยภาพของเชียงรายกับบทบาทศูนย์กลางการบินภาคเหนือ

เชียงรายเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงด้านการท่องเที่ยวและการค้าชายแดน โดยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างไทย เมียนมา ลาว และจีน ซึ่งสามารถใช้สนามบินแม่ฟ้าหลวงเป็นศูนย์กลางในการขนส่งสินค้าและการเดินทางระหว่างประเทศ

ข้อดีของการพัฒนาเส้นทางบินเชียงราย – ต่างประเทศ ได้แก่
ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยว – เชียงรายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น วัดร่องขุ่น ดอยตุง และดอยแม่สลอง ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
กระตุ้นการลงทุนและการค้า – เชียงรายเป็นจังหวัดชายแดนที่มีศักยภาพในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
อำนวยความสะดวกให้ประชาชน – เพิ่มตัวเลือกการเดินทางให้ประชาชนเชียงรายและนักธุรกิจที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศโดยตรง

อย่างไรก็ตาม ทชร. ยังคงมีความท้าทายในด้านโครงสร้างพื้นฐานและปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ยังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับสนามบินหลักในภาคเหนือ

ความคิดเห็นจากสองมุมมอง

ฝ่ายที่สนับสนุน เห็นว่าการขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศจะช่วยให้เชียงรายเติบโตเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และการท่องเที่ยว ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และดึงดูดนักลงทุนเข้าสู่จังหวัดมากขึ้น

ฝ่ายที่เห็นว่ามีข้อจำกัด ให้ความเห็นว่า แม้ท่าอากาศยานเชียงรายจะมีศักยภาพสูง แต่ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณเที่ยวบินระหว่างประเทศ หากไม่มีสายการบินให้บริการอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สนามบินเชียงรายไม่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เต็มศักยภาพ

สถิติที่เกี่ยวข้อง

  • จำนวนเที่ยวบินในปี 2567 – เฉลี่ย 34 เที่ยวบินต่อวัน รวม 12,035 เที่ยวบินต่อปี
  • จำนวนผู้โดยสารต่อวัน5,210 คน
  • สายการบินที่ให้บริการในเส้นทางบินภายในประเทศ5 สายการบิน
  • เป้าหมายการรองรับผู้โดยสารในอนาคต3 ล้านคนต่อปี
  • จำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศในฤดูหนาวที่ผ่านมาเกือบ 10,000 คน เดินทางผ่านเส้นทางกัวลาลัมเปอร์ – เชียงราย

บทสรุป

สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงราย กำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภาคเหนือตอนบน โดยมีการขยายโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มเส้นทางบินระหว่างประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายด้านปริมาณเที่ยวบินและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : GATC Thailand / ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.)

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
NEWS NEWS UPDATE

AOT ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบิน อีก 30 บาท เริ่ม 1 เม.ย.2567 นี้

 

เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) AOT หรือ ทอท. จะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges: PSC) หรือค่าธรรมเนียมสนามบิน ทั้ง 6 แห่ง

  • ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700 บาทต่อคน เป็น 730 บาทต่อคน
  • ผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100.บาทต่อคน เป็น 130 บาทต่อคน โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

สาเหตุที่ ทอท.ต้องปรับค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน เนื่องจาก ทอท.ได้นําระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) มาให้บริการตามท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท.ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ด้วยเครื่องมืออุปกรณ์ทันสมัย มีศักยภาพเทียบเท่าระดับสากล

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) (AOT) กล่าวว่า ตามที่ AOT ได้นําระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing Systems: CUPPS) มาให้บริการ ณ ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่

  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 
  • ท่าอากาศยานดอนเมือง
  • ท่าอากาศยานเชียงใหม่ 
  • ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย
  • ท่าอากาศยานภูเก็ต 
  • ท่าอากาศยานหาดใหญ่ 

ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการ และอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ความปลอดภัยในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการการบินพลเรือน ครั้งที่ 6/2564 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ที่ได้กำหนดนโยบายด้านการบินพลเรือนของประเทศในการนำเทคโนโลยีระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) มาใช้ในสนามบินที่ให้บริการแก่สาธารณะ เพื่อพัฒนาการดำเนินการสนามบินสาธารณะให้มีความทันสมัย มีศักยภาพเทียบเท่าระดับสากล 

ปัจจุบันการให้บริการระบบ CUPPS ประกอบด้วย

  1.  บริการตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Terminal Equipment: CUTE) ที่เข้ามาช่วยยกระดับการให้บริการของเคาน์เตอร์เช็กอินเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการบริการบนมาตรฐานเดียวกันกับท่าอากาศยานระดับสากล 
  2. บริการเช็กอินด้วยตัวเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service: CUSS) เพื่ออำนวยความสะดวกผู้โดยสารไม่ต้องรอแถวเช็กอิน อีกทั้งยังสามารถเช็กอินล่วงหน้าเป็นเวลา 6 – 12 ชั่วโมงก่อนเดินทาง (ตามเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน) 
  3. บริการรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD) สำหรับให้ผู้โดยสารสามารถโหลดสัมภาระได้ด้วยตนเอง ซึ่งการนําระบบ CUPPS มาให้บริการส่งผลให้มีต้นทุนอัตราค่าบริการที่เพิ่มขึ้น 

ดังนั้น AOT จะปรับขึ้นค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charges: PSC) สำหรับผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โดยปรับจาก 700 บาทต่อคน เป็น 730 บาทต่อคน และค่า PSC สำหรับผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ปรับจาก 100 บาทต่อคน เป็น 130 บาทต่อคน โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

และได้มีการอัปเดตรายชื่อสายการบินสายการบินที่ผู้โดยสารสามารถเช็คอินด้วยตนเองผ่านระบบเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ และสายการบินที่ผู้โดยสารสามารถโหลดกระเป๋าด้วยตนเอง ผ่านระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยประกอบไปด้วย

.

สายการบินที่ผู้โดยสารสามารถเช็กอินด้วยตนเองผ่านระบบเช็คอินด้วยตนเองอัตโนมัติ 27 สายการบิน

  1. Thai Air Asia
  2. Thai Asia X
  3. Air Canada
  4. Air France
  5. All Nippon Airways
  6. Austrian Airlines
  7. Bangkok Airways
  8. Cathay Pacific Airways
  9. Cebu Pacific Air
  10. China Airlines
  11. Emirates
  12. Eva Airways
  13. Finnair
  14. Japan Airlines
  15. KLM Royal Dutch Airlines
  16. Lufthansa
  17. Malaysia Airlines
  18. Philippine Airlines
  19. Qatar Airways
  20. Scandinavian Airlines
  21. Scoot
  22. Singapore Airlines
  23. Starlux Airlines
  24. Swiss International Airlines
  25. Thai Airways International
  26. Thai Viet Jet Air
  27. Turkish Airlines

.

สายการบินที่ผู้โดยสารสามารถโหลดกระเป๋าด้วยตนเอง ผ่านระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 13 สายการบิน

  1. Thai Air Asia
  2. Thai Asia X
  3. Air France
  4. Austrian Airlines
  5. Bangkok Airways
  6. Emirates
  7. Eva Airways
  8. KLM Royal Dutch Airlines
  9. LUFTHANSA
  10. Qatar Airways
  11. Scoot
  12. SWISS INTERNATIONAL AIRLINES
  13. Thai Airways International

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : Suvarnabhumi Airport / บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) AOT 

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News
Categories
SOCIETY & POLITICS

กรมขนส่งทางบก คาดปีใหม่ 2567 ไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน กลับภูมิลำเนาขนส่งสาธารณะ

 
นายสุรพงษ์ ปิยโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดกิจกรรมรณรงค์อำนวยความสะดวก และความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567  พร้อมเปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567ซึ่งมีวันหยุดยาวต่อเนื่องระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2566 ถึง 1 มกราคม 2567 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะรวม 15,840,000 คน
 
 
แบ่งเป็นระบบสาธารณะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 14.1 ล้านคน และการเดินทางระหว่างจังหวัด 1.8 ล้านคน ซึ่งในส่วนของผู้เดินทาง 100,000 คน  พบว่าในแต่ละปีมีค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตถึง 25 คน ขณะที่กระทรวงคมนาคมตั้งเป้าลดการสูญเสียให้เหลือไม่เกินปีละ 12 คนเพียงเท่านั้น
 
 
การเตรียมการในปีนี้ ได้มีการเตรียมการล่วงหน้ามาก่อนราว 3 เดือน ทั้งการดูเรื่องของรถเชื่อมต่อสถานีกลางบางซื่อและหมอชิต รวมไปถึงการนำรถมาจอดที่สถานีขนส่งเพื่อดูความพร้อม และให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการตกค้างของประชาชน ซึ่งปีนี้จะพยายามบูรณาการร่วมโดยไม่ใช้งบประมาณ และใช้งบการบริหารจัดการร่วมกัน ส่วนเรื่องของตั๋วโดยสารยืนยันว่า วันนี้สามารถจองได้ตลอดไม่มีเต็ม

 

ด้านนาย วิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ที่ผ่านมาดำเนินการประชุมร่วมกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย  สมาคมผู้ประกอบการรถยนต์รถโดยสาร สมาคมผู้ประกอบการขนส่งทั่วไทย และผู้ประกอบการผู้โดยสาร เพื่อที่จะหารือแนวทางร่วมกันในการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยการดูแลการเดินทางของประชาชน

 

ทั้งนี้ กรมขนส่งได้มีการเตรียมรถโดยสารไว้กว่า 4,000 เที่ยว และรถเสริมจำนวน 700 คันต่อวัน รองรับคนกลับวันละ 70,000 คน พร้อมตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียนเฉพาะกิจ และสายด่วน 1584 ที่สถานีขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ พร้อมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน กำกับให้สำนักงานขนส่งทุกแห่ง ดำเนินการตรวจความพร้อมผู้ประกอบการขนส่ง 

 

ทั้งรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศ และสถานประกอบการ ทั้งก่อนและระหว่างเทศกาล  พร้อมวางจุดตรวจความพร้อมรถ และ พนักงานขับรถตามจุดต่างๆ ทั้งที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร 123 แห่ง จุดจอดจำนวน 55 แห่ง จุดตรวจความปลอดภัยจำนวน 15 จุด และจุดเช็คพ้อยจำนวน 28 จุด

เครดิตภาพและข้อมูลจาก : กรมขนส่งทางบก

 
NAKORN CHIANG RAI NEWS TEAM
กองบรรณาธิการ นครเชียงรายนิวส์ – Nakorn Chiang Rai News